เจาะลึก ‘Facing Death By Now’ อัลบั้มเต็มจากไซด์โปรเจกต์ torrayot ของ อู๋ The Yers
- Writer: Montipa Virojpan
- Photo: torrayot Official Fanpage
torrayot งานเพลงของ อู๋—ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์ นำเสนอแนวดนตรีที่เขาชื่นชอบมาเป็นเวลานาน แต่ไม่ได้ถ่ายทอดลงไปในอัลบั้มของ The Yers จากที่เขาทยอยปล่อยซิงเกิ้ลมาให้ผู้ฟังได้ทำความรู้จักกับแนวดนตรี shoegazer, doom metal มากขึ้นอีกนิด เขาก็ได้จังหวะปล่อยอัลบั้มเต็ม Facing Death by Now มาให้พวกเราได้จับจองกัน โดยสามารถ pre-order ได้ถึงเที่ยงคืนวันนี้เป็นวันสุดท้าย หลังจากนั้นก็จะไม่สามารถหาฟังอัลบั้มเต็มนี้ได้ที่ไหน เพราะอู๋ตั้งใจจะไม่ลง streaming
สำหรับใครที่ลังเลอยู่ว่าจะสั่งซื้อ เทป ซีดี แผ่นเสียง Facing Death by Now หรือไม่ เราขอเชิญมารับรู้เบื้องหลังของอัลบั้มนี้กันเพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ
ทำไมโปรเจกต์ torrayot ถึงทำเพลงหนักและฉีกจาก The Yers ขนาดนี้
เพราะว่าเราชอบอะไรแบบนี้มานานมากแล้ว แต่ The Yers มันก็เป็นความชอบของเราอีกฝั่ง แต่พอเราทำไปสักพัก ถ้าเทียบกับคนทำงานมันก็เหมือนงานประจำ มันมีความคาดหวังจากคนอื่น จากค่าย จากแฟนเพลง แล้วทุกอย่างมันเป็น business ขึ้นเรื่อย ๆ พอเราได้โอกาสทำเพลงแบบนี้ เราเลยถอดความคาดหวังนั้นออกทั้งหมด เราไม่อยากทำด้วยโจทย์ของอะไรอีกแล้วยกเว้นตัวเอง
โจทย์ของอู๋ที่ตั้งไว้ให้อัลบั้มนี้คืออะไร
โจทย์มันเยอะมากเลย ไม่สามารถไล่ให้ได้หมด แต่สาเหตุหลัก ๆ ในการทำอัลบั้มนี้คือเรามีความชอบในการทำ side project มาตั้งแต่มัธยมแล้ว ก่อนที่จะเข้าวงการเพลงด้วยซ้ำ
แล้วเราก็อยากทำเพลงเพื่อวงการเลย เรามีศักยภาพมากพอแล้ว มีคนตามมากพอแล้วที่จะทำเพลงทดลองเพื่อให้คนได้รับฟัง อยากให้รู้สึกว่าวงการมีเพลงอะไรแบบนี้อยู่ เพราะเราเชื่อว่าถ้าเราทำอัลบั้มนี้โดยยังไม่มีคนสนใจเราเลย คงเป็นอัลบั้มที่ไม่มีคนฟังแน่นอน
แต่จริง ๆ แล้วมันก็มีคนทำแนวนี้นะ ไม่ใช่ไม่มีเลย เราไม่ใช่คนแรกด้วยซ้ำ แต่คนที่ทำอันนั้นอาจจะไม่ได้มี followers เท่าเรา เราอยากให้มันเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีก คือเราเป็นคนทำ คนจะรู้สึกว่า ‘โอ้ อันนี้ใหม่ว่ะ ไม่เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน’ เราน่าจะเป็นกระบอกเสียงที่ดีให้วงการเพลงแนวนี้
แล้วก็มันมีพวกรายละเอียดปลีกย่อยว่า เราเป็นโปรดิวเซอร์ เราอยากหนีออกจากการทำงานที่คาดหวังกับร้อยล้านวิว หรือจากยอดขายอยู่ได้ เราอยากเล่นเอฟเฟกต์กีตาร์ เราไม่อยากเป็นคนซื้อเอฟเฟกต์กีตาร์แล้วเก็บไว้ที่บ้านเฉย ๆ ไม่อยากเป็น pedal effect collector เราอยากเอาพวกที่ซื้อมายัดลงไปในอัลบั้มนี้จริง ๆ
ที่บอกว่าเป็นการทำเพื่อวงการ ทำยังไงบ้าง
เราพยายามแชร์รสนิยมเราตลอด ผ่านทางอินสตาแกรม ทางการสัมภาษณ์ ทุก ๆ ช่องทาง ว่า input ของอัลบั้มนี้มันมาจากใครบ้าง แล้วก็วงไทยที่เราชอบ ณ ตอนนี้มีวงอะไรบ้าง เราพยายามแชร์ตลอด โดยใช้เพลงเราเป็นตัวนำเสนอก่อนว่า อันนี้คือแนวเพลงแบบนี้
ทำไมถึงอยากทำ side project
เราชอบอัลบั้มของ John Frusciante มือกีตาร์ Red Hot Chili Peppers มาก ๆ ซึ่งเราค้นพบงานดี ๆ ของเขาครั้งแรกประมาณ ม.5 คือเดินเข้าร้านเทปประจำที่แฮปปี้แลนด์ แล้วไปเจอชุดนี้ เราชอบ RHCP เหมือนกันนะ แต่ไม่เคยรู้ว่าเขามีงานเดี่ยว ก็เลยซื้อมาฟัง พอฟังปุ๊บรู้สึกว่าอันนี้มันเป็นโลกของจอห์นที่ไม่มีความเป็น RHCP อยู่เลย แล้วมันเป็นความฝันระยะไกลที่วันนึงเราอยากมีวงดนตรีวงนึงที่คนรู้จัก แล้วพอมีคนรู้จักเราก็อยากจะทำ side project ออกนอกลู่นอกทางจากวงที่เราทำไปเลย มันเป็นความฝันระยะยาวที่เราไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึง
ยากไหมถ้าเราเป็นสมาชิกวง ที่มีเรื่องอยากจะพูด แต่อาจจะไม่มีสกิลมากพอที่จะออกมาทำงานเดี่ยว
ของเราดันง่ายเพราะเราเริ่ม The Yers มาด้วยตัวเองคนเดียว ทุกอย่าง มันดันไม่ใช่วงดนตรีที่เริ่มโดยการที่ทุกคนมาช่วยกัน รวมหัวทำเพลง คิดไลน์พร้อมกัน มันคือการที่ โอเค กูทำอะไรได้ก่อน กูทำเลย อัดก่อน จนเสร็จเป็นเพลงแทบจะสมบูรณ์แล้ว วิธีการทำงานแบบนี้มันเลยทำให้ง่ายและเร็วกว่าเดิมในการทำ torrayot ให้เราสามารถไปได้โดยไม่ต้องถามใครแล้ว
การเปลี่ยนแนวมาทำเพลงแบบนี้ ต้องศึกษาการผสมเสียงเอฟเฟกต์กีตาร์ยังไงบ้าง
มันเหมือนว่าการทำรีเสิร์ชกลายเป็นงานอดิเรกของเราไปแล้ว เราชอบวงนี้ ชอบซาวด์กีตาร์แบบนี้ เขาใช้เอฟเฟกต์ก้อนไหน กีตาร์อะไร ใช้แอมป์อะไรวะ มันเลยไม่ได้รู้สึกยากเย็นเพราะเราสะสมความรู้ตรงนี้มาเรื่อย ๆ อยู่แล้ว
ย้อนไปตอนที่เราทำอัลบั้ม Y เราเป็นมนุษย์ที่ไม่รู้เรื่องเอฟเฟกต์กีตาร์เลย แล้วก็ไม่มีความรู้ในการบันทึกเสียงทั้งนั้น พี่ที่สมอลรูมบอกว่าอันไหนดี ก็ใช้ตามเขา แล้วพออัลบั้มอัดเสร็จ เราเริ่มมาศึกษาเอฟเฟกต์ แล้วเริ่มชอบเรื่อย ๆ ว่า โห บนโลกนี้มีเอฟเฟกต์ที่ทำเสียงนั้น เสียงนี้ได้ด้วย แล้วเราก็เริ่มบ้าเอฟเฟกต์กีตาร์ fuzz หรือเสียงแตกมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่แล้วก็คิดว่าถ้าซื้อ fuzz มา เราจะใส่กับ The Yers ยังไงดีวะ สุดท้ายก็ใส่ไปนะ แต่เรารู้สึกว่ายังไม่สะใจ มันยังไม่สามารถแสดงศักยภาพของ fuzz ออกมาได้ 100% แล้วพอเราชอบเรื่อย ๆ ก็มีความฝันว่าวันนึงอยากมีบอร์ดเอฟเฟกต์ใหญ่ ๆ ที่ไม่ได้ไว้โชว์ใคร แต่เอาไว้ใช้จริง ๆ ในอัลบั้ม หรือเล่นสด
เคยสัมภาษณ์บอล Scrubb เขาเคยบอกว่า fuzz เป็นเอฟเฟกต์ที่ใช้ยาก ยากยังไง
เราว่ามันขึ้นอยู่กับคนครับ ถ้าเกิดว่าพี่บอลจะเอาไปใช้ใน Scrubb มันยากอยู่แล้ว เพราะมันเป็นโทนกีตาร์ที่ค่อนข้างออกมาในเสียงคลีน หรือที่แตกมากที่สุดมันน่าจะเป็น distortion หรือโซโล่บางเพลงอาจจะมี fuzz ด้วย คือมันควบคุมลำบากสำหรับเพลงบางประเภท
แต่ในโปรเจกต์ torrayot เราสนุกกับการได้เล่น fuzz เต็มที่ แล้วเราคอนโทรลมันได้หมดเลย ไม่ใช่ให้มันมาคอนโทรลเรา เอาก้อนนี้มาผสมกับก้อนนี้ แล้วให้เสียงสาดเต็มที่ไปเลย
เราว่าง่าย ๆ เลย ไล่ระดับความแตกของเสียงกีตาร์เป็น clean, overdrive, distortion แล้วก็ fuzz มันอยู่ท้ายสุดของเสียงแตกแล้ว fuzz มันคือการเอาสัญญาณที่แตกกับแตกมาบี้รวมกัน มันอยู่ในแนวเพลงเยอะมาก แต่มือกีตาร์คนไทยไม่ค่อยฮิตเสียง fuzz กัน จริง ๆ มันมีร็อกแทบทุกแขนงมี fuzz หมดเลย ทั้ง shoegaze ลงไปถึง metal
หมดเงินค่าเอฟเฟกต์ที่ใช้ทำอัลบั้มนี้ไปเท่าไหร่
โห เป็นคำถามที่ดี เราเคยนั่งนับทีนึง อยากรู้ว่าโปรเจกต์นี้หมดค่าเอฟเฟกต์ไปเท่าไหร่ เราใช้คำว่า เราสามารถดาวน์รถเก๋งได้หนึ่งคัน (หัวเราะ) รวมกีตาร์ ตู้แอมป์ทุกอย่าง แต่มันเป็นความฝันของเรา เรามองตรงนี้เหมือนกับการที่เราไปซื้อรถสปอร์ต ซื้อนาฬิกา หรือเสื้อผ้าแพง ๆ เราตามแฟชันไม่ทันอยู่แล้ว อันนี้ก็คือความสุขของเรา และเราอยากจะใช้มันจริง ๆ อีกอย่างบ้านเราเป็นห้องอัด ถ้าวันนึงเราไม่ใช้ แต่วางไว้ที่สตูดิโอ เดี๋ยวก็มีคนมาใช้
อ่านเจอมาว่า วงอินดี้ที่ไม่มีทุนอาจตายได้ เพราะลำพังเล่นสดแทบไม่ได้เงิน แล้วยังต้องเอาเงินไปซื้อของ ลงที่ค่ามิกซ์ ค่าอัดเพลง เพื่อให้ได้คุณภาพของโปรดักชันเพลงที่ดีอีก เราจะสามารถแก้ไขหรือช่วยเหลืออะไรได้บ้าง
เราคิดว่า ณ ปัจจุบันจริง ๆ มันมีวิธีอัดเสียงโดยไม่ต้องใช้จำนวนเงินเยอะมากขนาดนี้ เราสามารถหาพันแปดวิธีมาทำเพื่อให้ได้ซาวด์แบบนั้น แต่อย่างเอฟเฟกต์หรืออุปกรณ์ที่เราใช้ เราต้องการนำมันมาแสดงสดด้วย ไม่ได้แค่อัดเสียงอย่างเดียว ก็อาจจะต้องมีทุน
ช่วยอธิบายแนวเพลงที่ทำอยู่ด้วย
อัลบั้มของเรามันรวมหลายอย่าง แต่ก็บอกไม่ถูกว่าจริง ๆ แล้วมันคือแบบไหนบ้าง แต่ความชอบส่วนตัวเราชอบ shoegaze, doom metal, stoner rock เราชอบดนตรี experimental ทั้งหลาย เราเลยจำกัดไม่ได้ว่า torrayot มันคืออันไหนกันแน่ เราเลยเรียกรวม ๆ ว่าเป็นแนวทดลองของเราเอง สุดท้ายพอทุกอย่างปั่นรวมกัน ผ่านโดยคนอย่างเรา มันออกมามีลายเซ็นของเรา บางคนบอกว่า ‘เฮ้ย นึกถึง The Yers ว่ะ’ แต่จริง ๆ เราไม่ได้เอาอิทธิพลจากงานฝั่งไหนมารวมกันเลย (FJZ: เพราะมันเกิดมาจากอู๋เป็นคนเขียนเองทั้งคู่) ถ้าให้มาว่ามันคือแนวอะไรไปเลย มันก็ยาก
Shoegaze มันมาจากคำว่า ‘จ้องรองเท้า’ หมายความว่าคนที่เล่นเพลงแบบนี้จะมีเสียงกีตาร์เป็นพระเอก เสียงจะมาจากก้อนเอฟเฟกต์ที่เกิดการผสมผสานให้เกิดการทดลองเสียง มันมีอาหารหลัก ๆ คือเอฟเฟกต์ fuzz กับ reverb
ตามมาตรฐานหลักสากลโลก หรือแม้กระทั่งมือกีตาร์เมืองไทยหลาย ๆ คน เราเคยดูสัมภาษณ์มือกีตาร์ที่เป็นปรมาจารย์เลย เขาบอกว่า ไม่มีใครบนโลกนี้หรอกที่เอา reverb มาไว้ก่อนหน้าเสียงแตก เขามีแต่เอาไว้หลังเสียงแตกเท่านั้น แต่เขาคงไม่รู้จักแนวดนตรีแบบนี้มาก่อนเขาเลยคิดว่าไม่มีคนทำแบบนั้น ซึ่งอันเนี้ยแหละ เสน่ห์ของ shoegaze คือเอา reverb มาไว้ก่อนหน้าเสียงแตก
Reverb จะทำหน้าที่ทำให้เสียงกีตาร์ของคุณเป็นเสียงสะท้อน จะใหญ่เล็กแล้วแต่ใครชอบ พอมีเสียงสะท้อนแล้วมันผ่านเข้ามาในเอฟเฟกต์เสียงแตก โดยเฉพาะ fuzz ที่เป็นเสียงแตกที่โหดร้ายที่สุด มันก็จะเกิดเป็นความพร่ามัวที่เขาเรียกว่าเป็นกำแพงของเสียง (wall of sound) นี่ก็คือเสน่ห์ของ shoegaze แล้วเวลาคนเล่นเขาก็จะอยู่กับตัวเอง ไม่สนใจอะไร
ส่วน doom metal เรามารู้จักเพราะชอบดนตรี stoner rock, stoner metal มาก วงดนตรีที่เราชอบมากคือ Queens of the Stone Age อันนั้นคือต้นกำเนิดที่ชอบตั้งแต่เด็ก ๆ ที่ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร จนเรามาศึกษาว่าจริง ๆ แล้ว stoner มันมีญาติมิตรมากมาย แล้ว doom metal คือหนึ่งในนั้น ซึ่งทั้ง doom metal, funeral doom, stoner metal อะไรทั้งหลายแหล่มันมีรากมาจาก Black Sabbath การเล่นเสียงกีตาร์ หรือเสียงเบสที่ดรอปสายต่ำมาก ๆ ต่ำจนสายแม่งแกว่ง (หัวเราะ) ฟังแทบไม่รู้เรื่อง บวกกับกีตาร์ที่เป็นเสียงแตก เสียง gain หรือ fuzz อะไรพวกนี้
ถ้าให้เราจำกัดความ doom metal มันคือดนตรีของ Black Sabbath ที่เล่นช้าลงประมาณ 5-6 เท่า แล้วเนื้อหาคือพูดถึงเรื่องความตาย หรือด้านมืดของมนุษย์ หรือเรื่องที่มันออกอากาศบนดินไม่ได้ อย่างริฟกีตาร์เพลง Iron Man ถ้าเอามาเล่นให้ช้าลงอะไรแบบนั้น
อัลบั้มชื่อ Facing Death by Now ก็มาจากส่วนนึงของเนื้อหาเพลงประเภทนี้ด้วยหรือเปล่า
ใช่เลยครับ เพราะช่วงที่ทำอัลบั้มนี้เป็นช่วงคาบเกี่ยวของอัลบั้ม Cry ซึ่ง Cry กับ Facing Death by Now แทบจะเป็นเรื่องเดียวกันเลยก็ได้ ช่วงเวลาที่เราเจออะไรแย่ ๆ ตอนนั้น มันหนักมาก แล้วมันถูกเอาไปในเสนอในอัลบั้ม Cry แล้วจุดนึง ซึ่งเรา treat มันเป็นส่วนความทุกข์ของเราที่ย่อยง่าย แต่ความทุกข์ที่ย่อยยาก deep down ไปกว่านั้น เราให้มันอยู่ใน torrayot ช่วงนั้นเราอยู่เหมือนกับคนตาย เรื่องเข้ามาเยอะมากจนเราทนไม่ไหว เปรียบเสมือนว่าเราเผชิญหน้ากับความตายอยู่ทุก ๆ ทาง
แต่เท่าที่ฟัง ถึงจะเป็นดนตรีหนัก ๆ ก็จริง แต่ยังแทรกความป๊อปเข้าไปให้ฟังง่ายขึ้นด้วย ทั้งที่จะกดให้โหดสุดไปเลยก็ได้ อันนี้เป็นความตั้งใจใช่ไหม
อย่างที่บอกเราไม่ได้ชอบความหนักตลอดเวลา แล้วก็ไม่ได้ชอบกีตาร์เสียงคลีนตลอดเวลา เราชอบอะไรแบบคนสมาธิสั้นอะ (หัวเราะ) บางทีเราตื่นมาฟังเพลงฮิปฮอป ก็ไปชอบแบบนั้นอีกละ ตอนเที่ยงไปฟังแจ๊ส ก็ชอบอีกละ
แล้วอัลบั้มนี้มันรวมความชอบของเราไว้ทุกอย่าง ต้นเพลงอยากฟังเสียงแตกไปเลย พอถึงครึ่งเพลงก็ทำเสียงคลีนไปจนจบเลย อะไรแบบนั้น (FJZ: ฟังจากในซิงเกิ้ลที่ปล่อย แล้วมาฟังเพลงทั้งหมดในอัลบั้ม รู้สึกว่าเหมือนหลอกให้คนฟังตายใจ แล้วมาปล่อยระเบิดในนี้) (หัวเราะ) นั่นคือความต้องการเลยครับ
Track by Track
อย่างที่เธอต้องการ
ดนตรีมันก็คือเราใช้ริฟฟ์กีตาร์ที่เป็นริฟฟ์ของพวก stoner metal เลย ใครเคยฟังวงเก่าของ Josh Homme นักร้องนำ Queens of the Stone Age ที่ชื่อ Kyuss อันนี้เป็นวงแรกของเขา เราชอบวิธีการเล่นริฟฟ์ต่ำ ๆ ง่าย ๆ มาก แล้วเราอยากจะมีริฟฟ์แบบนั้นอยู่ในเพลงเราบ้าง พอเราเล่นไปสักพัก ก็อยากกลับมาเล่นอะไรที่ป๊อปใส ๆ บ้าง เป็นการเล่นสลับกันของมู้ดเพลงไปเรื่อย ๆ ท่อนหลังเราไปเจอเอฟเฟกต์กีตาร์ที่เราอยากได้มาก ๆ คือเอฟเฟกต์ที่เป็นเสียง fuzz ด้วย และเป็นเสียงซินธิไซเซอร์ด้วย เอามันมายัดลงในเพลงโดยการบิดให้มันเละเทะ ให้คอมพิวเตอร์พัง เอฟเฟกต์นี้มันชื่อ Data Corrupter อยู่แล้ว เราอยากบิดให้เสียงกีตาร์วุ่นวายที่สุด รวมถึงเสียงเคาะของเหล็ก อะไรที่มันเป็น industrial sound บวกกัน
ส่วนเพลงมันพูดถึงเวลาเราทะเลาะกับใคร แล้วทุกคนน่าจะเคยได้ยินประโยคว่า ‘มึงจะไปตายที่ไหนก็ไปเลย’ ซึ่งเราได้ยินบ่อยมาก และถ้ามีคนคิดอย่างนั้นจริง ๆ มันคงเป็นเรื่องที่ดาร์กมาก ๆ เราเลยพูดว่า ตัวละครในเพลงนี้ได้ยินคำนี้มา แล้วก็ โอเค ไม่ช้าหรือเร็วเขาคงหายไปจากโลกนี้อย่างที่เธอต้องการ กูตายจริง ๆ แน่ ๆ จากที่มึงพูดอย่างนั้นกับกูมา
สะกด
เป็นเพลงที่เราอยากให้มันฟังดู shoegaze ที่สุดในอัลบั้ม และด้วยความที่มันเล่นแบบ shoegaze จริง ๆ ก็มีแค่ท่อนเดียว ซาวด์แบบ shoegaze 100% คือ verse 2 อันที่มีคันโยก ตีคอร์ด แต่วิธีเล่นเป็นเมทัล โพสต์ร็อก blackgaze ที่มันปั่นโน้ตเป็น 16 notes อะ เราให้ซาวด์นั้นเป็น fuzz กับ reverb ฟังไม่รู้เรื่อง พร่า ๆ แล้วตอนจบเราอยากเล่นกีตาร์อย่างเดียว ความใฝ่ฝันเราอย่างนึงคือเราอยากเป็นมือกีตาร์ ไม่ได้อยากเป็นนักร้อง ขี้เกียจอยู่กับไมค์ตลอดเวลา เลยทำท่อนให้เราอยู่กับกีตาร์ไปได้เรื่อย ๆ นั่นคือท่อนหลังของเพลง สะกด อยากจ้องรองเท้า
เพลงมันก็พูดถึงการที่เราโดนคนคนนึงทำผิดใส่เรา แต่เรายังหลงเสน่ห์ความผิดนั้นอยู่ หรือเราก็ทำความผิดใส่เขาเหมือนกัน เราก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเดินออกไปไม่ได้ เหมือนอยู่ตรงกลาง กลืนไม่เข้า คายไม่ออก สิ่งที่ทำสรุปมันดีหรือไม่ดีวะ เราแม่งโดนสะกดอยู่
Beads
เรานึกถึงตอนเด็ก ๆ เวลานอน แล้วผ้าห่มไม่ถึงปลายเท้า แล้วรู้สึกว่าจะมีผีมาจับขาเรา เลยจินตนาการว่าถ้าผีมาหาเราตอนกลางคืนจริง ๆ สิ่งแรกที่จะหยิบขึ้นมาคืออะไร เรานึกถึงลูกประคำ นึกขึ้นได้ตอนเราขับรถ ก่อนที่เราจะเข้าอิสลาม เราจะมีลูกประคำพระให้มา แล้วเรามอง เออว่ะ ทุกวันนี้ยังมีคนใช้ลูกประคำกี่คนวะ แล้วพอเราเข้าอิสลามเราก็เพิ่งรู้ว่า จริง ๆ มันเป็นสิ่งที่คนอิสลามใช้นับหลังจากละหมาดเสร็จ เพื่อเป็นสมาธิในการท่อง เพลงนี้ก็พูดถึงลูกประคำที่มันมีพระอยู่ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ มีไว้เพื่อป้องกันผีที่จะมาทำร้ายเราตอนกลางคืน
Mendacious Life
เราพูดถึงผู้หญิงคนนึงที่เจอแล้วไม่ชอบเขามาก ๆ ไม่ได้สนิทกัน แต่ความที่เราเจอสายตาที่ดูออกว่าเป็นสายตาที่รังเกียจ และไม่เคารพกัน เราเลยอยากจะเขียนเพลงเหมือนสร้างหนังมาเรื่องนึง ผู้หญิงคนนี้เป็นนางเอก ใช้ชีวิตมีความสุขมาก ไม่มีอะไรเดือดร้อนใจในชีวิตอีกต่อไปแล้ว แต่หารู้ไม่คือกูอะ วางแผนที่จะฆ่ามึงในคืนนี้ จะถลกไส้ ถลกพุงมึงออกมา แล้วเอามาให้ปีศาจแดก เอากระดูกไปปั่นเป็นน้ำให้มึงแดกเอง มันเป็นเนื้อหาเมทัล 100% โหดร้ายมาก ๆ แต่เราอยากเล่าในดนตรีที่เป็นร็อกสดใส ฟังง่ายมากในช่วงแรก ริฟฟ์แทบจะเป็นป๊อปอยู่แล้ว แต่ตอนท้ายคือ doom metal เลย ถ้าอยากรู้ลองไปฟังดู อันนี้เป็นผู้หญิงคนละคนกับที่เขียนในชุด Cry นะครับ (หัวเราะ)
เหนือเวลา
เพลงช้าที่สุดในอัลบั้ม ไม่มีเครื่องดนตรีอื่นนอกจากกีตาร์กับร้อง พูดถึงความตาย จุดที่ดาร์กที่สุดคือเหมือนเราตายไปแล้ว ถ้าวันนึงเราตายไปจริง ๆ สิ่งที่เราทำได้คืออะไร ก็คือทำอะไรไม่ได้แล้ว อยู่บนฟ้า ส่งรอยยิ้มลงไปให้คนข้างล่าง โดยที่เขาจะรับรู้หรือไม่ เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้ก็คือส่งรอยยิ้มมาอย่างเดียว
จริง ๆ เพลงมันพูดถึงว่า ในขณะที่กูมีลมหายใจอยู่ในโลกนี้ ก็ไม่มีใครสนใจอะไรกูนี่หว่า เพราะฉะนั้นการที่กูจากไปก็คงไม่มีผลกระทบกับชีวิตใครทั้งนั้นแหละมั้ง
Disdain
แปลว่า ดูถูก เหยียดหยาม เราแต่งเพลงนี้ช่วงที่แฟนเราโดนคนคนนึงดูถูกมาก ๆ เราโกรธแทน ไม่รู้จะทำยังไง เลยเขียนเพลงนี้ให้ เพลงมันพูดถึงสิ่งที่ฉันพยายามจะทำดีกับเธอ มีเซอร์ไพรส์ให้ หรือมอบความหวังดีให้ เธอเอามันไปดูถูกหมดเลย สิ่งที่กูทำเป็นเรื่องเลวไปเสียอย่างนั้น เราก็เปรียบว่าเราตรอมใจ เหมือนอยู่ในช่วงจำศีล แต่ไปไม่รอด สุดท้ายก็ยอมรับความตาย
เราว่าดนตรีดาร์กมากที่สุดในอัลบั้ม มันหดหู่ ทั้งริฟฟ์ และวิธีการนำเสนอ ยิ่งช่วงท้ายเพลงคือเละไปเลย แต่เป็นเพลงที่เราชอบมาก มันได้อย่างที่เราต้องการเลย เราเล่นกีตาร์ไปเรื่อย ๆ แล้วเจอริฟฟ์ที่หม่นมาก ทั้งที่ไม่ใช้เสียงแตกเลย เป็นเสียงคลีน แต่โน้ตที่ใช้มันหดหู่ตามที่เราอยากนำเสนอเรื่องนี้
31 ‘Till the End
เพลงนี้เป็นเพลงบรรเลงที่มันค่อย ๆ เติมสีสันดนตรีมากขึ้นเรื่อย ๆ เราอยากทำเพลงบรรเลง แต่เราไม่ได้ตั้งคอนเซ็ปต์หรือช่ือเพลงอะไรหรอก แต่อยากทำให้มันแสบหู ฟังไม่รู้เรื่องมากที่สุดในอัลบั้มนี้ แล้วพอทำเสร็จปั๊บ เรามานั่งคิดดูว่าดนตรีเพลงนี้เหมือนชีวิตเราตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
31 คือเลขอายุตอนที่เราทำเพลงนี้ ไปจนถึงวันที่เราไม่มีชีวิต เราว่าชีวิตเราจะเจออะไรที่ถาโถมเข้ามาเรื่อย ๆ เรื่องไม่ดีจะทับถมเข้ามาเรื่อย ๆ เราทำเพลงนี้เพื่อเตือนสติตัวเองเหมือนกันนะว่า สุดท้ายชีวิตเราจะไม่แฮปปี้ตลอดไปหรอก แต่สุดท้ายตอนจบมันจะมีเสียงวืดดด วาบออกไป
เราว่ามันเป็นการค้นหาเสียง โดยที่เราก็โชคดีเหมือนกันนะที่เราบังเอิญไปหาเสียงคล้าย ๆ น้ำ มันเป็นเสียงซินธิไซเซอร์ที่หาไปเรื่อย ๆ แล้วเจอ แล้วปกอัลบั้มนี้ก็เป็นสะพานที่เห็นน้ำ อีกอย่างนึงถ้าเห็นรูปปก มันเป็นรูปที่เราอยู่บนสะพาน แล้วเราลองมองมาที่น้ำ มันเหมือน Facing Death by Now จริง ๆ
รอยมืดดำ
พูดถึงอดีตแย่ ๆ ที่เรากลับไปลบไม่ได้ ไม่ว่าเราจะใช้ชีวิตยังไง เราก็จะมีเงาตามตัวตลอด แล้วเงาเปรียบเสมือนเวรกรรมที่มันคอยตามเรามา แม้ว่าตอนนี้เราจะทำความดีเพื่อมาถมมันยัง แต่เวลาเรามองไอ้รอยนั้น เราจะเห็นเรื่องแย่ ๆ ที่เราเคยทำไว้ แล้วสุดท้ายเราก็ทำอะไรกับมันไม่ได้หรอก ถ้าเราทนมันไม่ได้เราก็จะต้องเดียวดายอย่างนี้ตลอดไป
เราปล่อยเพลงนี้ไปเป็นซิงเกิ้ลแรก คิดว่าดนตรีของรอยมืดดำมันบอกได้ชัดเจนดีว่ามันมีอะไรที่คุณจะได้เจอในอัลบั้มนี้บ้าง มันมีซาวด์กีตาร์ที่หนักหน่วง มีโซโล่กีตาร์ที่ไม่จบสิ้นซักที มีเสียงกีตาร์คลีน ๆ เพราะ ๆ ให้ฟังด้วย
Facing Death by Now
เราเปรียบเสมือนว่า ณ เวลานั้นเรากำลังเผชิญหน้ากับความตายอยู่ แล้วในเพลงพูดถึงว่าเรามองออกไปข้างนอกแล้วเจอหมอกที่อยู่ในป่า ธรรมชาติ มันเป็นสิ่งที่สวยงามมาก แต่ดัน remind ถึงเรื่องไม่ดีที่มันผ่านมาทั้งหมด แต่มันก็พูดว่าตราบใดที่ฉันยังมีลมหายใจ ยังเดินเหินได้อยู่ มึงทำอะไรกูไม่ได้ จริง ๆ แล้วเนื้อเพลงมันเหมือนการให้กำลังใจตัวเองอยู่
จริง ๆ แล้วมันเป็นวิธีเล่นของสาย doom metal ที่ไม่ได้เล่นเพลงเมทัลอย่างเดียวเลย ถ้าใครเคยฟังผู้หญิงที่เล่นแนวนี้ สายเมทัลแต่ลุค gothic มาก ๆ เขาจะเล่นเสียงคลีนเพราะ ๆ แล้วเสียงกลองหนัก ๆ แล้วเขาจะประสานซาวด์กีตาร์ที่เป็นซาวด์เมทัลแค่นิดเดียว ไม่ได้ตลอด ยกตัวอย่าง Chelsea Wolfe, Emma Ruth Rundle อะไรพวกนี้
หมอกที่เริ่มจางหาย
ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเพลงล้างหูนะ จริง ๆ มันเป็นเพลงแรกที่เสร็จในอัลบั้ม และเป็นช่วงทดลองหาซาวด์ของ torrayot ว่าควรจะเป็นแบบไหน เพลงนี้เป็นเพลงเดียวในอัลบั้มที่ดรอปสายกีตาร์เป็นดรอป D ทั้งอัลบั้มดรอป C หมดเลย แล้วก็เป็นเพลงเดียวที่ไม่มีเสียงแตกเลย เป็นคลีนตลอด
ตอนทำอัลบั้มนี้เราไม่ได้นึกถึงดนตรีสายหนัก สายทดลอง หรือ shoegaze เราดันไปนึกถึงการเล่นกีตาร์สไตล์ Thurston Moore หรือ Kim Gordon ถ้าลองฟังเพลงนี้ดี ๆ คือมันไม่มีกระเดื่อง เรานึกถึงวิธีการเล่นกลองแบบวงดนตรีที่ชื่อ Glasvegas เป็นฟลอร์ทอม สแนร์ ฉาบ แค่นั้นเลยไม่มีอย่างอื่น แล้วตอนแรกเราตั้งใจว่า torrayot จะเป็นวงที่ไม่มีกระเดื่อง พอทำเสร็จเราจะถอดเพลงนี้ออกให้เหลือ 9 เพลง แต่พอมาฟังดูแล้วเนื้อหามันก็อยู่ในอัลบั้มนี้ได้ แล้วก็รู้สึกว่ามันไม่โดดจนรับไม่ได้ขนาดนั้น
ทำอัลบั้มที่พูดถึงแต่ความตาย แล้วเคยนึกถึงห้วงสุดท้ายของชีวิตตัวเองบ้างไหม
ไม่เคยเลยครับ เพราะเรากลายเป็นคนปล่อยวางไปแล้ว พอผ่านช่วงเวลาอย่างนี้มา แล้วเราหลงใหลกับคำสอนของศาสนามากขึ้น เราเลยชิล ๆ กับเรื่องความตายไปแล้ว ก็คือมาได้ทุกเมื่อ ถ้าเราคิดแบบนี้เราจะเริ่มทำความดีให้กับคนอื่น ถ้าเราไม่กลัว และยอมรับมันได้แล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้นก็ส่งยิ้มให้มัน แล้วทำแต่เรื่องดี ๆ ดีกว่า
มีวิธีการเรียงเพลงในอัลบั้มยังไง
มู้ดอย่างเดียว เราไม่สนอย่างอื่นเลย ถ้าดนตรีมันสามารถทำให้เราอยู่กับมันตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้าสังเกต The Yers ทั้ง 3 อัลบั้ม และวงเก่าเราสมัย กรุงเทพมาราธอน เราเป็นคนเรียงเพลงเองหมดเลย เราชอบฟังเพลงเป็นอัลบั้ม แม้ใน steaming เราไม่ชอบ shuffle เราจะอยู่กับมู้ดเพลงตั้งแต่ต้นจนจบ ใส่ใจกับซาวด์ดนตรีอย่างเดียว ไม่ได้ใส่ใจเนื้อหาเลย
จากกรณีดราม่ารีวิวอัลบั้มศิลปินต่างประเทศที่ผ่านมา ทำให้เกิดการถกเถียงกันว่า ‘อะไรคืออัลบั้มที่ดี’ สำหรับอู๋แล้ว อัลบั้มที่ดีต้องเป็นยังไง
อัลบั้มที่ดีคืออัลบั้มที่เราหาข้อดีของมันเจอ หรือเราชอบมันโดยที่ไม่ต้องมีเหตุผลอะไรทั้งนั้น ซึ่งเรามองว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้เกียรติศิลปินที่เขาคัดกรองงานตรงนั้นออกมาแล้ว มันขึ้นอยู่กับว่าชอบหรือไม่ชอบ คำจำกัดความว่าดีหรือไม่ดี มันไม่ได้ อัลบั้มที่เราไม่ชอบมีตั้งเยอะแยะ ไม่ได้สำคัญว่าเราต้องชอบทุกอัลบั้ม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้เกียรติศิลปินคนนั้นที่เขาคัดกรองความคิดมาแล้วว่าสิ่งที่เขานำเสนอมันดี
เคยอ่านเจอว่า shoegaze ไม่ใช่แนวเพลง แต่เป็นสแลงที่เกิดจากนักวิจารณ์ดนตรี ที่ใช้เรียกคนที่เล่นดนตรีประเภทเน้น pedal effects อู๋มีความเห็นยังไง
ถ้าอย่างนั้นเราคงเรียกหลาย ๆ แนวเป็นแนวดนตรีไม่ได้ อย่าง gothic ก็ไม่ใช่แนวเพลง แต่วงดนตรีที่เรียกตัวเองเป็น gothic ก็มีเยอะ มันเหมือนมาจาก subculture อีกที คำว่า alternative มันก็ไม่ใช่แนวเพลง มันแปลว่าทางเลือกเฉย ๆ เราว่า ก็ช่างมัน
ช่วงนี้มีวงไทยที่เล่นแนวใกล้ ๆ กันที่น่าสนใจวงไหนบ้าง
เราชอบ Telever แล้วก็วงเมทัลที่เป็นโพสต์ร็อกด้วย ชื่อ Sinners Turned Saints เป็นช่างทำกีตาร์ของเราเนี่ยแหละ Death of Heather เราก็ชอบ แล้วก็วงเชียงใหม่ Vega
ตอนไปเล่นที่งาน The Year Shoegaze Broke ซีน shoegaze ในไทยจริง ๆ เป็นยังไงบ้าง
ได้ไปร่วม แต่ไม่ได้เล่นครับ ตำรวจลง (หัวเราะ) เราว่ามันเล็กจนใช้คำว่ามีซีนนี้เกิดขึ้นมาไม่ได้ มันเล็กมาก แล้วก็นี่เป็นสิ่งนึงที่เราประชุมกับทีมเล่นสด เทคนิเชียน ผู้จัดการ sound engineer เรา บอกว่าทุกคนที่จ้างโปรเจกต์ torrayot ไปเล่น เขาไม่น่ามีเงินพอ เพราะเวลาไป เครื่องดนตรีเราเต็ม รถตู้เราก็ต้องเช่าเพราะของเราเยอะมาก เราก็จะบอกทีมว่าช่วย ๆ กันหน่อยนะ เราอยากให้วงการนี้เขยิบขึ้นมาอีกสเต็ปนึง อย่างงานนี้ที่เราไม่ได้เล่น เราก็รู้ว่าเขาไม่พอจ่ายทีมงานเราแน่นอน แต่เราตัดสินใจไปเล่น เพราะถ้าไม่ได้เล่นก็เหมือนไม่ได้ช่วยให้วงการนี้เติบโตขึ้นอะ เพราะอย่างน้อยเราดึงคนที่ตามเรา ดึงคนที่ชอบ The Yers มาก่อน ให้มารู้จักกับอะไรแบบนี้ มาเจอโลกเล็ก ๆ ที่เขายังไม่เคยเจอได้
จริง ๆ เราเชื่อว่าการที่ทำให้วงการนี้เขยิบขึ้นมาได้ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณเกือบ 20 ปีที่แล้ว ที่เราชอบดนตรีเมทัลมาก แล้วก็ยังไม่มี Sweet Mullet, Retrospect เรามองว่าการมาของสองวงนี้เป็นส่วนสำคัญมาก ๆ ที่ทำให้เมทัลขึ้นมาได้ แต่เขาก็หาจุดที่ blend กันระหว่างคนฟังกับคนทำได้จนเจอ แต่กลายเป็นว่าสิ่งนึงที่เรารู้สึกว่ายังไม่เกิดในซีนดนตรีประเภทนี้ คือคนทำยังนึกถึงความสะใจของตัวเองอยู่อย่างเดียว แม้กระทั่ง torrayot เองก็ยังทำเพื่อสนองตัวเองอยู่ ถ้ามีฮีโร่ซักคนที่ทำดนตรีแนวนี้ แล้วไปผสมผสานกับนิสัย รสนิยมคนฟัง แล้วสามารถทำออกมาได้ เราว่าซีนมันน่าจะเขยิบขึ้นมาได้ แต่นั่นแหละ คนที่เลือกทำดนตรีแนวนี้คงไม่มานั่งแคร์คนฟัง ก็ทำสะใจตัวเองอยู่แล้วถูกไหม
ทำไมทำแต่ physical ไม่ทำ streaming
เราว่าเพลงเราไม่มีคนฟัง streaming เราค่อนข้างมั่นใจว่าคนฟังเพลงเราน้อยมาก ๆ ทั้ง YouTube และสตรีมมิง คือตั้งแต่วันแรกที่เราปล่อย รอยมืดดำ ไปจนถึงวันนี้ เรารู้สึกว่าค่าลิขสิทธิ์ที่เราได้มาจากสตรีมมิง เรารับรู้ได้เลยว่าไม่มีคนฟัง เราเลยตัดสินใจว่าคนที่อยากฟังอัลบั้มนี้จริง ๆ เขาคงเป็นคนที่ต้องมีสมาธิในการฟังเพลงมาก ๆ อยู่กับตัวเองมาก ๆ แล้วก็ไม่ใช่คนประเภทที่ไม่ชอบฟังเพลงจากสตรีมมิงแน่ ๆ เลย เราเลยตัดสินใจไม่ทำสตรีมมิงครับ เพื่อสร้างคุณค่าให้กับอัลบั้มที่เราจะปล่อยไป ให้ทั้งตัวเราเอง และคนฟัง เราเลยทำ physical อย่างเดียวเพื่อให้รู้สึกว่าอัลบั้มนี้เหมาะสมแก่การครอบครองมัน และฟังมันด้วยสมาธิ และเห็นคุณค่าตัวเพลงจริง ๆ แล้วเราจะได้รู้ด้วยว่ามันจะมีสักกี่คนในประเทศนี้ที่ตั้งใจอยากจะฟังอัลบั้มเราจริง ๆ
เราไม่ได้อยากดังจากโปรเจกต์นี้ การที่เราจำกัดให้คนซื้ออย่างเดียว เราสามารถรู้ได้ว่ามีคนฟังเรากี่คน แล้วการที่เราทำ torrayot เพราะเราอยากสร้างซีนนี้ให้แน่นหนา อบอุ่น กลมเกลียวกัน เราไม่ได้อยากให้เพลงมันกระจายไปหมู่มากจนรู้สึกว่า นี่คือสิ่งที่มึงต้องมาฟังกันนะเว้ย อยากทดลองให้สุดไปเลย
ไม่กลัวว่าแผ่นจะโดนเอาไปปั่นราคาหรอ
เราว่าปั่นไม่ปั่น ช่างแม่ง แก้ปัญหาได้โดยการที่ภายในวันนี้ก็มาสั่งแผ่นกัน มันไม่จำกัดจำนวนแล้ว แล้วเราก็ช่วยกันไม่สนับสนุนคนปั่นแผ่น ด้วยการไม่ต้องซื้อ เพราะเราเชื่อว่าสุดท้ายคนที่ได้ซีดีไป มันสามารถริปลงคอมพิวเตอร์เป็น mp3 แล้วส่งให้เพื่อนฟังได้อยู่แล้ว ก็คือถ้าอยากฟัง ขอเพื่อนดี ๆ ก็ได้ ไม่ต้องไปยอมซื้อราคาแพง ๆ หรอก
ก็เนี่ย วันที่เราเปิดขายก็มีคนปั่นเลยทันที ทั้งที่เรายังไม่ได้ของ ป่านนี้ไอ้นั่นคงโดนหลอกไปแล้ว เทปเนี้ยแค่ 650 บาท มีคนเอาไปขายแล้ว เทปเพิ่งถึงมือเรา ยังไม่ได้จัดส่งเลยนะ
อยากเห็นอะไรในซีนดนตรีต่อจากนี้
อยากเห็นคนทำแบบเราอะ ไม่ใช่แนวเพลงแบบเรานะ หมายถึงศิลปินที่มีชื่อเสียง แล้วก็มีคนติดตามเยอะ ประสบความสำเร็จมากกว่าเรา มาทำอะไรแบบนี้บ้าง เพราะผมเชื่อว่ามีนักร้องที่มีชื่อเสียงหลาย ๆ คนอยากทำอะไรนอกคอกจากวงที่ตัวเองเคยทำ เขาอยากทำ side project ของตัวเองมานานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลหรือข้อจำกัดอะไรหลายอย่างอาจจะทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ เราเสียดาย เราอยากให้คนที่มีคนชื่นชอบตัวเองอยู่แล้ว นำพา follower แฟนเพลงตัวเองไปสู่อะไรใหม่ ๆ นั่นคือสิ่งที่เราคาดหวังมาก ๆ ในโปรเจกต์นี้ รู้สึกว่าถ้าตัวเองเบื่อหน่ายกับงานเพลง อิ่มตัวมาก ๆ ทำมา 20 ปีแล้ว ก็ลองสร้างอะไรที่มันแหวกแนวโดยไม่สนใจใคร บางทีมันอาจจะทำให้วงการเพลงมันพัฒนาขึ้นไปอีกในระดับนึง ทั้งรสนิยมของคนทำ และคนฟัง พอมันมีอะไรที่หลากหลายมากขึ้น ประเทศเราก็จะกลายเป็นประเทศที่เราดูดีมาก ๆ ในสายตาทั่วโลก แนวเพลงนั้นก็มี แนวนี้ก็มี อะไรดี ๆ ในวงการเพลงบ้านเรามันจะมีมากขึ้น ถ้าเราทำอะไรที่มันแตกต่างมาแข่งกันเรื่อย ๆ
เราไม่ได้หมายความว่าประเทศนี้มีเพลงให้เลือกฟังน้อยจัง มันมีเยอะละ แต่ถ้าเป็นไปได้ เราอยากเห็นวงที่อยู่ในระดับเดียวกับ The Yers หรือวงที่เป็น mainstream อยากเห็นเขาออกมาทำอะไร ถ้ามีความชอบส่วนตัวอยู่แล้ว แสดงออกมาในเลยในอีกลู่ทางที่มันทดลองมาก ๆ
เอาจริงตอนเราทำ torrayot เราก็ไม่ได้คาดหวังให้แฟนเพลง The Yers มาชอบ จั่วหัวไว้ตั้งแต่ก่อนปล่อยเพลงแล้วว่า คนฟัง The Yers อาจจะไม่ชอบ torrayot ก็ได้ แต่เราก็ได้แฟนเพลงที่ชอบ The Yers มาชอบ torrayot ก็เยอะพอสมควร เลยรู้สึกว่าอันนี้ success เราสามารถเปิดโลกทรรศน์จากที่เขาชอบฟัง new wave, post punk revival, indie rock, alternative rock มาฟังเพลงที่ทดลองกว่านั้น ได้มารู้จัก stoner metal, shoegaze, post rock, doom metal มันเป็นการ educate คนที่ไม่เคยรู้จักอะไรอย่างนี้มาก่อน
สมมติพี่ตูน Bodyslam ชอบดนตรีแนวไหนสักแนวมาก ๆ ที่ไม่มีใครฟังในประเทศไทย สามารถดึง follower ของเขามาฟังเพลงแบบนั้นได้ จะสามารถยกระดับรสนิยมของคนได้อีกกี่หมื่นกี่พันคนได้ในไม่กี่วัน เรามองว่ามันคงเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ ถ้ามีคนทำ เราไม่ได้บอกว่ารสนิยมของคนส่วนใหญ่ไม่ดี เราจะบอกว่ารสนิยมส่วนใหญ่ของคนไทยมันจำกัดอยู่น้อยเกินไป มันควรจะเปิดกว้างได้มากกว่านี้
คนระดับเมนสตรีมในบ้านเราเขามีความที่แฟนเพลงจะ ‘เฮ้ย ไอดอลกูฟังอะไร ฟังตาม ทำอะไร ทำตาม’ แม้เราจะไม่ได้มีเยอะเท่าคนอื่น แต่เราพยายามแชร์ว่าวันนี้เราฟังเพลงอะไร เราเสพงานใครอยู่ แล้วมันรู้สึกดีมาก ๆ เลยที่ได้รับรู้ว่ามีคนฟังวงนี้ตามเรา อย่างล่าสุดเราไปดู Foals ที่ Moonstar แล้วมีคนวิ่งมาหาเราแต่ไกลเลย บอกว่า ‘พี่อู๋ หวัดดีครับ ผมรู้จัก Foals เพราะพี่เลยนะ’ โห เราแม่งดีใจอะ ที่มึงสามารถรู้จักวงดนตรีดี ๆ ได้เพราะกู เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ควรจะทำ
ฝากถึงอัลบั้ม torrayot หน่อย
วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะได้ pre order อัลบั้ม Facing Death by Now หมดเที่ยงคืนวันนี้ เป็นรอบสุดท้ายจริง ๆ แล้วที่เปิดขาย แล้วใครสั่งมาน่าจะได้ทุกคนเพราะเป็น made to order หลังจากนี้น่าจะหาฟังไม่ได้แล้วเพราะไม่ลง streaming ต้องยืมเพื่อนฟัง ซึ่งเราไม่แนะนำ เพราะเราอยากให้ได้จับต้องมันจริง ๆ และได้ประสบการณ์ในการหยอดแผ่น หยอดเทป วางแผ่นเสียงลงไปจริง ๆ ก็ไป pre order ได้ ดูรายละเอียดในเพจร้านขายแผ่นซีดีทั่วไป หรือว่าเพจ torrayot ก็ได้ครับ
อ่านต่อ
‘คลาย’ ทุกความสงสัยในอัลบั้มอะคูสติกงานแรกของ The Yers ‘Cry’