Playlist ของ Risa Suzuki
- Writer: Teeraphat Janejai and Gandit Panthong
- Photographer: Chavit Mayot
Risa Suzuki (ริสะ ซูซูกิ) นางเอก MV เพลง แอบดี และเพลง Don’t You Go ของ แสตมป์ อภิวัชร์ ได้อัพโหลดสู่สายตาชาวเรา นอกจากความสวยงามของอาร์ตไดเร็กชันที่เตะตาและโดนใจแล้ว เราก็ไปสะดุดกับนักแสดงนำหญิงซึ่งแทบจะไม่แสดงอาการใด ๆ มากนอกจากยิ้ม (แบบน่ากลัวถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน) และโผล่ไปทุกหนทุกแห่ง แม้พระเอกจะพยายามหนีเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้น เธอมีเสน่ห์อะไรบางอย่างที่ทำให้พวกเราอดไม่ได้ที่จะทำความรู้จัก
อาจจะลังเลอยู่ในทีแรกเพราะนามสกุลของเธอนั้นเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ก็โชคดีไปที่เธอพูดภาษาไทยได้ชัดแจ๋ว และเห็ดหูหนูประจำเดือนพฤษภาคมได้แก่ Risa Suzuki (ริสะ ซูซูกิ) นางเอก MV ของ แสตมป์ อภิวัชร์ ผู้นี้นี่เอง
Risa Suzuki Playlist
Brian McKnight – Back At One
ว่าด้วย 5 เหตุผลที่เขาชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เพลงมันน่ารักดี ร้องง่ายติดปาก
Selena Gomez – Hands to Myself
ดนตรีมันสนุกดี ชวนเต้น เพลงก็น่ารัก ความหมายก็พูดถึงผู้หญิงที่มีความรัก mv ก็สวย
Bruno Mars – That’s What I Like
เหมือนกับเพลงก่อนหน้านี้เลย พอเปิดฟังทีไรก็อยากขยับ อยากโยก ชอบที่บรูโนพูดถึงผู้หญิงที่เขาชอบว่าเธอควรได้รับแต่สิ่งที่ดี ๆ ที่เธอชอบ
Bruno Mars – Versace on the Floor
ติดมาจากรายการ The Mask Singer ฟังทั้งสองเวอร์ชันเลย ทั้งบรูโน่ มาร์ส กับ พี่เป๊ก ผลิตโชค หน้ากากจิงโจ้
หวาย Kamikaze – ตกหลุมรัก
ชอบฟังตอนเด็ก ๆ ตอนนั้นน่าจะอายุ 12 มันเป็นยุคที่ทุกคนต้องพูดถึงกามิกาเซ่ ใคร ๆ ก็ต้องร้องได้
Exclusive Talk
เป็นใครมาจากไหน
ชื่อลิซ่า เป็นเด็กเชียงใหม่ มากรุงเทพ ฯ เฉพาะตอนปิดเทอมกับมาทำงาน ส่วนที่ได้เล่น mv ให้กับพี่แสตมป์ก็เพราะเคยทำงานกับพี่จีน คำขวัญ (ผู้กำกับ) เราได้ทำงานกับเขามาสองงานแล้ว ตั้งแต่เขายังเป็นผู้ช่วยผู้กำกับอยู่ สนิทกัน เขาก็เลยชวนเรามาร่วมงานนี้ ส่วนตัวเราเองก็ชอบเพลงของพี่แสตมป์อยู่แล้ว
ดูจากนามสกุลแล้วเป็นลูกครึ่งเหรอ
ใช่แล้ว เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น นามสกุล ซูซูกิ นี่เป็นนามสกุลที่โหลมากในญี่ปุ่น เดินผ่านคนญี่ปุ่นสิบคนก็ต้องมีสักคนหนึ่งที่ใช้นามสกุลนี้
เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นแล้วได้ไปญี่ปุ่นบ่อยไหม
ก็ปีละครั้ง ไปหาคุณตาคุณยาย ถ้าถามว่าระหว่างกรุงเทพ ฯ เชียงใหม่ ญี่ปุ่น เราก็คงชอบญี่ปุ่นมากที่สุด เพราะเราไม่ได้อยู่ประจำที่นั่นด้วยมั้ง เพราะถ้าอยู่ที่ญี่ปุ่นเราก็คงชอบเวลาได้มาเที่ยวเมืองไทย อย่างคุณตาคุณยายก็ชอบเมืองไทย อยากมาอยู่
เข้ามาในวงการนี้ได้อย่างไร
ตอนแรกก็อยู่ที่เชียงใหม่ แล้วก็ชอบดูรายการ The Face จนไปเห็นพี่คาริสา เราชอบเขามากก็เลยตามไปดูรูปเขาในอินสตาแกรม ก็ดูรูปที่เขาถูกแท็กมาด้วยแล้วก็เจอรูปที่ผู้จัดการของพี่เขาแท็กมา เราก็เลยกดไลค์รูป พี่ผู้จัดการเขาก็เห็นอินสตาแกรมเรา หลังจากนั้นเขาก็ชวนเราเข้าไปอยู่ในโมเดลลิ่งเดียวกับพี่คาริสา งานแรกเป็นโฆษณาของเป๊ปซี่ ตอนนั้นน่าจะอายุ 15 แล้วก็ได้ทำงานอื่น ๆ อีกเรื่อย ๆ
สนิทกับคาริสาขนาดไหน
รักพี่เขามาก ต้องขอบคุณมาก ๆ ด้วยที่พาเราไปเลี้ยงข้าว ทำความรู้จักกับคนนั้นคนนี้ เวลาพี่เขาจะไปไหนเขาก็จะบอกเรา ชวนเราไปด้วย พาไปนอนที่บ้าน ให้เสื้อผ้าเรา เป็นเหมือนพี่สาวแท้ ๆ คนหนึ่งเลย
การข้ามมารู้จักกับคนต่างวัยมันยากแค่ไหนสำหรับการปรับตัว
แรก ๆ ก็เกร็ง อย่างเวลาไปกินข้าวกับเพื่อนพี่คาริสา เราก็จะทำตัวไม่ค่อยถูก เพราะทุกคนอายุห่างกับเราเป็นสิบปี แต่ดีที่พี่ ๆ ทุกคนน่ารัก เป็นกันเอง ทุกคนมีความสามารถหลากหลาย และเขาก็พร้อมที่จะเล่าประสบการณ์ให้เราฟัง
เริ่มทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยรู้สึกกดดันบ้างไหม
ไม่กดดัน เพราะงานที่ทำอยู่มันสนุก เป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ ของเรา ถ้าไม่ได้ทำงานนี้ชีวิตของเราก็จะมีแค่ไปโรงเรียนแล้วกลับบ้าน เสาร์อาทิตย์ไปเที่ยวกับเพื่อน แค่นั้น แต่พอมาทำงานเราก็ได้เจอคนใหม่ ๆ ได้เจอคนเก่ง ๆ ในด้านต่าง ๆ แล้วเราก็เป็นคนชอบฟังเรื่องราวหรือความรู้เกี่ยวกับงานของเขา แล้วด้วยความที่เรายังเป็นเด็กด้วย พี่ ๆ ทุกคนก็จะใจดี เอ็นดูเรา ก็เป็นโอกาสที่ดีที่ได้ประสบการณ์แบบนี้ ทำให้เราโตขึ้นด้วย เรากลายเป็นคนละคนกับเวลาอยู่ที่โรงเรียน
พอได้ทำงานในวงการนี้แล้วสนใจที่จะทำต่อไปอีกนาน ๆ เลยไหม
อยากทำนะ แรก ๆ ก็ยังไม่ได้คิดอะไรก็เข้ามาทำเพราะมันน่าสนใจน่าสนุกดี แต่พอทำไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มเห็นเสน่ห์ของงานนี้จนเราอยากทำต่อไปเรื่อย ๆ งานในวงการนี้ก็เลยกลายเป็นความฝันของเรา จุดสูงสุดของเราก็คือการได้ทำงานแบบนี้ทุกวัน เพราะเราเป็นคนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ มันเบื่อ เราอยากทำในสิ่งที่เรารัก และก็อยากให้สิ่งที่เรารักสามารถหาเงินมาเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ด้วย
เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนเขาพูดอย่างไรกับเราบ้าง
ส่วนใหญ่ก็แซว อย่าง mv ของพี่แสตมป์เพื่อนก็จะบอกว่าเราน่ากลัวจัง ดูเป็นคนโรคจิต ยิ่งกว่านั้นก็จะบอกว่าเราไม่เห็นต้องแสดงเลย ก็เล่นเป็นตัวเอง (หัวเราะ)
แล้วจริง ๆ เราเป็นคนแบบไหน
เป็นคนติ๊งต๊อง ขี้ลืม ที่วันนี้เราติดต่อกับทีม Fungjaizine ไม่ได้เพราะเราไม่มีโทรศัพท์ ไปทำหายบนรถสองแถว ปีนี้ทำหายไปแล้วสองเครื่อง ยังไม่ถึงครึ่งปีเลย (หัวเราะ) ตอนนี้ก็ใช้ซัมซุงฮีโร่ และก็ยังจำเบอร์โทรตัวเองไม่ได้ เป็นคนขี้ลืมมาก ๆ วัน ๆ หนึ่งจะต้องลืมอย่างน้อยหนึ่งอย่าง
วันนี้ลืมอะไร
หา iPod ไม่เจอ ก็เลยออกไปกินส้มตำกับพี่ที่ออฟฟิศ กลับมาก็เจอว่าอยู่ในห้องน้ำ อันนี้ก็ยังเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เรื่องใหญ่ก็บ่อยไม่เรียนรู้สักทีก็ มือถือ กระเป๋าตังค์ พาสปอร์ต มีครั้งหนึ่งนั่งเครื่องบินมาจากเชียงใหม่ พอมาถึงกรุงเทพก็เดินไปเอากระเป๋าที่โหลดไว้มาเรียบร้อย ก็เดินมาขึ้นแท็กซี่เพื่อจะไปกินเลี้ยงกับพวกพี่ ๆ ทีนี้พอเรากำลังจะอาบน้ำ หากระเป๋าไม่เจอ เราก็โทรไปหาคนขับแท็กซี่ เขาบอกว่าไม่เห็นเราถืออะไรขึ้นมาบนรถเลย สรุปคือ เราเอากระเป๋ามาจากจุดโหลดสัมภาระแล้วก็ขึ้นแท็กซี่ ปิดประตูใส่กระเป๋าตัวเองที่วางอยู่ข้างแท็กซี่ เราก็เลยต้องกลับไปเอาที่สนามบิน พวกพนักงานก็บอกว่าเขาตกใจกันมากเพราะมีกระเป๋าใบใหญ่วางอยู่ที่พื้น เขาก็เลยนึกว่าระเบิด (หัวเราะ) ตอนนั้นก็มัวแต่ห่วงโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์ที่เรามักจะลืมบ่อย ๆ ก็เลยลืมชิ้นใหญ่เบ้อเริ่มเลย
ความรู้สึกแรกที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพ ฯ เป็นอย่างไร
ตื่นเต้นมาก ตอนนั้นอายุ 15 เอง ได้เห็นรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน เชียงใหม่ไม่มี (หัวเราะ) แล้วก็เพิ่งรู้ว่ากรุงเทพ ฯ ก็มีตุ๊กตุ๊ก นึกว่ามีแค่ที่เชียงใหม่ ห้างใหญ่เต็มไปหมด แล้วในห้างของกรุงเทพ ฯ ก็มีแบรนด์ดังเยอะ ที่เชียงใหม่ยังไม่ค่อยมีแบรนด์ใหญ่ ๆ ไปเปิดร้านกัน ที่ตกใจก็คือพอเข้ากรุงเทพ ฯ มา เราไม่เจอโซนภูเขาหรือป่าแบบที่เชียงใหม่เลย คนที่นี่ก็สวย ๆ หล่อ ๆ ทั้งนั้น แต่งตัวเก่งกันทุกคนเลย เราก็มักจะบอกทุกคนว่าอยากมาอยู่ที่กรุงเทพ ฯ แต่คนกรุงเทพ ฯ ก็จะบอกว่าอย่ามาอยู่เลย ในอนาคตก็อยากมาอยู่ที่กรุงเทพ ฯ นะ เพราะมันเดินทางสะดวก อย่างตอนที่ไปญี่ปุ่นก็จะเดินทางด้วยรถไฟฟ้าอยู่แล้ว ต่างกับที่เชียงใหม่ที่เดินทางไปไหนก็ต้องขึ้นรถแดง ราคาก็ไม่เท่ากันในแต่ละครั้ง บางทีไปไกลเขาก็ไม่ยอมไป ซึ่งเราก็มองว่าเป็นเรื่องปกติ ชินแล้ว
มากรุงเทพเคยโดนแท็กซี่ปฏิเสธบ้างแล้วหรือยัง
ไม่เคยเจอเลยนะ ก็สงสัยอยู่ว่านี่เรามาไม่ถึงกรุงเทพ ฯ หรือเปล่า ทำไมไม่เจอแบบที่คนอื่นเขาดราม่าบ้างเลย
อะไรคือกิจกรรมโปรดในกรุงเทพ ฯ เวลาว่าง
เราชอบไปตลาดรถไฟ เจเจกรีน เพราะถนนคนเดินที่เชียงใหม่มันจะมีของขายสำหรับนักท่องเที่ยวมากกว่า แต่ที่กรุงเทพ ฯ มีหลากหลาย เสื้อผ้า ของกิน ซึ่งมันก็ต่างจากในห้าง แต่ถ้าอยู่เชียงใหม่เวลาว่าง ๆ ก็จะไปเล่นโบว์ลิ่งกับเพื่อน แต่เล่นไม่เก่งนะ (หัวเราะ)
แล้วพ่อแม่ว่าอย่างไรบ้างที่วันหนึ่งลูกสาวก็มาเป็นนางแบบ – นักแสดง
แรก ๆ ก็เป็นห่วงที่เราเดินทางมาทำงานคนเดียวที่กรุงเทพ ฯ แต่ตอนนี้ก็เริ่มหายห่วงแล้ว เขาก็ติดตามผลงานนะ ถึงขนาดคอมเมนต์งานเราด้วย อย่าง mv พี่แสตมป์ก็บอกเราว่าเรายังทำหน้าโรคจิตไม่พอนะ มันยังดูเล่น ๆ ไป ต้องน่ากลัวกว่านี้ แต่เขาก็จะดูงานเราเฉย ๆ ไม่ได้เอาไปอวดใคร เราเขินด้วยก็เลยขอไว้ว่าอย่าเอาไปอวด (หัวเราะ)
มีไอดอลในด้านการแสดงไหม
ไม่มีนะ คือเราชอบหลายคน แต่ก็จะชอบเป็นแค่บางส่วนของคน ๆ นั้นแล้วก็นำมาปรับใช้กับตัวเอง
ระหว่างถ่ายแบบ mv โฆษณา ชอบงานแบบไหนมากกว่ากัน
ชอบหมดเลย เพราะมันก็มีรายละเอียดที่ต่างกัน อย่างงานโฆษณาก็จะเป็นเราในแบบสดใสร่าเริง ถ้าถ่ายแบบก็จะชิค ๆ หน่อย ดูโตกว่าเดิม แต่ถ้าเล่น mv เราก็จะได้แสดงในบทบาทที่ต่างกันออกไป เราก็เลยไม่เบื่อที่จะได้ทำงานนี้ เพราะมันมีบทบาทหลากหลายให้เราได้ลองทำ ตอนนี้เราก็เพิ่งมาทำงานในวงการนี้ได้ปีกว่า ๆ เอง ก็ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ
เล่าถึงการถ่ายทำ mv Don’t You Go ให้ฟังหน่อย
ถ่ายสองวันติดต่อกัน เป็นงานที่โหดที่สุดเท่าที่เคยทำ วันแรกเริ่มตี 5 ถึง 4 ทุ่ม วันที่สองนัด 6 โมงเย็น แล้วถ่ายถึง 6 โมงเช้าของอีกวัน mv นี้เป็นตัวแรกที่ได้แสดงเป็นตัวหลัก ก่อนหน้านี้ก็เล่นโฆษณาบ้าง ส่วน mv ตัวแรกจะเป็นของวงลาบานูน เพลง ฉันก็คง พี่อาย กมลเนตรจะเป็นตัวแสดงหลัก ส่วนเราจะออกช่วงท้าย ๆ นิดเดียว
ถ้าเลือกเล่นเอ็มวีให้ใครก็ได้ อยากเล่นให้กับใคร
Room 39 ชอบพี่ทอม ตามมาจาก The Mask Singer เลย เราเป็นคนที่ชอบและติดตามใครแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนหน้านี้ก็ชอบศิลปินเกาหลีมาก เพราะมีคนไทยที่ชื่อ ลิซ่า ไปเป็นศิลปินที่เกาหลีชื่อวง Blackpink เขาน่ารักมาก เต้นเก่ง ชื่อเหมือนเราด้วย แล้วอยู่ ๆ ก็เลิกชอบ ก็ไม่เชิงว่าเลิกชอบ แต่แค่เราหันไปสนใจอย่างอื่นแทน
Risa Suzuki วางแผนอนาคตหลังเรียนจบมัธยมไว้อย่างไร
อยากมาเรียนที่กรุงเทพ ฯ สนใจคณะโลกคดีศึกษา เป็นคณะใหม่ GSSE (Global Studies and Social Entrepreneurship) ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เป็นคณะที่เรียนรู้เกี่ยวกับโลกปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลง วิธีการช่วยเหลือมนุษย์ในยุคต่อ ๆ ไปอย่างไร เราเรียนทั้งเรื่องของโลก และมนุษย์ไปพร้อม ๆ กัน งานส่วนใหญ่ก็จะเป็นการทำงานจิตอาสา ซึ่งเป็นงานที่เราชอบมาก มันได้เปิดโลก ได้รู้จักคนหลากหลายชุมชน สาขานี้เป็นสาขาที่เกิดขึ้นใหม่ทั่วโลกเลย ที่ญี่ปุ่นก็เป็นที่พูดถึงมาก ซึ่งตรงกับที่เราอยากทำด้วย มันไม่เชิงเป็น social environment ไม่ได้เจาะจงทางสังคมหรือภูมิศาสตร์ แต่มันเป็นคณะที่หลอมรวมกันระหว่างโลกกับความเป็นอยู่ของมนุษย์ เราถึงกับบอกแม่ไว้ว่าถ้าสอบไม่ติดคณะนี้ก็จะรอสอบใหม่
แล้วพ่อกับแม่จะไม่สงสัยเหรอว่าเรียนจบมาจะทำงานอะไร
เป็นคำถามที่เราจะต้องเจอแน่ ๆ แต่จริง ๆ งานก็มีรองรับเยอะอย่างองค์กรเพื่อสังคมต่าง ๆ หรือแม้แต่บริษัทเอกชนที่มีแนวคิดทำธุรกิจและคืนผลประโยชน์ส่วนหนึ่งให้กับชุมชน สร้างงานสร้างรายได้ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีหลายบริษัทแล้วที่มีแนวคิดแบบนี้ เราเชื่อว่าถ้าทั้งโลกคิดแบบนี้โลกก็จะดีขึ้น ทุกคนมีแต่ได้กับได้
แล้ว Risa Suzuki เคยทำงานจิตอาสาอะไรมาแล้วบ้าง
ไปบ่อยมากเลย ที่ไปบ่อย ๆ ก็คือโรงเรียนเด็กกำพร้าบ้านแสงไทยดรุณ อยู่ที่เชียงใหม่ เป็นโรงเรียนของคุณครูที่โรงเรียนเราอีกทีหนึ่ง แล้วเราอยู่ในสภานักเรียนฝ่ายดูแลกิจกรรมจิตอาสา ก็เลยชอบที่จะพาทุกคนไปเล่นกับเด็ก ๆ ช่วยชาวบ้านทำงานต่าง ๆ
ความรักของในมุมของเราเป็นอย่างไร
(นิ่งคิด) จะบอกว่ายังไม่คิดเรื่องนี้ก็คงไม่ใช่ เพราะเพื่อน ๆ ก็มีแฟนกัน ก็ต้องมีพูดคุยกันบ้าง แต่อาจเป็นเพราะว่าเราไม่มีแฟนมานาน เพื่อนก็เลิกเชียร์เราแล้ว ส่วนเราเองคิดว่าเรายังรู้จักคนไม่มากพอ คนที่เรารู้จักก็จะมีแค่คนในโรงเรียน คนที่เข้ามาหาก็เลยมีไม่เยอะ ไม่ใช่เพราะว่าเราตั้งใจที่จะปิดตัวเอง แต่แค่อยากรอเวลาและโอกาสที่ดี
มีสเป็กผู้ชายไหม
มีค่ะ และนั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เรายังไม่มีแฟน เพราะเราชอบคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง มั่นคงและมีอายุมากกว่า ส่วนเพื่อนผู้ชายที่เรารู้จักส่วนใหญ่ก็จะยังเป็นเด็กกัน ซึ่งส่วนตัวเราคิดว่าเราพูดคุยกับคนอายุเยอะกว่าได้ดีกว่า
อยากแต่งงานไหม
อยาก ก่อนมาคุยก็เพิ่งดูคลิปงานแต่งงานพี่ชมพู่ อารยา ดูไปก็จะร้องไห้ มันปลื้มปริ่ม มันคงเป็นความฝันของผู้หญิงส่วนใหญ่ อยากมีงานแต่งงานที่ดี อยากเป็นเจ้าสาวที่ดี แต่นี่ก็อายุ 17 อยู่เลย (หัวเราะ) ก็มีความสุขดีเวลาที่นึกภาพงานแต่งงานของตัวเอง ใครเป็นเจ้าบ่าวยังไม่รู้เลย แต่เราเห็นภาพที่พ่อกับแม่มีความสุข ทุกคนยินดีกับเรา
เป็นคนฟังเพลงประเภทไหน
ฟังเพลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้มีแนวเพลงที่ชอบ แค่ชอบเพลงไหนก็จะฟังเพลงนั้นวน ๆ อยู่ช่วงหนึ่ง ชอบฟังเพลงให้เข้ากับฤดูกาล อย่างเวลาจะถึงวันคริสต์มาสเราก็จะสร้างเพลย์ลิสต์เพลงที่พูดถึงคริสต์มาสไว้เลย ฟังล่วงหน้าสักเดือน หรือถ้าเป็นช่วงเช้าก่อนไปโรงเรียนก็จะฟังเพลงที่มีจังหวะสนุกหน่อย ซึ่งมันช่วยกระตุ้นเราในทุก ๆ วันตอนเช้า เคยไปคอนเสิร์ตบ้าง ชอบพลังของการฟังดนตรีสด พลังจากคนดู มันต่างจากการฟังคนเดียวอยู่ที่บ้าน
อะไรคือสิ่งที่จะทำให้มีความสุขที่สุด
เมื่อเราได้เห็นพ่อแม่มีความสุข นั่นคือความสุขจริง ๆ เรามักจะไม่อยากได้ของที่เราอยากได้มาเป็นของส่วนตัว เราอยากได้อะไรก็ตามที่ทำให้พ่อแม่ยิ้มได้ มันเลยกลายเป็นพลังงานให้เราทำอะไรก็ได้เพื่อให้พ่อแม่มีความสุข
ริสะอยากลองถามกลับบ้าง
Risa: ศิลปินไทยและต่างชาติที่ชอบ
ดี: แสตมป์ อภิวัชร์ เป็นศิลปินที่เราชอบมาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว ชอบมาตั้งแต่สมัยยังไม่ได้เป็นศิลปินเดี่ยว เขาแต่งเพลงเก่ง ฟังง่าย Kodaline เพิ่งมาเริ่มชอบไม่กี่ปี ตอนนั้นกำลังท้ออยู่แล้วมาเจอเพลง High Hopes พอดี ตอนแรกยังแปลความหมายไม่ออกแต่ฟังแล้วมันเหมือนมีคนมาปลอบใจพร้อม ๆ กับเชียร์ให้ฮึกเหิม
กันต์: ตูน Bodyslam เริ่มจากสมัยที่ยังเรียนอยู่ แล้วเราจะส่งเพลงประกวด Hotwave เราโดดไปส่งเดโม่ที่แกรมมี่แล้วก็ดันเจอพี่ตูนพอดี เราก็อยากได้ลายเซ็นพี่ตูนมาก ก็เลยวิ่งเข้าไปหา แล้วก็ได้เปิดเดโม่ให้ฟัง ซึ่งมันรู้สึกดีมากที่ศิลปินชื่อดังคนหนึ่งจะมาเสียเวลาฟังเพลงของเรา Muse เราเล่นเกมชิงรางวัลในเฟสบุ๊กแล้วได้รางวัลไป Summer Sonic ที่ญี่ปุ่นแล้วก็ได้ดูวงนี้ทั้งที่ตอนนั้นไม่รู้จักเลย แต่เล่นโคตรมันส์ หลังจากนั้นก็เลยชอบวงนี้ไปตลอด
บทความที่คุณอาจจะสนใจ
เห็ดหูหนู มิวนิค BNK48 และ โจโจ้ พลอยยุคล สองนักแสดงจาก กระสือสยาม
เพราะความฝันของพวกเรามันยิ่งใหญ่ : อร เนย ปัญ น้ำหนึ่ง BNK48