‘ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำอยู่เสมอ’ คุยกับ Death Of A Salesman และการกลับมาของพวกเขาในปี 2021
- Writer: Donratcharat Phromsoonthornsakul
- Visual Designer: Sirikorn Pornanong
Death Of A Salesman คู่หูในตำนานที่สร้างปรากฎการณ์เพลงมาก่อนกาลไปกับอัลบัมที่ชื่อเดียวกันกับวง “Death Of A Salesman” เมื่อปี 2002 และในปีนี้พวกเขากลับมากับ “ขโมย” เพลงที่พร้อมจะขโมยใจเราทันทีเมื่อได้ฟัง ทุกความคิดถึงที่มีต่อพวกเขาก็จะหายในฉับพลัน พร้อมตกหลุมรักซาวด์ที่คุ้นเคยจากเขาดังเดิม วันนี้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับพวกเขาอีกครั้ง
Death Of A Salesman กับความรู้สึกหลังการกลับมาในรอบเกือบ 19 ปี
ปริญญ์: ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยครับ แต่ก็แอบดีใจบ้างตามประสามนุษย์ปุถุชนคนนึงครับ เมื่อเพลงออกมาแล้วพบว่า ก็พอจะยังมีคนฟังและบอกว่าชอบอยู่บ้างครับ
กระชาย: รู้สึกขอบคุณที่มีคนคอยฟังและนึกถึงเพลงเราครับ รู้สึกแปลกใจที่มีคนหลาย ๆ ช่วงอายุเพิ่มขึ้นด้วย
ตลอดเวลาที่หายไป มีแฟนเพลงตามกลับมาให้ทำเพลงบ้างรึเปล่า
ปริญญ์: มีเรื่อย ๆ ครับ ก็มีคนถามอยู่เรื่อย ๆ ครับในระยะเวลาเกือบ 19 ปีที่ผ่านมาครับ
กระชาย: มีเหมือนเป็นคำมาตรฐานเวลาทักครั้งแรกครับ เฮ้ ! ไม่ทำเพลงแล้วเหรอ
วงการดนตรีเมื่อ 19 ปีที่แล้ว กับปัจจุบันในมุมมองของปริญญ์และกระชาย
ปริญญ์: คิดว่ามีเสน่ห์ที่ต่างกันครับ ในแต่ละยุคเลยไม่รู้จะเปรียบเทียบยังไง และไม่สามารถบอกได้ว่ายุคไหนดีกว่ากันครับ สิ่งที่ต่างชัดเจนก็คือ ทุกวันนี้คนทำดนตรีมีความเท่าเทียมมากขึ้นครับ คือทุกคนมีสิทธิ์ประสบความสำเร็จได้เท่ากันหมด ไม่มีช่องว่างของอำนาจในการเข้าถึงสื่อที่ต่างกันแล้ว และผมคิดว่าในยุคนี้ ความสำเร็จจะเป็นของคนขยันครับ คือทำแล้วไม่ดัง ทำแล้วไม่โดน ทุกคนมีสิทธิ์ทำอีกเรื่อย ๆ ไม่จำกัด เพราะต้นทุนการทำเพลงมันไม่เท่ายุคที่แล้ว ต้นทุนมีเพียงความท้อ, ความอาย, ego , แล้วก็เหงื่อครับ ถ้าใครไม่เหนื่อย แล้วสู้ไม่เลิก ผมว่าทุกคนมีสิทธิ์อยู่ได้เพราะดนตรีครับในยุคนี้ ขอแค่ทำโดยไม่หยุด จนเจอเพลงเปลี่ยนชีวิต ซึ่งผมว่านี่คือความสวยงามที่สุดของยุคนี้ครับ
แล้วช่วงที่หายไป ไปทำอะไรกันมาบ้าง
ปริญญ์: ทำงานกันตามปกติชีวิตครับ
กระชาย: จริง ๆ แล้วเราไม่ใช้เวลากับการทำเพลงครับ ช่วงหลัง ๆ เราต่างใช้ชีวิตในด้านอื่นสะเยอะด้วยครับ แต่ว่าแน่นอนดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำอยู่เสมอ ไม่ว่าจะฟัง หรือบางครั้งก็มี เนื้อหา เมโลดี้ ทำนอง ให้เข้ามาอยู่ตลอด เรากลับรู้สึกดีกว่านะ คือพอได้ไปใช้ชีวิตด้านอื่น ๆ แล้วมันเหมือนมีเรื่องให้บันทึกมาเขียนเพลงมากขึ้น
เพราะเหตุผลใดถึงหวนกลับคืนมาสู่วงการดนตรีอีกครั้ง
ปริญญ์: ไม่รู้เลยครับ
กระชาย: บังเอิญว่าเมื่อช่วงก่อนโควิด เรามีเพื่อนที่อยากจะจัดงานคอนเสิร์ตวงอินดี้ยุคแรก ๆ ขึ้นมา เขาก็เลยมาชวนเรา แต่เนื่องจากเราเป็นคนเบื่อการเล่นเพลงสมัยก่อนครับ โดยเฉพาะผมเองก็เลยทนไม่ค่อยได้ที่จะกลับมาเล่นเพลงเดิม ๆ เท่านั้น ก็เลยคุยกันกับปริญญ์ว่า เงื่อนไขที่จะเล่น live ได้อีก ก็คือต้องมีงานใหม่ครับ ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าหวนได้ไหม มันเป็นธรรมชาติมาก ๆ น่ะครับ
ขโมย มีที่มาที่ไปอย่างไร
ปริญญ์: เพลงนี้จริง ๆ แล้ว มีมาตั้งแต่ปี 2005 แล้วครับ มันคือ part ท่อนท้ายของเพลงที่ทุกคนได้ยินนี่แหละครับ (ช่วงที่เป็น end credit ใน mv ครับ ตรงนั้นคือจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของเพลงนี้ครับ) เราทำกันทิ้งไว้ตั้งแต่ปี 2005 แต่เราไม่รู้จะทำยังไงต่อ ให้มันจบครบเป็นเพลงที่จะสามารถมีร้องได้ จริง ๆ เรามี material เป็นท่อน ๆ แบบนี้ ทำทิ้งไว้อีกเพียบเลย แต่มันยังไม่ถึงจุดที่เราจะเข้าใจว่าจะสานต่อมันยังไง แล้วจู่ ๆ มันคงถึงเวลาของมันแล้วมั้งครับ มันมาถึงจุดที่กระชายเกิดมีแรงบันดาลใจจากหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จนมีอยู่วันหนึ่งเขามาหาผมที่บ้านแล้วร้องคำร้องของเพลงขโมย ที่เขาเขียนมาบนกระดาษ เขาจับผมนั่งหน้าเขาแล้วร้องออกมาทุกคำ (ทำแบบนี้จริง ๆ ผมยังจำได้ว่างง ๆ อยู่เลย) ร้องลงไปบนพื้นดนตรีที่เรามีอันนั้น แล้วบอกว่า “เราจะต้องทำท่อนข้างหน้าทั้งหมด แล้วลากไปสู่ท่อนหลังที่เรามีอยู่แล้วให้จงได้”
จากนั้นทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้นครับ ตอนทำจริง ๆ ก็ลำบากมาก มีทั้งการ shift tempo และ shape ตัว source หลายอย่างมาก (tempo เดิมจริง ๆ ของเพลงในท่อนท้าย mv นั้นมันช้ากว่าในเพลงจริงข้างหน้า) และระหว่างทำ ก็เหมือนเป็นการท้าทายความรู้สึกหลายอย่างมากในการทำเพลงครับ (ในความรู้สึกส่วนตัวของผม) เพราะถ้าฟังดี ๆ มันมีหลายอย่างในเพลงนี้ ที่ไม่สอดคล้องกัน 100% ตามแบบเพลงทั่วไป มันมี layer ประหลาด ๆหลายอันที่ฟังดูเหมือน harmony จะไม่สามารถไปด้วยกันได้ แต่เราก็พยายามทำให้มันรวมกันให้ได้ ในส่วนตัวผมรู้สึกว่าตอนทำเหมือนเป็นการออกผจญภัยร่วมกันอีกครั้งกับกระชายที่น่าตื่นเต้นครับ มันทั้งตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ว่านี่มันคืออะไรกันนะ คนฟังจะเข้าใจไหมหว่า ผสมกับความรู้สึก high ในการฟังมัน เพราะลึก ๆ ผมก็ชอบและรักมันครับ (ผสมความรู้สึกเหนื่อยด้วยครับ แง)
ขโมย มีทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาจีนในเพลง
ปริญญ์: ต้องถามกระชายครับ
กระชาย: เพลงนี้จากที่เราบอกว่าว่า เงื่อนไขที่จะเล่น live ได้อีก ก็คือต้องมีงานใหม่ เราก็เลยมาดูกันว่า material ที่เรามีอยู่มันจะมาทำอะไรเพื่อ live ได้บ้าง จริง ๆ ภาคดนตรีเพลงนี้ช่วงหลังเป็นการอัดที่บ้านผมเมื่อประมาณ 15 ปีมาแล้วครับ เราทำแล้วก็ค้างไว้แบบนั้นไม้เคยสามารถจบมันได้เลย มันมีความมหัศจรรย์บางอย่างที่ในจังหวะนี้ ตัวผมเองก็นึกถึงหลาย message ที่คิดถึงเนื้อหาเพลงได้มากกว่าช่วงนึงมาก อาจจะเป็นเพราะทุกวันนี้เรื่องราวมันมีเยอะขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นการคุยกันในออนไลน์ หรือเหตุการณ์โลกที่ไวขึ้นมาก หรือ สมัยก่อนจะมีอาการ writing block แต่ตอนนี้มันค่อนข้างเหมือนเป็นอะไรที่ลอยมาแล้วเราก็แค่คว้ามันไว้มาเป็นงานให้ได้ครับ เพลงนี้ผมอยากจะเขียนสิ่งที่ relate ณ ปัจจุบันนี้ที่พูดได้กับเหตุการณ์ เรื่องเล็ก ๆ จนถึงเรื่องระดับโลกครับ ผมอยากเขียนเพลงภาษาไทยครับ แต่อยากให้คนทั่วไปเข้าใจ แล้วภาษาที่มีคนใช้เยอะที่สุดในโลกก็คือ จีน อังกฤษ และก็อินเดีย ครับแต่พอดีหาเพื่อนอินเดียมาแปลไม่ทันครับ (ฮ่า ๆ)
ศิลปินรุ่นใหม่ที่ชอบล่ะ
ปริญญ์: มากมายก่ายกองครับ YONLAPA, YENTED, Dept, LUSS, TELEx TELEXs, Safeplanet, BOWKYLION, YOUNGOHM, YOUNGGU, THE TOYS, MEYOU, PAPER PLANES และอีกมากมาย นึกตอนนี้ไม่ออกแล้วครับ
จากวันแรกจนถึงวันนี้ การมองตัวเองในฐานะศิลปินหรือคนในวงการของ DOSM เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน
ปริญญ์: ผมไม่เคยรู้สึกว่าตนเองเป็นคนในวงการเลยครับ ด้วยความสัตย์จริง และผมก็ไม่เข้าใจด้วยว่าอะไรคือคำว่า “วงการ” และด้วยความสัตย์จริงอีกเช่นกัน คำ ๆ นี้ สร้างผลเลวร้ายให้ในระหว่างทางที่ผมพบเจอผู้คน แล้วผมไม่รู้ว่าคนอื่นเขาคิดยังไง และตัวผมเองต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะสมกับที่คนอื่นคิดว่านี่แหละคือคนในวงการ ผมเคยผ่านจุดที่งง ๆ และไม่เข้าใจ และรู้สึกแย่มามากพอสมควรครับ แต่ทุกวันนี้ก็รู็สึกดีมากที่พบว่าสุดท้าย ผมก็รู้อยู่แล้วและแน่ใจอยู่แล้วว่า ผมไม่ prefer คำ ๆ นี้เลยครับ จริง ๆ เนื้อแท้ผมไม่ใช่ศิลปิน และไม่เคยคิดแบบศิลปิน
กระชาย: ถ้าให้มอง ผมอาจจะมองเป็นคนที่สร้างงานเพื่อสื่อสารออกมามากกว่าครับ วงการ ก็เหมือนเป็นสังคมที่เรามาเจอกัน ชอบอะไรเหมือนกัน อะไรแบบนี้รึเปล่านะ แต่คือไม่ได้เปลี่ยนครับ ส่วนใหญ่เนื้อหาจะเป็นสิ่งที่เราเจอกับรูปแบบดนตรีที่เราอยากลองครับ ซึ่งมันก็ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาตามความสนใจหรือความสนุกครับ
ในอนาคตเราจะได้พบอะไรจาก Death Of A Salesman อีกบ้าง
ปริญญ์: มีแนวโน้มที่จะมีเพลงใหม่ออกมาเรื่อย ๆ ครับ ฝากติดตามเพลงของวงด้วยครับ ขอบคุณมากคร้าบบบ
กระชาย: เช่นกันครับ ขอบคุณครับ