ขุน Two Million Thanks
- Writer: Teeraphat Janejai
- Photographer: Neungburuj Butchaingam
คงไม่มีอะไรเหมาะเจาะไปกว่าวันที่ฝนตกฟ้าร้องในช่วงบ่ายวันอาทิตย์กับการนัดสัมภาษณ์ครีเอทีฟรายการเกมโชว์ยอดฮิตที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก — ปริศนาฟ้าแลบบบบบบบ!!! (ให้นึกเสียง ตา – ปัญญา นิรันดร์กุล ด้วยจะได้อรรถรสยิ่งขึ้น)
ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้น ครีเอทีฟรายการทีวีสายแมสที่จะได้คุยกลับเป็น ขุน – ขุนพล แก้วเกตุ มือกลองจากวงอินดี้ไทย Two Million Thanks
เมื่ออินดี้จัดกับแมสจัดมาอยู่ในร่างของคนคนเดียวกัน แล้วเขา จะทำได้ไหม ทำได้หรือเปล่า~ มาดูกันว่าคนคิดคำถามที่กวนเบื้องล่างเสียเหลือเกินจะตอบได้มั้ยว่าอะไรที่ทำให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองหัวเราะกับคำถามได้ขนาดนี้
ได้ยินมาว่านอกจากเล่นดนตรีแล้วยังทำอาชีพครีเอทีฟรายการทีวีด้วย
ใช่ครับ ทำให้รายการ’ปริศนาฟ้าแลบ’ ตอนนี้ก็ได้เข้าไปร่วมทำรายการ’เกมจารชน’ด้วย
ครีเอทีฟรายการทีวีทำอะไรบ้าง
ครีเอทีฟรายการทีวีก็เปรียบเหมือนผู้ช่วยผู้กำกับในสายภาพยนตร์ ควบคุมการผลิต คิดออกแบบในช่วง pre – prodution ทั้งคิดคำถามให้เหมาะกับแขกรับเชิญ ซึ่งเราก็ช่วยเลือกแขกรับเชิญด้วย จัดทีมดาราให้เคมีเข้ากัน หรืออย่างพวกมุขให้ทีมงาน stage คนที่ดูแลเก้าอี้ว่าจะให้เข้าไปกวนตีนดาราบ้าง พวกผมก็เป็นคนคิด ดูแลเรื่องการตัดต่อในช่วง post – production อย่างทีม’ปริศนาฟ้าแลบ’ก็ต้องตัดต่อเองได้ในระดับหนึ่ง เพราะเราจะเห็นภาพที่เราอยากได้อยู่แล้ว ซึ่งทำให้งานเร็วขึ้นกว่ารอให้เขาตัดมาให้ แล้วก็ต้องกลับไปแก้ตามที่เราอยากได้อีก การทำงานที่ Workpoint จะขึ้นชื่อเรื่องงานหนักและโหด แต่นั่นก็ทำให้เรามีชั่วโมงบินนำคนอื่น ๆ ไปเยอะ
ความยากง่ายของการคิดคำถามกวน ๆ
จริง ๆ มันก็แอบมีสูตรคล้าย ๆ การเล่นตลกคาเฟ่ มีปู ชง ตบ ขยี้ คำถามที่เราคิดจะมีหลายประเภท อย่างเช่น คำถามที่ต้องการสีหน้าของคนเล่นประมาณว่า นี่ถามแล้วเหรอ คำถามอะไรของมึงวะ (หัวเราะ) อีกแบบหนึ่งก็จะเป็นคำถามชุด คำถามแรกก็จะปูเรื่องมาง่ายหน่อย ข้อสองก็เชื่อมโยงกัน ตอบได้ก็ตอบไป แต่ข้อสามนี่ร่วงชัวร์ อีกประเภทหนึ่งก็เป็นคำถามแบบฆ่าเลย ตอบได้ก็เก่งชิบหาย
ส่วนขั้นตอนการคิด เราจะคิดคำถามส่งให้หัวหน้ากรองก่อนหนึ่งชั้น ผ่านแล้วก็ส่งไปให้ พี่ตา – ปัญญา นิรันดร์กุล ซึ่งเป็นด่านสกรีนชั้นสุดท้าย เขาก็จะเสนอให้แก้พวกคำถามที่อ่านแล้วงง ซึ่งประสบการณ์ของเขาสามารถเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศได้ว่าคำถามนี้โอเคหรือยัง คิดคำถามส่งไปเรื่อย ๆ เก็บเป็นคลังไว้ แต่ก่อนเคยโดนสั่งให้ไปคิดคำถามทีละร้อยข้อ แล้วเดี๋ยวหัวหน้าคัดเอง แต่ก็พบว่ามันได้แต่เชิงปริมาณ หลัง ๆ เขาเลยนับคำถามที่ผ่านการคัดจากเขาแล้วสามสิบข้อ ซึ่งเราก็คิดแล้วว่ากูต้องคิดประมาณสองร้อยข้อชัวร์เลยถึงจะผ่านสามสิบข้อ (หัวเราะ)
ทีมครีเอทีฟใน’ปริศนาฟ้าแลบ’เป็นคนแบบไหน เสพงานแบบไหนถึงคิดคำถามแบบนี้ได้
หลัก ๆ จะเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ไม่ก็จะเป็นพวกดูงานทุกอย่างในโลก คลิปตลกไม่ตลกที่เขาแชร์ ๆ กัน ดูละครด้วย แม้จะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่พอดูแล้วมันก็ได้ไอเดียแปลก ๆ กลับไป จริง ๆ อ่านหรือดูอะไรก็ได้ในโลกนี้ ดูแม่งให้หมด
คนรอบตัวรู้มั้ยว่าเป็นคนคิดคำถามรายการ’ปริศนาฟ้าแลบ’
มีดิ ไปปาร์ตี้ที่ไหนก็มีแต่คนให้เล่นตลก คิดคำถามตลก ๆ ให้เล่นหน่อย รู้กันบ้างมั้ยเนี่ยว่ากูเครียดชิบหาย (หัวเราะ)
คำถามที่ภูมิใจหรือแนวที่ถนัด
ผมจะเป็นสายคิดคำถามเปิด ข้อสั้น ๆ โ ง่ๆ เช่น ‘สแตมป์ร้องเพลงเพราะ’ คนเล่นก็งงดิ นี่มึงถามแล้วเหรอ (หัวเราะ) อันนี้บอกเล่าหรือคำถามครับ ข้อต่อมาก็เป็น ‘สแตมป์ร้องเพลงเพราะเพราะ’ แบบนี้คือทางถนัด ถ้าคำถามที่เขาฮิต ๆ กันก็คงเป็น ‘ถ้าทาร์ซานตายไปจะเป็นผีห่าซาตานหรือผีห่าทาร์ซาน’ การคิดคำถามใน’ปริศนาฟ้าแลบ’จะมีกรอบอยู่ว่า ต้องเป็นคำถามที่เข้าใจง่าย คนที่โง่ที่สุดในโลกต้องเข้าใจต้องเล่นได้ตอบได้
ในฐานะที่เป็นคนคิดคำถามซึ่งอยู่เบื้องหลัง รู้สึกอย่างไรเวลาเห็นคนชอบคำถามของเราแล้วเอาไปเล่นกัน
ก็รู้สึกดี สุดท้ายก็เป็นผลงานที่เราคิดขึ้นมาและภูมิใจที่จะนำเสนอออกไป จริง ๆ ผลตอบรับมันเป็นส่วนเสริม ก็เหมือนเวลาทำเพลงกับ Two Million Thanks เราก็ภูมิใจ ผลตอบรับจะเป็นอย่างไรก็ช่างแม่ง จริง ๆ ก็มีความคล้ายคลึงกับการเล่นดนตรีที่เป็นคนเบื้องหน้านะ ในความรู้สึกเรามันก็เป็นงานเหมือนกัน เวลาเล่นดนตรีเราก็ทำงานที่ดีที่สุดออกไป ภูมิใจเหมือนกัน
เคยขึ้นไปนั่งเล่นบนเก้าอี้ในรายการมั้ย
เคยดิ โดนรับน้องกันทุกคน (FJZ: มันตื่นเต้นแบบที่เห็นในทีวีมั้ย) ก็ได้เสียวเลย เหมือนเครื่องเล่นในสวนสนุก เกือบสิบเมตรได้มั้ง ตอนที่เราอยู่ข้างล่างก็เฉย ๆ ไม่คิดว่ามันจะสูงขนาดนั้น
อย่างรายการ’เกมจารชน’ที่เป็นรายการโคตรฮิตสมัยก่อน รู้สึกกดดันมั้ยที่ต้องนำมาทำใหม่โดยมีของเดิมเป็นบรรทัดฐาน
เขามีโจทย์มาให้ว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ไม่เหมือนเดิม อันนี้ก็พูดได้เต็มปากว่าผมกับพี่อีกคนเป็นคนคิดรูปแบบรายการใหม่ ซึ่งยากมาก รายการ re – make มันโดนเปรียบเทียบอยู่แล้ว เราก็พยายามคิดให้เหมาะกับคนรุ่นเรา ทำให้ร่วมสมัย ตอนนี้ก็เป็นช่วงลองผิดลองถูก ทำเทปแรกไปแล้วเราก็เก็บเสียงตอบรับมา คนส่วนใหญ่ก็ยังติดภาพการลงโทษโหด ๆ ในยุคก่อน แต่ตอนนี้เรามาทำออกไปทางฮาก๊ากก็อาจจะผิดจากที่เขาหวังกันไว้บ้าง ก็ต้องมาพัฒนากันไปเรื่อย ๆ
ทำงานครีเอทีฟเคยเจอภาวะสมองตันมั้ย
โชคดีที่ว่า’ปริศนาฟ้าแลบ’ก็จะมีดาราหมุนเวียนกันไปเรื่อย ๆ พวกคำถามหรือมุขต่าง ๆ เราก็จะคิดให้เข้ากับคาแรกเตอร์ของเขา มันก็มีที่คล้าย ๆ กันบ้างในแต่ละเทป แต่สำหรับรายการนี้ก็คิดได้เรื่อย ๆ ส่วนการคิดคำถามแล้วโดนแก้ คิดใหม่ มันเป็นเรื่องธรรมดามาก หัวตันประจำ (หัวเราะ)
ตันแล้วทำอย่างไร
คือเขาจ้างให้เรามาแก้ปัญหา ทุกคนก็ตันทั้งนั้นแหละ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่เราต้องจัดการตัวเอง รายการ on air 5 วันต่อสัปดาห์ เวลาให้เราหยุดคิดมันแทบไม่มีอยู่แล้ว ถ้ามีเวลาก็ขอหยุดพักสมองเลย ออกไปข้างนอก ไปเจอคนอื่นบ้าง ดูงานดนตรีบ้าง พอกลับมาเราก็มีวัตถุดิบใหม่ ๆ แต่ผมก็เชื่อนะว่าคนเราจะคิดงานออกมาได้ดีตอนที่กดดันสุด ๆ
คนส่วนใหญ่ชอบมีภาพว่าครีเอทีฟจะต้องมีชีวิตเท่ ๆ แต่งตัวดี ๆ ชีวิตจริง ๆ ของพี่เป็นอย่างไร
ก็คงเท่แหละ สำหรับเราคิดว่าการทำงานตรงนี้ก็เป็นอาชีพที่มีเกียรติ ส่วนชีวิตของเราก็อยู่ที่เราว่าโอเคหรือเปล่ากับการทำงานหนักและหลากหลาย
ทำงานทีวีแบบนี้แล้วว่างดูรายการอื่นมั้ย
ก็หาเวลาดูบ้าง รายการของเจ้าอื่นยิ่งต้องดู ก็เหมือนการศึกษาคู่แข่ง อีกแง่หนึ่งการดูรายการของคนอื่นก็เป็นแรงบันดาลใจให้กันและกันด้วย
มีรายการทีวีไหนที่เป็นแรงบันดาลใจให้อยากทำงานด้านนี้
‘แฟนพันธุ์แท้’ กับ ‘อัจฉริยะข้ามคืน’ แล้วสุดท้ายเราก็ได้เข้ามาทำงานกับทีมที่เคยทำรายการนั้น ซึ่งก็เหมือนกับเป็นไอดอลของเรา ได้เรียนรู้จากเขาเยอะ โชคดีอีกขั้นที่ได้ทำงานใกล้ ๆ กับพี่จิก – ประภาส ชลศรานนท์ ซึ่งเป็นรุ่นใหญ่ที่ดูแลเรื่อง production ทุกอย่างใน Workpoint แล้วที่น่าแปลกใจคือ เราเคยเห็นเขาเป็นนักแต่งเพลง นักเขียน น่าจะสุขุมนุ่มลึก ตัดภาพมาแกเป็นคนกวนตีนเหมือนคนทำงานทีวีทั่วไป แล้วเขาไม่แก่เลย ชอบคุยกับเด็กรุ่นใหม่
ลืมถามเลยว่าเรียนจบที่ไหนมา
ภาพยนตร์ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังครับ
เรียนภาพยนตร์แล้วทำไมถึงสนใจมาทำครีเอทีฟรายการทีวี
สนใจรายการทีวีเพราะเราอยากรู้ว่าคนเบื้องหลังที่ทำรายการบันเทิงเขาอยู่กันแบบไหน แล้วเราเองก็ชอบทำงานที่ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ โชคดีที่ Workpoint ค่อนข้างเปิดกว้างทางความคิด ถ้าเราคิดเจ๋งจริงเขาก็ซื้อ หัวหน้าและทีมงานก็อินดี้เหมือนกันนะ แต่ก็สามารถทำงาน commercial ได้ ตอนนี้ก็ทำได้ปีกว่า ๆ แล้ว ก่อนหน้านั้นเคยทำสารคดี เป็นหนังสารคดีสั้น ๆ ชื่อรายการ ‘ก(ล)างเมือง’ ออกอากาศทางช่องไทยพีบีเอส ส่วนตัวก็ยังอยากทำงานในแนวนี้ แต่เราก็อยากเก็บประสบการณ์ใหม่ ๆ จากด้านอื่นด้วย ไม่เชิงว่าอยากค้นหาตัวเอง เพราะเรารู้แล้วว่าเราอยากทำงานแบบไหน แค่อยากเข้าไปเรียนรู้
รู้สึกอย่างไรตอนทำรายการสารคดีทั้งที่คนไทยไม่ค่อยสนใจดูเท่าไหร่
มันก็เหมือนเราเตะบอล นักเตะก็ต้องมุ่งมั่นที่จะยิงประตูให้ได้มากกว่าที่จะสนใจกองเชียร์อยู่แล้ว เสียงเชียร์ที่ได้มันก็เป็นผลพลอยได้ อาจจะมีเหลียวมองบ้างว่าคนประทับใจกับงานของเรามากแค่ไหน
บ้านเราไม่ค่อยมีรายการสารคดีหรือเชิงให้ความรู้มากเท่าไหร่ คนทำทีวีรู้สึกถึงปรากฏการณ์นี้มั้ย
ตอนนี้ก็มีพี่ธิดา ผลิตผลการพิมพ์ บรรณาธิการ Bioscope ที่ทำ Documentary Club ให้วงการสารคดีบ้านเราเริ่มเป็นที่สนใจ เราดีใจมากที่สารคดีกลับมามีที่ทาง
เป็นเพราะว่าคนดูไม่ชอบดู หรือว่าไม่มีคนคิดจะทำ
ต้องยอมรับว่าคนไทยเติบโตมากับความสนุก ซึ่งสารคดีส่วนใหญ่มันไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ คนทำงานเหนื่อย ๆ มาก็อยากดูอะไรสนุก ๆ มากกว่า ก็เลยกลายเป็นงูกินหาง คนดูก็ไม่อยากดู คนทำก็เลยไม่อยากทำ
รู้สึกมั้ยว่าตอนนี้บ้านเรามีรายการประกวดความสามารถเยอะมาก
เยอะจนเรายังหงุดหงิด คนไทยอาจจะชอบการแข่งขัน ชอบเชียร์ พอคนดูเยอะ คนทำทีวีก็แห่ไปทำกันหมด
ในการที่เป็นทั้งนักดนตรีในสายอินดี้กับครีเอทีฟรายการทีวีในสายแมส คิดว่ามีหนทางที่จะนำงานอินดี้มาออกอากาศในทีวี หรือทำให้คนดูสายแมสสามารถดูงานอินดี้ได้โดยไม่รู้สึกแปลกแยก
เป็นโจทย์ที่อยากทำมากเลย ที่ Fungjai ทำอยู่ก็ดีมากที่เปิดโอกาสให้คนสายอินดี้ได้มีพื้นที่ ได้เป็นที่รู้จัก แต่ต้องใช้เวลา ก็เห็นได้จากตอนนี้งานสายอินดี้ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นกว่าแต่ก่อน มันก็น่าจะเป็นไปได้ในอนาคต
ในทางกลับกัน ทำอย่างไรให้คนที่ชอบงานอินดี้ไม่ต่อต้านการทำงาน commercial
ตอนแรกเราก็กลัวมากกับการทำงาน commercial แต่พอเราเข้าไปทำจริง ๆ ก็เจอคนที่สอนว่าสุดท้ายแล้วคนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่สมดุลทั้งสองสิ่งได้ Workpoint ก็เป็นงานแมส แต่ก็มีคนอินดี้ในนั้นเยอะ ซึ่งก็ทำงานทั้งสองทางได้ดี ความเป็นศิลปินที่ดีก็ต้องทำงานที่ขายได้ สื่อสารได้ด้วย อย่างพี่ต้น DuckUnit เขาผ่านงานมาทุกประเภท สามารถจัดการได้ทุกแบบ หลายคนจะมีปัญหากับการทำงานในกรอบ ทำงานตามคำสั่ง มันก็อยู่ที่ว่าถ้าเรายังอยากอยู่ในองค์กรแบบนี้ ก็ต้องทำให้ได้ ส่วนเวลาอื่นจะทำอะไรก็ทำไป ต้องแยกแยะให้ได้ จะทำงานของตัวเองอย่างเดียวก็ได้ถ้ามันดีมากพอ
มีความฝันที่จะทำรายการทีวีเป็นของตัวเองมั้ย
ทำรายการทีวีเพื่อดนตรีนอกกระแส รวมถึงอาชีพที่คนไม่ค่อยรู้จักในวงการดนตรีด้วย ถ้ามีเงินจะทำช่องของตัวเองด้วยซ้ำ (หัวเราะ) เราอยากให้คนรุ่นต่อไปรู้ว่ามันมีอาชีพ lighting design แบบทีม DuckUnit มีนักออกแบบเสียง มีคนทำ mv หลายแนวมากกว่าที่แชร์ ๆ กัน เราโตมาในยุคที่เห็นงานพวกนี้น้อย เราก็เลยอยากให้เด็กรุ่นใหม่เห็นอาชีพที่หลากหลาย
ไหน ๆ ก็ได้เจอคนคิดคำถาม’ปริศนาฟ้าแลบ’แล้ว ขอหนึ่งคำถามให้คนอ่านฟังใจซีนหน่อย
ฟังใจ ฟังอะไร
เฉลย: ฟังเพลงดิวะ (หัวเราะ)