Article Interview

เสพย์ความดิบแบบอัลเทอร์เนทีฟกรันจ์ในแนวทางของ DOSE

  • Writer: Malin Jairakthongtheaw
  • Photographer: Chavit Mayot

วงอัลเทอร์เนทีฟกรันจ์ขาโหดจากค่าย  Muzik Move Records ในเครือ Muzik Move ที่มาพร้อมซาวด์ดนตรีดิบ ๆ กลิ่นอายวินเทจกับเพลงที่มีเนื้อหากระแทกกระทั้นอย่าง ปลิ้นปล้อน และ ซ้ำซาก  

dose2

สมาชิก
อริญ—อริญชย์ ภาณุเวศย์ (ร้องนำ)
แทน—อติชาต ลี (กีตาร์)
บาส—ศรัญย์ ยิ่งเจริญ (เบส)
หลิว—สาริกข์ หลิวอุดมชัย (กลอง)

จุดเริ่มต้น 

ริน: จุดเริ่มต้นจริง ๆ มาจาก  The Mousses ทำไมถึงออก

บาส: คิดว่าตัวเองหล่อ หล่อพอที่จะออกมาทำวงใหม่ได้ จะขายหน้า

หลิว: โอ้โห ขายหน้าตาเหรอ ไอ้เหี้ย

บาส: ขายขี้หน้าครับ จริง ๆ สาเหตุที่ออกจาก The Mousses คือความชอบของเราอาจจะไม่เหมือนกัน เลยอยากทำอะไรที่น่าจะชอบมากกว่านั้น ไม่ได้หมายความว่าอันเดิมมันไม่ดีนะ เพียงแต่ไม่ชอบมากกว่า เลยออกมาทำกับรินสองคน หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ หาสมาชิก ไปรู้จักแทนก่อน ผ่านการแนะนำของเพื่อนรินอีกทีนึง ไปดูแทนเล่นดนตรีด้วยเลยได้คุยกัน สมาชิกที่ตามมาคือพี่หลิว จริง ๆ เราเคยมีมือกลองนะ ลองหามาก่อนเจอพี่หลิวอีก แต่สุดท้ายก็มาจบที่แก เพราะว่าแกแก่สุด

หลิว: ไอ้สัด มาอย่างดี ปูมาอย่างสวย กูอะเหมือนมีเซ้นส์อะไรบางอย่างว่าต้องลงอันนี้แน่นอนอะ แล้วมันก็ลงจริง ๆ ก่อนหน้านั้นผมเล่นแบคอัพครับ เล่นแบคอัพมาตั้งแต่อายุ 20 กว่า ๆ เลย เล่นตั้งแต่ JR-Voy นานมาก จากนั้นก็มี D2B  พี่บี–พีรพัฒน์ ล่าสุดก็ปาล์มมี่ ผมอยู่กับปาล์มมี่มาประมาณ 6 ปี  แล้วรินก็มาชวน ตอนนั้นตัดสนใจอยู่พักนึง ประมาณครึ่งชั่วโมง โอเคไปก็ได้

ริน: จากที่เล่ามานี่แก่กล้ามาก

หลิว: วิชาเหรอ

ริน: อายุนี่แหละ

หลิว: ไอ้สัด ใช่ครับอายุผมมากที่สุดในวง แต่ว่าดูจากทรงแล้วผมจะวัยรุ่นสุด แทนนี่อายุน้อยสุดแต่แบบชอบทำตัวแก่

arindose

ที่มาของชื่อวง 

บาส: จำไม่ได้เหมือนกัน

หลิว: จำได้! กูจำได้ สมงสมองไปหมดละพวกมึงเนี่ย แล้วบอกว่ากูแก่ คือตอนที่รวมกัน เรื่องชื่อวงเนี่ยมาทีหลังสุดเลยมั้ง เพราะเราทำเพลงกันก่อนไม่ได้คิดอะไรมากมาย  (ริน: ตอนนั้นมีแต่เพลงไม่มีชื่อวง) ใช่ ๆ แล้วเหมือนมีงานให้ไปเล่น ก็เลยต้องคิดชื่อวงกันจริงจังแล้ว ก็ปรึกษากันในแชตกลุ่ม คือวงเรามันจะมีแกนหลักที่ขี้เมา ชอบกินเหล้า ชอบปาร์ตี้ ซึ่งก็คือไอ้ริน เวลาคุยก็จะไปเมาคุยกัน แล้วบาสก็แซวประมาณว่าเมาขนาดนี้ overdose ไปเลยมั้ย ตอนนั้นชอบคำ overdose นะ แต่รู้สึกว่ามันเป็นคำที่ถูกใช้มาเกร่อมาก (บาส: ในแง่ลบด้วย) เรื่องลบเราไม่ค่อยกลัวหรอก เรากลัวเรื่องเกร่อมากกว่า คำนี้เสื้อผ้าก็มี ชื่อกรุ๊ปก็มี มันหาได้ง่าย แต่ชอบคำว่า dose เพราะอยากได้ชื่อวงสั้น ๆ พยางค์เดียว เลยเก็บคำว่า dose ไว้ เออ! แล้วมีใครนะที่ว่าไปดูมงดูหมอมา ที่บอกว่าต้องมีหนึ่งพยางค์

ริน: มันมีคนทักบาสมา !

หลิว: หมอดู ?

ริน: หมอนวดนี่แหละทัก

บาส: ไม่ใช่ ๆ ญาติทักมา แต่ว่าต่อไปอาจจะเปลี่ยนเป็น Dose Thailand คล้าย ๆ กับ X- Japan

ริน: หาสาระไม่ได้เลย

หลิว: นั่นแหละ สรุปมันก็ตกที่คำว่า Dose เพราะไม่มีชื่ออื่นที่เราฟังแล้วรู้สึกชอบไปกว่านี้แล้ว แต่ในเรื่องความหมายของ Dose รินเขาก็คิดมาเหมือนกัน

ริน: คือเรามีเพลงอยู่ก้อนนึง แล้วคนชอบล้อว่าเหมือน overdose อะไรแบบนี้ จริง ๆ Dose มันก็คือยาแหละ เหมือนเราป่วยแล้วไปหาหมอ หมอก็ให้ยามา โดยที่ต้องกินให้ครบนู่นนี่นั่นไม่งั้นจะไม่หาย ก็เหมือนเพลงของเรา เราอยากให้ทุกคนสัมผัสให้ครบทุก dose ก่อนตัดสินพวกเราแค่นั้นเอง แต่อย่างคนก็ชอบล้อว่า overdose อะไรงี้ เราก็เลยคิดว่างั้นมึงก็ฟังเพลงกูให้ overdose ไปเลยละกัน

tandose

แนวเพลง

ริน: แนวเพลงของเราจะเป็นอัลเทอร์เนทีฟกรันจ์ อารมณ์ร็อก 90s อเมริกัน มีความเป็นวินเทจผสมอยู่

หลิว: มีความดิบและความกวนแบบเต็มสูบ

ริน: แก่นหลักของเพลงเราคือเรื่องที่เราจะพูด ทุกอย่างมันจะซับพอร์ตสิ่งที่เราแสดงออกในเพลงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นดนตรี การแสดง ไปจนถึงเสื้อผ้า บางคนเขาอาจจะคิดดนตรีจากเมโลดี้หรือซาวด์ดีไซน์ก่อน แต่เราจะคุยกันว่าจะเล่าถึงอะไรเป็นอันดับแรก แล้วค่อยทำดนตรีให้เป็นแบบนั้น เพลงของ Dose เลยออกมาเป็นกรั้นจ์ร็อกอัลเทอร์เนทีฟ สอดคล้องกับเนื้อหาของเพลง

เพลง ปลิ้นปล้อน

ริน: ผมเขียนถึงคน ๆ นึงครับ ที่ตอนเขาอยู่ในกลุ่มนึงจะพูดแบบนึง แต่พอย้ายไปอีกกลุ่มจะพูดอีกแบบ ย้ายไปอีกกลุ่มก็พูดไม่เหมือนอีกแล้ว ประเด็นคือทุกกลุ่มรู้จักกันหมดด้วย ผมก็เลยเรียกพฤติกรรมแบบนี้ว่าปลิ้นปล้อน แล้วพอเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อย ๆ ก็เลยเขียนเป็นเพลงนี้

เพลง ซ้ำซาก

ริน: ส่วนใหญ่เพลงของ Dose จะเป็นประสบการณ์ตรง คือถ้าไม่ใช่ของผมก็จะเป็นคนในวง หรือไม่ก็คนรอบตัว อันนี้เป็นเรื่องของน้องผู้หญิงคนนึงที่มาปรึกษาเรื่องความรัก ทะเลาะกับแฟน ตบตีกัน แล้วเหมือนเขาทนไม่ไหว อยากเลิก แต่พอผ่านไปไม่นาน มีลงในโซเชียลว่ากลับไปคบกันละ สักพักผ่านไป 5 เดือนโผล่มาอีก เป็นเหมือนเดิม ซ้ำซาก (หลิว: ก็ปัญหาหลักก็คือมึง ที่เขาทะเลาะกันก็น่าจะเป็นเพราะมึง ที่เขาโดนตบโดนตีก็น่าจะเป็นเพราะมึง! ) เขาโดนก่อนนน ก็เป็นแบบนี้อะครับ วนลูปอยู่อย่างนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ซ้ำซาก เลยเอามาเขียน จริง ๆ  เนื้อเพลงนี้ถูกเปลี่ยนมาครั้งหนึ่งนะ ตอนแรกเราเขียนออกแนวให้กำลังใจ ประมาณว่าดึงตัวเองขึ้นมาอยู่กับความจริงสักที ให้เดินหน้าต่อไป แต่พอเราได้ทำงานกับโปรดิวเซอร์ใหม่ ก็ได้เอาเนื้อเพลงมาเคลียร์กันอีกรอบ สรุปก็ตัดตรงที่ให้กำลังใจออกเลย ไปเน้นย้ำซ้ำซากอย่างเดียว เพราะผมคิดว่ามันชัดเจนกว่า คือถ้าเราต้องการบอกคนว่าเรื่องนี้มันซ้ำซากก็ควรจะแค่ซ้ำซาก ให้มันตรงและหนักแน่น ส่วนคนฟังแล้วยังไงเขาก็คงเอาไปคิดต่อเองได้ และเอาเข้าจริงพอย้อนกลับมามันก็ตรงกับเหตุการณ์จริงด้วยนะ น้องคนนี้ทุกวันนี้ก็ยังกลับไปคบ ๆ เลิก ๆ  เหมือนเดิม ยังเป็นลูปนี้อยู่

bassdose

กระแสตอบรับ

ริน: ก็มีแต่คนตกใจนะว่าออกจากวงเก่าทำไม กระแสค่อนข้างดีเหมือนกัน มีคนบอกว่าไม่คิดว่าจะได้ฟังเพลงแบบนี้ ซาวด์แบบนี้อีก ไม่คิดว่าจะมีคนมาทำในยุคนี้ หรือบางคนก็บอกว่าไม่คิดว่าจะได้ฟังอีก คือถ้าจะฟังอย่างนี้ต้องย้อนกลับไปฟังวงเก่า ๆ เอาจริง ๆ บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมกับบาสมาจากวงเก่า

หลิว: สุดท้ายโลกโซเชียลมันก็เหมือนเป็นอะไรที่นานาจิตตัง เราไปยึดติดกับอะไรอย่างนั้นไม่ได้ บางคนก็มาบอกว่ามีกีตาร์เหมือนคนนั้นคนนี้บ้าง บางคนก็มาบอกว่าอยากเห็นพี่ ๆ กลับไปอยู่ The Mousses บางคนบอกเพลงนี้แม่งลอกมานี่หว่า บางคนก็บอก โห นี่คือแบบแสงสว่างแห่งวงการดนตรีอะไรก็ว่าไป มันมีทุกอย่าง จนเรารู้สึกแบบว่าถ้าเกิดเราดูแล้วเอามาใช้ในทางที่มันโอเคก็โอเคนะ แต่ถ้าเอามาบั่นทอนตัวเราหรืออะไรเราว่ามันไม่ควร

คิดอย่างไรที่มีคนบอกว่าเพลงเราคล้าย Y not 7

หลิว: ผมเชื่อว่าดนตรีในโลกนี้มันมีที่มาที่ไป อย่างวงฝรั่งเจ๋ง ๆ เขาก็มีต้นแบบของเขา ผมไม่รู้หรอกนะว่ารินเขาตั้งใจจะทำให้เหมือน Y not 7 เพราะเขาก็ไม่เคยพูดและเราก็ไม่เคยถามกัน แต่ผมเชื่อว่ามันคงจะเป็นสิ่งที่มันติดตัวพวกเรามา ถ้ามันจะเหมือน Y not 7 ผมก็ภูมิใจ แต่พวกผมไม่ได้ตั้งจะให้เหมือน

ริน: หรือถ้าสมมติมีคนใครมาบอกว่าเราเหมือน Metallica ก็ถือว่าเป็นเกียรติมากเลยนะ ผมว่าแบนด์เขาก็ยิ่งใหญ่มาก ส่วนใครจะบอกว่าเหมือนก็เป็นทัศนคติของเขา

หลิว: ก็เอาเป็นว่าเราจะไม่มานั่งแก้ตัว หรือมาบอกว่ามันตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เอาเป็นว่าถ้ามันเหมือนมันก็ดีไม่เป็นไร

คาดหวังกับการกลับมาครั้งนี้ขนาดไหน

หลิว: อย่าเรียกว่าการกลับมา ให้เรียกว่าออกมา

ริน: ที่มาถึงทุกวันนี้มันก็ไกลกว่าที่คาดหวังมาเยอะแล้วครับผม เรียกว่ามีเป้าหมายดีกว่า เราก็ทำงาน พยายามคิดอะไรให้มันไปถึงจุดที่เราอยากไปให้เร็วและได้ดีที่สุด แล้วถ้าสมมติมันไปถึงแล้วเราก็อาจจะมีเป้าหมายใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แล้วก็ไม่ได้ไปกดดันอะไรมันเท่าไหร่

บาส: ตอนนี้ถ้าเอาตัวเองก่อนเลย ผมค่อนข้างมีความสุขกับสอ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ พอเรามีความสุขมันก็จะส่งต่อไปสู่คนฟัง ผมเชื่อว่าคนฟังรู้สึกได้แหละว่าเรามีความสุขในการทำงานชิ้นนี้

lindose

คิดว่าเรา aggressive เหมือนเพลงที่ทำไหม

หลิว: แน่นอน

ริน: เขาอาจจะใช่ แต่ผมแบ๊ว ๆ

แทน: ลึก ๆ แล้วเราอาจจะ aggressive ก็ได้ แต่ว่ามันคือดนตรี มันเป็นลำโพงที่เราสามารถแสดงความรู้สึก จิตใจ ความร้าย บางอย่างของเราออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถแสดงออกในชีวิตจริงได้

หลิว: เฮ้ย แต่เราชอบคำที่แทนพูดมากเลยนะ เพราะว่าเรานึกถึงพี่ต้น Dezember อะ เขาเป็นคน aggressive แล้วเขาทำเพลงและสื่อสารออกมาแบบ aggressive มากด้วย แต่พูดจาสุภาพมาก คือเราจะบอกว่าการแสดงออกกับความคิดของคนมันไม่จำเป็นต้องไปในทิศทางเดียวกัน  โห นี่เวลาไปจีบเด็กมึงใช้คารมแบบนี้ใช่ป่ะ

แทน: ผมไม่ต้องจีบ ผมแค่มองเขาก็มา

หลิว: ไอ้นี่

แรงบันดาลใจที่ทำให้เริ่มเล่นดนตรี

ริน: สิ่งที่ทำให้ผมเริ่มร้องเพลงคือไม่มีใครร้องเพลงที่ผมเขียน ผมก็เลยต้องร้องเอง (หลิว: แต่มันเล่นคีย์บอร์ดมาก่อน) ใช่ อันนี้ต้องขอบคุณแม่ผมที่เคยบังคับให้ไปเรียนตอนสมัยเด็ก ตอนเรียนนี่ไม่ได้ชอบเลย คือถ้ามองอย่างใครอะ นักเปียโนดัง ๆ บางคนที่เขาอาจจะบอกว่ารักและชอบในเปียโน ผมแบบไม่ใช่กูอะ แต่ก็ต้องขอบคุณจริง ๆ  เพราะมันเป็นสิ่งที่เอามาใช้อยู่ทุกวันนี้

แทน: ตั้งแต่เด็ก ๆ เราก็ค้นหาตัวเองมาตลอด ก่อนมาจับกีตาร์ก็ตีกลองมาก่อน แต่ก็เลิกไป เมื่อก่อนโรงเรียนจะมีวงแจ๊ส ก็ไปเล่น เวลาเล่นเรารู้สึกว่ามีตัวตนมากขึ้น คือเด็ก ๆ จะเงียบ ๆ ขี้อาย พอสิ่งนี้มันทำให้เรามีตัวตนก็อยากทำต่อไปเรื่อย ๆ

หลิว: ตอนนั้นอายุ 11 อยากเป็นฮีโร่ของในหมู่เพื่อน เพราะเด็ก ๆ เราเห็นในกีฬาสี รู้สึกว่าคนที่ตีกลองดูเท่อะ ดูเป็นฮีโร่ เราก็เลยบอกพ่ออยากเรียนกลอง แต่เราไม่รู้ว่าไอ้กลองที่จะไปเรียนมันไม่ใช่กลองที่ตีกันในกีฬาสี มันเป็นกลองชุดเลย ตอนไปเห็นกลองชุดก็บอกว่าไม่ใช่อะ ไม่เอาไม่เรียน จะไปเรียนกลองกีฬาสี คือเด็ก ๆ คิดแค่นี้เอง สุดท้ายพ่อก็บอกเรียนเถอะลูก มันเป็นเครื่องสากล พอเรียนไปเรียนมาก็กลายเป็นว่ามันอยู่กับเรามาตลอด ตอนนี้เล่นเครื่องอื่นไม่เป็นเลย เคยพยายามเล่นแล้วก็ไม่ได้เรื่อง

แทน: อยากจะเล่นกีตาร์อีกนะ

ริน: พูดอยู่ทุกวันนี้ยังเสียวอยู่เลย

หลิว: คือฝึกได้เว้ยย

ริน: มึงยังจะฝึกอีก

หลิว: ก็ให้โอกาสกันบ้างสิวะ คือเวลาดูคนเล่นอะคูสติก แล้วต้องตีคาฮอง ตีบองโก้ ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ Dose ถ้าให้เป็นแบบนั้นเราไม่อยากทำอะ แต่ไปเห็นวงอื่นที่มือกลองไปดีดกีตาร์รู้สึกแม่งเท่ว่ะ เพราะดูเล่นได้หลายอย่างดี ตอนนั้นก็อยากเฟี้ยวเลยบอกให้แทนสอนหน่อย ละแม่งบอกว่าผมอะสอนได้ แต่ว่าพี่เล่นเหี้ยผมไม่ให้เล่น แล้วแม่งก็คิดว่าเราเล่นเหี้ยแน่ ๆ สรุปจนถึงตอนนี้ก็ไม่สอนเลยไง

บาส: ส่วนผมเริ่มมาจากการชอบฟังเพลงตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นเราหาฟังเองไม่ได้ก็อาศัยฟังจากพ่อเอา ซึ่งพ่อก็จะชอบฟังเพลงไทย เพลงเพื่อชีวิตอะไรแนวกนี้ พอเราฟังก็ชอบ ฟังเยอะเข้าก็อยากหาอย่างอื่นมาฟัง ฟังไปเรื่อยๆ ก็เริ่มอยากเล่น ช่วงแรกไปร้องเพลงก่อน แต่ว่าไม่ดีก็เลยเลิกไป

img_9239

ปกติฟังเพลงแนวไหน

แทน: แล้วแต่ช่วงอะ ตอนนี้ผมบ้าเร็กเก้อยู่

หลิว :แต่ช่วงนี้คุณบาสบ้าอะไรบอกไปดิ๊

บาส: X-Japan ดูมาแล้วอินมากเลย คือจะบอกว่าจริง ๆ เราเองก็ไม่ทันเขาเพราะว่า  (ริน: มึงอยู่บ้านนอกไง) ตอนนั้นก็เข้ามาแล้ว แต่ว่าสมาชิกในวงตายซะก่อน ก็เลยไม่ไดสนใจ หลังจากดูจบเราก็ไปศึกษาดู หาประวัติความเป็นมา

หลิว: ส่วนผมก็ (ริน: ไม่ค่อยฟังมั้ง มัวแต่แชทหญิง) ก็มีบ้างแชทผู้หญิง ผมโสดไงผมทำได้ ไม่เหมือนคุณ (ริน: ผมก็โสดครับผม) ถ้าเป็นวงใหม่ ๆ ผมไม่ค่อยอัปเดตเท่าไหร่ อาศัยแทนนี่แหละที่จะเป็นคนโยนเพลงมาในกรุ๊ป ผมไม่ค่อยไปเสาะหา ไม่ค่อยขยับ แต่ชอบฟังเก่า ๆ ซ้ำ ๆ  โชคดีที่มีพวกนี้คอยอัปเดตให้ มีพวกนี้คอยเป็นลูกสมุนเป็นทาสเป็นเบ๊

ริน: ผมฟังสะเปะสะปะมากครับ  ฟังหมดเลย อยู่ที่ว่าช่วงไหนจะอินอะไร แต่ว่าพวกแนวอะคูสติกเบา ๆ หรือโพสร็อกลอย ๆ ผมจะไม่ค่อยฟัง อย่างช่วงนี้ผมอิน EDM นะ อินเล็กทรอนิกทุกอย่าง

จะได้ฟังอัลบั้มเต็มเมื่อไหร่

ริน: ได้ฟังแน่นอนครับ เพราะเรากำลังพยายามรีบทำ แต่ด้วยระบบกลไกก็จำเป็นต้องออกมาทีละซิงเกิ้ลก่อน เพราะตอนนี้เรามีค่ายอยู่ ซึ่งอันนี้ผมเรียกว่ามันคือการปรับตัวของศิลปินแหละ แต่ว่าในปีนี้คงจะได้ฟังอีกเพลงแน่ ๆ  แต่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นเพลงใหม่ที่ทำขึ้นมาสด ๆ หรือจะใช้เพลงเก่าที่เคยแต่งไว้ ก็อยากให้รอฟัง

dose3

เร็ว ๆ นี้มีเล่นที่ไหนบ้าง

แทน: หลังสงกานต์นี้ครับ จะเป็นต่างจังหวัดซะเยอะ เป็นช่วงภาคใต้ แถวสุราษฎร์ธานี ภูเก็ต หาดใหญ่

หลิว: นอกจากนี้ยังจะมีแพลนไปทัวร์กับวง Zeal  ซึ่งอันนี้เป็นโปรเจกต์ของสิงห์ คือถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้ไปดูสองแบบ ไปเชียร์ Zeal ด้วย วงพี่เราเอง

ฝากผลงาน

แทน: เรามีเฟซบุ๊กกับไอจีชื่อว่า wearedose จะคอยอัพเดตงานแล้วก็รูปถ่ายต่าง ๆ

ริน: ถ้าใครอยากจะส่งเพลงนี้เป็นของขวัญให้ใคร จะเอาเป็นเสียงรอสายหรือริงโทนก็กดเข้าไปก็สามารถกดไปที่ *492222888 ที่ได้เลยครับ

หลิว: ส่งไปด่า ส่งไปสาปแช่ง บอกว่าปลิ้นปล้อน ซ้ำซากก็ได้

บาส: สำหรับคนที่ฟังแล้วชอบก็ช่วยกดแชร์กดไลค์ด้วยนะครับ หรือแสดงออกให้เรารู้ว่าชอบเราจะได้มีกำลังใจในการทำเพลงต่อไปครับ

 

Facebook Comments

Next:


Malin

'อั๊วเป็งคงจีงที่มาหากิงอยู่ในเมืองไทย' อยู่เชียงใหม่ ทำเซรามิก ชอบเหล้าบ๊วย และพูดไทยชัด