Feature เห็ดหูหนู

แก้วตาหวานใจ : Playlist เพลงโปรดของ แก้ว และ ตาหวาน BNK48

  • Writer: Gandit Panthong
  • Photographer: Chavit Mayot

Fungjaizine ขอเชิญทุกท่านมาทำความรู้จัก แก้ว และ ตาหวาน 2 สมาชิกจากแก๊งชราไลน์แห่ง BNK48  กับเรื่องราวการไปเล่นดนตรีที่ญี่ปุ่นและชีวิตที่ทั้งคู่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน

Tawarn’s Playlist

Whitney Houston – I Will Always Love You

ที่ชอบเพลงนี้เพราะ ตอนเด็ก ๆ หนูชอบไปประกวดร้องเพลงแล้วรู้สึกว่า Whitney Houston เขาเป็นนักร้องตัวแม่ของวงการเพลง พอได้มีโอกาสฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกชอบ แม้ว่าตัวเองจะร้องไม่ได้ก็ตาม แต่เวลาได้ยินคนอื่นร้องมันก็รู้สึกซึ้งและน้ำตาไหลทุกครั้งที่ได้ยิน

Beyonce – Listen

หนูได้ยินเพลงนี้จากในภาพยนตร์เรื่อง ‘Dreamgirls’ หนูชอบ Beyonce มาก ๆ เขาเป็นหนึ่งในไอดอลที่ทำให้หนูอยากจะเป็นนักร้องอีกด้วย ชอบเพลงนี้มาก ๆ

High School Musical – Just Wanna Be With You

เพลงนี้เป็นเพลงที่อยู่ในภาพยนตร์เรื่อง ‘High School Musical’ ภาค 3 ตอนเด็ก ๆ หนูติดเรื่องนี้มากเลยทำให้หนูชอบเพลงนี้ไปด้วยเลย เพลงนี้มันจะเป็นเพลงที่มีความน่ารักอยู่ในตัว เพราะมันเป็นฉากที่พระเอกและนางเอกได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ทำให้ทุกอย่างมันดูลงตัวสุด ๆ สำหรับเพลงนี้

Charice – In This Song  

Charice เขาเป็นนักร้องฟิลิปปินส์ เป็นคนที่มีความสามารถมาก ๆ หนูได้ดูรายการนึงเขามาเป็นแขกรับเชิญ ตอนที่ดูรู้สึกว่า เฮ้ยทำไมคนนี้ร้องแล้วเพลงมันเหนือชั้นมาก ๆ มันพีคกว่าต้นฉบับอีก จากนั้นก็เลยไปดูชีวประวัติของเขาแล้ว พอเขาออกอัลบั้มมาก็เลยมานั่งอ่านเนื้อเพลงทุกอย่างมันดีมาก ๆ เลยชอบค่ะ

Imagine Dragons – Demons

เพลงนี้ไม่มีอะไรมาก แค่รู้สึกว่าฟังในเวอร์ชันคัฟเวอร์แล้วชอบ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงชอบเพลงนี้ เหตุผลหนูมีแค่นี้เลย

ของตาหวานดูเป็นแบบ Diva มากเลย (หัวเราะ) หนูก็เห็นว่าเว็บฟังใจก็จะมีเพลงอินดี้ขึ้นชาร์ตเยอะใช่ไหม หนูก็เลยนึกถึงเพลงที่หนูฟังสมัยเด็ก ๆ ที่มันอาจจะไม่ดังมาก ฟังแล้วมันให้ความรู้สึกอบอุ่น หนูจะชอบฟังเพลงของค่าย LoveIs – Bakery Music เพลย์ลิสต์นี้จะเป็นเพลงที่หนูชอบฟังตอนกลางคืนก่อนนอนซะเป็นส่วนใหญ่นะคะ  — แก้ว

Kaew’s Playlist

บอย—ตรัย ภูมิรัตน์ – ไม่มีเหตุผล

หนูชอบเสียงของพี่เขามาก ๆ เลย ฟังแล้วมันรู้สึกอบอุ่นดี

มิวสิค รัชพล – เหมือนเดิม…ไปทุกวัน

P.O.P – รักของเธอมีจริงหรือเปล่า

ต็อง—วิตดิวัต พันธุรักษ์ – อย่าปล่อยมือฉันไป

เพลงนี้มันมีความหมายดีมาก ๆ แล้วเสียงเปียโนในเพลงจะเป็นแนวที่หนูชอบมาก ๆ

โตน Sofa – ฉันคิด

เพลงน่ารักมาก หนูเป็นคนที่ชอบเล่นเปียโน ก็จะชอบเพลงที่มีเสียงเปียโนอยู่ในนั้น แล้วมันเป็นเมโลดี้ที่สวยมาก หนูจะชอบฟังเพลงนักร้องผู้ชายมากกว่า ชอบเสียงอบอุ่น ๆ

 

Exclusive Talk 

นี่คือการเจอกันครั้งแรกของผมกับสาว ๆ วง BNK48 ครับ โดยครั้งนี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ 2 สาวจากชราไลน์นั่นก็คือ แก้ว—ณัฐรุจา ชุติวรรณโสภณ และ ตาหวาน—อิสราภา ธวัชภักดี ซึ่งเรื่องราวที่เราจะพูดคุยกันในช่วงแรกนี้จะเป็นเรื่องรายการ ‘เพื่อนร่วมทาง The Journey’ การผจญภัยทั้งหมดที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นครั้งนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง การพัฒนาตนเองที่เกิดขึ้นจากทริปนี้เป็นเช่นไร แก้วและตาหวานพร้อมที่จะเล่าให้ทุกคนฟังแล้ว เชิญล้อมวงเข้ามาอ่านบทสัมภาษณ์นี้กันได้เลยครับ

%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7-%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%99-bnk48-fungjaizine-1

The Journey การผจญภัยครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง

แก้ว: สนุกดี อย่างแรกเลยก่อนไปมันต้องมีการออดิชันกันก่อน หนูดีใจมาก ๆ นะที่หนูมีโอกาสไปเพราะว่า ตัวหนูเองก็ไม่ได้ร้องเพลงดีขนาดนั้น ครั้งนี้มันเป็นเหมือนโอกาสที่เราได้ไปพัฒนาตัวเองที่ประเทศญี่ปุ่นเลย

ตาหวาน: ตอนที่ไปทำรายการก็รู้สึกตื่นเต้นนะ ยิ่งพอไปถึงจริง ๆ แล้วเราไม่ได้ไปในนามของวง BNK48 ด้วย ไปแค่ในนามวงดนตรีวงนึงที่ไม่มีชื่อเสียงใด ๆ เลย พอไปถึงมันตื่นเต้นและกังวล เพราะรายการนี้มันเรียลมากทุกอย่างจริงหมด เราไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไรที่ไหนบ้าง ไม่รู้เลยว่าวันนี้ต้องไปเจออะไร มันรู้สึกสนุกปนตื่นเต้นดี

การเดินทางครั้งนี้ ทำไมตาหวานถึงเลือกขิมเป็นเครื่องดนตรีประจำตัว

ตาหวาน: ตอนแรกรายการเนี่ยมันเป็นเหมือนรายการที่ครูบอกว่า พวกเราไปกัน 2 คนก็ควรจะต้องมีเครื่องดนตรีติดไปกันทั้งคู่ แล้วครูเขาก็มาถามว่า หนูเล่นเครื่องดนตรีอะไรได้บ้าง หนูเองเคยเล่นขิมเมื่อตอนช่วงประถม แต่ว่าหยุดเล่นไปนานมากแล้ว ครูเลยบอกว่าให้ลองเอากลับมาเล่นอีกครั้งได้ไหม เพราะมันเป็นตัวแทนของเครื่องดนตรีไทยที่ผสมผสานกับเครื่องดนตรีสากลได้ด้วย หนูก็เลยบอกว่า ลองดูก็ได้ เพราะในรายการนี้ทั้ง 2 คนที่ไปก็ต้องเล่นดนตรีคนละชิ้น อย่างรอบที่แล้ว ปัญ เขาจะตีคาฮอง พี่แจนก็เล่นกีตาร์ หนูเลยต้องมีอะไรสักอย่าง งั้นเอาเป็นว่าเล่นขิมก็ได้

ความรู้สึกแรกที่เปิดกล่องออกมาแล้วเครื่องดนตรีเสียหาย รู้สึกอย่างไร

ตาหวาน: ขิมหักตอนนั้นคือเสียใจมาก เอาจริง ๆ ตอนระหว่างทางที่เราไปขึ้นรถไฟมันเจออุบัติเหตุนิดหน่อย ตอนนั้นคือหัวใจตกอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว หนูก็กังวลว่าอุปกรณ์เราจะเล่นได้ไหม ตอนแรกก็คิดว่า ฝั่งตัวเครื่องของขิมมันกระแทกพื้นรึเปล่า เพราะ ถ้าตรงนั้นพังขึ้นมาคือแย่แน่ ๆ

แก้ว: เพราะว่าพวกเราเองก็ซ่อมไม่เป็นด้วย ไม่มีความรู้ในด้านการซ่อมแน่ ๆ แถมที่ญี่ปุ่นจะไปหาร้านซ่อมมันก็ลำบาก

ตาหวาน: แต่ในความโชคร้ายมันยังมีความโชคดีอยู่นะ เพราะส่วนที่มันแตกมันแตกแค่ขอบฝาของขิมเท่านั้นเอง โชคดีไป คือ ตอนที่หนูเอาขึ้นเครื่องบินมา หนูไม่ได้ใส่ฮาร์ดเคสกันกระแทกมา เพราะว่าฮาร์ดเคสที่หนูมีมันเป็นทรงสี่เหลี่ยม ๆ มันใส่ไม่ได้ ตัวเราก็ระวังมาพอสมควรแล้ว แต่เจอเหตุการณ์นี้ไปก็ช็อกพอสมควรเลย

ชื่อวงดนตรี Hoshi Band มีที่มาจากไหน

แก้ว: เราคิดเอาไว้แล้วว่าอยากได้ชื่อวงที่ไม่เป็นภาษาญี่ปุ่นก็ต้องเป็นภาษาอังกฤษ แต่ว่าทีมที่ไปมาก่อนหน้านั้นเขาก็ใช้ชื่อภาษาอังกฤษไปแล้ว ยิ่งพวกเราไปประเทศญี่ปุ่นด้วยก็อยากจะได้ชื่อภาษาญี่ปุ่นไปเลย ทีนี้ความรู้ภาษาญี่ปุ่นของเราก็มีน้อย (หัวเราะ) เลยพยายามหาชื่อที่เรารู้ว่าความหมายมันคืออะไร มันก็จะเพลงนึงของเราชื่อ Hoshino ก็เลยรู้ว่ามันแปลว่าดวงดาว งั้นก็เอาสิ่งที่เรารู้ละกันก็คือคำว่า Hoshi พอมันมารวมกับคำว่า Band แล้วมันก็ดูมีความหมายที่ดีอีกด้วย

ตาหวาน: ตัวเราเป็นศิลปินก็เปรียบเสมือนดวงดาวดวงนึงทีอยู่บนฟ้าเหมือนกัน การไปอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นมันก็เหมือนได้การฝึกฝนขัดเกลาตัวเองก่อนที่จะเปล่งประกาย ทำให้มันมีความหมายมาก ๆ สำหรับชื่อนี้

รู้สึกอย่างไรบ้างที่ต้องไปเล่นดนตรีให้คนประเทศญี่ปุ่นเจ้าของภาษาฟัง

แก้ว: จริง ๆ ตอนแรกที่ไปถึงประเทศญี่ปุ่น เราไม่ได้แสดงแบบมีคนดูนะ แค่เล่นให้คุณป้าท่านนึงดูเฉย ๆ เราอยากขอบคุณเขาที่ดูแลพวกเราเท่านั้นเอง อย่างมันจะมีเพลงนึงชื่อ Shonichi เพลงนี้มันจะมีเนื้อเพลงยาก ๆ อยู่ท่อนนึง ตาหวานก็บอกหนูว่า พี่ ๆ เรามั่วเนื้อเพลงไปก็ได้มั้ง แต่แก้วก็บอกตาหวานว่า เราร้องให้คนญี่ปุ่นฟังจะมั่วได้เหรอ มันก็มั่วไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องติวสำเนียงภาษาญี่ปุ่นกับทีมงานที่เราไปเจอตรงนั้นเลย

ตาหวาน: โดนเขาว่าก่อนด้วยนะว่าสำเนียงไม่ดี ต้องติวเข้มด่วน

%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7-%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%99-bnk48-fungjaizine-2

ความกดดันที่เกิดขึ้นในการร้องเพลงครั้งนี้มากน้อยขนาดไหน  

แก้ว: มากค่ะ ทุกคนที่อยู่ทางบ้านต้องดูไปเรื่อย ๆ แล้วจะรู้ว่าเราไม่ได้ไปเที่ยวเลย อันนี้ที่ได้ดูกันมันเป็นสัปดาห์ที่สองใช่ไหม แต่พอไปเรื่อย ๆ เราจะร้องไห้กันทุกวันเลย เรากดดันตัวเองมันเหมือนคิดแค่ว่าทำไมมันไม่ดีขึ้นเหมือนมันจะมีช่วงที่ดีขึ้นประมาณวันที่ 4 ไปเลย ช่วงวันที่ 2-3 ที่ไปถึงยังปรับตัวไม่ได้ รายการนี้ทั้งหมดมี 5 EP แต่ที่ไปกันจริง ๆ มันคือ 8 วัน วันที่ 8 ของทริปนี้คือวันที่ดีที่สุด

ได้เห็นมุมมองของกันและกันมากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่จากการไปถ่ายรายการนี้ด้วยกัน

แก้ว: จริงๆ ตาหวานคือคนที่หนูคุยด้วยน้อยสุดเลย ตาหวานเขาจะชอบกลับบ้านก่อน มันก็เลยได้มีโอกาสคุยกันแค่ในห้องซ้อม ในมุมเราก็รู้สึกว่า เขาคือคนเงียบที่สุด อย่างเวลาไปไลฟ์ตู้ปลา เขาจะพูดไม่ทันพวกหนู อย่างพอไปอยู่ประเทศญี่ปุ่นวันแรกไปถึงก็เปิดใจกันทันทีมีอะไรก็ให้บอก หนูก็ร้องไห้จริง ๆ ด้วยนะ เพราะหนูกลัวว่าเราสองคนจะไม่เข้ากัน กลัวไม่คุยกัน พอหลังจากวันนั้นวันที่ 3-4 ตาหวานก็เริ่มเป็นตัวเองมากขึ้น

ตาหวาน: อย่างที่พี่แก้วบอกว่าเราไม่ค่อยได้คุยกัน พี่แก้วเวลาอยู่ในกลุ่มจะพูดเยอะ มีมุก แต่เราก็ไม่ค่อยได้เข้าไปคุยกับเขา ตอนนั้นหนูก็กลัวว่าหนูจะไปทำอะไรไม่ถูกใจพี่เขาจะเหวี่ยงรึเปล่า พอได้ไปเปิดใจได้คุยกันมากขึ้นมันก็กล้าพูดมากขึ้น ก่อนที่จะคุยอะไรก็จะดูก่อนว่าพี่เขาอารมณ์เป็นแบบไหนในช่วงเวลานั้น 

แก้วเป็นคนเหวี่ยงแบบไหน 

แก้ว: หนูเป็นคนขี้หงุดหงิดเหมือนขี้รำคาญ มันจะมีนิสัยผู้หญิงบางมุมที่ใส่ใจรายละเอียด แต่หนูเป็นคนไม่ใส่ใจรายละเอียด แล้วพอหนูเจอคนใส่ใจรายละเอียดเยอะ ๆ ก็จะรำคาญ เหมือนบางเรื่องที่เรารู้แล้วแล้วมีคนมาพูดอีกบ่อย ๆ มันก็จะมีมุมนั้น เวลาหนูสอนเปียโนนักเรียนบางอย่างที่หนูคิดว่าเขาควรจะทำได้ หนูก็จะรู้ลิมิตของเด็ก แต่เขาดันทำไม่ได้สักที หนูก็ไม่เข้าใจแล้วทุบเปียโนเลย (หัวเราะ) เฮ้ย ทำไมทำไม่ได้ แต่พอมาอยู่ในวงนี้ หนูปรับตัวมากขึ้นก็ต้องลดสิ่งนั้นแล้วรับฟังคนอื่นมากขึ้น อย่างตอนแรกที่เล่นขิมกับตาหวาน มันก็ไม่จูนสักที จังหวะมันไม่ตรงกันเลย ยังไงมันก็ไม่ได้ มันก็ต้องลองวิธีการอย่างอื่นตรงนี้เองก็ช่วยลดความใจร้อนของหนูลงด้วย

เคยคิดจะทำวงดนตรีด้วยกันบ้างไหม

แก้ว: อยากนะ คอมเมนต์จากคุณครูมันดูเข้ากัน มันเหมือนพวกเราจะมีทัศนคติและนิสัย เคมีทั้งหมดมันเข้ากันก็เลยอยากทำ ปรากฏเดี๋ยวตาหวานตอบไม่ยากทำ (หัวเราะ)

ตาหวาน: ไม่ ๆ (หัวเราะ) ตาหวานอยากทำนะตั้งแต่อยู่ที่ญี่ปุ่นแล้วว่า แม้รายการเรามันจะจบไปแล้วแต่ก็ยังอยากทำวงกันอยู่ ถ้ามีโอกาสก็อยากทำด้วยกัน

แก้ว: ตาหวาน เขาคือนักร้องที่เล่นขิมได้ แต่ดันไปโฟกัสที่ขิมไม่โฟกัสร้อง แต่หนูเป็นนักเปียโนก็ไม่โฟกัสเปียโนไปโฟกัสร้องแทน พอมันมารวมกันก็นั่นแหละ (ยิ้ม)

%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7-%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%99-bnk48-fungjaizine-4

ถ้าอยู่ที่ประเทศไทยแล้วจะยังใช้ชื่อวงดนตรี Hoshi Band อยู่ไหม

แก้ว: ชื่อนี้ล่ะ มันมีจุดขาย

ตาหวาน: มันจะได้ต่อเนื่องกันไป

แก้ว: ตอนแรกมีเพื่อนตั้งให้แก้วกับตาหวานว่า ชื่อวง แก้วตา ก็น่ารักดีนะ

เขาทั้งคู่ทำตุ๊กตาอย่างเดียวมา 50 ปีแล้ว รู้สึกว่า คนเราจะอดทนทำสิ่งนึงตลอดชีวิตได้ยังไง มันดูน่าเบื่อนะ แต่เขาก็ทำได้ เขาทำเพื่อให้คนอื่นมีความสุข — แก้ว

ช่วงท้อแท้ที่เกิดขึ้นตอนถ่าย The Journey มีเกิดขึ้นบ้างรึเปล่า

แก้ว: ไม่ท้อเลยนะ แต่เหนื่อย (หัวเราะ) หนูรู้สึกว่าหนูไม่ใช่คนที่เล่นเปียโนแย่ แต่ด้วยความที่เล่นแนวคลาสสิกมาตลอดแล้วต้องมาเล่นเพลงป๊อปมันเลยไม่มีความสุขเท่าไร มันทำแล้วพอมันไม่ได้ หนูก็คิดในหัว เฮ้ย ทำไมถึงไม่ได้ มันดูไม่ยาก แต่เราทำไม่ได้ หนูก็คิดอยู่เสมอว่ามันต้องมีพรุ่งนี้อยู่เสมอ มันจะได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ หนูเลยไม่ท้อเลย เพราะมันไม่ถึงเป้าที่หนูตั้งไว้สักที

ตาหวาน: เหมือนกัน เราอยู่ด้วยกัน เราคุยกัน ถ้ามันยังไม่ถึงเราก็ต้องซ้อม ๆ หนูเป็นนักร้องที่ชอบร้องเพลง แต่พอต้องไปร้องเพลงภาษาญี่ปุ่นแล้วเราก็ถูกตำหนิมา มันก็จะเสียความมั่นใจ ถ้าเราร้องออกไปแล้วมันไม่ดีอีกมันจะไปยังไง เราก็ยิ่งแบบต้องทำให้ได้ ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่เราก็ต้องฝึกร้อง ไม่ว่าจะกินข้าว อยู่บนรถ เข้าห้องน้ำเราก็ร้อง ต้องฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเราต้องเล่นขิมด้วย มันก็จะมีความตื่นเต้นทุกครั้งที่จะเล่น

แก้ว: เพราะว่าเพลงที่เราเล่นมันจะมีท่อนโซโล่ด้วย มีท่อนประสานที่เยอะมาก พอร้องเพลงจบตาหวานเขาก็จะวางไมค์มาตีขิม ตาหวานก็จะมีอาการมือสั่น ๆ  แบบฉันจะตีแล้วนะ

ตาหวาน: มันหนาวด้วย (หัวเราะ) ต้องลุ้นทุกครั้ง

ประสบการณ์ที่ได้รับกลับมาในครั้งนี้นำกลับมาพัฒนาตัวเองต่ออย่างไรบ้าง

ตาหวาน: อย่างที่ครูบอกเรา เราฝึกซ้อมทุกวัน ร้องเพลงทุกวันยันดึกดื่น ครูเขาเห็นความพยายามของเรา ครูอยากให้เก็บตรงนี้เอาไว้แล้วก็พอมาถึงประเทศไทยก็อยากให้ทำต่อไป ได้เพลงมาแล้วก็ควรจะฝึกร้อง มาฝึกเล่น ไม่ใช่ถึงเวลาเรียนก็ปล่อยชิวกันไป ครูอยากให้เราฝึกเหมือนตอนอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นพวกเราฝึกหนักมาก ตื่นเช้ามา 7-8 โมงเช้าก็ต้องร้องเพลงแล้ว แล้วร้อง ๆ ทั้งวันจนถึงตี 2-3 เลย หนูก็จะมีวิธีดูแลเสียงด้วยการกินน้ำผึ้งมะนาวทุกวัน ส่วนพี่แก้วเขาก็จะกินไอติมทุกวัน แต่หนูกินไม่ได้เพราะกลัวไม่สบาย

แก้ว: กินทุกวันเลย แก้วก็ร้องเพลงได้นะ แต่ได้ไปประเทศญี่ปุ่นทั้งทีก็อยากไปกินขนมญี่ปุ่นหน่อย แต่เราก็จะดูแลตัวเองด้วยการกินยาทุกคืนดักไว้ ยังคุยกับตาหวานอยู่เลยว่า จบรายการนี้เป็นโรคไตแน่ (หัวเราะ)

สถานที่ที่ประทับใจในทริปนี้

แก้ว: หนูค่อนข้างประทับใจผู้คนมากกว่าสถานที่นะ เพราะว่าหนูไม่ได้รู้สึกว่าหนูไปเที่ยว เพราะฉะนั้นเวลาไปที่ไหนเขาก็ไม่ได้บอกเรา หนูจะถามตลอดว่า ครูวันนี้เราจะไปไหนกัน ครูเขาก็ไม่บอก แล้วพอหนูไปถึงก็รู้สึกว่า หนูต้องเล่นให้ดีขึ้นไม่ได้รู้สึกว่าสถานที่มันสวยรึเปล่า ที่ประทับใจคือช็อตที่คนทำตุ๊กตามาให้เหมือนรายการเขาตัดมานิดเดียว แต่จริง ๆ มันทำเยอะมาก เป็นคุณตาคุณยายทำตุ๊กตามาให้เรา ซึ่งเขาทั้งคู่ทำตุ๊กตาอย่างเดียวมา 50 ปีแล้ว รู้สึกว่า คนเราจะอดทนทำสิ่งนึงตลอดชีวิตได้ยังไง มันดูน่าเบื่อนะ แต่เขาก็ทำได้ เขาทำเพื่อให้คนอื่นมีความสุข เหมือนหนูก็ได้ข้อคิดตรงนี้ว่าที่เราเล่นดนตรีเพราะว่า เราไม่ได้เล่นเพื่อตัวเอง แต่ว่าหนูทำให้คนอื่นมีความสุขได้ด้วย

ตาหวาน: คิดเหมือนกันเรื่องประทับใจคนมากกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นส่วนที่เกิดในบ้านพักโฮมสเตย์ของคุณป้าเอโกะ เขาดูแลเราดีมาก คุณป้าเขาน่ารักแล้วเราทั้งคู่ก็ได้ทำอะไรในสิ่งที่ไม่เคยทำอีกด้วยชอบและประทับใจที่บ้านหลังนั้นมาก

%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7-%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%99-bnk48-fungjaizine-5

อยากบอกอะไรกับคนที่ติดตามรายการนี้อยู่บ้าง

แก้ว: อยากบอกว่า หนูร้องไห้เยอะไปหน่อย อย่ารำคาญนะ (หัวเราะ) เพราะว่าร้องไห้ทุกที่เลย

ตาหวาน: มีช็อตเหวี่ยงด้วยนะ (หัวเราะ) ต้องติดตามนะคะ ใครติดตามบอกได้เลยว่า ห้ามพลาด

แก้ว: มันเกิดเหตุการณ์ที่ผิดพลาดใช่ไหม หนูก็เลยเหวี่ยง ฝากถึงคนดูทุกคนด้วยก็ช่วยเชียร์พวกเราด้วยนะถึงคนอื่นจะคิดว่าพวกเราเป็นอาชีพนักร้อง แต่พวกเรายังไม่ใช่ศิลปินอย่างเต็มตัว ถ้าดูรายการนี้ก็ขอให้ดูที่การพัฒนาของพวกเรา มันอาจจะยังไม่ดีมาก แต่มันก็ดีที่สุดเท่าที่พวกเราจะทำได้

ตาหวาน: อยากฝากทุกคนว่า พวกเราลำบากนะคะ ไม่ใช่สบาย ๆ นะ หลายคนอาจจะคิดว่า เราไปที่ที่มันสวย ๆ มีหลายคนบอกว่าทีมนี้ดูสบายกว่าทีมโน้นจัง จริง ๆ แล้วคือ เราลำบาก เราพยายามทุกวัน ไม่มีวันไหนที่เราหยุดพัฒนาเลย อยากจะฝากอันนี้ด้วย อยากให้ดูพัฒนาการของพวกเรา ฝากด้วยนะ

จบเรื่องราวในรายการ ‘เพื่อนร่วมทาง The Journey’ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ จากที่ได้คุยกันกับพวกเธอ ก็รู้ว่าตั้งใจมากจริง ๆ กับการไปผจญภัยครั้งนี้ แต่การคุยกันของเรายังคงดำเนินต่อไปโดยมีเสียงหัวเราะของทั้ง 2 สาวเป็นระยะ ๆ ต่อจากนี้จะเป็นเรื่องราวของ BNK48 กับกระแสต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม พวกเธอมีความเห็นอย่างไรบ้าง 

รู้สึกอย่างไรบ้างที่ทุกคนรู้จักวงมากขึ้น

แก้ว: ดีใจนะ หนูจำได้ช่วงที่โร้ดโชว์ คนที่เขามาดูวงเราก็แค่ส่วนนึงเท่านั้นเอง แต่ทุกวันนี้เราจะเห็นข่าวออกมาว่า ปรากฏการณ์ห้างแตก ตอนนี้แฟนคลับเยอะมากจริง ๆ   ตัวหนูเองก็ตกใจเหมือนกัน เวลาร้องเพลงแล้วมองขึ้นไปข้างบนเขาอยู่กันทุกชั้นเลย แล้วหนูก็หวังว่ามันไม่ใช่แค่กระแส ทุกคนจะเห็นว่า เราก็ยังเป็นกลุ่มคนที่พัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ ตัวพวกเราเองก็ดีใจที่มีคนติดตามเราเรื่อย ๆ ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าทุกอย่างมันจะมาถึงขนาดนี้

ตาหวาน: ไม่คิดเลยเหมือนกัน

แก้ว: เพราะเราคือรุ่นที่ 1 ด้วย รุ่นที่เริ่มจากไม่มีอะไรเลย พวกเราเซ็นสัญญาทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่รู้ว่า บริษัทจะพาเราไปในทิศทางไหน แต่เราก็ตั้งใจที่จะทำในฝันของเราไปถึงจุดหมาย โดยที่ไม่ได้คาดหวังถึงทุกวันนี้ด้วยซ้ำ แต่พอมาถึงทุกวันนี้ก็ดีใจมากที่หลาย ๆ ที่พูดถึงเรา

ไปไหนมาไหนต้องระวังตัวมากขึ้นไหม 

ตาหวาน: จริง ๆ ก็มีคนเข้ามาทักนะ แต่ก็ไม่ได้มาก เพราะว่า หนูยังไม่ใช่คนที่มีความนิยมมากที่สุด หนูเคยคิดนะว่าเราเองก็ไม่ได้ดังมาก คงไม่มีใครจำเราได้หรอก แต่พอมันมีคนที่เขาจำเราได้แล้ว เราเองก็ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น อย่างเวลาขึ้นรถไฟฟ้า เวลาต้องเบียดกับคนอื่นหนูจะไปยืนหลบ ๆ ตรงมุมเลย พยายามไม่ให้โดนตัวคน บางทีคนเจอเราเขาก็มายืนจ้องหน้าแทน

แก้ว: ของแก้วจะไม่ค่อยได้ใช้พวกรถขนส่งสาธารณะเท่าไร แต่หนูจะระมัดระวังในภาพลักษณ์มากกว่า ถ้าแต่งตัวแย่ก็จะมีพี่ ๆ ค่อยเตือน เพราะมันก็จะมีกลุ่มคนโรคจิตอยู่เหมือนกัน เรื่องการเข้าห้องน้ำหนูจะระมัดระวังมาก อย่างล่าสุดหนูเข้ามินิมาร์ตแห่งนึง หนูหน้าสดไม่ได้แต่งหน้าไป แล้วเขาก็จำหนูได้ หนูเสียใจมากที่เขาเจอหนู เขาเดินไปถาม โมบายล์ ว่า น้อง ๆ คนนั้นใช่ แก้ว BNK48 รึเปล่า แล้วเราหน้าสดอยู่เลยบอกว่า ไม่ใช่ ๆ เหมือนบอกเขาเพื่อไม่ให้มาเสียใจทีหลัง จากเหตุการณ์นั้นมาคือแต่งหน้าตลอดแล้วก็ระมัดระวังตัวมากขึ้นค่ะ

ย้อนกลับไปทำไมถึงอยากมาสมัครวง BNK48

ตาหวาน: หนูอยากเป็นนักร้องเป็นศิลปินอยู่แล้ว ตอนนั้นเคยคิดว่า ถ้าเข้ามหาลัยแล้วจะตัดทางนี้ไปเป็นงานอดิเรกแล้วร้องเพลงสนุกสนานพอ เน้นเรื่องเรียนเป็นหลัก ปรากฏว่ามีเพื่อนหนูคนนึงมาบอกว่า ตาหวานไปลองสมัคร BNK48 ดูไหม เห็นว่าชอบร้องเพลงชอบเต้น เพราะอยู่ที่มหาวิทยาลัยตาหวานก็ทำกิจกรรม เพื่อนก็เลยชวนหนูก็เลยลองดู ถ้าได้มันก็คงเป็นโอกาสครั้งนึงที่ได้ลองทำมันไม่เสียหายเลย ลองทำตามความฝันของตัวเองครั้งสุดท้ายดู เพราะถ้าสมัครแล้วไม่ผ่านหนูก็จะไม่สมัครอะไรอีกเลย เพราะที่ผ่านมาตัวเองก็เคยสมัครอะไรพวกนี้มาหมดเลยตั้งแต่เรียนอนุบาล ประถมหรือช่วงมัธยมไล่ไปตั้งแต่รายการ The Star, Academy Fantasia หรือไปร้องเพลงประกวดตามห้างสรรพสินค้าก็ไป

แก้ว: ตาหวานเขาจะเป็นดิว่าของวงเราเลย ส่วนของแก้วจะเป็นแนวแม่บังคับ ตอนแรกหนูไม่ไม่ได้อยากมาสมัครอะ (หัวเราะ) หนูเต้นก็ไม่ได้ ร้องเพลงก็ไม่ได้ มันจะมีวันนึงทีมงานของ BNK48 เขาจะไปสเก๊าต์ที่จุฬา ฯ หนูเดินของหนูอยู่แล้วเขาถามว่า น้อง ๆ รู้จัก AKB48 ไหม เขาจะมาตั้งวงน้องเป็นวง BNK48 สนใจไหม เราก็แค่รับโบชัวร์ไปเฉย ๆ แล้วเอาไปให้แม่ดู แม่ก็บอกว่าไปสิไป ลองดู ตอนนั้นเลยลองไปดูโดยที่หนูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือวงไอดอลที่ต้องการคนแบบไหน

%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7-kaew-bnk48-fungjaizine-2

ความรู้สึกแรกได้เป็นสมาชิกวง BNK48 อย่างเป็นทางการ

แก้ว: วันนั้นทักไปถามแม่ว่าจะให้เซ็นสัญญาไหม หนูก็ตามใจแม่เลย จริงๆ การสอนเปียโนมันคือ comfort zone ของหนู ตอนนั้นมันยังไม่ได้มีเป้าหมายอะไรในชีวิตเพิ่มเติมเลย แค่รู้สึกว่าเรียนจบมาก็อยากจะเป็นคุณครูสอนมาเรื่อย ๆ แต่ถ้าเกิดว่าเรามาลองทำอะไรใหม่ ๆ ครั้งนึงในชีวิตที่แก่กว่านี้ก็ทำไม่ได้แล้ว มันก็ควรลองทำดูสักครั้งเลยเซ็นสัญญาเลย

ตาหวาน: วันที่หนูติดก็รู้สึกว่า ไฟในการร้องเพลงเรากลับมาแล้วจากที่มันริบหรี่ไปจนเกือบจะดับ หนูไม่ใช่สายเจป๊อปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ถ้าถามว่ารู้จักไหม รู้จัก เคยฟังเพลง เคยดู แล้วพอมาก็คิดว่าทางนี้มันอาจจะเป็นทางของเราก็ได้เลยรู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ออดิชั่นผ่าน

การพบเจอกับเหล่าแฟนคลับครั้งแรกในชีวิต

แก้ว: ตอนแรกกลัวนะ ความรู้สึกที่เราเจอคือ เขาไม่ใช่แฟนคลับแบบที่ยืนกรี๊ดกันอย่างที่คุ้นเคย มันจะเป็นแบบตะโกนเชียร์กันตามงาน ซึ่งเขาก็จะเชียร์เราแบบเต็มที่มาก หนูจำได้ว่าวันเดบิวต์หนูยืนอยู่แถวหน้า ๆ แล้วผู้ชายข้างหน้าเขาถือพัดตะโกนดังมาก หนูก็คิดว่ามันมีการเชียร์แบบนี้ด้วยเหรอ ตกใจกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ว่าเวลามันผ่านมาเรื่อย ๆ เวลาหนูท้อแท้ เวลาหนูรู้สึกว่า หนูเหนื่อย หนูก็จะได้รับคอมเมนต์เป็นกำลังใจตลอด เขาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิดนะ เขาคือคนที่ค่อยสนับสนุนและให้กำลังใจ เราก็ดีใจที่ได้เจอกับพวกเขาเหล่านั้นมาก ๆ เช่นกัน

ตาหวาน: อย่างหนูก็เคยเป็นแฟนคลับไปตามกรี๊ดศิลปินเหมือนกันนะ พอจะเข้าใจว่าการเป็นแฟนคลับมันต้องมีการตามกรี๊ดตามอะไรกันอยู่แล้ว ของหนูมันจะเป็นความรู้สึกที่ตกใจมากกว่า พลังของพวกเขามันสุดยอดมาก ๆ เขาจะมีภาษาของเขาอยู่ หนูจำได้ตอนเพลง Aitakatta (อยากจะได้พบเธอ) มันจะมีเสียงกระดิ่งอยู่แล้วเราไม่ได้ยินเสียงเลย แฟนคลับข้างหน้าเขาจะส่งเสียงกันดังมาก หนูก็ตกใจ (หัวเราะ) ตอนแรกจะไม่ชินเลยเวลาไปตู้ปลา พอมาเรื่อย ๆ เราก็รู้สึกโอเคกับพวกเขามาก ๆ แต่ก่อนเคยคิดนะว่า แฟนคลับวงเรามีแต่ผู้ชาย เขาจะมีโรคจิตรึเปล่า แต่พอไปเจอจริง ๆ ไม่เลย หนูไปขึ้น BTS เขาก็ไม่มายุ่งกับเรา ไม่สนใจเรา ทำว่าเราเป็นคนปกติทั่วไป ให้เกียรติพวกเรา นอกเวลางานเราก็จะรู้สึกโอเค ไป ๆ มาๆ เขาก็ทำหลายสิ่งหลายอย่างให้เป็นกำลังใจให้พวกเราดีใจมากที่ได้เจอพวกเขา

กิจกรรมจับมือรู้สึกยังไงบ้างกับกิจกรรมนี้

แก้ว: กลัวเหมือนกันตอนแรก เพราะว่าเคยเห็นข่าวที่ประเทศญี่ปุ่น เขาก็มีแฟนคลับไม่หวังดีเข้ามาทำร้ายอะไรแบบนี้อันนั้นก็กลัว แต่ว่าอันที่กลัวมากกว่าก็คือ กลัวไม่มีคนมาจับมือเรา (หัวเราะ)

ตาหวาน: ใช่กลัวเหมือนกัน กลัวไม่มีคนมาจับมือเรา

แก้ว: แต่พอถึงวันที่จับมือมันก็ดีใจ โล่งใจไปเปราะนึงว่ามีคนมาจับมือเราด้วย แต่งานมันไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว เราก็กลัวมาก ๆ เลยว่าครั้งต่อไปจะมีใครมาจับมือเราอีกไหม แต่สุดท้ายผลตอบรับมันก็ดีกว่าที่เราคิดมาก

แก้วมองว่า กิจกรรมนี้มันต้องมีไหวพริบนิดนึงนะ เพราะว่าคนเข้ามาก็มีหลายรูปแบบเลย เขาก็มีคำถามมาถามเราแตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นแล้วเราก็เองก็ทันพวกเขาเหมือนกัน มันมีเวลาแค่ 8 วินาทีที่จะทำให้เขาประทับใจ

ตาหวาน: หนูรู้สึกแปลกใหม่มากในการที่ต้องไปจับมือผู้ชาย ใครก็ไม่รู้ จับทั้งวันเลย (ยิ้ม) อย่างเราเองก็เคยมีโมเมนต์แบบ hi-touch อะไรแบบนี้นะ แต่พอจับมือมันก็ต้องพูดคุยกัน ช่วงแรก ๆ หนูก็ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร เพราะคนเข้ามามันเยอะมาก บางทีเราก็พูดคำพูดเดิม ๆ แต่พอผ่านมาหลาย ๆ ครั้งก็รู้สึกว่าเราสบายมากขึ้น แล้วแบบว่าได้พูดได้เล่นกับเขา ได้แลกเปลี่ยนบางอย่างกัน เหมือนบางคนเขาก็มาถามเราในไอจี แต่เราไม่สามารถตอบกลับเขาได้คือ เราเห็นนะ แต่เราตอบกลับไม่ได้ เพราะฉะนั้นช่วงเวลานี้มันจะเป็นช่วงเวลาที่ได้พูดคุยกับเขาได้อธิบายให้เขาฟังกัน

แก้ว: มันก็จะมีช่วงเวลาที่ประทับใจอยู่เยอะมากกิจกรรมนี้ ที่หนูชอบเลยก็คือตอนที่รวมบัตรหลาย ๆ ใบมาจับมือกับเรา แต่อันนี้ต้องอยู่รอบสุดท้ายนะ บางคนเขาก็จะมีเป็นร้อยใบเลยมายืนจับมือแล้วก็คุยกัน มันก็จะแตกต่างจากรอบ 8 วินาที ตรงนั้นคือทุกคนจะร้องไห้กันหมดเลย อย่างบางคนก็บอกเราว่า แก้วรู้ไหมว่า ชีวิตพี่เคยแย่แบบนั้นแบบนี้ แต่พอมาเจอพวกเราทำให้เขามีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น ตอนนี้เขาเลิกบุหรี่แล้วนะ เขาไม่เป็นโรคซึมเศร้าแล้ว เขาได้ออกมาเจอคนมากขึ้น หนูก็ประทับใจที่ชีวิตหนูมีค่ามากมายขนาดนั้น

ตาหวาน: มีเหมือนกันนะ อย่างของหนูเขาก็จะมาเล่าเรื่องที่เขาบอกว่าเป็นเรื่องของคนอื่นนะ แต่จริง ๆ หนูรู้ล่ะว่ามันคือชีวิตของเขา เขาก็เล่าว่าจากคนที่ไม่สนใจอะไรในตัวเรา เขาก็แค่มาจับมือหนูเฉย ๆ ครั้งแรก หนูก็บอกกับเขาไปว่า ไม่เป็นไรค่ะ แค่มาเจอกันก็ดีแล้ว แต่เหมือนเขาออกไปก็ยืนน้ำตาไหลอยู่หน้าเลนหนู แล้วก็บอกว่า พี่จะโอชิหนูคนเดียวนะ สัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้เลนว่าง แล้วเขาก็ร้องไห้ หนูก็ซึ้ง รู้สึกขอบคุณเขาที่เขาสนับสนุนหนูคนเดียว แต่หนูก็จะรู้สึกว่า ทำไมนะ ปล่อยเลนว่างก็ได้ ขอพักนิดนึง (หัวเราะ) แต่เขาก็จะเป็นคนเดียวที่วิ่งเข้ามาหาเลนหนูตลอดเลย ขอบคุณมากจริง ๆ

%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7-kaew-bnk48-fungjaizine-1

Fan song ของตัวเองได้ฟังกันบ้างรึเปล่า

แก้ว: ฟังแล้วนะของหนูมี 2 เพลง เท่าที่หนูเคยเห็น เพลง My Queen กับเพลง ตกหลุมรัก ซึ่งหนูก็รู้สึกว่าเขาทำออกมาในสไตล์ที่หนูชอบอยู่แล้ว อย่างหนูชอบเพลงของค่าย LoveIs เพลงที่มีเปียโน แล้วหนูก็รู้สึกว่านี่มันเป็นเพลงสไตล์ที่เราฟังแล้วอบอุ่นหัวใจ ความหมายมันก็มาจากคาแร็กเตอร์ของหนู อาจจะเป็นพวกคำพูดที่หนูเคยพูด แล้วหนูก็รู้สึกว่ามันมีคนนึงที่เขาใส่ใจรายละเอียด รู้สึกดีใจที่มีเพลงกับเขาสักที

ตาหวาน: ที่หนูเห็นจะมีเพลงที่ชื่อว่า ISARAPA กับอีกเพลงนึงที่ส่งมาให้หนูฟังชื่อเพลง ผ้ากันเปื้อน แต่หนูยังไม่ได้ฟังนะ เดี๋ยวจะรีบกลับไปฟังเลย สำหรับหนูแค่มีเพลงเป็นของตัวเอง หนูก็รู้สึกตื้นตันและดีใจแล้ว รู้ว่าเขาต้องทำงานทำอะไรมากมาย แต่หาเวลามานั่งแต่งเพลงทำเพลงให้ดีใจมาก ๆ เลยค่ะ

อยากให้ตาหวานเล่าเรื่องผีที่มหาวิทยาลัยให้เราฟังหน่อย

แก้ว: มิติใหม่ของการสัมภาษณ์เลยนะเนี่ย 

ตาหวาน: ยังไม่เคยเจอนะ แต่ได้ยินเรื่องเขาเล่ากันมา เขาบอกว่าที่ทับแก้วตรงแถว ๆ คณะอักษรศาสตร์ เขาจะมีลานบนกับลานล่าง สถานที่ตรงนั้นมันเคยเป็นลานประหารมาก่อน แล้วมันก็จะมีพวกพี่สันทนาการมาซ้อมร้องเพลงค่ะ ตัวหนูตอนฟังก็ไม่ได้สนใจอะไรนะจนเพื่อนบอกเราว่า รู้ไหมทำไมเขาถึงต้องหันข้างหลังเวลาซ้อม เราก็บอกว่าทำไมเหรอ เขาก็บอกว่า ถ้าหันหน้าออกมาจะเจอดี เหมือนมันจะเคยมีเหตุการณ์ตอนดึก ๆ ครั้งนึงที่เขาซ้อมกิจกรรมพวกนี้กันแล้วมันมีคนนึงเขารู้สึกเพลีย ๆ แล้วมองไปที่ตรงนั้นเห็นมีคนนั่งแล้วมีเพชรฆาตรำอยู่ตรงนั้นด้วย

ตาหวานเป็นคนกลัวผีไหม

ตาหวาน: เป็นคนกลัวความมืดมากกว่านะ เพราะว่าอยู่ที่มืด ๆ เราจะจินตนาการไปเรื่อยเลย

แก้ว: เฮ้ย แต่ตอนที่เราเจอมันไม่มืดนะ

ตาหวาน: อ่อ อันนั้นที่ประเทศญี่ปุ่น ตอนไปถ่ายรายการ ‘The Journey’ เนี่ยล่ะรู้สึกว่าเหมือนจะเจอ แต่ตอนนี้ยังไม่แน่ใจนะว่าใช่ผีรึเปล่า

แก้ว: จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ แต่ก็กลัวมาก ๆ เลย

งานอดิเรกของแก้ว นอกจากการสอนเปียโนชอบทำอะไรอีกบ้าง

แก้ว: แก้วชอบดูรายการวาไรตี้ รายการที่แก้วชอบก็รายการ ‘สามแยกปากหวาน’ เนี่ยล่ะหนูชอบมาก พวกคำในรายการ จางในจาง, เจือจาง อะไรแบบเนี่ย หนูรู้หมดเลยนะ รู้สึกว่าพวกพี่ ๆ เขาเป็นธรรมชาติดี ตอนแรกเริ่มจากดูรายการนอนบ้านเพื่อนก่อน แล้วไปดูรายการนี้ต่อสนุกสนานเลย อย่างล่าสุดได้ไปออกรายการเขาหนูก็คิดว่า พี่ป๊อป ปองกุล, พี่อ๊อฟ ปองศักดิ์, พี่ว่าน ธนกฤต เขาคงตลกกันแค่ตอนถ่ายรายการ แต่ตอนอยู่ในห้องแต่งตัว ปรากฏว่า เขาก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ เล่นกันเอง 3 คน ไม่สนใจพวกหนูเลย เขาก็พูดคำหยาบอะไรของเขาไป (หัวเราะ) พอเข้ารายการก็เหมือนเดิมสนุกสนานมาก หนูเลยรู้สึกว่าชีวิตคนเรามันก็ควรเป็นแบบนั้น เราไม่ควรจะมีคำว่าต่อหน้าและลับหลังมันควรจะรู้สึกอะไรก็แสดงออกไปเลย หนูเลยชอบพวกพี่เขามาก มันเลยเป็นงานอดิเรกที่มันพอจะคลายเครียดได้ 

tawarn-%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%99-bnk48-fjz-2

จริงรึเปล่าที่ ตาหวาน เชียร์ฟุตบอลทีม SCG เมืองทอง ยูไนเต็ด

ตาหวาน: ใช่ค่ะ หนูเริ่มเชียร์ฟุตบอลจากทีมชาติไทยก่อนแล้วชอบ พี่ตังค์—สารัช อยู่เย็น เลยไปตามหาว่าเขาอยู่ทีมไหนเราก็ไปตามดูเลยรู้ว่า เขาอยู่ SCG เมืองทอง ยูไนเต็ด เลยเชียร์มาเรื่อย ๆ เลย แต่ยังไม่เคยเข้าไปดูที่สนามนะ ดูบอลไทยลีกผ่านทีวีตลอด ตอนแรกก็เป็นคนไม่ดูบอลเลยนะ แต่มันมีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องดูคือ หลานเขามาจากต่างจังหวัดเพื่อมาเป็นนักฟุตบอล แล้วเราก็ตามไปรับไปส่งเขาเลยเกิดความซึมซับ ก็เลยตามดูไปอย่างเป็นทางการเลย

เป้าหมายกับชีวิตหลังจากนี้ของแก้วและตาหวาน

แก้ว: หนูไม่มีเป้าหมายส่วนตัวเท่าไร หนูมีแต่เป้าหมายส่วนรวม หนูอยากได้รางวัลเยอะ ๆ อยากขึ้นคอนเสิร์ตที่ Impact Arena สักครั้งในชีวิตแล้วมีคนดูเยอะ ๆ หนูจะให้พ่อกับแม่ไปดูหนู อย่างตอนนี้เรามีคอนเสิร์ตใหญ่แล้วที่ Bitec แต่หนูว่ามันยังไม่ใหญ่พอสำหรับหนู (หัวเราะ) ส่วนตัวหนูเองก็ยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนขนาดนั้น แค่รู้สึกว่าพรุ่งนี้มันต้องดีกว่าวันนี้ก็พอแล้ว หนูก็อยากทำงานหลาย ๆ อย่างมาก อย่างตอนนี้มีแค่เล่นโฆษณาก็อยากลองทำอะไรที่หลากหลายมากขึ้น

ตาหวาน: ถ้าโดยส่วนรวมก็อยากจะให้วงมันไม่ได้มาแค่กระแสตอนนี้ อยากให้มีคนรู้จักคนติดตาม อยู่กันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เพราะกลัวแบบว่า คุกกี้เสี่ยงทาย จบไปแล้ว ทุกคนก็หายกันไป เพราะเราคิดเสมอว่า เพลงต่อมามันอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าก็ได้ แต่ตัวพวกเราเองก็ยังอยากให้ BNK48 อยู่ในกระแสต่อไป ให้ดูที่ตัววงเป็นหลัก อีกเรื่องที่คิดก็เหมือนกันพี่แก้วเลย อยากให้วงได้รับรางวัลพวกศิลปินหน้าใหม่อะไรแบบนี้ (ยิ้ม) อยากลองทำอย่างอื่นบ้าง เล่นซีรีส์หรือทำอะไรต่าง ๆ ดู อยากลองทำในสายบันเทิง

สเป็กของหนุ่ม ๆ ที่ชอบ

แก้ว: หน้าตาดี นิสัยรวย แก้วล้อเล่นนะทุกคน หนูจะเป็นคนที่ไม่ได้ชอบคนที่หน้าตาขนาดนั้น แต่จะดูคนจากการแต่งตัวคือถ้าหันไปแล้วจะรู้เลยว่าคนแบบเนี่ยสเป็กเรา เพราะตัวหนูเองก็จะมีลุคที่หนูชอบอยู่ในใจนะ ส่วนนิสัยหนูจะชอบคนที่พึ่งพาได้แล้วก็ไม่มายุ่งกับหนูจนเกินไป เพราะจะขี้รำคาญ แล้วก็ชอบคนที่รักตัวเองบ้าง ชอบที่คนที่ใส่ในตัวเองบ้าง หนูเคยเจอคนที่เขามาใส่ใจเรื่องของหนูเกินไปจนลืมคิดเรื่องตัวเอง หนูก็ไม่ชอบ หนูอยากให้เขารักตัวเองแล้วก็สามารถให้เราพึ่งพาได้

ตาหวาน: ของหนูถ้าเรื่องหน้าตาก็จะชอบที่ตี๋ ๆ แบบเกาหลีหน่อย แต่นั้นก็คือในอุดมคตินะ สำหรับหนูเรื่องนิสัยสำคัญกว่ามันต้องเข้ากันได้ หน้าตามันไม่จำเป็นต้องตี๋ก็ได้ หนูจะชอบคนที่หน้าตาแบบ นัมจูฮยอก (หัวเราะ) หนูอยากได้คนที่พึ่งพาได้ อายุจะเท่ากันหรือโตกว่าก็ได้ แต่เขาต้องมีความเป็นผู้นำกว่าหนู อย่างหนูเป็นพี่สาวประจำบ้าน มีน้องสาวก็จะต้องทำอะไรนำน้องเสมอ หนูอยากมีคนที่นำหนูบ้าง แล้วต้องรักครอบครัวด้วยนะ

เชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม

แก้ว: เชื่อนะ หนูมองว่าบางทีถ้ามันยังไม่ใช่ช่วงเวลาของมัน มันก็ไม่ใช่ล่ะ หนูรู้สึกว่าทุกอย่างมันต้องมีดวงและเรื่องเวลามาเกี่ยวข้องด้วย วันนี้มันอาจจะไม่ใช่เวลาของมัน แต่วันนึงเราอาจจะเจอก็ได้

ตาหวาน: มีคนเขาบอกกันไว้ว่า เวลาจะเจอคนที่ใช่เดี๋ยวถึงเวลามันก็เจอเอง เพราะฉะนั้น ถ้าเราคิดว่าคนนี้มันใช่ แต่ถ้าเวลามันผิด มันก็ไม่ใช่แล้วเหมือนกัน

tawarn-%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%99-bnk48-fjz-1

คิดว่าอีก 10 ปีต่อมาจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในชีวิตของตัวเอง

แก้ว: คิดว่าคงออกจากวงแล้วก็มีโรงเรียนสอนเปียโนเป็นของตัวเองจะสอนทุกคนหมดเลย (ยิ้ม) เอ๊ะ แต่มันก็มีครั้งนึงหนูเคยไล่เด็กกลับบ้านมาแล้วนะ

ตาหวาน: โหยหนูไม่รู้มาก่อนเลยนะพี่

แก้ว: คือ หนูรู้สึกว่าเด็กแต่ละคนเขามีความชอบไม่เหมือนกัน บางคนก็ไปดุเขาไม่ได้เลย เขาก็จะไม่เรียนเลย บางคนก็ชอบให้ดูถูกแบบให้บอกว่า ทำไม่ได้หรอก แล้วเขาก็จะตั้งใจเรียนโชว์ฝีมือให้เราดู บางคนก็จะแบบใจดีไปก็ไม่เรียนไล่กลับบ้านเลยไปถึงจะรู้สึกตัว แต่แก้วก็ใจร้อนเองก็มีดุบ้าง

ตาหวาน: อีก 10 ปีเหรอ ก็อาจจะออกจากวงเหมือนกัน แล้วก็คงอยากจะอยู่ในวงการบันเทิงอาจจะเป็นนักร้องเดี่ยวหรือดูโอ้ก็ว่ากันไปอาจจะมาทำวง Hoshi Band ก็ได้นะ

คอมเมนต์ตลก ๆ ในเพจของแก้วและตาหวาน

แก้ว: หนูชอบคอมเมนต์ตลก ๆ อยู่เยอะเหมือนกันนะในเพจของหนูเนี่ย สมมุติแต่งตัวสายเดี่ยวอะไรแบบนี้ก็จะมีคนมาเม้นต์ว่า ก่อนออกจากบ้านก็บอกแล้วไงว่าอย่าแต่งตัวแบบเนี่ย หนูว่ามันตลกดีนะ มันน่ารักด้วย เหมือนยิ่งรู้ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับเรา มันดูเหมือนเขาพิมพ์มาให้มันมีมุกเฉย ๆ มันก็ดูตลกดี

ตาหวาน: จริง ๆ มันก็เหมือนเด็กผู้หญิงที่เขาไปตามกรี๊ดศิลปินผู้ชายเนี่ยล่ะ มีความมโนเหมือนคนนี้แฟนฉัน ให้ตัวเองมีความรู้สึกสนุก ๆไป แต่มันก็ไม่ได้มารบกวนใครหรือไปทำร้ายใคร หนูเห็นแล้วก็เป็นเรื่องตลก ๆ ขำ ๆ เหมือนมาเห็นตัวเองตอนที่ไปตามกรี๊ดนักร้องกับเพื่อนหลาย ๆ คนเหมือนกัน

ตอนนี้แบ่งเวลาการใช้ชีวิตยังไงบ้าง งานเยอะมากมายขนาดนี้

แก้ว: เขาก็จะมีเวลานัดเราอยู่แล้ว อย่างตอนนี้เรามีงานทุกวันจริง ๆ อย่างหนูถ่ายโฆษณาก็ยิงยาวกันไปเลยตั้งแต่ตี 5 – 5 ทุ่ม หนูก็แค่รีบนอนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ แค่แบ่งเวลาซ้อม แบ่งเวลาทุกอย่างให้ดี อย่างตอนนี้เรียนเพลงใหม่กันอยู่ แล้วมันยากมากหนูเต้นตามไม่ทัน ต้องหาเวลาซ้อมของหนูเอง อย่างเมื่อคืนก็จะมีแอบซ้อมนิดนึงแล้วค่อยนอน

ตาหวาน: ของหนูก็จะมีแบ่งให้กับเรื่องเรียนบ้าง บางทีตารางงานออกก็จะต้องบอกพี่ ๆ เขาว่า เรามีเรียนมีสอบนะ บวกกับเรียนอยู่ที่จังหวัดนครปฐมด้วย มันก็ต้องใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ต้องแบ่งเวลาไปเรียนและเวลาไปทำงานควบคู่กันให้ได้ ถ้ามันไม่ได้จริง ๆ เราก็อาจจะต้องลาอาจารย์มาก็มีบ้าง ที่สำคัญต้องหาเวลาอ่านหนังสือด้วย เพราะช่วงนี้ก็ใกล้สอบแล้ว

สุดท้ายนี้ฝากอะไรหน่อย

แก้ว: ฝากติดตามรายการพวกเราด้วยนะคะ ‘เพื่อนร่วมทาง The Journey’ ที่จะออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 10.30 – 11.00 น. ช่อง MCOT HD จะได้เจอกับพวกเราที่มีมุมความสดใสอยู่นิดหน่อย เจือจางด้วย (หัวเราะ) แล้วก็จะได้เห็นการพัฒนาอย่างแน่นอน แล้วก็เพลง Anata to Christmas Eve คำสัญญาแห่งคริสต์มาสอีฟ เป็นเพลงที่หนูร้อง 2 คนคู่กับแจน เราไปถ่าย mv ไกลกันถึงฮอกไกโด ภาพสวยมากอยากให้ทุกคนติดตามแก้วกับแจนด้วยนะ

ตาหวาน: พี่แก้วเราต้องฝากแบบนี้ด้วย ฝากแก้ว BNK48 และตาหวาน BNK48 ด้วย ฝากกดไลก์เพจของพวกเราด้วย กดแจ้งเตือนเอาไว้เลยค่ะ แล้วไว้เจอกันนะ

img_0760

จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับกับบทสัมภาษณ์ของ 2 สาว แก้วและตาหวาน แห่งวง BNK48 เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ก่อนอื่นเลยผมต้องสารภาพทุกคนก่อนเลยว่า ผมเพิ่งมารู้จักศิลปินวงนี้ได้ไม่นานนี้เอง หากขาดหรือบกพร่องตรงไหนไปต้องขออภัยด้วยนะครับ โดยจากการที่ได้ไปคุยกับทั้งสองคนแล้ว ทั้งคู่เป็นคนที่มีความสามารถมาก ๆ ที่สำคัญยังมีความน่ารักเป็นกันเองอีกด้วย ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะโอชิใครอาจจะลองโอชิทั้งคู่ดูก็ได้นะครับ ส่วนตัวผมเองก็โอชิน้อง ๆ ทั้งคู่ไปตั้งแต่วันที่สัมภาษณ์วันนั้นแหละครับ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ สุดท้ายนี้สำหรับใครที่อ่านบทสัมภาษณ์นี้แล้วชื่นชอบ พวกเราทีมงาน Fungjaizine ก็ขอขอบคุณทุกคนมา ณ ทีนี้ด้วยนะครับ ครั้งหน้าอยากให้พวกเราไปสัมภาษณ์ใครเขียนบอกพวกเรากันไว้ได้เลยนะ แล้วมาดูกันว่ารอบหน้าเราจะได้คุยกับใครอีก

Facebook Comments

Next: