Stranger Tee: เรื่องราวจากเสื้อของคนแปลกหน้าในโลกของบูม The Yers
- Writer: Malaivee Swangpol
- Visual Designer: Chavit Mayot
พูดถึงชาวร็อก แน่นอนก็ต้องมาพร้อมกับเสื้อวง ซึ่งในวงการเสื้อวงก็มีร้านค้ามากมายหลากหลาย แต่เราก็ไปสะดุดกับร้านหนึ่งที่เค้าบอกกันปากต่อปาก (ในตอนแรก) ว่าเป็นร้านของบูม มือกลองวง The Yers และหลังจากเราเริ่มสั่งตัวแรกจาก Stranger Tee เท่านั้นแหละ ตัวที่สอง สาม สี่ ก็ตามมาแบบไม่หยุดหย่อน จนเราก็เริ่มสงสัยแล้วว่า เอ๊ะ จากมือกลอง กลายมาเป็นพ่อค้าเสื้อวงมือสองได้ยังไงนะ
มาสนใจวงการเสื้อวงมือสองได้ยังไง
จริง ๆ เราเริ่มช้านะ เริ่มประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว บ้านใกล้จตุจักร ไปเดินบ่อย แล้วเราก็มีความอยากได้เสื้อวงอยู่แล้ว ด้วยความที่เราเล่นดนตรีแล้วก็ชอบฟังเพลง ด้วยความที่เป็นนักดนตรีด้วยมั้ง มันเห็นเสื้อวงแล้วมันมีวงที่เราอยากได้ สารภาพตรง ๆ ว่าไม่ได้ซื้อเก็บเลยเพราะว่าแต่ก่อนเป็นคนกลัวของมือสอง ซื้อแล้วไม่กล้าใส่ กลัวมันเก่า อะไรแบบนี้ จนกระทั่งเพราะอินสตาแกรม ยุคที่ร้านขายเสื้อเยอะแล้วก็ฮิตกันมาก เราก็เลยลองสั่งมา เท่านั้นแหละพอสั่งไปสั่งมามันก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ใส่เองมาก่อน แต่ไม่ได้สะสมเสื้อเก่าอะไรเลย คือเราชอบวงนี้ ก็เลยซื้อมาแค่นั้นเอง
มีเสื้อวงของตัวเองประมาณกี่ตัว
เยอะครับ แต่เราใช้วิธีวน คือพอเรามีร้านของตัวเอง เราก็ซื้อดะเลย เพราะชอบวงนี้ ไซส์ไม่ได้ก็ซื้อ ๆ ไว้ก่อน ถ้านับจริง ๆ ก็เยอะมากครับ น่าจะเป็นร้อยตัว เพราะเราก็ขี้เบื่อ เอ้ย อันนี้ใส่ซ้ำละ ขายดีกว่า ซื้อใหม่ดีกว่า ซื้อมา ขายไป แต่บางทีมันก็จะเซ็งแบบว่า บางทีร้อนเงินงี้ แต่เราดันขายตัวที่มันจะไม่มีอีกแล้ว ก็มานั่งเสียดายว่าขายไปทำไมวะ
เสียดายที่สุดตัวไหน
Backstreet Boys คือมันจะมีเสื้อ bootleg เสื้อพวกไม่ใช่ official ทำขาย อย่างบางทีเป็นแฟนเพลงทำ คือเราได้มาตั้งแต่เราทำร้านใหม่ ๆ ขายไม่ออกเลย ลงขาย ห้าร้อยก็แล้ว สามร้อยก็แล้ว จนขายไปสองร้อย พอขายไปก็มานั่งนึกในใจว่า โห คือลายมันสะเดิดมากอะ เสร่อ ๆ หน่อย ไม่ได้เป็นงานที่สวยแต่มันหายากอะ
จุดเริ่มต้นของ Stranger Tee คืออะไร
ช่วงที่ในหลวงสวรรคต แล้วช่วงนั้นเค้าห้ามสังสรรค์เป็นเวลา 2-3 เดือนมั้ง ตอนนั้นเราสอนกลองอยู่ที่ Rockademy แล้วก็เล่น The Yers ทีนี้ ช่วงปลายปีเป็นช่วงที่เด็กที่เราสอนอยู่เค้าจะกลับประเทศเพราะเราสอนเด็กอินเตอร์ เด็กฝรั่ง แล้วเค้าก็จะไม่อยู่ไทยกันหรอกตั้งแต่พฤศจิเป็นต้นไป งานก็ไม่มี เราก็แบบ โห นั่งคุยเครียด ตอนนั้นมีพี่กอล์ฟ Superbaker แล้วก็ไอ้โบ๊ท The Yers มานั่งที่ Play Yard กัน ก็ไม่รู้จะทำอะไรเพราะหมูกรอบกินฟรีไงช่วงนั้น (หัวเราะ) เราก็เดินมาเซ็นรับหมูกรอบ แบบ ‘มาแล้วครับ รับหมูกรอบกินฟรี’ แล้วก็คุยกันว่า เนี่ย ทุกคนมีอาชีพที่พี่กอล์ฟเรียกว่า ‘อาชีพติดตัว’ ฝีมือติดตัวที่มีแล้วมันจะไม่มีวันตายอะ ก็มีแฟร์ ผู้จัดการพี่ Hugo บอกว่า ‘เอ้ยแฟร์ทำบะหมี่เป็นว่ะ เคยขายบะหมี่มาก่อน’ พี่กอล์ฟก็บอก ‘เงี้ย มึงไม่อดตายแล้ว ยังไงมึงก็ขายบะหมี่ได้’ ไอ้โบ๊ทก็เริ่มฝึก เริ่มเรียนพากย์เสียง พี่กอล์ฟก็เป็นดีเจแล้ว แล้วเราก็มานั่งนึก โห เราทำไรดีวะ ขนาดไม่มีเงินเราก็ยังซื้อเสื้ออยู่ ก็แบบ เอองั้นก็ลองขายเองดูเลยละกัน ก็เริ่มจากตรงนั้น สร้างอินสตาแกรม เฟซบุ๊กขึ้นมาแบบมั่ว ๆ เลย คือไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะว่าเสื้อเค้าเล่นอะไร ปีลึก ตะเข็บเดี่ยวอะไร เป็นยังไง ก็คือเอาก่อน ขอลองขายก่อน แค่นั้นเลย
ที่มาของชื่อ Stranger Tee
ตอนนั้นซีรีส์ ‘Stranger Things’ กำลังฮิตครับ แล้วชื่อ Stranger Tee มันก็แปลตรงตัวว่าเป็นเสื้อคนแปลกหน้า เพราะเราไม่รู้ที่ไปที่มาของมันว่าเคยเป็นของใครมาก่อน ส่วนโลโก้เอเลี่ยนนี่เพราะเราชอบดูหนังไซไฟ คือมันอาจจะมาจากต่างดาวก็ได้อะไรงี้ สรุปก็คือมันมาจากที่เราชอบหนังไซไฟ แล้วก็เสื้อยืด
ตัวแรกที่ขายได้คืออะไร
โห (หัวเราะ) จำไม่ได้แล้วอะ นานมากจริง ๆ จำไม่ได้แล้ว
หาเสื้อมาจากไหน
การซื้อเสื้อมือสองมันจะเป็นการเปิดกระสอบเหมือนล็อตเตอรี่ ต้องใช้ดวง เราไปซื้อกระสอบ แล้วเค้าจะให้เราเลือกมายี่สิบตัวจากกระสอบนั้น มันก็จะไม่รู้หรอกว่าเราได้อะไรมา เราก็หยิบมามั่ว ๆๆ แล้วก็ขาย แล้วก็ขายออกด้วย ตัวละร้อยสองร้อย
ตั้งแต่ตอนที่เริ่มขายเสื้อจนถึงทุกวันนี้ ขั้นตอนการหาซื้อเสื้อยังเหมือนเดิมไหม
ไม่เหมือนครับ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ คือวิธีการซื้อเสื้อมันมีหลายแบบมาก ตอนแรกเราเปิดกระสอบ แล้วก็ไปคัดตามตลาด มันจะมีตลาดที่ต่าง ๆ ตลาดนกฮูก พันธุ์ทิพย์ สายใต้ใหม่ อะไรแบบนี้ อันนี้ก็ใช้ดวงเหมือนกัน เพราะพอเราไปถึงแล้วมันก็จะมีพ่อค้าขาจร หรือขาประจำมาคอยซื้ออยู่แล้ว แล้วก็จะมีเหตุการณ์แบบ วันนี้เราไม่ได้ตัวนี้ คนนั้นได้ตัวนี้มา มันก็เหมือนไปแย่งของกัน แล้วมันก็เหนื่อยเรา บางทีเราก็ไม่ว่าง ตลาดก็ต้องฟิกซ์ว่าต้องไปวันพฤหัสบดี วันศุกร์ วันเสาร์ ต้องเป็นเวลานี้เท่านั้น ถ้าสายกว่านั้นก็คือไม่ได้
คือเราชอบเดินตลาด นอกจากเสื้อมันก็มีของให้ดูเยอะ ไปมันก็ได้นู่นได้นี่มา เหมือนไปเดินเล่น ไม่ค่อยได้เสื้อหรอก (หัวเราะ) แล้วก็รู้สึกว่า เราจะต้องมานั่งตามหาของทุกอาทิตย์ มันก็เหนื่อย ไม่คุ้มเรา บางทีเรามีเล่น อาทิตย์นั้นเราไม่ได้ขายเลย แล้วต่อมาก็คือเหมา ก็จะมีพ่อค้าที่เปิดกระสอบเยอะ ๆ แล้วเราก็ไปติดต่อเค้า เค้าก็จะแบบ อะได้เสื้อวงมาชุดนี้ 100 ตัว เอาไป ก็เวิร์กอยู่พักนึง แต่ของก็จะแพง เหมาไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งบังที่เหมาเลิกทำ เราก็ อ้าว แล้วเราต้องทำไงวะ บังไม่ส่งของแล้ว ตอนนี้ก็เลยหาของเอง เปิดกระสอบเอง ไปเช่าที่ทำร้านแบบจริงจัง ตอนนี้ก็เพิ่งเริ่ม คือไม่เชิงเป็นหน้าร้าน แต่เป็นห้องเก็บของมากกกว่า
เสื้อหายากที่สุดที่หามาได้คืออะไร
อันนี้ภูมิใจมากคือเป็นเสื้อ Silverchair มันจะมีลายที่เป็นลายกบสีขาว แล้วบังเอิญมีพี่ใจอินสตาแกรมที่ซื้อขายด้วยกันแล้วเค้าขาย ซึ่งเราอยากได้มาก เราก็ไปรีบซื้อมา เอาจริงมันก็ไม่ได้แรร์มาก แต่เราชอบ Silverchair อยู่แล้ว แล้วยิ่งเป็นตัวนี้เราชอบ มันสวย ก็อันนี้น่าจะแรร์สุด แต่ก็ยังไม่ได้ขายนะ ก็เก็บไว้ (หัวเราะ) แต่ถ้าเป็นพ่อค้าคนอื่นเค้าก็จะเก็บแบบ โห ตัวนึงเป็นหมื่นเป็นแสน แต่เราไม่มีอะ เราแค่รู้สึกว่ามันเป็นเสื้อที่เราชอบมาก
เสื้อที่เคยปล่อยไปแพงสุด
เป็น Slayer ลายเต็มตัว ปล่อยไป 3,500 บาท ขายเพื่อนกันนี่แหละ (หัวเราะ) ก็วน ๆ กันอยู่ เราก็ซื้อมาใส่เอง พอมันเบื่อ ก็ขาย ขายไม่ออกก็เก็บใส่ คือมันค่อนข้างหายาก เราก็คิดราคาไป เอาที่นี้ ขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ปรากฎเพื่อนซื้อ
วงไหนที่ค่อนข้างหายาก
เราไม่ได้สนใจว่าเสื้อมันจะแพงจะถูก เพราะด้วยตัวเราชอบวงที่เราชอบมากกว่า อย่างวงที่เราชอบหลาย ๆ วงมันก็ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ คือมันก็ไม่ได้ลายแพงหรอก อย่างเช่น American Football แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเสื้อรุ่นใหม่แล้ว มีพวก Neurosis, Eyehategod เป็นพวกสายฮาร์ดคอร์ใส่ พวกสาย doom, sludge อะไรแบบนี้ เราว่ามันหายากกว่า ก็ตามเก็บสายนั้นมาเยอะกว่า อย่างพวก Metallica ก็เคยมีแต่ก็รู้สึกว่าเราไม่ได้ชอบขนาดนั้น เราก็มีบางตัวแล้วก็ขายไป
แนะนำวิธีดูเสื้อจริงเสื้อปลอมให้คนอ่านหน่อย
(หัวเราะ) คือจริง ๆ มันดูจากป้าย สกรีน ฯลฯ หลักการง่าย ๆ คือถ้าเนื้อผ้าใหม่กับสกรีนมันเก่า ไม่สัมพันธ์กันก็ไม่ใช่ละ อย่างถ้าเป็นรุ่นใหม่มันก็จะใหม่ทั้งผ้าใหม่ทั้งสกรีน ทีนี้มันจะมีบางคนที่เอาเสื้อเก่ามาแล้วไปสกรีนใหม่ สกรีนก็จะเด่นกว่าเสื้อ อันนี้คือวิธีง่าย ๆ แล้วก็ ที่เหลือดูพวกคอเสื้อ กับป้ายว่าปีที่ออกของแต่ละป้ายสัมพันธ์กับลักษณะเสื้อที่ในยุคนั้นแบบเสื้อแบบไหน คอเสื้อแบบไหน ถ้าอย่างเสื้อวงมันดูง่ายตรงอัลบั้มที่ออก กับอีกอย่างคือการตอกปี มันจะดูง่ายสมมติว่าอัลบั้มนี้ออก 2016 แต่เสื้อดันเป็นเสื้อเก่าปี 97 อย่างนั้นก็ปลอมแน่ ๆ แต่หลัง ๆ ดูยาก เพราะเทคโนโลยีการพิมพ์มันดีขึ้นจนมันพิมพ์ได้ทุกอย่าง สมัยก่อนที่ต้องปาดบล็อกสกรีน มันก็จะมีความละเอียดต่ำ พวกที่ตอกปีเล็ก ๆ ตรงลายเสื้อจะมองไม่เห็น แต่พอมันปริ้นได้หมดที่นี้มันปลอมได้หมดแล้ว ก็ยากละ เสื้อ Gildan เสื้ออะไรต่าง ๆ มัน ป้ายใหม่ พรินต์ใหม่ ปีใหม่ จบ ดูไม่ได้ละ ก็เอาแต่ความชอบดีกว่า อย่าไปซีเรียส (หัวเราะ) มันบอกยากจริง ๆ
อย่างของที่ร้านจะแยกไหมระหว่างเสื้อปลอมกับเสื้อจริง
ก็ถ้าปลอมก็จะบอกครับ ตามที่เรารู้ เพราะบอกตามตรงบางตัวเราก็ไม่รู้หรอก เราก็ไปนั่งดู ‘ปลอมป่าววะ’ ถามหลาย ๆ คน แต่ก็ดูไม่ออกว่ะ ก็เอาเท่าที่พอได้ ก็เขียนแจ้งว่าอันนี้ไม่ทราบที่ผลิตนะ หรือว่าอันนี้ของปลอมนะ ก็บอกไปเลย เพราะด้วยความที่เราเปิดกระสอบเราเลือกไม่ได้ บางทีของมาเราไม่ได้อยากขายของปลอมหรอก แต่มันดันมาแล้ว เราก็ขายมันถูก ๆ ไป ร้อยนึง สองร้อย ไม่ได้ไปหลอกอะไรเขา
ที่มาของเสื้อในกระสอบคืออะไร
อันนี้เราก็ไม่รู้ที่มาเหมือนกัน รู้แต่ว่ามาจากเขมร เราพยายามหาต้นตออยู่ว่ามันมาจากไหน บางคนก็บอกว่ามันเป็นเสื้อบริจาคมาที่ปากีสถาน แล้วคนปากีสถานไม่ได้ใส่เสื้อยืด เพราะเค้าใส่เสื้อผ้า tradional เค้า ซึ่งเค้าก็จะเอาเสื้อผ้าพวกนี้มาแพ็กกระสอบส่งแล้วขายกลับมา บ้างก็ว่าเสื้อพวกกนี้ก็มาจากอเมริกา บางทีก็บอกว่ามาทางใต้ ใต้ก็จะมาจากมาเลย์ ซึ่งเราเคยไปมาเลย์ก็ไม่เห็นว่ามันมีขายตรงไหน ก็พยายามหา ก็ไม่เจอ เราก็เลยไม่รู้ว่าที่มาของกระสอบเนี่ยใครเป็นคนแพ็ก เราก็ไม่รู้เหมือนกัน
ขอศัพท์ผ้า 101 หน่อย หัวผ้า หางผ้า ผ้าบาง ปีลึก
อันนี้โคตรตลกเลยอะ แรก ๆ ที่เราขาย (หัวเราะ) อยู่ดี ๆ ก็มีคนบอกว่า
พี่ อันนี้กี่เทา
เราก็ ‘กี่เทาเหี้ยไรวะ’ ก็ทักไปถามพ่อค้าอีกคน ‘เฮ้ย เทาคือไรวะพี่’ (หัวเราะ) เค้าก็ตอบมาว่า ‘อ่อ ก็แบงค์พันไง คือกี่เท่า กี่ม่วง กี่แดง’ โอ้ย เชี่ย ทำไมมึงไม่ถามว่ากี่บาท ทำไมต้องทำให้กูงงด้วยวะ
งานเก่า
อันนี้พอเข้าใจว่างานเก่า ปีเก่า ๆ
ผ้าบาง
ผ้าบางคือผ้า 50:50 ผ้าที่เป็นโพลีเอสเตอร์กับคอตตอน
ตะเข็บเดี่ยว
ที่เป็นวิธีการเย็บผ้า อย่างรุ่นใหม่ ๆ จะเป็นสองเส้นติดกัน รุ่นเก่าเหมือนเทคโนโลยีมันเก่า เค้าจะตีเป็นเส้นเดียว มันก็จะแปลว่าผลิตในปีเก่า ปีนู้น 90s อะไรแบบนี้ บอกยุค แต่เราก็เห็นรุ่นใหม่เป็นตะเข็บเดี่ยวก็มี แค่ไม่รู้สึกว่ามันจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเป็นรุ่นเก่าหรือเปล่า
ตอกปี
ตอกปีคือที่ปีที่สกรีนอยู่ตรงใต้ลายเสื้อ
ป้ายอะไร
ก็คือป้ายเสื้อ ซึ่งบางทีเราก็มานั่งนึกว่า เชี่ย กูซื้อเสื้อกูก้ไม่ได้ใส่โชว์ป้ายมั้ย ใส่อะไรก็ใส่เหอะ (หัวเราะ) แต่ก็เข้าใจเค้า บางทีก็เป็นวิธีดูว่าไอ้พ่อค้าคนนี้ใช่หรือเปล่า บางทีก็ของปลอมมาเย็บใหม่บางทีก็มี ก็เป็นวิธีดูวิธีนึง ก็ไม่ผิดแต่เราก็ขำ ‘โหพี่ป้ายนี้ผมไม่เล่น’ แล้วยังไงวะ แล้วผมต้องทำยังไงวะ (หัวเราะ)
หัวผ้า
ก็คือผ้าที่ขายได้ราคา
หางผ้า
ก็คือตัวละ 20 30 อะไรแบบนี้ ที่ได้มาจากกระสอบ โหนี่เรากลายเป็นบังแล้วนะเนี่ย ทำไมรู้ศัพท์เยอะจัง (หัวเราะ)
ปีลึก
ก็ปีเก่า ๆ 70s 80s แต่ที่เราว่าตลกสุดก็กี่เทา
ปิดเท่าไหร่
อันนี้พอเข้าใจ คือแปลว่าขายกี่บาท อะไรแบบนี้ โห แรก ๆ ไม่รู้เรื่องเลย แรก ๆ มาขายแบบ อะไรวะ คุยอะไรกันวะ (หัวเราะ)
สิ่งที่ชอบที่สุดในการเป็นพ่อค้าขายเสื้อ
เพราะว่าเราได้ไปหาเสื้อ คือจริง ๆ เราซื้อเสื้อมาใส่เองน่ะแหละ (หัวเราะ) เปิดกระสอบทีก็แบบ เอ๊ จะได้ตัวที่เราชอบไหมนะ ได้ก็เก็บ อันนี้คือจริง ๆ เลย คือแค่อยากได้เสื้อ ชอบใส่เสื้ออยู่แล้ว ชอบเสื้อยืด ชอบเสื้อวง แค่นั้นเลย
อะไรคือเรื่องไม่ชอบที่สุดในการทำร้าน
มันสกปรก ฝุ่นเยอะ คือตอนแรกเอาเสื้อไว้ที่คอนโด แล้วมันก็จะมีปัญหาว่าเราจะรับเสื้อได้ปริมาณน้อย ซึ่งพอได้มาเราก็ต้องเอาไปซัก ไม่งั้นห้องเหม็น คือต่อให้ซักแล้วฝุ่นก็ยังมีอยู่ ก็เลยตัดสินใจย้ายไปอีกที่นึง เพราะยิ่งเยอะ ๆๆ แล้วมันก็จะมีกลิ่นผ้ามือสอง ที่ยังไงก็ไม่หายเหม็น อันนี้คือที่ไม่ชอบเลย
อีกอย่างคือตอนไปเปิดกระสอบ มันร้อน เรารำคาญฝุ่น ต้องใส่แมสก์ไป แล้วมันก็สกปรกมาก ก็พยายามล้างมือ ป้องกันตัวเอง เพราะว่าเสื้อในกระสอบเราไม่รู้ว่าใส่ยาฆ่าแมลงหรือยาอะไรที่มีสารเคมีมาหรือเปล่า แล้วเราไม่รู้หรอกว่าเสื้อมันผ่านอะไรมาบ้าง มันไม่ได้ซักหรอก มาถึงบางคนแม่งหยิบมาใส่เลย แบบ เฮ้ย ซักก่อน ๆ มันไม่ได้
แต่อย่างตอบลูกค้าอะไรก็สนุก มันก็มีอะไรแปลก ๆ เยอะมาก มันก็มีมาหาเรื่องว่าแบบ ‘ของปลอมป่าวพี่’ ก็แบบ ไอ้เหี้ย กูจะรู้มั้ยอะ (หัวเราะ) ‘แท้มั้ยพี่’ เมื่อก่อนมี แต่ไม่ค่อยมีแล้ว หลัง ๆ ก็ซื้อขายปกติ หลัง ๆ ไม่ค่อยเจอเคสแปลก ๆ โชคดี บางคนก็เจอพวกจองแล้วไม่โอน ต้องทำใจ เป็นเรื่องปกติ บางทีเราซื้อเองแล้วแบบ ‘เชี่ย เราไม่พร้อมว่ะ’ ก็พิมพ์ไป บอก เอ้อ ไม่พร้อม แต่บางคนก็จะแบบ หายไปเลย
มีอันนี้ตลก ชอบมีลูกค้าพิมพ์ว่า ‘ตัวนี้ว่างไหมครับ’ เราก็แบบ ว่างครับ พร้อมส่งเลย เงียบ ส่วนใหญ่ที่พิมพ์ว่า ตัวนี้ยังอยู่ไหมครับ 70% คือไม่เอา คนที่เอาก็คือพิมพ์เลยว่าเอา อันนี้ก็แปลก แรก ๆ ก็เชี่ย ทำไมวะ หลัง ๆ ก็โอเคแล้วแต่ เรารู้สึกว่าทำให้มันง่ายที่สุด เหมือนลูกค้าจะอะไรก็ช่างเค้าเถอะ ซื้อก็เอาไม่ซื้อก็เรื่องของเค้า ไม่ได้ไปสร้างเงื่อนไขในการซื้อขายให้เยอะ แบบ จองแล้วไม่เอา ส่งคืน ร้านเราจะไม่มีเลย ร้านเราก็เอาไปเลย ถ้าเอาก็เอา ไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร ให้คนอื่น ไม่ขายก็ ช่างมัน บางทีเราเองไปซื้อ แล้วเรามาเจอแบบต้องโอนภายในวันนี้ 6 โมง ถ้าไม่โอนจะประจาน เราก็ เอ้า ประจานกูทำไมวะ เราก็จะรู้สึกว่าเราไม่อยากซื้อ เพราะเราก็เป็นคนซื้อของเอง แล้วเราก็จะรู้สึกว่า เราอยากคุยกับลูกค้าแบบไหน เราอยากซื้อของกับพ่อค้าแบบไหน เราก็เป็นคนแบบนั้นแหละ มันง่ายกว่า
อย่างเคสตลก ๆ หลัง ๆ ไม่มีเลย หลัง ๆ ดีมาก ปกติมาก แรก ๆ คือแบบ โห อะไรวะเนี่ย เพี้ยนมาก พิมพ์ภาษาอะไรมาอ่านแปลไม่ออก ที่แปลกสุดก็คือเคสที่มีลูกค้ามาถามเสื้อตัวนึง เสื้อแขนยาว แล้วก็พิมพ์ว่า ‘แท้ปะเนี่ยพี่’ เราก็ แท้ครับ ‘พี่ดูเป็นอ่อ ดูไง ปลอมปะเนี่ย หลอกผมปะเนี่ย เสื้อก็อปปะเนี่ย’ ก็ตอบไปว่า ก็แท้นะครับ ดูยังไงก็แท้ ดูยังไงว่าปลอมก็ไม่ปลอม ‘อย่ามาหลอกนะพี่ ถ้าโอนแล้วส่งจริงปะเนี่ย’ เราก็แบบ ส่งจริงครับ ก็ส่งจริง ๆ ครับ แล้วเค้าก็พิมพ์มาว่าแบบ ‘ขายอย่างนี้ ขายได้บ้างปะเนี่ย’ เราก็เริ่มโมโหละ เราก็แบบ ขายได้ครับ ก็เอาเงินไปเที่ยวอิตาลี ก็โม้ไป เอาเงินไปเที่ยวอิตาลี ไม่ซื้อก็ไม่เป็นไรนะครับ ขอบคุณครับ แล้วก็เงียบไป หายเหมือนบล็อกเรา ก็แบบ เชี่ยไรวะ พวกนี้มันเยอะอะ แบบสมัยก่อนเล่นเฟซบุ๊กก็จะมีพวกกวน ๆ พวกป่วน ๆ มาเยอะ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีละ เอาสนุกเข้าว่า เหมือนเล่นในโซเชียลแล้วมีกำแพงกันเค้าอยู่อะ คือเข้าไปดูแล้วก็เห็นหมดว่าหน้าตาเป็นไง
ความภูมิใจในการเป็นเจ้าของร้าน Stranger Tee
ขายของได้นี่แหละ (หัวเราะ) มันคือความสนุกมากก่า สิ่งที่ได้มามันเหมือนเราไปช็อปปิ้งให้ตัวเองตลอดเวลา แล้วก็ได้ของติดไม้ติดมือมาขายคนอื่น ชอบก็ใส่ ไม่ใส่ก็ขาย มันเหมือนมันเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีรายได้ ก็ไม่ได้เยอะแต่ก็ประมาณนึงที่ไม่ได้ทำให้เราลำบาก ก็เป็นอาชีพแหละครับ คือทำเป็นขายเล่น ขายเสริม แต่ทำไปทำมาแม่งอยู่ได้จริง ๆ ก็เลยทำไปเลย จริงจังไปเลย ตอนนี้ก็ไม่ได้สอนแล้ว ออกมาสองปีสามปีแล้ว แล้วอีกอย่างขายเสื้อมัน match กับอาชีพเราตรงที่เราไปทัวร์เราก็หยิบมือถือมาขายของได้ ทำได้ตลอด คือถ้าสอนถ้ามีทัวร์เราก็ต้องลา แต่แบบนี้ถ้าเราไปทำอะไรเราก็หยิบมือถือมาขายของได้ตลอด
ช่วงนี้ขายดีไหม
แล้วแต่ช่วงครับ ถ้ากลางเดือนจะเงียบ ช่วงกลางเดือนก็เหมือนคนใช้เงินไปแล้ว ซึ่งเพจก็ยังมีคนยังเข้ามาดูปกติ แต่เป็นช่วงที่ลงอะไรก็ตามจะเงียบ คนมากดไลก์จะเงียบ บางคนก็จะแบบ ‘ติดไว้ก่อนได้มั้ย’ เราก็แบบ ‘ได้ สิ้นเดือนก็ว่ากัน’ ซึ่งพอสิ้นเดือนปุ๊บ มันจะมีช่วงต้นเดือนถึงวีคที่สอง นั่นแหละคนซื้อกันแบบไม่คิดเลย เสร็จแล้วก็หายไปเลย แล้วก็จะกลับมาอีก เป็น routine ซึ่งเราก็พยายามทำราคาเสื้อให้มันถูกที่สุดที่เราจะทำได้แล้วเราไม่ลำบาก คือไม่แบบ โห หยิบมาตัวนึงพันห้า แล้วร้านอื่นเค้าขายกันสามสี่ร้อย คือเราก็มีกฎอยู่ว่าเราไม่ได้ขายเล่นอะ เราขายเอาเงิน คืออันนี้ก็พูดตรง ๆ ว่า ก็เป็นอาชีพอะ ก็ต้องไม่เหนื่อยด้วย คุ้มทุนด้วย แล้วลูกค้าไม่ขาดทุนด้วย
วงไหนขายดีสุด แบบลงปั๊บ cf ปุ๊บ
ก่อนหน้านี้เป็นเสื้อ Patagonia ลายภูเขา อันนี้เราก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าทำไม น่าจะเพราะเค้าฮิตพวกเดินป่า พวกหมวกอะไรแบบนี้ใช่ไหม แล้วก็มีช่วงนึงที่เป็น Justin Bieber กับ Marilyn Manson พวกนี้ต้องคอยดูตลอด มันมาปุ๊บ ส่วนเวลาแปปเดียวมันหาย อย่าง ‘Sons of Anarchy’ ที่เป็นซีรีส์ ฮิตมาก ขายแพงมาก ขายหมด แล้วอยู่ดี ๆ มันก็ พรึ่บ หายไปเลย ‘Games Of Thrones’ อย่างตอนซีซั่นสุดท้ายออก ขายดีมาก พอหลังจากวันนั้นเท่านั้นแหละ เงียบ ตัวละ 50 ก็ไม่มีใครเอา คืออะไรก็ตามที่ฮิตอยู่นะปัจจุบัน เทรนด์แบบ popular music หรืออะไรก็ตาม pop culture ที่มันฮิต เสื้อมันก็จะฮิตด้วย แล้วพอมันจบ มันก็จะจบไป
คิดยังไงกับคนที่ใส่เสื้อวงที่ไม่รู้จัก
เฉย ๆ นะ คือตอนแรกเราก็เซ็ง แล้วก็หมั่นไส้นะ แบบ ‘เชี่ย รู้จักจริงมั้ย’ แต่เอาจริง ๆ เราก็ไม่รู้หรอกว่าเขารู้จักจริงหรือเปล่า โอเคเราก็ใส่เสื้อของเรา เค้าก็ใส่เสื้อของเค้า ก็เรื่องของเค้า เค้าชอบเพราะลายสวย ก็ไม่ได้เป็นไร ก็ไม่ได้ผิด บางวงเราก็ฟังแค่สองสามเพลงแต่เราชอบ เราไม่ได้เป็นแฟนจริงหรอก แต่ไอ้เนี่ยมีเพลงที่เราชอบ แล้วเราก็ซื้อใส่ เราว่ามันเป็นเรื่องที่แบบ เค้าจะทำอะไรก็ทำ (หัวเราะ) แล้วแต่เค้าอะ เค้าไม่ได้ผิดอะไร เราก็ไม่ได้ผิดอะไร แล้วเราก็ไม่ได้เป็นฝ่ายถูกว่าเรารู้จักวง เราซื้อ เค้ายังไม่รู้จักด้วยซ้ำบางทีเราใส่เสื้อวงลึก ๆ อย่าง Sleep, Sunn O))) คนก็ไม่รู้จักอยู่ดีก็คิดว่าเสื้อฟอนต์เหรอวะ เหมือนกัน มันก็มุมมองคนละมุม ไปว่าเค้าไม่ได้
ปี 2020 มีแผนจะทำอะไรกับร้าน หรือธุรกิจของตัวเองไหม
ที่เริ่มทำแล้วก็คือเปิดห้องเก็บของ แล้วก็จะรับของเยอะขึ้น คือแต่ก่อนเราจำกัดแต่เสื้อวง เราอยากขายเสื้อวงเป็นพิเศษ แต่จริง ๆ ในทางปฏิบัติเราไปไม่รอดหรอก คนอะไรจะรู้จักวงแปลก ๆ ทุกวงขนาดนั้น คนมันอยากใส่เสื้อวงสวย ๆ อยากจะขยายกลุ่มลูกกค้าให้มันไป เสื้อสเก็ต เสื้ออะไรได้ พยายามรับของเยอะขึ้น แล้วทำงานให้เป็นกิจจะลักษณะ เพราะเมื่อก่อนทำงานที่บ้าน อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ แต่คราวนี้มันก็ต้องบังคับตัวเองให้ ตื่นละ ไปร้าน สี่ห้าชั่วโมง ไปทำงาน เสร็จ กลับ จบ ทำให้มันเป็น routine มากขึ้น เรารู้สึกว่าทำงี้แล้วมันเห็นผลมากกว่าที่เราอยู่บ้านแล้วนั่งถ่าย ถ่าย เบื่อ เลิก ถ่าย เบื่อ เลิก
บูมได้มีส่วนร่วมในการออกแบบหรือจัดการทำ merchandise ของ The Yers ด้วยไหม
ไม่มีเลย (หัวเราะ) แค่ออกความเห็นว่าสวยนะ โอเค ไม่สวยนะ ไม่เอา คือ The Yers มันจะเป็นการโหวต ส่วนใหญ่ก็จะเป็นไอ้ winterman ตากล้องทำ หรือบางทีก็เป็นพี่ฝ้ายที่ทำปกอัลบั้มทุกอัลบั้มของ The Yers เป็นคนดีไซน์ เค้าก็จะให้แบบมา คือไอ้อู๋อะ ก็จะเป็นคนเริ่มก่อนว่า ‘เอ้ย อยากได้ธีมแบบนี้ว่ะ’ ก็ ‘ดีมั้ย ๆๆ’ ก็ ‘โหวต ๆๆ’ เสร็จ อะ จบ แค่นี้เลยฮะ เพราะว่าเราเองก็ไม่รู้ว่าเสื้อ Gildan ต้องไปรับที่ไหน (หัวเราะ) หรืออะไร นึกออกปะ คือเราแค่มีความรู้ว่า อ่อ เดี๋ยวนี้มันฮิตอย่างนี้นะ ไอ้ลาย bootleg กำลังฮิตนะแบบ Slur แบบนี้กำลังมา เราก็ช่วยได้แค่นั้นจริง ๆ (หัวเรา) เออ แบบเดี๋ยวนี้วัยรุ่นเค้าใส่เสื้อที่มันสกรีนข้างหลัง เพื่อนก็บอก ‘เอ้ยจริงป่าว ไม่จริง ไม่สวย’ นี่ก็ ‘เชื่อกูดิ ร้านกูขายดี’ อะไรแบบนี้ (หัวเราะ) ก็เป็นประชาธิปไตยนิดนึง
พูดถึง The Yers นิดนึง ปีนี้จะมีผลงานใหม่อะไรให้ติดตามไหม
ปีนี้ยัง แค่มีคิดไว้ว่าอาจจะปล่อยซิงเกิ้ล แค่อาจจะนะ แต่ว่ายังไม่ได้เริ่มอะไรเลย ตั้งแต่จบ เพราะอู๋มันติดกับ Torrayot อยู่ ก็ถ้าทันก็มี ถ้าไม่ทันก็ปีหน้า (หัวเราะ) ไม่รู้ดิ อันนี้ยังไม่มีแผนเลยครับ แต่ก็มีงานเล่นเรื่อย ๆ
ฝากผลงาน
คือตอนนี้มีสองร้าน เราก็ทำเล่น ๆ แหละคือเราพยายามจะคุมอันหลักให้มีแต่เสื้อสวย ๆ หน่อย เลือกมาแล้วง แต่ Stranger Sale ก็เป็นราคาถูกไปเลย อีกเรต ไม่เกิน 150 ก็เป็นสองอัน ก็ทำแยกไว้ แล้วก็มีเพจเฟสบุ้ค ไว้หน้าร้านอนาคตครับ อีกนาน
ติดตามได้ที่
อ่านต่อ
‘คลาย’ ทุกความสงสัยในอัลบั้มอะคูสติกงานแรกของ The Yers ‘Cry’
‘The Yers’ Cry’ คุยกับผู้ชายที่ร้องไห้ออกมาเป็นอัลบั้มอะคูสติก
I LIKE YOUR TEE! รวมเสื้อวงแสบ ๆ จากศิลปินชื่อดังที่เราอยากครอบครอง
Merchandise สำคัญกับศิลปินยังไง พาไปส่องของประหลาดที่ศิลปินระดับโลกทำขาย