มารู้จัก ‘วี วีรยา จาง’ แห่ง BNK48 ผ่านเพลงที่ชอบ เกมที่เล่น และบทบาทในฐานะนักแสดงหน้าใหม่
- Photographer: Chavit Mayot
- Writer & Visual Designer: Karin Lertchaiprasert
ซีรี่ส์ ‘One Year 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ’ เพิ่งจบไปหมาด ๆ แถมกำลังจะมีหนังเรื่องใหม่อย่าง ‘Mother Gamer เกมเมอร์เกมแม่’ ด้วย วันนี้มีโอกาสได้เจอกับ วีรยา จาง หรือ วี BNK48 นักแสดงนำของทั้งสองเรื่อง เลยชวนเธอมาแลกเปลี่ยนเรื่องราวสนุก ๆ ให้ทุกคนได้รู้จักตัวตนของเธอผ่านบทสัมภาษณ์นี้กัน
ปกติ วี BNK48 ชอบฟังเพลงแนวไหน
ฟังหมดเลยค่ะ แล้วแต่ช่วง ช่วงนี้ฟังเพลงเก่ามากเลย กลับไปฟัง Big Ass อย่างน้อย อะไรแบบนี้ ตอนแรกคิดว่าตัวเองชอบฟัง alternative พวกเพลงอินดี้ เพลงนอกกระแสอะไรแบบนี้ เพราะว่าช่วงนั้นไปงาน Cat Expo มันเลยอิน แต่พอช่วงนี้กลับไปฟัง Instinctโปรดส่งใครมารักฉันที Tattoo Colour รักแรกพบ Bodyslam สักวันฉันจะดีพอ ฟัง Big Ass ฟัง Slot Machine เราก็แบบ เฮ้ย มันทำให้เรามีความสุข เลยคิดว่าไม่น่าจะมีแนวเพลง ตอนนี้ก็ฟังลูกทุ่งด้วย อินมาก ฟังหลายแนว ไม่มีเป็น playlist ด้วยนะ ฟังเพลงกระแสเหมือนกัน เพลงที่ฟังง่าย ๆ ก็ชอบฟัง มีอีก ๆ Sunday Morning ของ Maroon5 แล้วก็ เออ…มันต้องมีอีกสิ ฟังหมดเลย ก็มี
โดดดิด่ง – BNK48 ?
เพลง BNK48 ก็คือพักก่อน (หัวเราะ) เจอมาทั้งชีวิตละ อืม…(นั่งนึก) เพลง ฉันยังเก็บไว้ Whal & Dolph ค่ะ อุ๊ยขอสัก 5 เพลงได้ไหมคะ ชอบ Robbers แล้วก็ Sincerity is Scary ของ The 1975 อีกเพลงนึง นี่เลย Lover Boy ของพี่ภูมิ วิภูริศ ก็ชอบค่ะ Sunglasses ของ folk9 Moonshine กับ Miss Summer ของ temp. เคยได้ยินแบบ เพลงอะไรไม่รู้ เลยไปฟังสดที่ Cat Expo ว้าว ชอบ! (FJZ: มือกลอง temp. ทำงานอยู่ฟังใจนะ) จริงหรอ สู้ ๆ ค่ะ (หัวเราะ) ชอบ ๆ ติดตามนะคะ แล้วก็ชอบ Dept! ตอนแรกไม่รู้จัก แต่ว่าพี่มือคีย์บอร์ด (ลุค) เขามาจับมือบ่อย เลยไปลองฟังแล้วก็ชอบ ตอนแรกไม่เคยฟัง แต่เห็นชื่อ Dept ขึ้นมาเลยไปฟัง แล้วก็เห็นหน้ามือคีย์บอร์ด เอ๊ะ! คนนี้นี่
อ้าว ไม่รู้มาก่อนหรอ?
คือไม่รู้ เขามาจับมือหนูบ่อย จับครั้งนึง 8 วิแล้วก็กลับอะไรเงี้ยะ หนูก็แบบ ทำไมหน้าเหมือนคนนั้นเลย เอ๊ะ ใช่รึเปล่านะ วันนั้นงาน Cat Expo ก็เลยไปดูเขา แล้วเขาก็หันมาเห็นหนู เขาก็แบบ… (หัวเราะ) หลังจากนั้นเขาก็มาจับมืออีก วง Dept นี่ชอบหลายเพลงเลยอะ ชอบ Gossip ที่เพิ่งออก ทำได้รึเปล่า, คล้าย, ลาลาลา ชอบหมดเลย ชอบแนวนี้นะ ประมาณสี่เพลงนี้ แต่ว่าบางเพลงก็ยังไม่ได้ฟังค่ะ
นอกจากงาน Cat Expo ได้ไปคอนเสิร์ตอื่น ๆ อีกไหม
ไม่ค่อยได้ไป เพราะว่าเวลามีคอนเสิร์ตแนวนี้หนูจะติดงานบ่อยมาก คอนเสิร์ตที่ไปมาก็มีคอนเสิร์ตพี่เบิร์ดค่ะ เพราะว่าไปเต้น (หัวเราะ) แล้วก็มีคอนเสิร์ต The 1975 ส่วนงาน Cat Expo ไปมา 2 ปีแล้ว แต่ที่อยากไปมากคือ Big Mountain กับริมผา เพราะมันมีทุกแนว อย่าง Big Mountain เนี่ย หนูเห็น Bodyslam ก็ไป พี่ภูมิก็ไป temp. ก็ไป พี่ วี วิโอเลต พี่อิ้งค์ วรัญธร ไปหมดเลย หนูก็อยากไป แต่ว่ายากเพราะคนเยอะมาก แต่คิดว่าปีหน้าต้องไปให้ได้
ต่อไปถามเกี่ยวกับเรื่องหนังบ้างดีกว่า จุดเริ่มต้นที่ได้มาแสดงหนังเรื่อง ‘เกมเมอร์ เกมแม่’ เริ่มจากอะไร แล้วรู้สึกยังไงบ้าง
ตอนแรกเขาให้บทมาบอกให้ไปแคส เห็นว่ามันเป็นหนังเกี่ยวกับเกม ซึ่งหนูก็เล่นเกมเหมือนกัน หนูเลยรู้สึกว่าอยากมีโอกาสได้แสดงหนังเรื่องนี้ เครียดมากตอนแคส กลัวไม่ได้ เพราะมีคนไปแคสกับเราหลายคน แล้วเขาก็เล่นดีด้วย และด้วยความที่มันเป็นหนังเรื่องแรกของหนูเลยรู้สึกกดดันหลายอย่าง แต่สุดท้ายก็ได้ รู้สึกดีใจค่ะ ขอบคุณมาก
อยากให้ทุกคนไปดูนะคะ เพราะว่าเป็นหนังเกี่ยวกับ E-sport เรื่องแรกในประเทศไทย ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน แล้วก็เป็นหนังที่สะท้อนมุมมองสังคมเกี่ยวกับเรื่องเกม ปัญหาในครอบครัวที่มีเกมเข้ามาเกี่ยวข้อง จริง ๆ มันก็มีหลาย conflict ในเรื่อง แต่ว่ามีเกมเป็นตัวดำเนินเรื่อง
แล้วช่วงนี้เล่นเกมอะไรเป็นพิเศษไหม
ช่วงนี้เรียนค่ะ แต่ว่าถ้าช่วงไหนเครียด ๆ ก็จะเล่น Dead by Daylight กับ PUBG แล้วก็จะชอบดูแข่งค่ะ เวลาเครียด ๆ ก็จะดูแข่ง แต่เครียดกว่าเดิม
เคยโดนว่าไหมว่าติดเกม
โห โดนนน โดนเยอะเลย ในวงยังว่า ‘ไอ้วีติดเกมมม’ ก็ติดจริง ยอมรับว่าติด
คิดว่ามันเป็นปัญหาไหม อย่างเวลาออกข่าวความรุนแรง หลายคนก็ชอบบอกว่าเป็นเพราะเกมแน่เลย เราคิดว่ายังไงบ้าง
มีส่วนค่ะ ไม่เถียง แต่หนูว่าอยู่ที่ mind set กับทัศนคติ แล้วก็อยู่ที่จิตใจของเขาด้วย เขาโดนสอนมาแบบไหน โดน treat มาแบบไหน เขาอาจจะเจอผลกระทบทางจิตใจ จนทำให้เขากลายเป็นคนแบบนั้น ก็เลยเอามาทำในชีวิตจริง ซึ่งเอาจริงคนปกติอะ อย่างพวกหนูเล่นเกมเพราะมันไม่ใช่โลกความจริง มันเป็นสิ่งที่เราทำไม่ได้ในชีวิตจริง แล้วเราสนุกกับมัน แต่ว่าหนูก็ไม่เคยคิดจะเอามันมาใช้ในชีวิตจริงนะ หนูว่ามันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย อยู่ที่ตัวคนมากกว่า
เห็นว่าในหนังเป็นเกม ROV วี ได้เล่นเกมนี้บ่อยไหม
เล่นค่ะ แต่ว่าไม่ได้เล่นเก่ง ถ้าคนที่เล่นเป็นเขาจะแบบว่า ทีมขาดตำแหน่งไหนก็เข้าไปเล่นแทนได้ เล่นตัวไหนก็เล่นได้ แต่หนูคือถ้าเล่นตัวไหนตัวนั้น ไม่ว่าทีมขาดตัวอะไรก็ช่าง ไม่สนใจ เพราะฉันเล่นได้แค่ตัวนี้ตัวเดียว
ช่วงที่งานยุ่ง ๆ วีแบ่งเวลา (กับการเล่นเกม) ยังไงบ้าง
ถ้ามีงานเช้าก็ไม่เล่นค่ะ เพราะว่าจะทำให้เพลีย หรือช่วงไหนเป็นสิวก็จะไม่เล่น เพราะว่าเล่นแล้วมันติดลม มีครั้งนึงต้องไปทำงาน หนูเล่นแล้วมันติดลมจนเช้าอะ ว่าจะไม่นอนละ เผลอหลับ ได้นอน 1 ชั่วโมง ไม่น่าเลยยย
ไม่น่าคือ ไม่น่าเล่นหรือไม่น่านอน
ไม่น่าเล่นเลย ไม่น่านอนด้วย เพราะว่านอน 1 ชั่วโมงแล้วมันทำให้เพลียกว่าเดิม ก็ถ้ามีงานหรือมีสิ่งที่สำคัญกว่าก็ทำอันนั้น ไม่เล่นเกม
เดี๋ยวนี้ E-sport กลายเป็นอาชีพจริงจังแล้ว วีคิดยังไงกับอาชีพนี้
หนูโอเคนะกับอาชีพนักกีฬา E-sport หนูมองว่ามันเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง เพราะมันคือการมารวมทีมแข่งกัน หนูก็เห็นว่ามีคนทำได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนนะที่จะทำได้ มันอยู่ที่ต้นทุนด้วยว่าเราเป็นยังไง อย่างหนูรู้จักรุ่นพี่คนนึงที่เขาดรอปออกไปเรียนกศน. เพราะว่าเขาชอบเล่นเกม เล่นจนเริ่มมีคนมาชวนไปแข่ง เขาก็แข่งทัวร์นาเมนต์เล็ก ๆ แล้วก็ชนะ ได้ไปอยู่สังกัดใหญ่อย่างบุรีรัมย์ แล้วก็ได้แชมป์ระดับประเทศ แล้วก็จะเป็นตัวแทนไปแข่งที่เยอรมนี หนูมองว่ามันก็เป็นอาชีพอาชีพนึงอะ
ถ้าวันนึงเกิดเหตุการณ์แบบในหนัง วีจะสู้กับแม่ไหม หรือจะยอมแม่
สู้ค่ะ (หัวเราะ)
แสดงว่าเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้?
ไม่เคยนะ คือที่บ้านหนูไม่ห้าม แต่ว่าให้อยู่ในขอบเขต แต่ที่สู้เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่หนูชอบ ถ้าเราชอบมันก็คือเรามั่นใจว่าเราจะทำมันได้ หนูเลยคิดว่าสู้ค่ะ! คือในหนังอะ การเรียนก็ไม่ได้เสียเลยนะ เป็นนักเรียนดีเด่นด้วยซ้ำ แค่ชอบเล่นเกมเป็นงานอดิเรก เป็นทั้งนักเรียนดีเด่นแล้วแถมเป็นนักแคสต์เกมด้วย ดีจะตาย ได้ทำสิ่งที่ชอบแล้วก็ไม่เสียการเรียนด้วย
แล้วตอนมาเป็น วี BNK48 ที่บ้านมีความรู้สึกอะไรอย่างนั้นรึเปล่า
พ่อนี่สนับสนุนมาก คอยสนับสนุนตลอดเวลาแต่ว่าห้ามเสียการเรียน แต่แม่เนี่ยลังเล แบบว่ากลัวเสียการเรียน กลัวไม่มีเวลาเรียน พี่สาวจะแนวแม่แต่ว่าจะใจดีกว่าหน่อย พี่ชายก็จะแนวพ่อ มีขัด ๆ กันนิดหน่อย แต่หนูก็แบบ ไม่เอา จะเป็น เลยเซ็นสัญญา
ตอนนี้ได้แสดงหนังหลายเรื่องเลย ทั้งเกมเมอร์เกมแม่ แล้วก็ One Year (365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ) ชอบการแสดงไหม
ชอบค่ะ เอาจริงเราเล่นเกมเมอร์เกมแม่ก่อน แล้วค่อยไปแสดงซีรี่ส์ต่อ ที่ชอบเพราะว่าได้ลองเป็นอีกคนนึง รู้สึกว่ามันท้าทาย พอเราได้เล่นบทใหม่ ๆ เราก็รู้สึกเป็นคนใหม่ไปเลย แต่เป็นไพลินนี่ก็อึดอัดนะ (ตัวละครในเรื่อง One Year) อย่างฉากที่เล่นกับผู้ใหญ่แล้วต้องไปพูดจาไม่ดีใส่เขา หนูเกือบโดนคนทั้งประเทศตบแล้วนะเอาจริง
เล่นหนังกับร้องเพลงอันไหนสนุกกว่ากัน
สนุกหมดเลยค่ะ ชอบหมดเลย แต่เคยมีความคิดว่า การแสดงสนุกกว่า แต่พอกลับมาร้อง กลับมาเต้นมันก็สนุก รู้สึกสนุกทั้งคู่ รู้สึกดีนะที่สนุกทั้งคู่ เพราะว่าเรายังมี passion ในการทำมัน ถ้าวันไหนเรารู้สึกว่าอย่างใดอย่างหนึ่งมันไม่สนุก ก็คงเสียใจที่อยู่ดี ๆ วันนึงเราก็ไม่ชอบมันขึ้นมา
อย่างในเรื่อง One Year เนี่ย ตัวไพลินชอบทำอาหารใช่ไหม แล้วตัวจริงวีชอบทำอาหารรึเปล่า
ไพลินเนี่ยมันก็น่าจะชอบ(ทำอาหาร) แต่ว่ามันไม่รู้ตัวว่าชอบ แต่ว่าวีเนี่ย เค้ย เคย ช่วงนึงอ่านการ์ตูนทำอาหาร อยากทำมาก บอกพ่อว่าจะเป็นเชฟ ‘ป๊าหนูจะเป็นเชฟ อยากเป็นเชฟ เดี๋ยวจะทำให้กินตอนโต’ จำได้ตอนนั้นเด็กมาก แล้วไปเจอคอมเมนต์นึงบอกว่าเป็นเชฟแล้วหน้ามันนะ หนูก็เลย โอเค ไม่เป็นเชฟแล้วเดี๋ยวหน้ามัน ซึ่งตอนนั้นเด็กอยู่ เด็กมาก เลยงงว่า เข้าใจได้ไงวะว่าหน้ามันคืออะไร พอโตมาเข้าใจแล้วว่าหน้ามันแล้วจะไม่สวย มันจะเมือก ๆ แต่ว่าตอนเด็กอะ ไม่ได้คิดนะว่ามันไม่สวย แต่รู้สึกว่าคำว่าหน้ามัน มันไม่ดีอะ เลยล้มเลิกความคิดนั้นไป
เอาจริงอยากทำอาหารเป็นนะ เพราะเราต้องมีความเป็นแม่ศรีเรือนในตัว โตไปมีครอบครัว เราต้องทำอาหารให้ลูกกินไรงี้ ก็คิดอย่างนั้นค่ะ แต่ว่าไม่เคยเข้าครัวกับแม่เลย แม่เคยแบบ ‘มาช่วยตำน้ำพริกหน่อย มาช่วยหยิบผัก มาล้างผัก’ เอ้อ ขี้เกียจ เล่นเกมดีกว่า ช่วงที่อยู่ชลบุรีหนูไม่ค่อยเข้าครัวก็เลยเสียดายนิดนึง ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็จะช่วยแม่เข้าครัว ทุกวันนี้ทำเป็นแค่ไข่เจียวกับมาม่า ข้าวผัดยังทำไม่เป็นเลยค่ะ เครียดมาก (หัวเราะ)
ตอนอยู่หอทำกับข้าวกินเองบ้างไหม
ตอนอยู่ชลบุรีหนูทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลีให้พี่ชายกิน แบบว่าใส่ชีส ใส่หมู ใส่ผัก ภูมิใจมาก คำแรกพี่ชายบอก ‘จืดจังเลย’ หนูแบบ อ่าาา แต่หนูอร่อยนะ วันนั้นใส่น้ำเยอะไปหน่อยก็เลยจืด แต่ว่าเป็นเมนูที่หนูภูมิใจมาก เพราะว่ามันไม่ใช่การแค่ต้มเฉย ๆ อะ มันคือการใส่หลาย ๆ อย่างลงไป หนูเลยแบบว่า ได้! ตอนอยู่กรุงเทพ ฯ ก็มีทำบ่อยช่วงแรก ๆ อ้วนเลย กินทุกวัน
เคยทำให้เมมเบอร์กินรึเปล่า
เค้ยย เคยทำครั้งนึง แล้วอะไรผิดพลาดไปเนี่ยแหละ หลังจากนั้นน้องรตาก็ไม่เชื่อใจให้หนูทำอีกเลย
ล่าสุดเห็นว่าปล่อยโปสเตอร์เลือกตั้งกันออกมาแล้ว เล่าเกี่ยวกับคอนเซป Dare to Dream ให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ
หนูกลัวมากกับการที่จะฝันอะไรเกินตัว คือด้วยความที่หนูเป็นรุ่นสอง บางทีหนูคิดว่าเราไม่ควรเกินหน้าเกินตาพี่ ๆ รุ่นหนึ่งนะ ปีแรกที่มีสมัครเลือกตั้ง ตอนประกาศอันดับ อันดับหนูสูงกว่ารุ่นพี่บางคน คือดีใจแต่ก็กลัว ‘จะโดนเขาหมั่นไส้รึเปล่านะ’ หนูคิดแบบนั้น เพราะว่าตอนนั้นเพิ่งเข้ามา
ครั้งนี้หนูเลยรู้สึกว่า การ dare to dream เนี่ย คือหนูกล้าที่จะฝันถึงอันดับ 7 หนูอยากขึ้นไปอยู่ตรงนั้นบ้าง หนูเคยติดอันดับสูง ๆ มาบ่อย แต่ตอนหลังหนูหลุดไปสองเพลง หนูเลยเสียใจมาก แต่ว่าครั้งนี้หนูอยากติดคามิเซเว่น หนูมุ่งมั่นมากว่าจะทำให้ได้ หนูเชื่อมั่นในตัวเอง หนูจะทำมันให้ดี แต่ความฝันสูงสุดคือเป็นเซนเตอร์ แต่ไม่รู้วันไหน สักวันนึง มันต้องมีวันนั้น สรุป อีกสิบปี โห ร้องไห้
ทิ้งท้ายอะไรให้คนอ่านหน่อย
สำหรับบทสัมภาษณ์นี้ก็อยากฝากถึงทุกคนที่เข้ามาอ่าน อยากให้ทุกคนได้รู้จักตัวหนู นี่แหละค่ะ วีรยา จาง วี BNK48 ฉันไม่ได้เป็นคนแอ๊บแบ๊วนะแกร๊ เข้ามาอ่านกันได้นะ จะได้รู้ว่าเป็นคนยังไง แล้วก็ ฝากทุกอย่างที่พูดไป ไม่ว่าจะเป็นหนังเรื่อง เกมเมอร์เกมแม่ แล้วก็ฝากไปดู One Year ด้วยนะคะ แล้วก็ไปฟังเพลงที่หนูแนะนำไปได้นะคะ ฝากงาน General Election ด้วยค่ะ งานนี้คือซิงเกิลที่ 9 ของ BNK48 โดยแต่ละซิงเกิลจะมีเซมบัตสึ 16 คน เป็นตัวหลักของเพลงนั้น ซึ่งปกติทางผู้ใหญ่จะเป็นคนเลือก ถ้าเขาเห็นว่าใครเหมาะสม แต่ว่าครั้งนี้จะเป็นการที่แฟนคลับโหวตให้เรา เป็นแรงสนับสนุนจากแฟนคลับ ยังไงก็ฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะคะ
อ่านต่อ: เห็ดหูหนู ‘มิวนิค BNK48’ และ ‘โจโจ้ พลอยยุคล’ สองนักแสดงจาก ‘SisterS กระสือสยาม’