Feature เห็ดหูหนู

10 เพลงโปรดของ นน—ชานน สันตินธรกุล

  • Writer: Gandit Panthong
  • Photographer: Chavit Mayot

 

เพลงโปรดของ นน—ชานน สันตินธรกุล

img_3618

Bruno Mars – That What I Like

มันเกิดจากเราบังเอิญไปเปิดดูตอนที่ยอดวิวใน YouTube มันยังไม่เยอะ ทำให้รู้สึกว่าเราเจอเพลงนี้ก่อนใครแถมฟังบ่อยด้วย ความชอบจึงเกิดขึ้นมาเรื่อย ๆ ที่สำคัญ mv เพลงนี้มันยังมีความเฉพาะตัวมาก คือมันดูไม่ได้มีอะไรมากมาย เห็นแค่ Bruno Mars เต้นกับมีกราฟิกช่วยส่วนนึงเอง แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันเจ๋งมากก็คือเพลงนี้เขาเต้นเทคเดียวแน่ ๆ ไม่งั้นเราจะไม่สามารถถ่ายภาพแบบนั้นได้แน่นอน ในมุมมองของผมนะครับ อีกอย่างเขาเป็นคนที่เก่งมากสำหรับผมเลยล่ะครับ

Eminem – Rap God

ผมชอบ Eminem มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับ เพลงของเขามันเจ๋งมาก ที่ชอบเพลงนี้เพราะว่ามันมีความหยาบคายที่รุนแรง แต่ก็มีอีกมุมนึงที่เขาพูดถึงอีโก้ของตัวเองด้วยว่า คนเก่งมันต้องเป็นแบบนี้ ถ้าไม่ใช่แบบนี้มันก็ไม่ได้เป็นคนเก่ง (หัวเราะ) ผมชอบความอวดตัวเองของเขาที่มันไม่ได้ดูเยอะเกินไปครับ

Bodyslam – แสงสุดท้าย

เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมฟังมาตั้งนานแล้ว ผมจะชอบเปิดเพลงนี้เวลาที่มีมุมดราม่าในชีวิต รู้สึกว่าเพลงนี้มันให้ความหวังเราดี

25 Hours – ไม่เคย

เพลงแรกในชีวิตที่ทำผมร้องไห้ได้ครับ เพลงนี้มันจะพูดถึงความสำคัญของคนที่เรารู้ว่าเขาสำคัญ แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรในช่วงที่อยู่ด้วยกันกับเขา พอมาเสียเขาไปจริง ๆ ถึงได้เข้าใจว่าเขาสำคัญมากแค่ไหน วันที่ผมฟังเพลงนี้มันเกิดขึ้นในคลาสแอคติ้งแล้วเขาให้เลือกเพลงเพื่อมาทำการแสดง เราก็เลือกเพลงนี้ จากนั้นพอร้องเพลงนี้ไปประกอบกับทำตามบทบาทที่เขาให้มาด้วย ผมก็น้ำตาไหลเลยครับ มันอินมาก ๆ

One Republic – Counting Star

จริง ๆ เราก็ไม่รู้นะว่ามันแปลว่าอะไร อันนี้เราแค่ชอบทำนองกับเนื้อร้องเลย ไม่ได้รู้ความหมายแฝงจริง ๆ ของมัน แต่ชอบเพลงนี้มาก ๆ ครับ

BNK48 – คุกกี้เสี่ยงทาย

มันติดหูมากเลยครับ ตอนแรกก็ฟังแล้ว เฮ้ยเพลงมันเด็กไปป่าว แต่ฟังไปฟังมาติดแล้ว ตอนนี้ยังเต้นไม่ค่อยได้ เต้นได้บางท่า ฟังตอนแรกรู้สึกมันเด็กไปรึเปล่า ฟังไปฟังมา ร้องได้เฉย (หัวเราะ) แล้วรู้สึกว่าเป็นเพลงที่มีเนื้อหาในด้านบวกมาก ๆ มันให้พลังบวกกับเรา มันไม่ได้ให้ความหวังฮาร์ดคอร์แบบแสงสุดท้าย แต่มันเหมือนกับชิว ๆ เราอยากยิ้ม ร้องเพลงนี้มันจะทำให้เรายิ้ม

Cocktail – คุกเข่า

อันนี้ไม่ได้อินกับเนื้อร้องเท่าไรครับ แต่รู้สึกว่า ทำนองมันโครตเท่ มันมาก ๆ ฟังครั้งแรกแล้วติดหูเลย ทำให้ถึงกับต้องไปหาเลยว่า เนื้อร้องเพลงนี้เขาร้องเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง อีกอย่างวง Cocktail เขาเคยมาเล่นในงานโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน โรงเรียนของผมด้วย วันนั้นจำได้ว่ากระโดดยับเลย

Linkin Park – Numb

อินมาก ๆ ครับเพลงนี้ เพราะมีช่วงนึงเราไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศอเมริกา ช่วงแรก ๆ เป็นช่วงที่เราปรับตัวเข้าหากับเพื่อนไม่ค่อยได้ แล้วเพลง Numb ของ Linkin Park มันโครตตรงในตอนนั้น mv นี้นางเอกจะอยู่คนเดียว โดนเพื่อนแกล้ง โดนคนมาทำอะไรไม่ดีใส่ แต่ของผมไม่ได้โดนแกล้งขนาดนั้นนะ แค่ฟีลมันได้เหมือนกับความรู้สึกเรา ณ ตอนนั้นด้วย

Pharrell Williams – Happy

จังหวะในเพลงสนุกมาก แล้วเป็นหนึ่งในเพลงที่ผมอยากร้องได้มาก ๆ พยายามฝึกอยู่ช่วงนึงครับ แต่สกิลเราก็ยังไม่ถึง รู้สึกอยากตบมือตลอดเวลาเวลาร้องเพลงนี้

Sam Smith – Lay Me Down

ผมรู้สึกว่า ถ้อยคำ เขาสวยมาก แล้วก็อินเนอร์เขาแรงมาก ฟังแล้วแบบ อันนี้มันไม่ใช่แค่ร้องเพลงแล้ว มันมีอินเนอร์ของนักแสดงด้วย คือ โอเคว่าเขาไม่ได้เป็นนักแสดงอะไร แต่ด้วยเสียงที่เขาร้องมันให้ความรู้สึกสัมผัสได้ครับ

img_3648

TALK TALK TALK

จุดเริ่มต้นการทำงานในวงการบันเทิงของชานน

มันเกิดจากตอนที่เราเดินเล่นอยู่ตามสยาม วันนั้นใส่ชุดเสื้อยืดตัวใหญ่ ๆ กางเกงสามส่วน รองเท้าแตะ หมวกใบนึงครับ จากนั้นก็มีพี่ผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามา แล้วพูดกับเราว่า เฮ้ยน้องแต่งตัวดูมีสไตล์จัง เขาก็ขอถ่ายรูปไปลงนิตยสารเล่มนึง คอลัมน์เล็ก ๆ หลังจากวันนั้นก็เริ่มมีคอนเน็กชันในการทำงานวงการนี้เลยครับ

จากเด็กชายธรรมดาคนนึงสู่การเป็นนักแสดง

ปรับตัวพอสมควรเลยครับ อย่างเช่นงานโฆษณาที่เราไปแคสติ้งช่วงแรก ๆ เราไปลองมาอันนึง คนอื่นเขาทำ 1-2 เทคผ่าน เราล่อไปทั้งหมด 11 เทค วันนั้นมันเฟลมากเลยไปเรียนแอคติ้งเพิ่ม จากนั้นก็แคสงานได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ตรงนี้เองก็ทำให้เรามีประสบการณ์ในวงการนี้เพิ่มมากขึ้นครับ

img_3650

ก้าวเข้าสู่อ้อมอกของ GDH

หลังจากเริ่มถ่ายงานมาสักพักนึง ผมก็ได้มีโอกาสไปแคสติ้งงานนึงครับ ชื่อว่า ‘รักต้องแชร์’ เป็นผลงานกำกับของพี่ปิง ผู้กำกับ ‘Hormones วัยว้าวุ่น’ พอจบงานนั้นเราก็ได้มีโอกาสไปแคสติ้งต่อในกิจกรรม Hormones the Next Gen แต่ตกรอบนะ (หัวเราะ) พอมาถึงซีซั่น 3 คราวนี้ก็ประสบความสำเร็จได้เล่น แล้วต่อยอดจนมาถึงแสดงภาพยนตร์ครับ

วันแรกที่เห็นตัวเองอยู่ใน Hormones the Series

ส่วนตัวเราก็รู้สึกว่า มันไม่ได้ต่างจากผลงานต่าง ๆ ที่ผ่านมามากเท่าไรนะครับ เพราะมันก็ดูจากจอทีวีเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ก็มีผลงาน ‘Patcha is Sexy’ ของพี่เต๋อ นวพลแล้ว มันก็เลยรู้สึกว่าไม่ได้ต่างอะไรกันมากมาย ตอนหลังผมจะเขินพวกงานโฆษณาที่มีตัวเองมากกว่า (หัวเราะ) ผมก็จะหลบ ๆ เขิน ตามรถไฟฟ้านี่เจอบ่อยมาก

จากการแสดงซีรีส์สู่พระเอกภาพยนตร์ ‘ฉลาดเกมส์โกง’

เราปรับตัวค่อนข้างเยอะเหมือนกัน แถมติดนิสัยตัวละครนั้นมาด้วย ช่วงนั้นผมอ่านบททุกวันเลยจดทุกบทออกมา มันมีประมาณ 57 ไดอะล็อก แล้วเผอิญไอ้สิ่งที่ผมจดเนี่ยมันก็ดันไปตรงกับตัวละครแบงค์อีกด้วย คือตัวละครตัวนี้เขาจะเป็นคนที่จดจ่อกับสิ่งที่ตัวเองตั้งใจทำมาก ๆ แถมช่วงเวิร์กช้อปหลาย ๆ อย่างมันตรงกับผมมาก ทำให้ผมจูนเข้ากับบทแบงค์ได้ง่าย มันเลยทำให้เราเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อินมากขึ้น

นิสัยที่ติดมาจากตัวละครจาก ‘ฉลาดเกมส์โกง’

ช่วงนั้นเราตาลอยบ่อยมาก เพราะเวลาเราเล่นเป็นแบงค์ มันต้องนิ่ง ๆ ตาเราก็จะลอย ๆ แบบตั้งใจ เนิร์ด ทำตัวเครียด ๆ ช่วงนั้นเราจะเก็บตัวค่อนข้างเยอะ จากที่เป็นคน introvert อยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มเข้าไปอีก ขี้เกียจจะคุยกับใคร นั่งกับเพื่อนนี่ผมนั่งนิ่ง ๆ ได้เป็นชั่วโมงเลย เพื่อนก็จะบอกว่า เฮ้ย พูดอะไรบ้างก็ได้ (หัวเราะ)

ทุกวันนี้ยังเป็นคนแบบนั้นอยู่ไหม

ยังเป็นอยู่ครับ แต่ก็ดีขึ้น บทอาชาวินใน Project S The Series ช่วยผมไว้เหมือนกัน

สมมติถ้ามีคนไม่รู้จักกันเดินเข้ามาคุยจะทำอย่างไร

จริง ๆ ก็คุยได้นะครับ แต่ก็ต้องเป็นคน ๆ ไปนะครับ บางคนเดินเข้ามาคุยเราก็จะงง แบบ มันใช่ปะวะ (หัวเราะ)

img_3640

จากบทเด็กเรียน ‘แบงค์’ สู่ นักธนู ‘อาชาวิน’

ช่วงแรก ๆ มันจะยาก เพราะมันจะเป็นช่วงที่ปูพื้นฐานทุกอย่าง เราต้องจำทั้งหมดเลยว่าต้องดึงคันธนูมากแค่ไหน ศอกวางยังไง หลังเป็นยังไง แต่พอฝึกไปสักพักเราก็จะรู้ว่าหลักมันทำยังไงบ้าง ตรงนี้ผิด ค่อย ๆ แก้ แต่มันก็ไม่มีทางถูกทุกครั้งอยู่แล้ว เสน่ห์ของการยิงธนูมันอยู่ที่กล้ามเนื้อด้วย ถ้าท่าเราผิดมันก็จะผิดไปหมดเลย ยากเหมือนกันนะ

ถ่ายทำเสร็จแล้วได้กลับไปเล่นต่อบ้างไหม

ยังไม่ได้มีโอกาสกลับไปเล่นเลยครับ แต่อยากเล่นมาก ๆ เรารู้สึกว่ามันเป็นกีฬาที่ท้าทายดี เอาตรง ๆ ไอ้คันธนูที่เห็นในซีรีส์เนี่ยผมซื้อเองนะครับ (ยิ้ม) เพื่อความอินของบทด้วยมันก็เลยต้องมีอะไรเด่นนิดนึง แถมเสียดายเงินด้วย ทำให้เรายิ่งอยากกลับไปเล่นเลยครับ (หัวเราะ)

กีฬาที่ชานนชอบเล่น

จริง ๆ ส่วนตัวชอบเล่นกีฬาที่ไม่ใช้อุปกรณ์ครับ คือ ไม่วิ่งแข่งก็ว่ายน้ำ ไม่ก็ฟิตเนส พวกเวทเทรนนิ่งต่าง ๆ อย่างกีฬาฟุตบอล บาสเก็ตบอลนี่ไม่เก่งเลยนะ คือไม่ดูไม่อะไรด้วย ผมจะดูแต่อเมริกันฟุตบอลอย่างเดียวเลย เพราะตอน ม.4 ผมไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาแล้วก็ได้มีโอกาสเล่นกีฬาอเมริกันฟุตบอล เป็นนักกีฬาด้วย เคยทำทัชดาวน์ได้ 1 ครั้ง เพราะเกิดมาไม่เคยทำคะแนนอะไรได้เลย พอกีฬานั้นเป็นกีฬาแรกที่ทำได้เลยชอบและหลงรักเลย

วินาทีที่ทำทัชดาวน์ได้ครั้งแรกในชีวิต

โห มันยิ่งใหญ่มาก ๆ ช่วงนั้นผมติดการ์ตูนเรื่อง ‘Eyeshield 21’ ด้วย คือ ปกติอยู่ที่โน่นผมก็จะเงียบ ๆ จะไม่คุยกับใคร ไม่กล้าพูด รู้สึกว่าสำเนียงภาษาเราไม่ค่อยดีเท่าไร แต่จำวินาทีนั้นได้คือ ผมไม่สนอะไรเลย ผมร้องเสียงดังมาก แล้วมันเหมือนในหนังเลย ทุกคนในทีมวิ่งเข้ามาหาบอกว่าเราทำได้ เราก็อยู่ตรงกลาง ทุกคนเอาตัวชนกัน ความรู้สึกมันยอดเยี่ยมมาก แต่จริง ๆ คือ วันนั้นอะ ทีมผมชนะไปตั้งนานแล้ว เพราะฉะนั้นโค้ชเลยให้ลงไปเล่นแมตซ์นั้นไง คะแนนทิ้งห่างไป 20 คะแนน ก็เลยได้เล่น (หัวเราะ)

ชานนเป็นคนชอบออกกำลังกายมาก

จริง ๆ โชคดีนิดนึงคือ ผมเป็นคนที่ระบบเผาผลาญในร่างกายดีมาก คือคนเรามันจะมี 3 ประเภทใช่ไหมครับ เผาผลาญไม่ดี ธรรมดา และดีมาก อย่างผมเนี่ยกินเท่าไรก็ไม่อ้วน แต่มันก็มีข้อเสียว่า เวลาเพิ่มกล้าม ถ้าเพิ่มมาแล้วยังไม่คงที่จริง ๆ มันจะกลับไปเร็วมาก ๆ แต่ถ้าอยู่คงที่แล้วมันจะอยู่นานครับ ต้องใช้เวลากับมันมาก ๆ มีช่วงนึงผมเล่นฟิตเนส 6 วันต่ออาทิตย์เลยครับ เราจะแบ่งเป็น 2 ส่วนต่อวัน อย่างแบบอกและแขน ไหล่กับหลัง ท้องกับขาบ้าง อะไรแบบเนี้ยอะครับ กล้ามเนี่ยแต่ละส่วนก็จะได้พัก เพิ่มน้ำหนักไปทีละนิด ๆ ไม่รีบ ผมเป็นคนมีระเบียบกับเรื่องพวกนี้พอสมควรเลย

img_3566

ชานนกับการศึกษาสาขาผลิตภาพยนตร์

จริง ๆ เลือกเรียนสาขานี้เพราะว่าเราอยากจะเรียนรู้เบื้องหลังเพื่อมาทำงานเบื้องหน้าครับ แล้วก็ที่เรียนมหิดลเพราะว่า เดินไปแล้วเห็นใบปลิวในมหาลัย เขาบอกว่า ปี 3 ของคณะที่ผมอยู่เนี่ยเขาจะให้ไปฮอลลีวู้ด จริง ๆ ผมก็ได้ไปมาแล้วนะ เลยโอเคขอเข้าที่นี่เลยละกัน

ภาพยนตร์ที่ชอบ ณ ช่วงเวลานี้     

มันเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเหมือนกันนะครับ สำหรับภาพยนตร์ที่ชอบตอนนี้ให้เป็นเรื่อง ‘Baby Driver’ ละกันครับ มันสนุกมากและมีความแปลกใหม่ด้วย คือผมไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านี้มันมีหนังประเภทนี้ด้วย แต่มันใหม่มากสำหรับผม มันรู้สึกเจ๋งมาก ทั้งคิวบู๊และเพลงต่าง ๆ ที่เรียบเรียงอะไรแบบนี้ ทุกอย่างมันดูจริงและจังหวะมันได้มันมาก ๆ

สมมุติถ้าต้องเป็นผู้กำกับของ GDH อยากให้ใครมาเล่นเป็นพระเอกหรือนางเอก

ผมอยากทำหนังแอ็กชัน จริง ๆ อยากแสดงหนังแอ็กชันด้วย ผมคงเลือกพี่ซันนี่ครับ แต่คงเป็นบทซีเรียส อยากได้ฟีลแบบบอดี้การ์ดเรื่อง ‘Kingsman’ ผมชอบพวกโฮโลแกรมในฉากต่อสู้ แบบนี้มันดูดี ทุกอย่างมันลงตัว ถ้านางเอกผมขอเอายุนอา Girls’ Generation มาแล้วกัน ความชอบส่วนตัวล้วน ๆ ครับ (หัวเราะ)

ความรู้สึกกับวง BNK 48

รู้สึกเป็นวงที่เขา… เรียกว่ายังไงดีอะ การรวมตัวของเขามันคือพลังบวก อยู่ด้วยก็ยิ้มตาม เขามีความเป็นธรรมชาติเยอะมาก ๆ เพลงเขาก็ชวนยิ้มได้ตลอด ตอนที่ถ่าย mv มันรู้สึกดีกับใจด้วย แต่มันก็แอบมีความแปลกอยู่เหมือนกันเพราะเราเองไม่ได้ซ้อมเต้นมาเก่งแบบเขา ผมก็เลยรู้สึกแปลก ๆ เขิน ๆ ตัวเองตอนเต้นครับ แต่รู้สึกถึงพลังบวก อันนี้รู้สึกมากจริง ๆ นะ (ยิ้ม)

แล้วโอชิใครบ้างรึเปล่า

น่ารักทั้งวงเลย ทุกคนเลย ตอบเป็นครับ (หัวเราะ)

img_3572

สเปคสาวที่ชอบ

ยุนอาครับ

สมมุติถ้าเจอยุนอาแล้วต้องจีบจริง ๆ จะจีบยังไง

ไม่ต้องห่วงครับ (หัวเราะ) วันนั้นอาจจะไม่กล้าก็ได้ เขินจัด ถ้ามีวันนั้นจริง ๆ ก็คงเข้าไปทำความรู้จักปกติแล้วค่อยว่ากันต่อ คงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ชอบผู้ชายรุกมาก ๆ แน่นอน

มุมมองความมรักของนนกุล

มีก็มี ไม่มีก็ไม่มีครับ ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ มันห้ามหรือสั่งกันไม่ได้ บางคนอาจจะมีเสน่ห์ เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว แต่ถ้าสุดท้ายเราไม่รักเขามันก็เท่านั้น มันก็ไม่รู้จะเสียเวลาไปทำไมกับเรื่องแบบนี้ ผมก็เลยรู้สึกว่า ช่วงนี้ก็ปล่อยให้มันเป็นธรรมชาติละกัน ถ้าคลิกก็คลิก ไม่คลิกก็ทำงานต่อไป

ทุกวันนี้มีผู้หญิงที่รู้สึกรักแบบหนุ่มสาวแล้วรึยัง

ไม่มีครับ แล้วก็ไม่ได้รีบที่จะต้องมีด้วย ผมแค่รู้สึกว่า ไม่รู้จะคิดเร็วไปก่อนรึเปล่า แต่อยากมั่นคงในสิ่งที่เราอยากเป็น อยากทำให้มันได้ก่อน ถ้าเกิดเรายังทำไม่ได้ เราก็จะรู้สึกว่าเราพยายามกับสิ่งที่เราฝันไว้จริง ๆ เหรอวะ ถ้ามันคลิกก็แปลว่า มันก็ต้องเป็นเรื่องในอนาคตที่ดูกันต่อไป

นิสัยส่วนตัวของชานน

ผมไม่มีนิสัยตายตัวนะ อย่างเช่นคำถามประเภทว่า ไหนลองบอก 3 นิสัยซิ มันไม่จริง ๆ แต่ถ้าถามว่ามีนิสัยแย่ ๆ ไหมก็มี ผมก็เห็นแก่ตัวบ้าง บางทีผมก็งี่เง่าบ้าง ผมก็ขี้รำคาญบ้าง ผมแค่รู้สึกว่า คำถามนี้มันไม่ได้ช่วยให้รู้จักผมมากจริง ๆ สุดท้ายผมก็ต้องตอบให้ตัวเองดูดีอยู่ดี (ยิ้ม)

กิจกรรมเวลาอยู่บ้าน

ผมไม่รู้จะโดนหมั่นไส้รึเปล่านะ แต่ผมทำจริง ๆ เรียนภาษาจีน เรียนร้องเพลง เรียนเต้น เข้าฟิตเนส กระโดดเพื่อเพิ่มความสูง แล้วก็เรียนสารพัดอย่างเลยครับ (หัวเราะ)

img_3587

ทำไมถึงเรียนภาษาจีน

เพราะว่า ไม่แน่ใจว่าจะมีได้ไปทำงานที่ประเทศจีนรึเปล่า ตอนนี้อยู่ในช่วงพูดคุยอยู่ ยังไม่แน่ใจ สุดท้ายแล้วต่อให้ไม่ได้ที่โน่นแล้วมันก็จำเป็นอยู่ดี การไปแสดงซีรีส์หรือหนังเราก็ควรจะพูดจีนได้ มันดูจริงใจกับตัวละครดีด้วย ถ้าเราไปแล้วพูดไม่ได้ให้คนอื่นไปพากย์ทับเสียงเรา มันก็รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวละครตัวนั้นแล้ว แต่ตอนนี้ตัวผมเองก็ยังพูดไม่ค่อยได้นะครับ อยู่ในช่วงปรับตัวอยู่ครับ

กิจกรรมกระโดดเพื่อความสูง โปรแกรมสุดเจ๋งของชานน

มันเป็นโปรแกรมที่ผมคิดขึ้นมากับคุณพ่อนิดหน่อย คือผมไปอ่านเจอบทความนึงมาแล้วเขาเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลอเมริกัน เขามีการเติบโตสองครั้งในชีวิต คือช่วงเป็นวัยรุ่นธรรมดากับช่วงอายุ 21 ปี จาก 180 ไปเป็น 180 กว่าเลย ผมก็เลยเอาว่ะปีนี้ก็อายุ 21 แล้ว ลองมันสักตั้งแล้วกัน ก็คิดโปรแกรมทุกอย่างเอง อะไรที่มันจะเอื้อบ้าง กระโดด โยคะ หรือการนอนก่อน 3 ทุ่ม ทุกอย่างที่มันอาจจะช่วยครับ

แล้วผลเป็นอย่างไรบ้าง

คือมันมีอยู่ช่วงสองอาทิตย์แรกที่ทำมันขึ้นมา 3 มิลลิเมตร แต่ว่าตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาเนี่ย (เดี๋ยวสปอยไม่บอกดีกว่า) ขอไม่บอกละกันครับ ให้ไปลุ้นใน YouTube นะครับ เร็ว ๆ นี้รอดูกัน

ผลงานที่จะมีในปีนี้

ฝากให้ทุกคนไปดูรายการช่อง YouTube ก่อนละกัน แต่ว่าช่วงกลางปีถึงปลายปีจะมีโปรเจกต์ที่เน้นการถ่ายทำ แต่ไม่แน่ใจว่า on air เมื่อไร เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนฝากติดตามกัน อาจจะเป็นปีหน้าก็ได้

ความฝันตอนนี้ต้องการทำอะไรอีก

เป็นนักแสดงฮอลลีวู้ด และอยากเป็นนักแสดงที่สมบูรณ์แบบ ทำได้ทุกอย่าง ร้องเพลงได้ เต้นได้ มีคุณสมบัติในการที่จะเป็นตัวท็อป ไม่ใช่ว่าแสดงเก่ง แต่มันต้องทำได้ทุกอย่างครับ

ฝากอะไรถึงคนอ่าน

ฝากทุกอย่างครับ ขอบคุณที่ติดตามผมและขอบคุณที่อ่านบทสัมภาษณ์นี้ ขอบคุณที่อยากจะรู้จักตัวผมมากขึ้นและก็หวังว่าจะมีโอกาสได้เจอกันตัวเป็น ๆ ครับ

img_3621

 

Facebook Comments

Next:


Gandit Panthong

กันดิศ ป้านทอง อดีตนักศึกษาฝึกงานนิตยสาร Hamburger Magazine, ทำงานในกองบรรณาธิการ MiX Magazine และ บก.คนแรกของ Fungjaizine ที่มีความมุ่งมั่นว่าจะตั้งใจสร้างสรรค์วงการเพลงให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง