รวมเพลงประท้วง

Quick Read Snacks

รวมเพลงประท้วง! เมื่อนักดนตรีหยิบกีตาร์มาฟาดกับสังคมผ่านบทเพลง

  • Writer: Peerapong Kaewthae
  • Art Director: Tas Suwanasang

ในประเทศที่มีความไม่ชอบมาพากลของนโยบายหรือกฎหมายต่าง ๆ ที่รัฐบาลผ่านความเห็นชอบกันขึ้นมาโดยไม่คำนึงถึงความยุติธรรม หรือไม่คิดถึงประชาชนอย่างแท้จริง การออกไปชุมนุมประท้วงก็มีให้เห็นเป็นเรื่องธรรมดา ไม่จำเป็นต้องรอให้ประเทศมีประชาธิปไตยหรอก เพราะการออกไปแสดงพลังของประชาชนเป็นสิทธิ์ที่ทุกคนพึงมีอยู่แล้ว และสิ่งสำคัญที่ช่วยเหนี่ยวรั้งหรือรวบรวมจิตใจของประชาชนที่ต้องการอิสรภาพไว้เป็นปึกแผ่นได้ก็คือ soft power อย่างเสียงดนตรีนี่แหละ นอกจากปากกาที่ใช้ฆ่าเผด็จการในคูหาแล้ว กีตาร์และเสียงดนตรีก็ช่วยสื่อสารแนวคิดเสรีภาพออกไปได้ไกลขึ้น ไม่ต้องมองไปไหนไกล ทุกคนน่าจะเคยฟัง American Idiot ของ Green Day กันอยู่แล้ว

ในประเทศที่มีประวัติการประท้วงมายาวนานนั้นย่อมมีเพลงที่เกี่ยวกับการเมืองออกมามากมาย ระหว่างที่เรากำลังฟัง ประเทศกูมี หรือ 250 สอพลอ อยู่ ลองไปดูว่าต่างประเทศเขาแต่งเพลงอะไรเพื่อประท้วงในประวัติศาสตร์สำคัญของชาติเขายังไงบ้าง กว่าจะได้สิทธิเสรีภาพระดับนี้มา

Manic Street Preachers – If You Tolerate This Your Children Will Be Next

And if you tolerate this then your children will be next
And if you tolerate this then your children will be next
Will be next, will be next, will be next, yeah will be next

หนึ่งในเพลงสุดฮิตของวงเพลงนี้ กลับไปพูดถึงสงครามกลางเมืองสเปนในช่วง 1936 ซึ่งชื่อเพลงก็นำมาจากโปสเตอร์ชวนเชื่อให้ไปรบในตอนนั้น แถมเขายังนำวลีติดปากของชาวเวลส์ที่ไปร่วมรบตอนนั้นว่า ‘If I can shoot rabbits, then I can shoot fascists.’ มาใส่ในเพลงท่อนหนึ่งด้วย เนื้อเพลงก็ค่อนข้างตรงไปตรงมาว่าถ้ายังปล่อยให้สงครามแบบนี้ยืดเยื้อต่อไป คนรุ่นลูกรุ่นหลานของเราก็จะต้องเจอกับความสูญเสียแบบที่เรากำลังเจออยู่แบบนี้แหละ ตอนหลัง Nicky Wire นักร้องนำของวงก็ออกมาบอกไอเดียเบื้องหลังเพลงนี้ว่าต้องการตอกย้ำให้เห็นว่าเรามักหลงลืมประเด็นทางการเมืองที่สำคัญไปแล้วในสังคมยุคนี้

Sex Pistols – God Save The Queen

When there’s no future how can there be sin
We’re the flowers in the dustbin
We’re the poison in your human machine
We’re the future your future

ในดนตรีพังก์ร็อกสุดเท่กับเนื้อเพลงที่จิกกัดราชินีของประเทศตัวเองอย่างเจ็บแสบ นี่คือตัวอย่างของเพลงล้มเจ้าที่แท้ทรู ผ่าง! เมื่อวัยรุ่นส่วนใหญ่เริ่มไม่พอใจที่บ้านเมืองต้องมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เมื่อเพลงนี้ถูกปล่อยมามันจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มพังก์นักเคลื่อนไหวทางสังคมในอังกฤษทันที แถมเพลงนี้ยังถูกผู้จัดการของวงปล่อยออกมาในวันที่มีพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ 25 ปีของควีนอลิซาเบธที่ 2 โดยวงก็ไปเปิดโชว์เล็ก ๆ ริมแม่น้ำเทมส์ใกล้กับพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่รัฐขัดขวางจนงานไม่ได้เกิดขึ้น ทำให้เพลงนี้กลายเป็นกระแสเข้าไปอีกจากการตั้งคำถามถึงการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่โดยที่ประชาชนก็ตกงาน ท้อแท้สิ้นหวังกันมากมาย จนเพลงนี้ขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ดในเวลาอันรวดเร็ว แต่ด้วยเนื้อหาที่ว่าร้ายต่อราชินีทำให้มันติดอยู่แค่ที่สอง และไม่ได้รับรางวัลอะไรเลย

John Lennon – Imagine

Imagine there’s no countries
It isn’t hard to do
Nothing to kill or die for
And no religion, too

ผลงานเดี่ยวที่โด่งดังที่สุดของอดีตสมาชิก The Beatles เพลงนี้ ถูกเข้าใจผิดมาตลอดว่าเป็นเพลงที่ร่ำร้องหาสันติสุขหรือร้องขอความสงบมาสู่โลกใบนี้ จริง ๆ แล้วมันเป็นเพลงประท้วงที่วิพากษ์สงครามในยุคนั้นอย่างตรงไปตรงมา แถมใส่ความคิดเห็นฝ่ายซ้ายสุดโต่งของ Lennon ลงไปได้อย่างคมคาย เนื้อหาที่รุนแรงพูดถึงการไม่เอาศาสนา ต่อต้านทั้งความชาตินิยมจนไปถึงต่อต้านทุนนิยมนี้ถูกเชื่อมไว้ด้วยเนื้อเพลงอันหวานเยิ้ม ทุกคนเลยยอมรับมันได้ ถ้าอ่านดี ๆ เพลงยังตั้งคำถามแบบอ้อม ๆ ด้วยว่าความคิดบวกเกี่ยวกับโลกนี้มันจะช่วยโลกไว้ได้จริง ๆ หรอ

No Doubt – Just a Girl

I’m just a girl
I’m just a girl in the world
That’s all that you’ll let me be!

แม้จะไม่ได้มีเนื้อหารุนแรงหรือหัวฟัดหัวเหวี่ยงต่อเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อะไรเป็นพิเศษ แต่ก็เป็นเพลงที่ Gwen Stefani นักร้องนำของวงใช้ระบายความอัดอั้นในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งต้องเผชิญ เมื่อต้องอยู่ในสังคมของชายเป็นใหญ่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพ่อของเธอที่ห่วงสวัสดิภาพในเพศหญิงของเธอมากเกินไปจนปิดกั้นสิทธิ์บางอย่างจนหมดสิ้น เธอจึงใช้เพลงนี้เพื่อวีนเหวี่ยงเหล่าผู้ชายทั้งหลายที่มาตีกรอบว่าผู้หญิงจะต้องจับมือผู้ชายไว้ อย่าขับรถเองเพราะพวกเธอมักจะขับรถห่วย หรือความเชื่อผิด ๆ ทั้งหลายไปซักที กูเป็นคนโว้ย

Kendrick Lamar – Alright

When you know, we been hurt, been down before, nigga
When our pride was low, lookin’ at the world like, ‘Where do we go, nigga?’
And we hate po-po, wanna kill us dead in the street for sure, nigga
I’m at the preacher’s door
My knees gettin’ weak and my gun might blow, but we gon’ be alright.

ต้นปี 2015 Kendrick ปล่อยอัลบั้ม To Pimp A Butterfly ออกมาในช่วงที่อเมริกากำลังระส่ำระส่ายกับความรุนแรงในสังคมพอดี เพราะมีข่าวตำรวจทำร้ายร่างกายคนผิวดำรายวัน บางคนถึงขั้นเสียชีวิตเลยด้วยซ้ำ ทำให้กระแส Black Lives Matter คุกรุ่นมาก ๆ จนเพลง Alright ออกมาก็ถูกญาติของผู้เสียหายหยิบมาใช้เพื่อประท้วงปัญหานี้ทันที และเพลงนี้ยังถูกยกย่องให้เป็นเพลงประท้วงที่ดีที่สุดในปีนั้น ด้วยการถ่ายทอดความยากลำบากของชายอเมริกันผิวดำคนหนึ่งที่ต้องเจอเมื่อเติบโตบนถนน Compton ได้อย่างละเอียดตรึงใจทุกคนได้ ทั้งเรื่องแก๊ง คุก การเหยียดเชื้อชาติหรือความรุนแรงอันไร้เหตุผลของผู้พิทักษ์สันติราษฎ์

Macklemore & Ryan Lewis feat. Mary Lambert – Same Love

If I was gay I would think hip-hop hates me
Have you read the Youtube comments lately
“Man that’s gay” Gets dropped on the daily
We’ve become so numb to what we’re sayin’
Our culture founded from oppression

Macklemore เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเขาอยากเขียนเพลงฮิปฮอปเกี่ยวกับสิทธิเกย์และพวกเหยียดเพศในซีนฮิปฮอปกับโลกมาตลอด แค่เขายังหาวัตถุดิบที่ดีพอไม่ได้ จนได้มาเจอกับ Mary Lambert นักร้องสาวที่เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่เคร่งศาสนา พอรู้ว่าตัวเองเป็นเลสเบี้ยนและไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ก็ทำให้เธอเสียใจมาก และต้องขอโทษพระเจ้าต่อบาปอันหนักหนาของตนทุกคืน ทำให้คอรัสของคำว่า ‘I can’t change’ ดูลึกซึ้งและสัมผัสเราเข้าไปถึงกลางใจ Macklemore เสริมอีกว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของความเสมอภาค แต่มันคือการหยิบคำว่า ‘เกย์’ มาใช้ในทางที่สวยงาม

มีอีกหลายเพลงมากเลยที่อยากหยิบมาพูดถึงมาก แต่ถ้าจะหยิบมาต้องร่ายประวัติศาสตร์กันยาวเลย ลองไล่ฟังทั้ง 6 เพลงนี้ดูก่อนละกัน หรือใครมีเพลงประท้วงอื่น ๆ ก็ลองมาแชร์กันได้

Facebook Comments

Next:


Peerapong Kaewthae

แม็ค เป็นคนชอบฟังเพลงเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และก็ชอบแนะนำวงดนตรีหรือเพลงใหม่ ๆ ให้คนอื่นรู้จักผ่านตัวอักษรตลอดเวลา