Feature Head talk issue

Arak and the Pisat Band : Lonely boy

  • Writer: Gandit Panthong
  • Photographer: Nattanich Chanaritichai
  • Stylish:Varachaya Chetchotiros
  • Art Director:Tunlaya Dunnvatanachit

แสงแดดยามบ่ายสุดร้อนแรงในฤดูกาลที่หลายคนเรียกว่า ฤดูฝน การใช้ชีวิตในเดือนนี้ของผู้คนล้วนแล้วแต่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง ฟังใจซีนฉบับนี้ก็เช่นกัน พวกเรามาในกันตีมของคนเหงา คนที่ต้องอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียวอย่างเข้มแข็งปราศจากผู้คนเคียงข้างกาย โดยในครั้งนี้เรามีนัดสัมภาษณ์กับผู้ชายที่คิวทองอีกหนึ่งคนในประเทศไทยนั้นก็คือ เป้ – อารักษ์ อมรศุภศิริ ในเรื่องราวที่จะลงลึกไปถึงก้นบึงจิตใจของผู้ชายคนนี้กันไปเลยว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นคนอย่างไร ชีวิตตอนนี้ของเขาช่วงนี้เป็นไรเหงารึเปล่า อัลบั้มเต็มที่กำลังจะออกในช่วงนี้สิ้นปีนี้จะเป็นรูปแบบไหนและเมื่อเป้ – อารักษ์เดินทางมาถึงสถานที่ที่เรานัดเจอกัน บทสัมภาษณ์สุดแสนพิเศษนี้จึงเกิดขึ้น

 

“เชื่อว่าผู้ชายหลาย ๆ คนก็เป็นที่ไม่ชอบไปผับที่มันเบียดกัน กินก็ยาก ยืนก็ยาก แต่บางทีมันก็จำเป็นต้องออกไปเพราะไปหาสาว ไม่รู้จะไปเจอที่ไหน แล้วสาวที่มี potential ที่เราสามารถจะคบหา มีความสนุกด้วยกันได้ก็น่าจะอยู่ที่เหล่านี้เป็นส่วนใหญ่”

1

 

PART 1 : งานเพลงที่คืบหน้า

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการพบเจอกันครั้งนี้ของผมและเป้ – อารักษ์ เรื่องราวแรกที่สนใจเลยก็คงจะหนีไม่พ้นงานเพลงชุดใหม่ของเขาที่กำลังจะออกในช่วงปลายปีนี้ เพราะ เขาได้ห่างหายจากการออกอัลบั้มชุดใหม่ไปถึง 3 ปีด้วยกัน การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอัลบั้มนี้จะมีอะไรบ้าง รวมไปถึงเรื่องเสียงร้องที่ใคร ๆ ต่างคอยตำหนิเขามีการแก้ไขอย่างไรบ้าง ซาวด์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงการร่วมงานกับเล็ก ฮิวโก้ ผมและเป้ – อารักษ์จึงขอเปิดบทสัมภาษณ์นี้ด้วยเรื่องราวของอัลบั้มใหม่ที่มีชื่อว่า “เหล็กกับไม้” เรื่องราวจะเป็นเช่นไร เลื่อนเม้าส์ลงมาแล้วลุยกันเลยครับ

ความคืบหน้าของอัลบั้มใหม่ “เหล็กกับไม้”

ถ้าพูดถึง ณ เวลาที่สัมภาษณ์อยู่นี้ก็เป็นการอัดร้องเพลงสุดท้ายแล้ว กระบวนการหลัก ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้จะอยู่ในขั้นตอนมิกซ์เพลงอยู่ครับ งาน Cat Expo ปีนี้ได้เจอกันกับอัลบั้มนี้แน่นอน

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอัลบั้มนี้

โหย จริง ๆ อัลบั้มนี้มันเริ่มทำมาประมาณสามปีแล้วครับ ทำไปได้ประมาณ 5-6 เพลง ผมเลยส่งไปที่ค่าย What The Duck ให้ทางค่ายเขาฟังจากนั้นก็ได้ปล่อยเพลงแรกออกมา คือ เพลงรัก โดยการทำงานของผมในอัลบั้มนี้มันก็เกิดขึ้นมาเรื่อย ๆ ตลอดนะครับจากช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมได้ไปเล่นกีต้าร์ให้พี่เล็ก ฮิวโก้ ฟังที่บ้านของพี่เขา พี่เล็กเลยบอกว่า เฮ้ยทำไหมล่ะ เพลงนี้ เดี๋ยวผมเป็นโปรดิวเซอร์ให้ ก็เลยได้ลองร่วมงานกันดู พี่เล็กเขาบอกผมว่า เฮ้ย ไม่เอาเพลงโฟล์กจ๋าอย่างเดียวแล้วนะ ล็อตที่เคยทำให้เก็บเข้ากรุไปแล้วเริ่มใหม่กันดูมันจึงออกมาเป็นไทม์ไลน์ของเพลงที่ทุกคนได้ฟังกันตั้งแต่เพลง คิดถึง เพลง แพ้  พอถึงเวลาที่เพลงแพ้ออก ส่วนตัวผมชอบมันมาก ๆ มันอาจจะไม่ใช่เพลงที่ดังตู้มตาม แต่เราได้แนวคิดมาว่า เฮ้ยถ้าเราทำเพลงอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เราเริ่มเจอทางของมันแล้วนะว่าอัลบั้มเต็มของเราภาพมันจะเป็นอย่างไร ผมเลยไปบอกกับค่ายว่า เดี๋ยวผมส่งมาหลาย ๆ เพลงพร้อมกันเลยละกันนะ กลับไปทำให้เยอะ ๆ มาก่อนการทำงานมันก็เปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบที่จริงจัง แต่ผมผ่อนคลายตัวเองมากขึ้น ทุกอย่างมันไปในทางที่ดีครับ การที่มีพี่เล็ก ฮิวโก้มาช่วยมันทำให้การทำงานสนุกและลงตัวสุด ๆ

ซาวด์เพลงของเป้ – อารักษ์เปลี่ยนไปเยอะไหม

เปลี่ยนไปเยอะเลยครับ เพราะ แพ้ กับ คิดถึง ยังมีกีตาร์โปร่งนำในเพลง แต่เพลงที่เพิ่งออกมาอย่าง ฉันออกไปเต้นกับเพลงที่ไม่คิดจะฟัง มันจะเปลี่ยนไปเยอะเลยรวมไปถึงในอัลบั้มที่จะมีเพลงร็อกมาก ๆ กว่านี้ก็มีความหลากหลายของซาวด์เพลงมันเกิดขึ้นเยอะมากในอัลบั้มนี้ ผมเลยมีสองอัลบั้มให้คุณเลือกไปเลยตอนซื้อว่าถ้าอยากฟังร็อกให้ฟังอัลบั้ม เหล็ก ถ้าอยากฟังอัลบั้มโฟล์กให้ฟังอัลบั้ม ไม้ ความแตกต่างมันจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนครับ

“ต้องเป็นตัวของตัวเองกันไว้นะ ถ้าเป็นตัวของตัวเองดันเป็นเหมือนคนอื่น เอ็งก็ยังต้องเป็นตัวของตัวเอง พอจนถึงวันนึงมันก็จะไม่เหมือน Slur ก็เคยเหมือน The Strokes เหมือน The Cribs อย่าง The Richman Toy ก็เคยเหมือน Kings of Leon สักพักนึงมันก็ไม่เหมือน ก็เป็นตัวของตัวเอง

สมาชิกที่เพิ่มขึ้นของเป้ อารักษ์ แอนด์ เดอะปีศาจแบนด์

ตอนนี้มีสมาชิก 5 คนครับ แต่สมาชิกหลักก็ยังเป็นผม อัด แล้วก็บิ๊กครับ สมาชิกที่ถูกเพิ่มมาจะเป็นในส่วนของคุณอ๊อฟที่มาช่วยเล่นคีย์บอร์ดครับ ฝั่งมือกลองก็จะมีพี่ต็อบ Chanudom กับคุณกั๊งมาช่วยตีสลับกันไปมาครับตามคิวว่างของแต่ละคน

ร่วมงานกับพี่เล็ก ฮิวโก้ เป็นยังไงบ้าง

พี่เล็ก ฮิวโก้ เขาเป็นคนที่มีวิจารณญาณอีกขั้นนึงครับแบบ พี่เขาจะมีความคิด มีความเด็ดขาด แล้วก็เทสต์การฟังเพลงอีกขั้นนึง ซึ่งสมัยก่อนผมกับอัด (วงศ์วริศ อาริยวัฒน์) จะใช้เวลาในการทำเพลงด้วยกันนานมาก แต่พอพี่เล็กเข้ามาช่วยทำ เขาจะเคาะเร็วมาก ทุกอย่างแกควบคุมด้วยปาก คือ แกสามารถฮัมเครื่องดนตรีทุกเครื่องได้ด้วยปาก เราก็เลยเล่นตามอย่างเดียว (หัวเราะ) แต่อัดเขาก็จะมีไอเดียของเขาเยอะเหมือนกัน พอพี่เล็กมาถึง ปูโครงสร้างเพลงกัน ผมกับอัดก็ใส่รายละเอียด แล้วมาให้พี่เล็กตรวจว่าจะเอาอะไร มันจะตลกมากตอนทำเพลง เพราะอัดเป็นคนที่เยอะที่สุดในแง่ของการใส่ของลงไปในดนตรีของวงเรา แต่พี่เล็กจะมีความน้อยที่สุดอยู่สั่งตัดทิ้ง 90% (หัวเราะ)

คาดหวังกับอัลบั้มนี้ไว้มากขนาดไหน

เอาจริง คือ ก่อนหน้านี้ผมยังไม่มีเพลงที่ฟังแล้วจะเป็นซิงเกิ้ลได้เลย (หัวเราะ) ก็เลยไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย กะว่าปิดโปรเจกต์ทุกอย่างก็จบ ตอนนี้ผมอยากไปทำเพลงยุค 50s แล้ว ทำแบบ Elvis Presley อะไรแบบนี้ครับ (หัวเราะ) แต่พอทุกอย่างมันเสร็จแล้วเอาเข้าจริง กลายเป็นว่า พอมันเริ่มมีการถ่าย Mv เริ่มโปรโมตเพลง ก็เริ่มคาดหวังครับ ถ้าบอกว่าไม่คาดหวังก็คงโกหก เราเคยผ่านจุดที่เราทัวร์สมัยก่อน เราอยากทัวร์อย่างนั้นแบบที่ทำได้กับวง Slur สมัยก่อน

ได้รับประสบการณ์อะไรเพิ่มขึ้นบ้างจากการเป็นศิลปินเดี่ยว

แน่นอนครับ นอกจากเรื่องโดนด่าแล้วก็ยังมีความสุขอีกมากมาย (หัวเราะ) ไม่รู้สิ เอาจริง ๆ แค่ได้ออกไปเล่นดนตรีมันก็สนุกแล้วครับ แต่อย่างอื่นผมไม่แน่ใจว่ามันได้หรือเปล่า เพราะสมมติคุณเดินเข้ามาแล้วบอกว่าชอบชุดแรกผมก็ถือว่าผมได้ความสุขตรงนี้แล้ว เวลาที่มีคนมาชื่นชอบเราก็ดีครับ รู้สึกดี

 2

ตอนโดนว่ารู้สึกยังไง

โอ้โห โคตรมันเลยครับ ผมโดนมาจนผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว คือหลัง ๆ มานี่ผมไปเจอ พี่แสตมป์ (อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข) ไปเล่นบอร์ดเกมกัน เล่นเกม Street Fighter ด้วยกัน พี่แสตมป์เขาเป็นคนน่ารักมาก เป็นคนอ่อนไหวกว่าผมเยอะ ผมกลายเป็นคนเข้มแข็งขึ้นมาเลย คุยกันเรื่องการโดนว่า ผมกลายเป็นคนที่มีภูมิต้านทานเยอะขึ้นมาทันทีเลย แปลกดีนะเอาจริง ๆ ในชุดแรกเรามาตอนที่เราไม่ได้พร้อมสักเท่าไหร่ คนฟังยิ่งไม่พร้อมหนักเลย พอไม่พร้อมกับไม่พร้อมมาเจอกันมันก็เลยกลายเป็นความไม่ค่อยดีนัก แต่พอตอนนี้เราเริ่มพร้อมมากขึ้นละ คนที่ฟังวันนั้นเขาก็ยังฟังความไม่พร้อมของเราอยู่ ยังไม่ได้ฟังอะไรใหม่ของเราเลย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เราห้ามไม่ได้ แต่เราก็อยากจะให้ลองฟังอะไรใหม่ ๆ ล่าสุดผมไปอ่านคอมเมนต์เพลง อย่ามาให้เห็น เฮ้ยเดี๋ยวก่อน ยังไม่ได้ฟังเลย ด่ากูอีกแล้วเหรอ ว่า พี่เล็กจะมาร้อง มาเล้ มาเล้ เฮ้ย จะบ้าเหรอ พี่เล็กนะเว่ย (หัวเราะ) เหมือนเอาชื่อขึ้นไปล่อเป้าอะครับ แง่นึงมันก็เศร้าแต่ในอีกแง่นึงมันก็ขำ เพราะเราชินแล้วไง แต่โดนบ่อย ๆ ก็เซ็ง เสียกำลังใจเหมือนกัน ตอนที่โดนด่า เราไม่เสียใจเท่ากับเราเล่นห่วยหรอก คือ ถ้าเราดูคลิปแล้วเราเล่นห่วย เราเสียใจกว่า เชี่ย ทำไมโน้ตนี้เราไปไม่ถึงวะ เหี้ยกีตาร์แม่งหลุดอีกแล้ว ซึ่งมันเป็นบ่อย เราไม่ได้ full time musician ก็เป็น part time musician เหมือนวงน้องเขา (หัวเราะ) ก็กลายเป็นว่า เราทำมานาน แต่เรามีของใหม่เรื่อย ๆ แล้วเราซ้อมของใหม่มาไม่ดี นั่นอะเสียใจกว่าที่เราโดนด่าอีก ก็เลยจะพยายามให้มันดีขึ้น

เดี๋ยวนี้ยังซ้อมดนตรีทุกวันไหม

ไม่ทุกวันแล้วนะ ตอนนี้จะมาเล่นกีตาร์บ้าง เปียโนบ้าง ซ้อมร้องเพลงจะเยอะมากกว่าหน่อย ผมไปเรียนร้องเพลงแล้วทำให้ผมเริ่มร้องเพลงดีขึ้น ไม่รู้สิมันก็เปลี่ยนไปเยอะมาก ๆ แล้วจากร้องไม่เป็น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ร้องดีขนาดนั้น แต่ก็โอเคขึ้น ผมก็อยากจะพัฒนาไปสู่จุดที่ร้อง Standard แบบ Frank Sinatra ได้ เพราะรู้สึกว่าเราชอบอะไรแบบนั้นด้วย แต่ตอนนี้ยังไปไม่ถึง ก็ค่อย ๆ ไป เหมือนกับว่าบางคนเขาออกเทปชุดแรกคือเขาเก่งมาเต็มที่แล้ว แต่เรายังไม่ใช่แบบนั้น ก็ค่อย ๆ ไต่ไปเรื่อย ๆ

เป็นหน้าที่ของคนฟังด้วยรึเปล่าที่จะต้องเปิดใจรับฟังอะไรใหม่ ๆ ด้วย

ช่วงแรกที่ผมทำก็ต้องยอมรับว่ามาตรฐานของเพลงมันยังไม่ถูกต้องนักหรอก มันมีกรอบของมันแต่ผมปูดไปเยอะหน่อย ซึ่งมันก็ผิด แต่ตอนนี้มันค่อนข้างเข้ามาอยู่ในกรอบมากขึ้น และในเรื่องของความสุนทรีย์ ชุดแรกผมเรียกว่าไม่ค่อยสุนทรีย์ก็แล้วกัน ดิบมากก็ว่าได้ แต่หลังจากนี้มันก็เริ่มจะสุนทรีย์มากขึ้น เริ่มจะฟังง่ายขึ้น ซึ่งเราก็ไม่ได้หวังว่าคนที่เขาไม่ชอบเรา จะกลับมาชอบฟังเพลงนะครับ มันเป็นเรื่องยากมาก แต่ก็ไม่แน่ต้องรอดูกระแสอัลบั้มใหม่อีกที (หัวเราะ)

ดนตรียังเป็นงานอันดับหนึ่งในชีวิตอยู่ไหม

ดนตรียังเป็นงานอดิเรก อันดับหนึ่งเสมอครับ ถึงแม้ว่าผมจะใช้มันเป็นอาชีพบ้าง แต่งานหลักก็คือการเล่นหนังกับเล่นละคร ถ้านับช่วงเวลาที่ใช้ไป ละครกับหนังน่าจะมากกว่าดนตรี

ในฐานะศิลปิน ความเป็นวง Arak and the Pisat Band ต่างจากตอน Slur มากน้อยแค่ไหน

ต่างกันเยอะครับ มันเหนื่อยกว่า ยากกว่า มันต้องควบคุมทุกอย่างเอง คิดเยอะ อุปกรณ์ทุกอย่างบนเวที สายไฟทุกเส้นมันแทบจะเป็นของเรา ถ้าไม่นับเครื่องดนตรีที่เพื่อน ๆ เอามากัน ดูเป็นหัวหน้าแก๊งมากกว่า สมัยก่อนมีคนคิดให้แล้วก็ทำตัวเหลวแหลก เมาก่อนค่อยขึ้นไปเล่น จับกีตาร์อย่างเดียว เพราะเราดูแลแค่นั้น แต่ตอนนี้เราต้องดูแลทั้งหมดเลย แบบเฮ้ยคีย์บอร์ดอยู่ดี ๆ ควันขึ้นว่ะ ทั้งเครื่องดนตรีเหล็กหรือเครื่องดนตรีไม้ก็มีปัญหาตลอด ความยากมันก็จะเพิ่มมามากขึ้น

3

PART 2 : โลกของอารักษ์กับโลกของการแสดง

หลังจากที่เราได้พูดคุยกับเขาในการทำงานด้านดนตรีไปแล้ว ปัจจุบันเราเห็นหน้าตาของเป้ – อารักษ์บนหน้าจอโทรทัศน์มากกว่าการเปิดเพลงของเขาฟังในวิทยุหรือ Youtube ซะอีก อะไรทำให้ผู้ชายคนนี้หลงใหลในศิลปะการแสดงขนาดนี้ เท่านั้นยังไม่พอเราอยากรู้ว่าชีวิตทุกวันนี้ของเป้ – อารักษ์ เขาทำอะไรอยู่บ้างหากได้พักผ่อนอยู่บ้าน เคยเจอผีรึเปล่า ความรักตอนนี้เป็นเช่นไร โอกาสที่เราจะได้เห็นเขาไว้ผมยาวอีกครั้งไหม คำถามเหล่านี้มีคำตอบ เป้ – อารักษ์บอกกับผมขณะเข้าสู่บทสัมภาณ์ชุดนี้ว่า เรื่องราวที่กำลังจะถามเหล่านี้ดูเบาสบาย ๆ และผ่อนคลายมากในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ 

วันหยุดของเป้ – อารักษ์ ตอนนี้ทำกิจกรรมอะไรบ้าง

วันหยุดของผมคือ ตื่นสายที่สุดแล้วก็ไปปีนเขาที่แร็กเก็ตคลับครับ (หัวเราะ) ไปซ้อมปีน ไปออกกำลังกาย วันไหนที่ผมมีเวลาผมต้องออกกำลังกาย นักแสดงมันก็ต้องฟิตอยู่เสมอ มีเวลาอยู่แค่ครึ่งชั่วโมงก็ยังต้องทำ เราพยายามจะทำให้ได้วันเว้นวันหรือวันเว้นสองวัน เพราะ ไม่อย่างงั้นก็ต้องเริ่มใหม่หมด พวกวิดพื้น ดึงข้อก็ต้องทำ สมัยก่อนเราไม่ค่อยดูแลสุขภาพ ดูดบุหรี่เยอะที่ผ่านมาสามสี่วันก่อนหน้านี้ผมเพิ่งป่วยเป็นโรคแปลก ๆ เส้นประสาทอักเสบ ปวดหัวโดยไม่รู้สาเหตุ อาจจะเป็นเพราะ ร้องไห้หลายวันติดกัน แล้วไม่เคยร้องไห้หนัก ๆ ขนาดนี้มาก่อน ถ่ายละครหลายวันติดกัน นอนน้อย ดูดบุหรี่ด้วย ตอนนี้ก็ต้องหยุดดูดไปเลย ร้องไห้ก็ยังร้องอยู่นะครับ (หัวเราะ) พยายามนอนพักผ่อนให้มากขึ้น เล่นมือถือบนรถบ่อย ๆ ก็มีผลนะ มันทำให้เส้นประสาทบวม ตอนนี้ก็พยายามเลิกบุหรี่แต่ก็ไม่รู้จะทำได้นานแค่ไหน ผมเลิกมาหลายครั้ง ช่วงนี้ก็พยายามจะทำให้อะไร ๆ มันดีขึ้นครับ

ยากไหมกับการแสดงในบทที่ต้องร้องไห้บ่อย

เวลาเราร้องไห้มันมีหลายแบบนะในโลกของการแสดงเนี่ย ผมเห็นมาหลายคนละ บางคนเหมือนมีปุ่มกดแล้วร้องไห้ออกมาได้เลย บางคนก็เป็นแบบผม ยากชิบหายกว่าจะออกมา พอมาแล้วก็หยุดยากด้วย ถ้าจะถ่ายต่อเปลี่ยนมุมกล้อง ก็ต้องร้องอยู่อย่างนั้น ปรากฏวันต่อมารู้สึกวิ้งในหัวเลย แล้ววิธีที่สามคือใช้วิธีเอายาหม่องทาตา แต่ผมเป็นแบบที่สอง เหนื่อยและเครียดเลยร้องไห้ที

สเน่ห์ของการแสดงคืออะไร

เหมือนการแสดงมันพาผมไปหลายที่มาก ๆ  หลายสถานที่ที่ไม่เคยไป หลาย ๆ ผู้คนที่ไม่เคยเจอ เราจากเป็นเด็กผมยาวไปเล่นละครคู่กับพี่อั้ม พัชราภา ซึ่งเรารู้สึกว่ามันใช่ แล้วบางทีมันก็เป็นการเอาชนะตัวเอง เล่นบทบาทแต่ละบทบาทที่แตกต่างกันไปบางทีบางบทมันไม่ท้าทายก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งเรารู้สึกว่ามันเป็น Day job เหมือนกัน แต่ว่าบางครั้งมันก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ทำอะไรที่ท้าทายกับตัวเองมากขึ้น

4

ตอนนี้อยากเล่นบทไหน

ความจริงผมชอบแบบ Gary Oldman มาก ชอบ Ryan Gosling เหมือนมันจะมีบทบางบทที่มันต้องการการเปลี่ยนแปลงทางด้านกายภาพและความสามารถ เช่นเมื่อเราดู นิว ชัยพล เล่น แผลเก่า ทำนาได้ โดดขึ้นหลังควายได้ ดูพี่ปีเตอร์จากคนผอม ๆ มาเล่นฝนตกขึ้นฟ้า เล่นกล้ามซิตอัพแบบเอาหลังขึ้นได้ นั่นคือของจริง ผมชอบอะไรแบบนั้น แต่ว่าด้วยระบบการทำงานในปัจจุบันของผมมันค่อนข้างยาก ละครบางทีก็ถ่าย 20 กว่าซีน มันแค่เอาตัวเองไปจำบทให้ได้แล้วทำฟีลอารมณ์ให้ถูกต้องมันก็ยากแล้ว ถ้าถามว่าต้องเตรียมตัวเปลี่ยนคาเเร็กเตอร์มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากจะทำอะไรแบบนั้น ซึ่งเราก็เคยทำนะ ใน เฉือน แต่หลังจากนั้นก็เรียกว่า ยังมีอะไรที่เป็นส่วนประกอบของตัวเองเยอะ เรื่องเลือดตัดเลือด ช่อง 7 อันนั้นก็ทำเยอะ ไปเรียนขี่มอเตอร์ไซค์จริงจัง ยิงปืน ชกมวย แต่ว่าก็ยังไม่ได้แบบดีเท่ากับที่คนอื่นเขาทำ ก็หวังว่าจะมีบทบาทแบบนี้บ้าง

จะกลับไปไว้ผมยาวอีกไหม

ปีหน้า ๆ ครับ ผมคิดว่าถ้าจบละคร My Girl นี่อาจจะมีโอกาสได้ไว้ แต่ล่าสุดเราไปเดินแบบเขาจับเราไว้ผมยาว เราก็รู้สึกว่า เออ ดีจัง ก็คิดว่าเดี๋ยวปีหน้าต้องไว้ละ ให้จบละครนี้ก่อน ตอนนี้สุขภาพผมก็ยังดีอยู่ด้วย ไว้แน่นอน

ไหน ๆ เดือนนี้จะมีฮาโลวีนแล้ว คุณเคยเจอผีไหม

ไม่แน่ใจว่าใช่ผีรึเปล่า ตอนเด็ก ๆ ชอบเตะบอลแถวบ้านกับเพื่อน ๆ แล้วมันจะมีรถคันนึงจอดอยู่นานมาก จอดอยู่กลางถนนที่เราเตะบอลกัน คือ เราเตะระหว่างต้นซอยกับท้ายซอย แล้วเจ้าของบ้านก็ชอบมาว่าว่า มาเตะบอลทำไมแถวรถกู แต่รถเขาก็เก่าแล้วนะ ก็น่าเห็นใจเขาที่เราไปเตะบอลโดนรถ แล้วมีวันนึงเตะบอลกันตอนกลางคืนครับ เสร็จแล้วบอลมันไปโดนรถ สมัยก่อนมันยังไม่มีสัญญาณกันขโมย แต่ไฟรถมันกระพริบสองครั้ง แตรมันก็บีบปี๊น ตอนนั้นเรามองหน้ากันแบบ เหี้ยแล้ว ทุกคนก็วิ่งหนีกัน เราไม่รู้เราก็จะเดินเข้าไปดูว่าอะไรวะ แต่แล้วก็วิ่งเหมือนกัน (หัวเราะ) อย่างที่สองก็เป็นผีอำซึ่งไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า แต่อาจจะเพราะร่างกายอ่อนแอก็ได้ อย่างที่สามคือเห็นคนของขึ้น อันนั้นอะชัวร์ คือมันเป็นประเพณีการครอบครูครับ แต่เราไม่ได้เห็นคนเดียวไง คือครอบแล้วขึ้นแล้วก็ลง พอครอบวน ๆ กันอีกคนก็ขึ้น แล้วเป็นเพื่อนเรา คนที่เรารู้จัก พอไปคุยเขาก็บอกจำไม่ได้ ถามว่ามีไหม ผมว่ามีชัวร์ แต่ว่ามันก็แตกต่างไปตามสถานที่ อย่างอยู่เมืองไทยก็จะเจอแบบนี้ อยู่เมืองนอกก็จะเจอแบบนี้ ความเชื่อแบบนี้ ศาสนาพุทธแบบนี้ ผมเชื่อว่ามันแตกต่างไปตามพลังงาน

เป็นคนกลัวผีไหม

กลัวครับ แต่กลัวหนังผีนะ เคยดูหนังผี 303 กลัว กล้า อาฆาต แล้วก็นอนไม่ได้ กับ I Know What You Did Last Summer หรือ Scream อะไรก็ดูไม่ได้เลย ฆาตกรรมหลอน ๆ ก็ไม่ดู แต่ถ้าให้ผมไปอะไรมืด ๆ ก็ไปได้หมด นอนคนเดียว อยู่ต่างจังหวัดก็นอนคนเดียวตลอด แล้วผมก็ไม่ค่อยเจอ เหมือนเราอยู่กันคนละโลกกันจริง ๆ

จะทำยังไงถ้าวันนึงถ้าคนบนโลกนี้กลายเป็นซอมบี้หมดเลย

ก็เป็นซอมบี้ด้วยแล้วกัน (FJZ: ไม่สู้หน่อยหรอ) แล้วจะให้สู้ยังไง ถ้าแค่เราไปยืนคุยกับซอมบี้เราก็ตายแล้ว แต่ถ้าเราโดนกัดยังไงก็ไม่เป็นก็คงจะสนุกดีนะ แต่ถ้าเราเป็น เราก็คงเดินกินหาอาหารกับคนอื่น

จริง ๆ เป็นมองโลกในแง่ดีด้วยหรือเปล่า

หลายคนบอกนะ ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มีช่วงนึงที่เศร้าเหมือนกันนะ แต่ว่า มันเหมือนนอนหลับแล้วตื่นขึ้นมามันจะหาย แปลกดี

ผู้ชายแบบเป้ตอนอกหักเสียใจนานไหม

3-4 วันไม่เกินนี้ อาจจะคิดนานกว่านั้น แต่เสียใจจริง ๆ ก็แปปเดียว

เพราะชินแล้วก็โตขึ้นหรือเปล่า

จริง ๆ เราก็เสียใจนะครับ แล้วมันก็ยังเป็นก้อนนึงในชีวิตแหละ  แต่ว่าถามว่าหนัก ๆ เลย มันมีแค่นี้แหละ วันต่อไปเราก็ทำอย่างอื่นแล้ว อาจจะมีคิดถึงบ้าง น้ำตาหยดบ้าง แต่ก็ไปต่อได้

ความรักตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

เป็น 0 เลยครับ คือ เวลาผมไปชอบคน เขาก็ไม่ชอบผม ล่าสุดไปจีบผู้หญิง ขอเล่าให้ฟังนะครับ เดี๋ยวมันจะไปอยู่ในเพลงต่อ ๆ ไปในอัลบั้มนี้ ผมจีบผู้หญิงแล้วทุกอย่างก็เหมือนจะเวิร์ค เขาก็เริ่มไปเที่ยวกับเรา แล้วเขาบอกว่า เพิ่งเลิกกับแฟนมาสองอาทิตย์ เราก็บอกเราเพิ่งเลิกกับแฟนเหมือนกัน แล้วเราก็คิดว่าคนนี้อะ ชัวร์ แบบที่เราชอบเลย จีบไปสักพักนึง วันวาเลนไทน์อยากจะให้ดอกไม้ แต่เขินอะ เพิ่งเริ่มเอง ก็เลยซื้อดอกไม้ดอกเล็ก ๆ มาให้ แล้วตอนแยกกันกลางคืนก็ให้ดอกไม้ไป แล้วหลังจากนั้นอีกวันเขาก็ไลน์มาบอกว่า ขอโทษนะ เขากลับไปดีกับแฟน เราก็เปิดไอจีเขาดูเห็นถือดอกไม้ช่อใหญ่ คือมันไม่เกี่ยวกับขนาดดอกไม้หรอกนะ แต่มันเกี่ยวกับแค่เขาไม่ชอบเราเท่านั้นแหละ แต่มันจึ๊กตรงที่เราให้ดอกเล็ก ๆ แค่นี้ เขาให้เป็นช่อ นี่เรามาคิดเอง เอาไปแต่งเพลงได้ แต่ความจริงมันไม่ใช่หรอก เขาแค่กลับไปคืนดีกับแฟนเก่าซึ่งเข้ากันได้ดี แต่เราก็ยังแอบไปชอบคนนู้นคนนี้ แต่เขาไม่เล่นด้วย ไม่ก็มีแฟนแล้ว (หัวเราะ)

5

เวลาเป้ – อารักษ์ จีบหญิงทำยังไงบ้าง

มันมีหลายขั้นอะ เราแบบไม่ใช่อีเหละเขะขะ ก็พยายามเป็นตัวเอง บางคนก็จะไปเกรียนไม่ได้ อย่างคนเมื่อเดือนกุมภา เราจะเป็นตัวเองไม่ได้ จะเก๊กตลอดเวลา เก๊กทำเหี้ยไรไม่รู้ (หัวเราะ) ซึ่งมันผิดอะ เวลาเราชอบใครมาก ๆ เราจะจีบไม่ค่อยติดเพราะเราจะไม่ค่อยเป็นตัวเอง ก็จะถามเขาเรื่องเดิม ๆ ทำงานเป็นยังไง ตอนนี้ที่บ้านเป็นยังไงบ้าง เหนื่อยไหม ทำอะไรอยู่ ไอ้สัส เขาไม่อยากคุยเรื่องงานกับมึง มันน่าเบื่อ แต่จริง ๆ ตัวผมก็ค่อนข้างน่าเบื่อเหมือนกันครับ อย่างที่บอกว่าตอนนี้ผมก็อยู่ที่กอง เขาก็ไปไม่ได้อยู่แล้ว ทำเพลง มานั่งได้ แต่ก็ขยับตัวมากไม่ได้ เสียงดัง ปีนเขา พ่อแม่ ครอบครัว ผมมีแค่นี้

สเป็กสาวในฝันของเป้

พอมันเจอแล้วจะรู้สึกเลยว่า อันนี้ไม่ใช่ หรือเราเอาความหลงเข้านำ เราไม่คิดว่าความรักต้องเอาความหลงเข้า ช่วงหลัง ๆ เราเจอคนแบบนี้แล้วเราจีบเขาแต่เขาไม่ชอบ แต่ถ้าคนที่ไม่ได้เจอ หลงหมายความว่า อยากจะเจอ อยากจะไปหา ถ้าเลิกงานดึกกูก็จะต้องไปหา ไปเจอหน้าสักแปปนึง ความรู้สึกแบบนั้นมันไม่ค่อยเบื่อ มันก็จะเยอะ คนที่เขาไม่ได้เกดมากับเราเขาก็ไม่ได้คู่เรา

อยากแต่งงานไหม

พูดไม่ได้เพราะยังไม่เจอคนแบบนั้น แต่ถ้าเจอก็อาจจะแต่งเลย

ปรึกษาเรื่องนี้กับพี่เล็ก ฮิวโก้บ้างไหม

สนุกสนานครับ คือบางทีแล้วการแต่งเพลงด้วยกันมันเหมือนกับมีโต๊ะตรงกลาง เอ็งเอาชีวิตของเอ็งมาวางไว้ วางไปทีละใบ ๆๆๆ ถ้าเกิดว่าเราแต่งเพลงกับใคร มันก็จะสนิทกันประมาณนึง ผมคิดอย่างนั้นนะ อาจจะไม่เป็นกับทุกคน แต่เวลาผมแต่งเพลงมันเป็นมาตลอด เหมือนมันมี magic บางอย่าง โทรชวนเพื่อนที่ชอบอ่านหนังสือมานั่งฟัง แล้วก็มาวางของกัน กลายเป็นว่าเราเข้าใจว่าทำไม John Lennon ต้องแต่งเพลงกับ Paul McCartney ทำไม Keith richards ต้องแต่งเพลงกับ Mick Jagger เป็นเรื่องของเคมี แต่พอมาวางกันแล้วก็จะคุยกันมากกว่าแค่เรื่องเพลง ซึ่งผมกับพี่เล็กก็คุยกันสนุกดี มีเรื่องอะไรแบบนั้นอยู่

แนวคิดมุมมองต่างกันมากไหม

มันมีความถูกต้องของโลกอยู่ โลกนี้อะไรแบบนี้ถูกต้อง เราเชื่อตรงกันอย่างนั้นแหละ แต่ผมก็จะเป็นน้องที่คอยฟังเลคเชอร์จากพี่เล็ก แกจะมีความคิดมากมายมากที่ลึกซึ้ง ผมก็จะนั่งรอฟังตลอด แกมีประสบการณ์เยอะมาก แล้วก็รอบรู้

6

PART 3 : วงการเพลง วงการภาพยนตร์ในสายตาของเป้ – อารักษ์

เรื่องราวของดนตรีก็ยังคงเป็นเรื่องราวหลักในการสนทนาครั้งนี้อยู่ดีด้วยความที่การสนทนาครั้งนี้จะแบ่งเป็นสองช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไปเนื่องจากคิวสัมภาษณ์ของเป้ – อารักษ์ที่ทางฟังใจซีนได้มาค่อนข้างมีเวลาจำกัดทำให้บทสัมภาษณ์นี้จึงถูกแบ่งเรื่องราวไว้เป็นหมวดหมู่ เรื่องราวที่เรากำลังจะพูดถึงต่อจากนี้ก็คือวงการดนตรีทั้งนี้ยังลากไปถึงเรื่องราวของภาพยนตร์ที่เขากำลังจะมีผลงานอีกด้วย เท่านี้ยังไม่พอแฟนเดย์..แฟนกันวันเดียว เป้ – อารักษ์รู้สึกอย่างไรกับภาพยนตร์เรื่องนี้ และนี่คือความเห็นทั้งหมดของผู้ชายที่ชื่อว่า อารักษ์   

ตอนนี้เป้ฟังเพลงไทยวงอะไรอยู่

ผมชอบฟัง Part Time Musicians แล้วก็ชอบดู Chanudom เล่นสด Polycat ผมก็ชอบ The Whitest Crow, My Life As Ali Thomas, อะตอม ชนกันต์, แอมมี่ The Bottom Blues, TwoPee, UrBoy TJ รวมไปถึงวงที่อยู่มานาน ๆ ทุกวงปัจจุบันทุกวงแม่งมีลายเซ็นหมด ถ้าเอ็งจะทำงานแบบ one hit wonder แล้วไม่มีลายเซ็น มันจะมีประโยชน์แค่แวบเดียวแล้วก็หายไป แต่ปัจจุบันนี้มันต้องมีลายเซ็น มันยากมากที่จะทำเพลงฮิตติด ๆ กัน แต่เราไม่ใช่ว่าจะสอนเขาได้นะ ล้านวิวยังไปไม่ถึงเลย (หัวเราะ) แต่ชิสุกะอะถึงนะ

เคยคาดหวังเรื่องจำนวนวิวไหม

ผมไม่ค่อยคาดหวัง ไม่กล้าคาดหวัง เพลง ฉันออกไปเต้นกับเพลงที่ไม่คิดจะฟัง ไม่กล้าคาดหวังเหมือนกัน เราทำดีที่สุดในทุกขั้นแหละที่เหลือต้องเป็นหน้าที่ของผู้ฟังว่าเขารู้สึกอย่างไร

อนาคตกับวงการเพลงเป้มองไว้ถึงตรงไหน

สมมติว่าจบชุดนี้ 16 เพลงแล้ว ผมจะออกเพลงทั้งหมดที่ไม่ได้ออกอีกประมาณ 30-40 เพลง ทำเป็นหนังสือเพลง มีคอร์ดแจกให้ (หัวเราะ) แล้วผมก็จะไปทำแนว 50s ที่บอกล่ะครับ แต่ก็จะยังเป็น Arak and the Pisat Band เหมือนเดิม แต่โปรเจกต์ 30-40 เพลงที่อยากจะออกต่อไปนี้ ใครที่คิดถึงชุดแรก อันนี้จะหนักกว่าชุดแรกอีก เซอร์กว่า เดือดกว่า อะไรที่ไม่กล้าออก อะไรสั้นไป ยาวไป บางเนื้อเพลงยาวไร้สาระ ก็จะเอามาใส่ให้หมดเลย ไว้อัลบั้มเสร็จก็จะเริ่มทำปีหน้าเลย

“บางทีแล้วการแต่งเพลงด้วยกันมันเหมือนกับมีโต๊ะตรงกลาง เอ็งเอาชีวิตของเอ็งมาวางไว้ วางไปทีละใบ ๆๆๆ ถ้าเกิดว่าเราเพลงกับใคร มันก็จะสนิทกันประมาณนึง”

คอนเสิร์ตปีนี้ที่ประทับใจสำหรับเป้ – อารักษ์

ล่าสุดไปดู Breakbot มา แต่เราเมามาก ตอนนั้นไม่รู้แล้วว่า เล่นดีไม่ดี แต่เราชอบมาก ๆ ที่เขามาไทยครั้งนี้ อีกอันก็น่าจะเป็นวันที่เราจะไปดู Last Dinosaurs กับ Panama เล่นเมื่อกลางปีที่ผ่านมา แต่ชิบหายวง Gym and Swim แม่งเล่นดีกว่าว่ะ (หัวเราะ) รักวงน้องเลย คือ วันนั้นเรารู้สึกว่ามันจะมีบาเรียร์บางอย่างของดนตรี ดนตรีมันไม่เหมือนหนังอะ หนังสองชั่วโมงเราดูได้จนจบแน่นอน แต่ดนตรีบางทีเคยฟังมาแล้ว เคยดูมาแล้ว แต่มีบางจุดที่ทำให้เรารู้สึกถึง แล้วไอ้นั่นมันทำให้เราถึงบ่อย ๆ orgasm ในหู แล้วมันไม่ได้เกิดขึ้นกับผมบ่อย อาจจะเกิดขึ้นตอนดูคอนเสิร์ต Black Rebel Motorcycle Club ตอนดูฮิวโก้ครั้งแรก ซึ่ง Gym and Swim ทำให้เรารู้สึกอย่างนั้น Panama แม่งคาราโอเกะ เบสเล่นดีมาก แต่เบสไม่ได้เล่นไงใช้เปิดเอา คือเขาเล่นแค่เปียโนกับกลอง แต่กลองเขาดีมาก ส่วน Last Dinosaurs เรารู้สึกว่าเขาต่อให้ เอามาแค่นี้ แต่ครั้งแรกที่เขามาสนุกมากเลยนะ ซาวด์ดีด้วย อาจจะเป็นเพราะ Panama เปิดซาวด์มันก็ดีกว่าในครั้งนี้ อย่างเทศกาลดนตรีที่เมืองนอก เราเพิ่งรู้จากพี่เจ มณฑลเหมือนกัน ถึงจะเป็นเวทีใหญ่ แต่ถ้าเอ็งเล่นช่วงบ่าย เขาก็ไม่เปิดเสียงให้เอ็งสุดนะ แกต้องทำซาวด์ในลิมิตที่ได้รับมา แต่ถ้าเอ็งขึ้น headline เมื่อไหร่ เขาอัดเต็มให้ เพราะไม่งั้นคนฟังดันเต็มทั้งหมด วงไล่ ๆ มาก็จะไม่สนุกแล้ว เขาใช้วิธีการแบบนั้น หมายความว่าถ้า Panama ขึ้นก่อนแล้วมาแบบเต็มที่ แล้วเราฟัง Last Dinosaurs ต่อ วงเขาซาวด์ก็ขึ้นสุดกว่านี้ไม่ได้แล้ว เราคิดอย่างนั้น มันเป็นจิตวิทยาแล้วก็เป็นเรื่องกายภาพด้วย พี่เจเขาสอนผมหลายอย่าง

อยากร่วมทำงานเพลงกับใครไหม

ตอนนี้อยากเอาตัวเองให้รอดก่อน (หัวเราะ) แต่ผมอยาก feat. กับแรปเปอร์มานานแล้ว แต่ก่อนหน้าผมเคยร้องเพลงกับพี่ต๊อก ศุภกรณ์ ถ้ามีโอกาสให้ลองไปฟัง ชื่อเพลง ตอ พี่ต๊อกแม่งสุดยอด ไปฟังเลย แรปเก่งชิบเป้งเลย แล้วผมก็อยาก feat. แบบ UrBoy TJ นะ ให้เขาร้องท่อนธรรมดา เดี๋ยวผมจะแรป (หัวเราะ) เขาเก่งมาก ทั้งบีท ทั้งการร้อง ครบถ้วนมาก

มองวงการเพลงไทยตอนนี้ยังไงบ้าง

ทุกวันนี้สนุกมากครับ ถ้าเราไม่ต้องกินต้องใช้นะ ถ้าต้องกินต้องใช้ก็ต้องทำแบบให้ลืมตาอ้าปากได้ ศรีราชาร็อคเกอร์ผมว่ามันเริ่มจะได้ว่ะ ถ้ามันทำไปจนถึงมันก็ทำได้ นี่ก็สุดยอด Gym and Swim ก็ไปทัวร์ญี่ปุ่นแล้ว เราว่าเขาไปได้นะเพราะเพลงเขาถึงจริง

อยากบอกอะไรเด็กรุ่นใหม่ที่จะเริ่มเล่นดนตรี

ไม่รู้จะช่วยอะไรได้มากไหมนะ แต่ว่าก็ต้องเป็นตัวของตัวเองกันไว้นะ ถ้าเป็นตัวของตัวเองดันเป็นเหมือนคนอื่น เอ็งก็ยังต้องเป็นตัวของตัวเอง พอจนถึงวันนึงมันก็จะไม่เหมือน Slur ก็เคยเหมือน The Stroke เหมือน The Cribs อย่าง The Richman Toy ก็เคยเหมือน Kings of Leon สักพักนึงมันก็ไม่เหมือน ก็เป็นตัวของตัวเอง แต่ตอนนี้ผมพยายามเก๊กอยู่ (หัวเราะ)

เจอแฟนคลับต้องเก๊กใส่ไหม

จะพูดยังไงดีวะ เข้าใจความขี้เก็กของดาราไหม สมมติว่าผมเป็นพี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ แล้วคนมาขอถ่ายรูป พี่ติ๊กขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ แล้วจะรีแอคแบบ หูยยย มาเลยครับ ได้สิ มา ๆ เฮ่ แชะ แต่บางคนแค่อาจจะเดินถือมือถือมา ไม่ได้ขอถ่ายรูปกับเรา แต่จะให้เราช่วยถ่ายรูปให้ แล้วถ้าเราทำท่าอย่างนั้นก็หน้าแตกสิ มันเลยสร้างบาเรียร์ขึ้นมา สมัยก่อนเจอแบบนี้บ่อย เราไม่ได้เป็นคนไม่ไนซ์นะ แต่พออยู่นาน ๆ ความไนซ์มันก็ต้องลดมาอยู่ในระดับกลาง เพราะไม่งั้นมันจะเจ็บเอง เคยโดนคำพูดที่สวนกลับมาแบบ หนูไม่ได้จะถ่ายพี่ค่ะ หรือ ไม่ได้อยากถ่ายด้วยซักหน่อย ทำไมเว่อร์จัง เล่นใหญ่รัชดาลัย จริง ๆ อยากจะบอกว่า คือ เราเป็นคนแบบนั้นเว่ย (หัวเราะ) หลัง ๆ เราเลยหัดเก๊ก ทำให้มันอยู่ในจุดตรงกลางมากขึ้น เลยเข้าใจนักแสดงหลาย ๆ คนที่โดนด่าว่าเขาเก๊ก

7

เป้ไม่ใช่คนหงุดหงิดง่าย

ไม่เลยครับ แต่เวลาเล่นละครแล้วมันเป็น เวลาเราตั้งใจทำงานแล้วมันไม่ได้ดั่งใจ เราจะขี้หงุดหงิด บางทีก็ตะโกน โวยวายทุบโต๊ะ เวลาจะทำบรีฟ บางทีเราหงุดหงิดตัวเอง บางทีหงุดหงิดคู่ของเรา ทำไมส่งมาแบบนี้ จริง ๆ เราไม่ควรหงุดหงิดเขา มันก็เป็นความผิดของเราเอง แต่เราจะเป็นแบบ ถ้ามันมีเรื่องที่ไม่ได้ดั่งใจเกิดขึ้นแล้วเราพยายามจะทำให้มันดี เราจะไม่ค่อยได้ยินเสียงคนรอบข้างแล้ว เป็นบ่อยนะ ตากล้องคุยกับเรา เราไม่ได้ยิน แล้วช่วงหลังเริ่มเป็นบ่อย ไม่ค่อยได้ยืนเสียงรอบข้าง แต่ได้ยินเสียงคนข้างหน้า หรือถ้าเราได้ยินมาก ๆ แล้วอยู่ ๆ ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เหมือนเส้นอะไรจะขาดอะ ถ้าเกิดไม่กดไว้คงต้องตะโกนโวยวายแน่เลย แต่เราไม่ใช่คนขี้หงุดหงิดแบบนั้น

ผลงานในช่วงนี้ของเป้- อารักษ์

ตอนนี้มีชื่อเรื่อง ดาวคะนอง ครับ กำลังจะเข้าฉาย แต่เดี๋ยวจะเอาไปฉายเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศก่อน ถ้าพูดตามที่ผู้กำกับ พี่ใหม่ อโณชา พูดคือเป็นหนังที่เคารพความชอบของการทำหนัง เคารพในความชอบภาพยนตร์ แสดงออกถึงความไม่รู้ของคน ได้รับคำชมเยอะเหมือนกันนะ เราก็ว่ามันต้องดี เป็นหนังสายลึกเลย สายประกวด เราก็มีโอกาสได้เล่นหนังแบบนี้ก็ดีมากเหมือนกัน ได้มีประสบการณ์ใหม่ พอเป็นหนังอินดี้ เขาไม่ต้องตอบโจทย์โปรดิวเซอร์หรือนายทุน มันตอบโจทย์ผู้กำกับ เขาอยากได้แบบไหนมึงต้องทำได้แบบนั้น มันคือหนังตัวตน อินเนอร์ ไม่หวังกำไร เราทำหนังแบบนี้ก็เลยได้ความรู้สึกอีกแบบนึง

วงการละครบ้านเราตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

ผมว่า ผมยังโชคดีนะที่ยังได้ทำอยู่ แต่เอาจริงเราไม่ใช่แฟนละคร เราเป็นแฟนหนัง อย่างเราไปดูแฟนเดย์..แฟนกันวันเดียว มา สนุกครับ ละมุน ลุ่มลึก เก่งกาจ ไม่กระโชกโฮกฮาก แต่คนอื่นอาจจะไม่ชอบเพราะมันไม่รวดเร็ว แต่ว่ามิว นิษฐา นางเอกอะ มีปุ่มแบบนั้นแน่นอนที่กดแล้วร้องไห้เลย (หัวเราะ)

เวลาเห็นผู้หญิงยิ้มสวยแบบมิวแล้วรู้สึกยังไง

ก็น่าจะเรียบร้อยทุกคนน่ะครับ ให้ไปจ้องตามิวหนึ่งนาทีผมก็คงเรียบร้อยเหมือนกัน (หัวเราะ) ใครไปจ้องก็ไม่รอด

*บทสัมภาษณ์ช่วงนี้อาจสปอยล์เนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์แฟนเดย์.. แฟนกันวันเดียว*

ถ้าเป็นพระเอกจะทำแบบในตอนจบไหม

ไม่ ผมเลวกว่านั้นเยอะ ก็กูชอบมึงอะ แต่นั่นมันพระเอกไง คือหนังปูมาว่าเขาเป็นคนแบบนั้น ยอมเสียใจดีกว่าเสียหน้า

เป้เคยทำแบบในหนังไหม

เคยมีแบบ รู้ว่าเขาก็ชอบเราเหมือนกันนะ แต่เราก็ไม่กล้าข้ามไปอีกขั้นเพราะกลัวเสียอะไรบางอย่างไป มากกว่า แต่พระเอกเรื่องนี้ดีเกินไปอะ ก็แหมอยู่กับเจ้าชายอย่างพี่ตุ้ย ธีรภัทรก็ต้องมีความหวือหวามากกว่าอยู่แล้วเป็นธรรมดา

แต่ถือว่าเป็นหนังที่ดี

สำหรับผมแล้วดีมากครับ ทุกอย่างในเรื่องนี้มันมีองค์ประกอบที่ลงตัวของมันอยู่ ดีใจทีได้เห็นหนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกของค่าย GDH ครับ

เชื่อว่าวงการบันเทิงเราจะสู้เกาหลีได้หรือยัง

มีบางอันทัดเทียมได้แล้วนะ อย่างฮอร์โมนไง แล้วก็มีอีกหลายอันที่มันทัดเทียมกันจริง ๆ Full House ที่ไมค์เล่นยังไปทั่วจีนได้เลย หนังเราไปได้อยู่แล้ว พี่มากพระโขนง แต่หนังเกาหลีเราไม่ได้ดูแค่ Train to Busan นะ พวกหนังแอคชั่นแบบฮอลลิวู้ดปิดตึก ปิดเมือง ระเบิดสะพาน ขนสลิงมายิ่งใหญ่ ไม่ได้เป็น martial art แบบที่เราทำกัน แต่เป็นแบบมีเรื่องมีราวน่าติดตาม ถ้าเรายังอุดหนุนงานของประเทศเรา วันนึงภาพยนตร์ก็อาจจะกลับมาก็ได้ อาจจะกลับมาแบบละครฟอร์มใหญ่ แต่เอาจริง ๆ แล้วละครเกาหลีที่เราชอบกันน้ำเน่า ซึ่งเราคนดูก็รู้แหละว่าใครจะเป็นอะไร เดาออก แต่เอาไปเลย กูยอม (หัวเราะ) เสร็จเขาหมด

8

PART 4 : ฉันออกไปเต้นกับเพลงที่ไม่คิดจะฟัง

ก่อนจะจากลากันไปในครั้งนี้เรามาถามความเห็นของเป้ – อารักษ์กันหน่อยดีกว่ากับการถ่ายปกฟังใจซีนครั้งนี้ว่าเขารู้สึกอย่างไรบ้าง รวมไปถึงการสปอยลล์อัลบั้มเต็มของเขาที่กำลังจะออกว่าท่านจะได้พบกับอะไรในอัลบั้มนี้บ้าง ที่สำคัญที่มาคร่าว ๆ ของแต่ละเพลงในอัลบั้มนี้เป็นอย่างไร ติดตามกันได้เลยในบทสัมภาษณ์ส่งท้ายเรื่องราวของหนุ่มเหงาคนนี้ 

ถ่ายปกกับ Fungjaizine ครั้งนี้ บรรยากาศการถ่ายเป็นยังไงบ้าง

ตลกดีครับ ตอนแรกเข้าบ้านผมยังแบบ เฮ้ย จริงหรอวะ เอาจริงไม่รู้ธีมเลย แต่ก็สนุกดีครับ น้อง ๆ ก็น่ารัก ตลกดี อีกอย่างหนึ่งที่ผมตกใจ คือ การมาถ่ายรูปขึ้นปก Fungjaizine เป็นธีมเดียวกับ mv ผมเลย แล้วเสื้อเป็นสีม่วงตัวเดียวกับที่ถ่ายปกซิงเกิ้ล คืองงสัส ก็เป็นการซิงค์ที่เยี่ยม เราจะได้ใช้รูปอย่างเต็มที่แน่นอน

เคยเหงาจนจัดปาร์ตี้คนเดียวไหม

เคยนะครับ แต่คงไม่คิดจัดปาร์ตี้คนเดียว (หัวเราะ) อย่างมากก็นั่งเล่นคอม นั่ง YouTube คนเดียวก็เหงาแล้วนะ

ถ้าให้จัดปาร์ตี้คนเดียวอยากจัดแบบไหน

โหย จัดแบบโป๊ ๆ ไม่ใส่เสื้อผ้าครับ (หัวเราะ)

ถ้าให้ชวนเพื่อนมาอยากชวนใคร

ผมว่า ผมก็จะชวนเพื่อน ๆ ที่รู้จักกันมาตั้งแต่ ม.ปลายครับ เขาเฮฮาสุดแล้ว เวลาเราออกมาทำงานบ่อย ๆ แล้วรู้สึกว่าบางอย่างมันไม่ค่อยจริง ไม่ใช่ว่าคนไม่จริงนะ แต่บางทีสิ่งที่เราทำมันจริงมั่ง ไม่จริงมั่งสลับกัน แต่พอมาอยู่กับเพื่อนพวกนี้แล้วรู้สึกว่าจริงทุกอย่าง

“เทศกาลดนตรีที่เมืองนอก ถึงจะเป็นเวทีใหญ่ แต่ถ้าเอ็งเล่นช่วงบ่าย เขาก็ไม่เปิดเสียงให้เอ็งสุดนะ แกต้องทำซาวด์ในลิมิตที่ได้รับมา แต่ถ้าเอ็งขึ้น headline เมื่อไหร่ เขาอัดเต็มให้ เพราะไม่งั้นคนฟังดันเต็มทั้งหมด วงไล่ ๆ มาก็จะไม่สนุกแล้ว”

ที่มาของเพลงฉันออกไปเต้นกับเพลงที่ไม่คิดจะฟัง

มันมาจากผมไม่ชอบเที่ยวผับกลางคืนเลย เพราะไม่ชอบออกไป มันเหนื่อย แต่ก็ไปได้ คือ ผมไม่กินเหล้า แล้วไปทีก็ต้องจริงจังเหมือนกัน ถ้าไปแล้วไม่ปลดล็อกเป็นโหมดกลางคืนแล้วไม่สนุกแน่นอน แต่ถ้าไปแล้ว turn on เมื่อไหร่ก็สนุกละ mv มันก็เป็นแบบนั้น คือผู้ชายที่ไม่เคยเที่ยว แล้วไปถึงก็เด๋อ ๆ หน่อย แต่ก็เปิดเครื่องแล้วฮาได้ คือผมเองเลย แล้วเชื่อว่าผู้ชายหลาย ๆ คนก็เป็นที่ไม่ชอบไปผับที่มันเบียดกัน กินก็ยาก ยืนก็ยาก แต่บางทีมันก็จำเป็นต้องออกไปเพราะไปหาสาว ไม่รู้จะไปเจอที่ไหน แล้วสาวที่มี potential ที่เราสามารถจะคบหา มีความสนุกด้วยกันได้ก็น่าจะอยู่ที่เหล่านี้เป็นส่วนใหญ่ ฉันก็เลยจะยอมออกไป ผมแต่งเพลงนี้ตอนที่ฟังเพลงของ Justin Timberlake เพลง  Can’t Stop The Feeling ผม jetlag อยู่แล้วตื่นขึ้นมาสองทุ่ม เปิดเจอเพลงนี้เพลงแรก แกะกีตาร์เลย แล้วมันเป็นเรื่องที่คิดอยู่แล้วว่าอยากจะเอามาแต่งเพลงใหม่สำหรับเรา

เคยทำแบบในเพลงไหม

ก็มีบ้างครับ แต่มันก็เป็นแค่การผูกมิตร ไม่ได้จะคิดถึงเรื่องนั้นเรื่องเดียว แค่ได้พูดคุย เจอคนแปลก ๆ บางทีสังคมที่เราอยู่ก็ไม่ใช่สังคมทั้งหมดของประเทศอยู่แล้ว วิธีที่เราจะไปทำความรู้จักเขามันก็เป็นวิธีที่ดีเหมือนกันนะ อาจจะมีเรื่องลามกนำ แต่หลังจากนั้นอาจจะมีอะไรที่มันดีขึ้น

ที่มาแต่ละเพลงในอัลบั้มเหล็กกับไม้ โดยพอสังเขป

มีเพลงชื่อ พลังที่หว่างขา แค่ชื่อก็โหดแล้วใช่ปะ แต่มันเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ คือ เพื่อนผมซื้อรถ 1,000 cc มา แล้วผมลองขับดู ผมเพิ่งไปเกียร์สองแล้วมองไปที่หน้าปัดรถ โหย ไป 120 เร็วชิบหาย ผมเบรคแทบไม่ทัน ทุกอย่างมันอยู่ที่หว่างขา แบบ ระวังนะเดี๋ยวจะใช้ชีวิตเร็วไป แล้วก็มีเพลง รักนักร้อง มันมาจากผมอยากแต่งเพลงเร็ว คือ ผมแต่งได้แต่เพลงช้า แล้วรู้สึกว่าเพลงเร็วมันมีแต่คนชอบพูดถึงเรื่องการออกไปสนุกด้วยกัน เอ้า ทุกคนทำชีวิตให้มันสนุกสิ ชีวิตมีครั้งเดียว เอ้า ออกไปเต้นกัน ก็คิดว่าคนทำเยอะแล้ว เลยแต่งเกี่ยวกับว่าเราชอบนักร้องผู้หญิงที่ร้องบนเวที แต่เวลาเขาร้องเนื้อเพลงมันดูเศร้าจังเลย ก็อยากจะเปลี่ยนคำว่า เขา ในเพลงของเขา เปลี่ยนเป็นชื่อเราดีไหม คือเรื้อน ๆ อะ “ถ้าเขาเป็นบทเพลงทำให้เธอเสียใจ อยากให้เธอลองใหม่ ใส่ชื่อฉันลงไปดีไหม” เป็นเรื่องของภาษาที่เราไม่ได้พยายามพูดเรื่องราวที่มันเท่ หรือติสท์แล้ว เราพูดเรื่องปกติด้วยภาษาอีกแบบนึง ที่เขาไม่ได้ใช้กันทั่วไป อย่างเพลงรอ มันจะมีคำว่า “ฉันขับรถไปไกลหลายโล ไปมองหลังคาให้หมาเธอโมโห” คือผมไปถ่ายรายการที่ต่างจังหวัด แล้วพิธีกรน่ารักมาก (หัวเราะ) เราก็แฮปปี้ คุยกันทั้งวัน พอตอนกลางคืนก็ถามเนียน ๆ ว่ามีแฟนยัง เขาตอบว่ามีแล้ว แต่ก็แบบ จะรอก็ได้ แต่ถ้าไม่เลิกก็จบ ส่วนจะไปมองหลังคาให้หมาเธอโมโหนี่คือตอนเด็ก ๆ มีรุ่นพี่ขับรถไปหน้าบ้านผู้หญิงแล้วเล่นกีตาร์ หมาแม่งเห่า เอาหลาย ๆ เรื่องมารวมกัน มีอะไรแบบนี้อยู่ จะกวน ๆ ด้วย คนคงบ่นว่าเพลงอะไร ทำไมถึงแต่งแบบนี้ ก็ชินแล้วแต่ไม่อยากชินมากนะครับ

อยากแนะนำเพลงไหนให้ฟังใจซีนฟัง

เพลง อย่าเล่นกับไฟ ครับ แล้วก็ ว่ายน้ำ เป็นชีวิตจริงของผมช่วงนึง ช่วงที่ผมออกจาก Slur แล้วไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ช่วงดาร์ก ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันดีไหม โดนคนด่าตลอดเลย แล้วมองกลับไปข้างหลังก็มีคนเกลียดเราอยู่ มีเพื่อนเราที่เคยเป็นเพื่อนกันก็เกลียดกัน ก็เลยแต่งว่า “กายฉันว่ายน้ำไป ใจฉันคิดถึงเธอ” เหมือนสุดท้ายแล้วเราก็ต้องว่ายกลับไปอยู่ดี แต่เราก็ยังจะว่ายต่อไปในทางที่เราควรจะไป ไม่ว่าข้างหลังเราจะทิ้งอะไรมา และจะเจออุปสรรคแค่ไหน เหมือนพระมหาชนกแหละครับ แต่แปลความหมายไปอีกแบบ

ฝากถึงอัลบั้มเหล็กกับไม้หน่อย

5 พฤศจิกายนปีนี้ คุณต้องได้ซื้ออัลบั้มใหม่ของผมแน่นอนครับ ด้วยความที่เราทำมานานถึงสามปี เราก็ไม่ได้ควบคุมคุณภาพมันให้ดีในทางเดียวกันนักหรอกครับ มันค่อนข้างหลากหลายมาก มีทั้งโฟล์กคันทรี โฟล์กเพียวแบบ Bob Dylan จนถึงร็อกแบบ The Whitest Crow หรือเพลงแบบ motown ค่อนข้างมั่ว เราก็พยายามจัดธีม แต่ด้วยความที่มันสามปีแล้วเราก็ฟังหลายแบบ ก็เลยมารวม ๆ ในชุดนี้ คงจะเป็นชุดที่มั่วซั่วที่สุด และมีสีสันมาก เพราะว่ามันจะแปลกใหม่  แต่ว่า มันจะมีความใหม่ในความเป็นตัวผมเองและปิศาจแบนด์ ฝากด้วยครับ รวมถึงบทสัมภาษณ์นี้ด้วยนะครับฝากฟังใจซีนด้วยครับ

ก่อนที่จะจากลากันไปผมและเป้ – อารักษ์ได้นั่งสนทนากันต่อในเรื่องราวที่สนุกสนานในชีวิตของเราทั้งคู่ที่เกิดขึ้น เป็นการแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิตของผม เพราะผู้ชายคนนี้มีมุมมองอีกมากมายหลากหลาย หากคุณได้รู้จักเขาอย่างเต็มที่แล้ว คุณจะหลงรักเขาอย่างแน่นอน แล้วพบกันใหม่เมื่อมีโอกาสครับ / กันดิศ  

 

9

 

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง