หลีกหน่อยแม่จะเดิน! ‘เฟรนด์ มัชฌิมา’ นางแบบและผู้ช่วยผู้กำกับที่ปังสุดในขณะนี้
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Chavit Mayot
หลีกทางหน่อยแม่จะเดิน! เราขอยกให้ เฟรนด์—มัชฌิมา วชิรโกเมน เป็นนางแบบ นักแสดง และผู้ช่วยผู้กำกับที่งานชุกและขยันที่สุดในขณะนี้ เพราะไม่ว่าจะดูกี่ mv หรือเข้าอินสตาแกรมร้านเสื้อผ้ากี่แบรนด์ก็ต้องพบกับเธอคนนี้ นอกจากจะเป็นสาวมากความสามารถแล้ว ทัศนคติต่อเรื่องต่าง ๆ ของเธอก็น่าสนใจ แม้แต่วิสัยทัศน์ในการทำงานของเธอถือว่าเข้าขั้นมืออาชีพ ก่อนจะไปรู้จักกับเธอมากขึ้นกว่านี้ มาลองฟังเพลงที่เธอชอบเป็นการเรียกน้ำย่อยกันดีกว่า
FRIEND’S PLAYLIST
ปานศักดิ์ – ฉันรักเธอทุกเวลา
จริง ๆ ต้องเป็น ให้แม่และคุณ ของ PLOT แต่เพลงนี้ไอ้โดมเพิ่งส่งให้ มันส่งเล่น แต่หนูเขินจริง (ยิ้ม เขิน)
Keyakizaka46 – Ambivalent
ช่วงนี้หนูทำ mv ให้ BNK48 แล้วสนิทกับพี่ทิม (จิรวัฒน์ จิรวังโส) แกเป็นโอตะ สายญี่ปุ่น บอกว่า ไอ้เฟรนด์ วงเกิร์ลกรุ๊ปญี่ปุ่นไม่ได้มีแค่ แก๊ง 48 ที่จะแบ๊วๆนะ เขาก็ให้หนูรู้จัก Keyakizaka46 แล้วฟังเพลงแรกคือเพลงนี้ ฟังแล้วรู้สึกฮึกเหิม ส่วนใหญ่ เพลย์ลิสต์ที่หนูฟังจะเป็นอะไรที่อิมแพคกับหนูเวลานั่งมอไซค์ เพราะเดินทางด้วยมอไซค์บ่อย
Eagles – I Can’t Tell You Why
เป็นวงที่คุณพ่อเปิดฟังแต่เด็ก ปกติถ้ารู้จักกันจะเป็น Hotel California ใช่ไหม แล้วจำเพลงนี้ได้เพราะตอนเด็กไม่ชอบ เซ็ง พ่อเปิดแทบจะทุกวัน ต้องเป็นเวอร์ชันคอนเสิร์ตด้วย ไป ๆ มา ๆ มันซึมแล้วชอบโดยไม่รู้ตัว
Desktop Error – ต่างด้าว
เพลงนี้ชอบเป็นที่หนึ่งเลย
Beam Wong – Blue Light Baby
วงพวกพี่เม้ง (ธีรภาส ว่องไพศาลกิจ) พี่ทิม จริงๆ ไม่ได้ฟังเพราะเขา แต่พี่แพร (อสมาภรณ์ สมัครพันธ์) เปิดให้ฟัง แล้วมันเป็นภาพออกมาแทนที่จะเป็นเสียง แล้วเราชอบนะ มัน magic ดี
Two Million Thanks – เด็กดี
วงนี้ก็ที่หนึ่งในใจ มือเบสคือพี่ผู้กำกับที่ทำงานด้วยกัน (อัตตา เหมวดี) ใน mv นี่มีหลานสาวสุดที่รักของหนูสองคนเล่นด้วย
Youth Brush – Hair
โรแมนติกดี จริง ๆ มีอีกเพลงที่หนูชอบแต่ยังไม่ออกค่ะ ชื่อเพลง แวนโก๊ะ หนูชอบ Youth Brush ตรงที่เนื้อเพลงมันซื่อๆ เหมือนเราคุยกันแต่ใส่ทำนอง แล้วมันน่ารัก
Telex Telexs – 16090
มันดีค่ะ ถ้าให้หยิบซักเพลงของวงนี้มาก็จะเลือกเพลงนี้ mv ก็ชอบ ทำถึง
Zweed N’ Roll – โปร่ง (Slur cover)
เพราะว่า ที่สุดเลยเว้ยแก (ซู้ดปาก)
Tahiti 80 – Hurts
ปกติจะไม่ค่อยฟังเพลงที่ตัวเองเล่น mv เพราะภาพเราใน mv จะผุดขึ้นมา แต่เพลงนี้ที่มันออกมาก่อน mv ทำให้หนูไม่ติดภาพตัวเองในเพลงนั้น
แล้วหลัง ๆ พอไปเล่น mv แล้วเขาบอกขอเศร้า ผิดหวัง แต่ไม่ต้องร้องไห้ เราจะฟัง เพลง Hurts เราว่าทางลัดของการแอ็คติ้งคือไปฟังเพลง แล้วเราเซ็ตอารมณ์กับเพลงนี้ไว้เยอะเหมือนกัน
แล้วถ้าต้องร้องไห้ล่ะ
จะไปใช้วิธีอื่น จะไม่บิลด์อารมณ์ ไม่ร้อง แล้วจะนึกในใจด้วยว่า ‘มึงให้กูมาทำอะไรเนี่ย’ ที่ได้ผลกับหนูต้องเป็นการเล่า พูดจา ถ้าถามว่า เป็นไงบ้าง โอเคหรือเปล่า หนูจะร้องออกมาง่ายมาก อย่างเช่น mv รักมือสองอะ พอดีคิวถ่ายมันเป็น 5 โมงเย็นเป็นต้นไป หนูเลยไปทำงานผู้ช่วยผู้กำกับก่อน แล้วมันเกิดอะไรบางอย่างที่ทำให้หนูรู้สึกแย่มาก ๆ กับงานนั้น ก็ซึมไป มาถึงกองถ่าย เขาบอก ‘เฮ้ยเฟรนด์ ฉากแรกร้องไห้นะ’ เราก็ ‘เฮ้ย มาเลยพี่’ แต่ก่อนหน้านี้หนูเล่าให้พี่ผู้ช่วยผู้กำกับเขาฟังด้วยว่า เราเจออะไรมาวันนี้ แล้วพอเข้าฉากปุ๊ป พี่ผู้กำกับพูดว่า ‘เฮ้ย เราเข้าใจว่ะ เราว่าเฟรนด์เราเห็นใจคนอื่นมากกว่าตัวเองเกินไป’ เท่านั้นละ ตามที่เห็นใน mv (หัวเราะ)
ปกติฟังเพลงแนวไหน
ฟังสะเปะสะปะมาก หนูไม่ได้ตีว่าหนูเป็นคนฟังเพลงแนวไหน แต่ถ้าเพลงไหนให้ความรู้สึกที่อิมแพคกับหนู หนูกดมาร์กไว้เลย แล้วแต่ช่วงอารมณ์เลยค่ะ แล้วก็ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ฟังเพลงแล้วนึกภาพตาม เป็นปกติของ คนทำวิชวลมั้ง แล้วก็จะมีเซ็ตอิน กับเซ็ตแหกปาก Whal & Dolph จะอยู่ในเซ็ตแหกปาก หนูสามารถอยู่ในที่สาธารณะ ใส่หูฟังเปิดวาฬดอล์ฟแล้วร้องเนื้อเพลงแหกปากออกมาเลย ใครมองกูไม่สน กูจะร้อง แต่เราจะไม่ได้มีความรู้สึกร่วมกับมันหรือจะเอามาคิดต่อขนาดนั้น หรือถ้าวันไหนง่วงจะเปิดเพลงของ Keyakizaka46 หื้มมมม กูอยากทำงานแล้วววว แต่ถ้าเซตอินน่าจะเป็นเพราะอะไรบางอย่างในเพลง เนื้อเรื่อง ดนตรี ที่มันสามารถพาเราไปถึงอารมณ์ที่แบบ ใช่คำว่า ‘ลึก’ ละกัน
ชอบฟังเพลงอยู่บ้านหรือไปคอนเสิร์ตมากกว่ากัน
คอนเสิร์ต มันแหกปากได้ แค่นั้นเลย ตอนแรก ๆ ที่มาคอนเสิร์ต ไอ้โดมพามา เห็ดสด 2 ที่มี Part Time Musicians ก็งงว่าเฮ้ย ทุกคนนิ่ง ตอนแรกไม่ชอบเลย นิ่งกันทำไมวะ แล้วพอ ไปเรื่อย ๆ เราอินมาก ๆ เราไม่สนหรอกว่าคนอื่นจะยังไง ถ้าคนอื่นเต้น แต่เราจะนิ่ง แล้วทำไมอะ เราจะเต้น แล้ว คนอื่นนิ่ง ก็จะทำไมเหมือนกัน เลยเก็ตคนที่นิ่งว่ามึงก็อินแหละ แต่อินในแบบของแต่ละคน
ทำไมถึงเข้ามาในวงการได้
งานแบบงานแรกๆเป็นงานถ่ายให้รุ่นพี่ในคณะนี่ละ ถ่ายไปเรื่อย ๆ แล้วรู้สึกว่าที่อินเนอร์ได้ เพราะเพื่อนกะเทยเยอะ และเพราะดู The Face เลย การที่เราดูรายการอะไรบางอย่างจะคิดว่าถ้ากูเข้าแข่งขันอันนี้ กูจะทำแบบนี้ ถ้าเขาถ่ายแบบนี้ก็จะ ทำแบบนี้ เหมือนว่าเราฝึกไปด้วย
แล้วมีแต่คนพูดว่าหนู photogenic ไม่รู้ว่าคำชมหรือคำด่า (หัวเราะ) ซึ่งงานแบบ ทำให้หนูได้งานผู้ช่วยผู้กำกับ จำได้ว่าไปเป็นแบบโฆษณา งานนึง แล้วทุกคนจะตกใจมากพอหนูพูดว่าหนูทำผู้ช่วย หนูก็จะบอกว่า ‘เช็กหนูได้ อยากรู้ว่านางแบบรันกองยังไง ลองดู‘ ละเขาก็เช็กคิวมาจริงๆ (หัวเราะ) ทุกครั้งจะหว่านตลอด แต่พอเป็นผู้ช่วยจะไม่ค่อยหว่านงานแบบเพราะมันอยู่ใน position ที่ไม่ค่อย ควรจะพูดอะไรเท่าไหร่ แต่บางทีเขาก็จะรู้เอง คือผู้ช่วยจะมีหน้าที่ไปบล็อกช็อตก่อนนักแสดงจะเข้าฉาก แล้วทุกครั้งที่หนู เข้าไปบล็อก คนเขาจะแบบ ‘ฮุ้ยยย น้องคนนี้’ แล้วเราไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยนะ แต่เพราะว่าขึ้นกล้อง ก็นั่นแหละ photogenic
กับอีกอันนึงที่รู้สึกว่าทุกคนจะชอบเวลาหนูออกไปถ่ายงานคือหนูไม่ห่วงสวย มันมี mindset คำนี้สองแบบ คือ เพลง รักมือสอง หนูไม่ห่วงสวยเพราะหนูห่วงแอ็คติ้ง หนูเป็นคนสมาธิสั้นโฟกัสได้อย่างเดียว หรือตอน Hurts ก็ไว้วางใจว่าพี่แฮม (ณัฐดนัย นาคสุวรรณ) ที่เป็นตากล้อง ยังไงก็ถ่ายออกมาสวยชัวร์ กับอีก mindset นึงถ้าเป็นงานที่ต้องใช้ความสวยอีกนิดนึง เช่น mv แดเนียล ดิษยะศริน เราจะนึกอยู่แล้วว่ายังไงเราก็สวย ทำไปเถอะ ทำทุกอย่างที่อยู่ในความคิดที่ว่ากูสวยเสมอ มันก็จะออกมาในอีกความรู้สึกนึง
แต่มีคนคอมเมนต์ใน mv รักมือสอง บอกว่าเราไม่สวย
(หัวเราะ) มีคนมาคอมเมนต์ว่า ‘เพิ่งรู้นะครับเนี่ยว่าเรื่องความรักไม่จำเป็นจะต้องดูที่หน้าตา’ เอ๊า หลอกด่ากูนิ จำชื่อ YouTube user ได้เลย (FJZ: แล้วรู้สึกยังไง) เคยเห็นหนูตอนม.ต้นมั้ย ถ้าเห็นแล้วจะรู้เลย ว่าทำไมไม่เคยชินเลยเวลามีคนชมว่าสวย แต่หนูจะชินกับคำว่าไม่สวย หนูเลยไม่รู้สึกอะไรกับคำพูอะไรแบบนั้น กลับกันพอมีคนมาชมแบบ สวยจังเลย เราก็จะแบบ เกร็ง อ่อ ค่ะ แหะๆ ด้วยความที่ mindset มันแน่วแน่มาแล้วว่าเราไม่ได้สวย แต่เทรนด์โลกดันโคจรมาป๊ะ ตอนอายุเราพร้อมใช้งานตรงนี้พอดี (พอเราได้ดูรูปของน้องเฟรนด์ตอน ม.3 ก็พบว่าน้องมาไกลมากจริง ๆ)
คนมาจีบเราเยอะ แต่ไม่สามารถเข้ามาถึงเราได้เลย เราจะตีไปก่อนเลยว่ามึงมาตลก อยากมาลองของแปลก เพราะ mindset เราตอนม.ต้นยังอยู่ ตอนมีรุ่นพี่มาชอบ มาแซว จริง ๆ เขาไม่ได้ ชอบเรา เขามองเราเป็นตัวตลก แบบ พี่ไม่ได้ชอบหนูหรอก พี่แค่อยากรู้จักหนูเพราะหนูเป็นอย่างนี้ เราจะย้าย เขาไปอยู่ใน friendzone เป็นพี่น้องทันที
เคยเห็นโฆษณา midnight sale ของห้างอันนึง เป็นนางแบบเสร็จต้องมาเป็นกราฟฟิก เป็นผู้ช่วยแบบเฟรนด์เลย
เคยเห็น ก็นึกถึงตัวเองเหมือนกัน แต่มันไม่ได้สวยงามอย่างนั้นหรอก เพราะการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวันมันไม่ใช่แค่การทำงานของเรา แต่มันรวมถึงพฤติกรรมของคนที่ปฏิบัติต่อเราในแต่ละหน้าที่ด้วย วันก่อนไปรันกอง เป็นผู้ช่วยผู้กำกับ ทีมเขาทำกับเราแบบนึง แล้ววันต่อมาพอเรามาเป็นนักแสดง ทีมเดียวกันกับวันก่อนแท้ แต่เขาก็ปฏิบัติกับเราอีกแบบนึง แบบ รับรู้ได้ถึงความเกรงกลัว คือหนูไม่ชอบเลย สุดท้ายคุณพี่ไม่ได้จริงใจกับหนูนี่… ไม่อย่างนั้นพอหมดบทบาทตรงนี้แล้วออกไปข้างนอก หนูต้องทำตัวกับพี่ยังไงหรอ หรือเพราะหนูหวังอะไรเกินไป หวังว่าทุกคนเลิกงานกันแล้วจะต้องมาสร้างมิตรภาพต่อกันรึเปล่า แทนที่จะจบงานกันแล้วแยกกันไปเลย
อย่างพี่แฮม ไม่ว่าจะหนูในเวอร์ชันนางแบบ นางเอก หรือผู้ช่วย ถ้าไม่ดีจริง ๆ เขาก็ต้องเตือน ต้องว่า อันนี้คือเขามองว่าเราคือพี่แฮมกับน้องเฟรนด์ที่มากกว่าตากล้องและผู้ช่วย หรือตากล้องและนางเอก หนูรู้สึกว่าบางคนที่ไม่ได้รู้จักหนู วันก่อนกูเป็นผู้ช่วยมึงยังด่ากูเหมือนหมูเหมือนหมาอยู่เลย วันนี้กูเป็นแบบมึงแทบกราบ ก็ไม่ค่อยชอบ ถ้าเราจริงใจต่อกันว่าการด่าของคุณวันนั้นคือการสอน ไม่ใช่แกล้งเราเพราะเห็นเราเป็นผู้ช่วยผู้หญิง เป็นเด็ก เลยจะข่ม จะงอแง จะมาเอาเราเป็นสนามอารมณ์ คุณก็จะไม่มารู้สึกผิดหรือเกร็งแล้วถ้าอีกวันคุณมาเจอเราในหน้าที่ตัวแสดง เพราะคุณมีเจตนาที่ดี แค่นั่นเอง
เรียนออกแบบนิเทศศิลป์ แล้วทำไมมาทำงานสายนี้
เพราะว่าปีสามเทอมหนึ่งได้ทำหนัง แล้วเพิ่งรู้ว่าจริง ๆ แล้วการทำหนังเราไม่ต้องจับอุปกรณ์ก็ได้นี่ เป็นคนเกลียนอุปกรณ์ทั้งปวง ตอนปีหนึ่ง ปีสอง มันมีเรื่องอุปกรณ์มาเกี่ยว หนูไม่ชอบเลย ชอบงานมือมากกว่า ปัจจุบันยังถ่ายกล้องไม่ได้เลย ให้เพื่อนถ่ายแล้วบอกมันว่าอยากได้อย่างนั้นอย่างนี้ แล้วหนูเป็นคนชอบอ่านนิยาย ก็มองมันเป็นภาพ การทำหนังมันก็คือช่องทางนึงในการถ่ายทอดภาพในหัวเราออกมา
แต่รู้สึกว่าข้อดีที่หลงเหลือจากงานออกแบบคือเซนส์อะไรบางอย่างของเราไม่ได้โดนตีกรอบไว้ การตัดสินใจง่าย ๆ แค่นั้นโดยไม่ต้องคำนึงถึงหลักการใด ๆ อะไรบางทีมันก็เวิร์ก อย่างอันเนี้ย อิน พอถ่ายออกมา เฮ้ย โอเคเราว่ามันถึงกว่าเวลากำกับ ทำหนังธีสิสก็จะไม่ดูแอ็คติ้งนักแสดงเลย เพราะเราเคยเป็นนักแสดงจะรู้ว่ามันมีความกดดัน แล้วเรื่องไดอะล็อก หนูจะสั่งแอ็คชันจะไม่มองเลย แล้วนั่งฟังอย่างเดียว เช็คเสียงตลอดว่าสุดท้ายเมสเสจมันออกตรงตามสิ่งที่เราจะสื่อสารไหม แล้วถามนักแสดงว่าอยากแก้ไหม ถ้าไม่อยากแก้ก็ไม่แก้ เพราะว่าเราฟังแล้วเราโอเคแล้ว แต่ถ้าอันไหนเราฟังแล้วรู้สึกไม่ผ่านเรา เราก็ไม่ปล่อย
ตั้งแต่เรียนจบมาก็รันกองเลยหรือเปล่า
จริง ๆ ทำตั้งแแต่ก่อนจบอยู่แล้ว แรก ๆ ทำกับบริษัทโฆษณาบริษัทนึง ที่เคยไปหว่าน ๆ ให้เขาเช็กคิว ก็ทำมาสองสามจ๊อบพอจบปุ๊ป ก็มีพี่ยูง (สวรรณยา จำชาติ) ผู้ช่วยผู้กำกับ กับพี่ ๆ Hello Filmmaker ก็ชวนเราไปทำเลย หนูว่าข้อดีหนูคือขยัน เอาหมด แล้วเขารับรู้ถึงความตั้งใจว่า อีเฟรนด์เนี่ย เป็นไม่เป็นไม่รู้ ตั้งใจ เอามาก่อน นั่นแหละ เพราะหนูไม่ได้เป็นเด็กเรียนฟิล์มก็ไม่ได้รู้อะไรขนาดนั้น แรก ๆ ยากมาก เป็นอีโง่เลย เขาคุยเรื่องอะไรกันวะ ขนาดภาพใด ๆ ศัพท์ต่าง ๆ เทคนิค พอเราไม่เรียนแล้วเราก็ไม่รู้ ต้องค่อย ๆ ไป
อะไรยากที่สุดในการเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ
การสื่อสาร… เฮ้ย การทำใจก่อนเลย การเป็นผู้ช่วยผู้กำกับที่หนูเจอ position ต่ำสุดละ อาจเพราะหนูเด็กและเป็นผู้หญิงอะ และหนูเป็นคนพูดจาอ่อน ๆ ติดสนุกด้วยมั้ง แต่หนูมีไอดอลคนนึง พี่ยูงแกห่างกับหนูปีเดียว ถือเป็นเด็กทำงานรุ่นใหม่เหมือนกัน ตอนแรก ๆ ที่หนูเป็นผู้ช่วย 2 กับแก แกเป็นผู้ช่วย 1 แกรันกองเก่งมาก และเป็นผู้หญิงที่ทุกคนฟัง พูดจาไม่มีคนเกลียด แต่ทุกคนเคารพ ทุกอย่างเป็นไปราบรื่น แต่แกบอกว่าแกก็เคยเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่มีใครฟัง แต่แกก็ต้อง ‘เฮ้ย พี่ งาน! จริงจังหน่อย’ แต่ถ้าเป็นหนูจะเป็นทรงงอแง ‘ทำไมมึงไม่เชื่อกูเล้าาา’ ไรเงี้ย การเป็นผู้ช่วยผู้กำกับมันเหนื่อยและหัวปั่นที่สุดเลย แต่มันไม่มีอะไรยากถ้าตั้งใจ และหนูชอบ แต่สิ่งที่ยากคือมันเป็นอะไรที่นอกเหนือจากที่เราควบ คุมได้ เช่น การที่คนอื่นมองหรือตัดสินเราไปแล้ว เฮ้ย เป็นแบบ มาเป็นผู้ช่วยแล้วทนมือทนตีนปะเนี่ย เราก็จะ เอ้า! แล้วทำไมต้องทนมือทนตีนอะ เป็นผู้ช่วยไม่ใช่นวม!
เรื่องเพศภาพและวัยมีผลมากกับการทำงานในประเทศนี้ ทุกวงการ อยากพูดอะไรกับสิ่งนี้
หนูเคยคุยกับพี่คนนึง เขาเป็นผู้ช่วยมาก่อนแล้วเขาก็เลิกทำไปแล้ว เขาเป็นผู้ชายด้วยนะ เขาบอกทำไรไม่ได้เพราะประเทศนี้ ทำใจว่ะ แล้วหนูรู้สึกว่า ทำไมอะ มึงบอกว่ามึง professional แต่การทำงานมึงยังมี mindset แบบนี้อยู่เนี่ยนะ หนูเคยโดนติว่าปีที่แล้วใจดีเกินไป พูดจาติดเล่นเกินไป ทำให้ทีมไม่ฟัง ไม่เชื่อ หนูแบบ เฮ่ย ประเด็นคือมันไม่ใช่หนูต้องดุขึ้น แต่ทุกคนต้องรู้หน้าที่ หนูรู้สึกว่ามันไม่เป็นปัญหาที่หนูยิ้มเก่ง พูดจาเล่นด้วยสนุกสนาน เพราะหนูรู้ว่าหนูกำลังทำอะไร
หน้าที่คือทำให้การทำงานในกองมันเป็นไปอย่างราบรื่น แล้วทุกคนก็ทำอย่างมีความสุข หนูเลยไม่ต้องมาเซ็ตว่าวันนี้หนูต้องโหด ‘วันนี้โดนแน่พวกมึง กูจะรันให้เดือดเป็นไฟ’ มันไม่ใช่ หนูรู้สึกว่าวัยเป็นข้ออ้างในการที่คนพวกนั้นจะขี้เกียจได้ ไม่ฟังได้ จิกกัดได้ เห็นเด็กแล้วไม่ส่งตามกำหนด จริง ๆ ปัญหาคือคนไม่รู้จัก หน้าที่ แบบนี้ก็อ้างไปดิ ‘ไอ้เฟรนด์มันเด็ก ใจดีติดเล่น กูจะเชื่อมันทำไม ไม่ต้องฟังมัน’ มึงบ้าปะ! เรื่องงานใครเขาเอามาพูดกันเล่น ๆ วะ ก็ควรจะรู้ว่าถ้าพูดเรื่องงานคือจริงจัง ไม่ต้องมาตัดสินจากน้ำเสียงคนสั่ง คนอื่นก็มีงานมีการทำเหมือนกัน พูดดี ๆ ละชอบมีปัญหา… เดือด ขึ้นเฉย ขอลงก่อน (หัวเราะ)
พอมาตอนนี้คือถ้าเขามาเช็กคิวผู้ช่วยหนู หนูจะถามก่อนเลยว่าใครทำอะไรบ้าง ถ้ามีคนที่หนูรู้สึกว่าแบบ ไอ้เหี้ย ทำงานยาก ไม่ทำ ไม่เอาละ หนูรู้สึกว่าพอเป็นนักแสดงนางแบบ ทุกคนดูเกรงใจหนูขึ้น ทั้งที่มันไม่ใช่สิ่งที่หนูต้องการหรอก แต่มันเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เพราะปีที่แล้วแม่งไม่มีใครเกรงใจหนูเลย คือการที่เราเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ แล้วทุกคนจะเอาจากเรา งั้นกูเป็นคนเรื่องมากบ้างก็ได้ (FJZ: เหมือนเอ็นดูเขาเอ็นเราขาด) หูย จริง
แสดงว่าเป็นคนพลังเยอะเหมือนกันนะ
มาก ๆ โดนทักว่าไฮเปอร์บ่อย เวลาเป็นนางแบบ หนูจะเกลียดเวลาที่อยู่นิ่ง ๆ หนูจะหลับ หนูไม่รู้หนูสมาธิสั้น หรือมันเป็นการที่ต้องใช้พลังมาก ๆ เพื่อให้ตัวเองนิ่ง แต่จะชอบแบบที่ลุยเลย ถ่ายเลย เอาเลยพี่ ไม่อยู่นิ่ง ถ้าเป็นผู้ช่วยผู้กำกับก็จะชอบมาก ๆ เพราะมันได้กำกับตลอดเวลา แต่จะเหนื่อยเวลาเป็นทั้งผู้ ช่วยและนักแสดงในกองเดียวกัน ตอนยืนบล็อกช็อตก็จะหลับ พอเสร็จแล้วก็ ‘อะ เฟรนด์ มึงมารันกองต่อ’ เอา มาพี่!
เคยเดินรันเวย์ไหม
ไม่ค่อยเดิน ตอนแรกอะไม่ชอบเลย รู้สึกว่าเดินแปปเดียวแต่กินเวลาเราไปทั้งวัน คือเราเคยโดนจับเรียนแล้วรู้ว่า เดินแบบมันไม่ใช่แบบ… มันต้องรู้ก่อนถึงจะเดินได้ ต้องจัดระเบียบร่างกายก่อนเดิน ถ้าเราไม่รู้อะ แล้วถ้าเราไม่ ได้รู้จักร่างกายตัวเองขนาดนั้นหนูว่าเดินยาก หนูจัดระเบียบร่างกายขนาดนั้นไม่ได้ แต่พอรู้ทฤษฎีแล้วอะ 1+1 เป็น 2 ไม่มีทางที่ 1+1 เป็น 4 ได้ หลัง ๆ รู้สึกว่าลองเถอะ ให้รู้ว่าทำได้ อย่างน้อยก็มีเป้าของความเป็นแบบว่า ต้องเดินให้ได้ซักงานนึงเพื่อให้รู้ว่า ไอ้เฟรนด์ มึงได้ลองเดินแล้ว โอเคแล้วกับการเป็นแบบ ผ่านมาแล้วทุกอย่าง เอาให้ครบ ชอบไม่ชอบก็ค่อยว่ากัน ปี 2019 นี่หนูเปิดขึ้นเยอะเลย หนูมีโกลเล็ก ๆ ทุกด้านในการใช้ชีวิต (ล่าสุดเฟรนด์ได้ฟาดรันเวย์ Bangkok International Fashion Week 2019 ให้กับแบรนด์ Self Portrait & VATANIKA ที่สยามพารากอนแล้วจ้า This is me Mutchima เอ้อ)
มีแบรนด์ไหนชวนไปเป็น brand ambassador หรือพรีเซนเตอร์หรือยัง
มีมาบ้าง แต่ไม่รู้ว่ามันดังไหมตอนนี้รู้สึกว่าแบรนด์ไหนที่ดัง จะไปเช็กกับ reaction คนอื่น อย่าง lookbook แบรนด์ใหญ่ ตอนแรกไม่รู้จักเลย มารู้ว่าเป็นแบรนด์ที่ดังมาก ๆ ตอนถ่ายอินสตาแกรมเช็กอินละเพื่อนมาหวีดว่า มึงถ่ายแบรนด์นี้ด้วยหรอ ๆๆๆ อันนี้ก็รู้ละว่า อ่อ ดัง แต่ก็ไม่ได้แบบตื่นเต้นเพราะมันไม่ได้อยู่ในวงจรหนูอะ หนูไม่ได้ใส่เสื้อแบรนด์นี้ แน่ ๆ ในชีวิตประจำวัน แพง! ตอนถ่าย Sretsis เล็งไว้เลย ตัวนี้พี่สาวชอบแน่นอน ขโมยแล้ววิ่งออกเลยไม่เอาค่าตัวแล้ว (หัวเราะ) หรือที่เคยถ่ายละใกล้เข้ามาหน่อยก็ Pomelo แต่ก็ไม่ค่อยได้ใส่อยู่ดี เราจะใส่พวก H&M หรือ Uniqlo ไรงี้ ชินจุกุ Outlet อะไรที่อยู่ในชีวิตเราถ้าได้ถ่ายคงจะตื่นเต้นกว่า คงมีจังหวะเดินกับพ่อแม่แล้วชี้ให้มาดูหน้าตัวเองบ้าง นี่หนู ๆๆๆๆๆ
หรืออย่าง Tahiti 80 เนี่ยหนูไม่รู้จัก แล้วมีวันนึงไปคุยกับพี่อัตต้า หนูบอกแกเดี๋ยวไปเล่น mv Tahiti 80 พี่ต้าแบบ ‘โฮ้ ไอ้ เฟรนด์!!!! ตาฮิติเลยอ๋อ มึงโกอินเตอร์แล้ว’ ก็เลยมารู้ว่า อ๋อ ดัง แต่จริงๆ ตอนนี้หนูไม่ได้โฟกัสแล้วว่าเราอยู่ใน mv ของศิลปินคนไหน ดังไม่ดัง หนูโฟกัสที่การทำงานว่าเรากำลังทำงานกับทีมไหน ใครกำกับมากกว่าแล้วตอนนี้
ถ้าเป็นสมัยก่อนอยากเล่น mv ให้ใคร
จะบอกว่าอยากเล่น mv BLACKPINK ก็ไม่ได้ (หัวเราะ) Desktop Error เพราะมันเป็นเพลงที่มีอิทธิพลกับชีวิต หนู หรืออย่างเพลงแรกที่เล่นในชีวิต Two Pills After Meal หายใจอะ หนูตื่นเต้นมาก เพราะ featuring เบิร์ด Desktop Error ไอ้แม่เย็บบบ วันกอง พี่เบิร์ดไม่ได้มา! เราแบบ อ้าว เพิ่งรู้ระบบว่าจริง ๆ ศิลปินไม่ต้องมาหรอ เราก็ตื่นเต้นเก้อไปเลย ตอนนั้นคิดมาอย่างดีว่าถ้าเจอพี่เบิร์ดจะบอกเขายังไง ‘พี่เบิร์ด หนูชอบ Desktop Error มาก’ วันถ่ายพี่แกไม่มา TPAM มา แหะ ๆ Solitude is Bliss นี่ก็ชอบ มาเล้ย ๆ ขายจ้าาาา
ตั้งแต่เล่นมาเป็นนางเอก mv มากี่ตัวแล้ว
TWO PILLS AFTER MEAL – หายใจ Feat. เบิร์ด Desktop Error
KLEAR – ไว้ใจ
LIPTA – Good luck feat. Maiyarap
ไม้หมอน วชิรวิทย์ – หลุด
BEDROOM AUDIO – รักมือสอง
LIBERATE THE PEOPLE – MY SINS feat. JUU4E
FIIXED – กลิ่นเงิน
Daniel Didyasarin – เพลงที่อยากบอกเธอ
อพาร์ตเมนท์คุณป้า – กำยาน
Tahiti80 – Hurts
Phum Viphurit – Hello, Anxiety
โอ๊ต ปราโมทย์ – สัมพันธ์
มีงานไหนที่ตรงกับคาแร็กเตอร์ตัวเองบ้าง
ไม่ค่อยมี ถ้ามีก็จะเป็นพวกหนังนักศึกษา เพราะคนส่วนใหญ่คือเขาเห็นคาแร็กเตอร์หนูเป็น แบบนี้ แต่หนูไม่ได้นิสัยตรงปกขนาดนั้น หน้าดุเฉยเฉยยยย (หัวเราะ) จริง ๆ แล้วเป็นคนแอ๊บแอ้ เป็นคนบ้าคน นึงเลยค่ะ ยิ่งถ้ามีคู่หู (เล็ก วสุ) ที่เล่น My Sins ด้วยกัน ไปข้างนอกนี่ไม่มีใครกล้าเดินกับพวกหนูเลย เล่นใหญ่มาก เต้น เป็นบ้ากันหมด ไม่อายใครทั้งนั้น (หัวเราะ)
เคยคิดจะท้าทายความสามารถตัวเองบ้างไหม
โห หนูอะไม่ชอบสร้างโจทย์ให้ตัวเอง แต่ก็ไม่ได้จะปิดรับ ใครมาเอาหมดค่ะแต่ขี้เกียจคิดโจทย์ อย่างเช่น หนูไม่ สามารถพูดขึ้นมาเองได้โดยไม่มีคนถาม แบบนั้น ถ้าถามเมื่อไหร่นี่พร้อมโฟ่สุด ๆ
งานไหนที่ไปเล่นแล้วรู้สึกว่ายากที่สุด
พวกโฆษณา ไม่นับตัวแรกที่ทำให้เข้าสู่วงการโฆษณาเลยคือคอนโด แรก ๆ เพราะมันยังมีความแฟชันฟิล์มอยู่ โพสสวยๆกับแบบอีกคน อันนั้นไม่มีปัญหา เพราะถนัด หลังๆมีงานโฆษณาแบบโฆษณ๊าโฆษณา แอคติ้งโบ๊ะบ๊ะแบบโฆษณา เราก็แบบ ไม่เอาอะ เล่นแล้วจะเกิดความรู้สึกในใจว่า ‘กูมาทำอะไรที่นี่’ หนูเลยคิดว่า ถ้าไม่ร้อนเงินจริง ๆ ก็จะไม่รับ ไม่ใช่ทางด้วย แต่ถ้ามีบทไหนเราไปไหวเราจะไป แต่เล่นอะไรแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วสกิลทางการแสดงจะลดลง หนูก็มีทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ เวลารู้สึกว่าเมื่อไหร่ที่สกิลการแสดงหนูตกอะ หนูจะรับงานนักศึกษา เพราะงานนักศึกษา พิถีพิถัน แล้วมีให้เราเล่นได้ตลอด เขาต้องทำกระบวนการเหมือนหนังใหญ่ แต่เป็นหนังใหญ่ที่ต้องทำทุกเทอม ทุกเดือน ทุกปี มีแคส ทั้ง ๆ ตอนนี้ก็รับธีสิสตัวนึง อยู่ แล้วเราต้อง open ด้วยนะ อย่าไปทรีตเขาเป็นนักศึกษา ทรีตว่าเขาเป็นผู้กำกับ เขาอยากได้อะไรต้องทำ นี่ คือโจทย์ของเรา แล้วสกิลก็จะกลับมาดีขึ้น
หนูคิดว่าแอ็คติ้งหนูสุดเลิศได้เพราะงานนักศึกษาตัวแรก ของรุ่นพี่ลาดกระบัง เล่นเป็นกะหรี่ในเรื่อง ‘Bangkok Dystopia’ หนังเขาได้รางวัลช้างเผือกด้วย ตอนแรกเขาจะเอาพี่สาวหนูเล่น (เฟิร์น) แอ็คติ้งดี แต่ลุคพี่หนูไม่ได้ เขาน่ารัก ใส ๆ หน้าไม่เหมือนหนูเลย พี่เฟิร์นก็บอกทีมเขาว่ามีน้องสาว ลุคได้ เห็นแล้วยัง ไงไอ้เนี่ยก็เมียเช่า (หัวเราะ) ก็เลยแนะนำมา หนูแบบจะดีหรอ หนูไม่ชอบแอ็คติ้งเลย ยิ่งมีบทพูด ยิ่งไม่เอา พี่เฟิร์นก็ล่อซื้อแบบ ‘ลอง ๆ ฟิล์มลาดกระบัง ลองสักครั้ง’ สุดท้าย ติดใจ รักการแสดงไปเลย แล้วเราจะพยายาม ทำทุกอย่างให้การแสดงยังเป็นสิ่งที่เรารัก และจะเป็นประโยชน์ต่อสิ่งอื่น ๆ เช่น หนูจะไม่ค่อยรับค่าตัวจากน้อง ๆ เพราะรู้ว่าค่าใช้จ่ายเยอะแล้ว และเพราะกอง ‘Bangkok Dystopia’ นี้เลย พี่ผู้กำกับเขาเป็นคนดีมาก ๆ ค่ะ ไม่รู้จะว่ายังไง ดีและเก่ง เขาทำให้เราเข้าใจหัวอกกันและกัน ถ้าเราเป็นปัจจัยนึงที่ให้เด็ก ๆ น้อง ๆ พี่ ๆ ที่ทำฟิล์ม อะไรไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง ก็เอาค่ารถก็พอ ไม่เอาค่าตัวก็ได้ อย่างพวกน้องแฟชัน ก็ทำให้งานมันง่ายขึ้นอีกนิดนึงจากการเป็นนางแบบที่ดี ไม่เรื่องมาก
พูดถึง mv ของ Tahiti 80 ล่าสุดก็เล่นเป็นคนขายก๋วยเตี๋ยว จนมีคนจับต้นชนปลายว่าเป็นภาคต่อของ รักมือสอง
ตลกคือที่มีคนเอามารวมจักวาลกันนี่ละ อ่านแล้วแบบ พี่ ใจเย็น อย่าเพิ่งไปไกล เขินแทน ไม่กล้าพิมพ์คอมเมนต์เขา แต่หนูแท็กพี่ผู้กำกับสองคนนั้นแล้ว นี่กูเป็นจักรวาลมาร์เวลแล้วหรอเนี่ย (หัวเราะ) แต่เข้าใจว่า เพราะความขายก๋วยเตี๋ยว แล้ว mv รักมือสองมันบูมนิดนึง เขาติดภาพไปแล้วว่าหนูขายก๋วยเตี๋ยว แล้วยิ่งมี Tahiti 80 มาตอกย้ำด้วย รู้สึกว่าลุคโทรม ๆ แบบนี้ทุกคนจำมากกว่าลุคสวย ๆ ของหนูซะอีก
ทำก๋วยเตี๋ยวเป็นหรือยัง
ลวกเส้นไม่สุกด้วย แต่ดูเซียนนะ มันถูกต้องละการที่หน้าอย่างมึงมาอยู่ใน position นี้
ชอบกินข้าวหรือก๋วยเตี๋ยวมากกว่ากัน
ชอบวุ้นเส้นอะ จับเช ๆ เส้นเกาหลี (หัวเราะ)
แต่คนไม่ค่อยชินว่าเฟรนด์เป็นนักแสดง มีใครชวนไปเล่นหนังบ้างหรือยัง
ส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษา จะไปเจอหนูเพราะเรื่อง ‘Bangkok Dystopia’ เลย แล้วก็ไม่รู้นะ เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย บางคนจะตกใจว่าเคยเล่นงานนั้น งานนี้ด้วยหรอ หนูรู้สึกว่าที่ได้งานเยอะ เพราะหน้าไม่ช้ำ ทั้งที่หนูก็เล่นมาเยอะแล้ว เปลี่ยนลุคง่าย เขา ก็จะแบบ เอาเลย ไม่สนแล้วว่าเล่นเยอะมาเท่าไหร่ เพราะหน้าไม่ช้ำ ก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ก็ไม่เชิงข้อเสียมั้ง แค่คนจะจำไม่ได้ว่าเราเล่นอะไรมาบ้าง ข้อดีในการรับตังค์คือไม่ช้ำ และเล่นได้เยอะ
เป็นเพราะเทรนด์ผิวสีน้ำผึ้งมาด้วยรึเปล่า นางงามที่ได้ตำแหน่งปีที่ผ่าน ๆ มาก็ทรง ๆ นี้
แล้วหนูอะโดนจีบไปเป็นนางงามตลอดเลย โทรมาเลย ‘เฟรนด์ เขาเซ็ตทีมพร้อมแล้วนะ เหลือแค่เฟรนด์อะ ถ้าคิดว่าจะมาประกวดอะ อยากปรับเปลี่ยนอะไรในตัวเอง’ หนูบอกว่าเปลี่ยนความคิดหนูก่อนอย่างแรกเลย ไม่ไหวจริง ๆ mindset เราไม่ได้บวกขนาดนั้น เนี่ย หนูคิดว่าการประกวดนางงามเขาอะไรมาตัดสินความสวย หนูยังเด็กอยู่ใน แง่การเถียงในใจ เลยเอาไว้ก่อน ถ้าหนูโตขึ้นหนูอาจจะมองได้กว้างขึ้นแล้วยอมรับมัน ว่าเป็นหน้าที่แล้วทำมัน แต่หนูยังไม่โตและอยู่สูงพอที่จะมองว่าอะไรเป็นอะไร ก็จะติดในใจตลอดว่า เฮ้ย ทำไมอะ แล้วสุดท้ายความงามคืออะไร
คิดว่าความสวยคืออะไร
หนูว่าความสวยคือความคิด ตอนแรกหนูเคยคิดว่าประโยคเนี่ย เสี่ยว เราจะไม่คิดว่ามันจริงเลย ถ้าเรายังไม่เจอ ซึ่งเราเจอ แล้ว ชื่อพี่มัดหมี่ เป็นผู้หญิงอวบ ๆ ตัดหน้าม้า เฮฮา ตลก เพื่อนพี่ต้า แกเล่นงานที่หนูเป็นผู้ช่วย ขานั่งเครื่องกลับก็ได้มีโอกาสนั่งคุยกัน รู้สึกว่าการยกตัวอย่างผู้หญิงที่สวยทางความคิดอะ คนนี้แหละ แล้วหนูเชื่อปั๊บตรงนั้นเลยว่าจริง ๆ แล้ว บางคนสวย แต่พูดจาแบบพ่นอะไรโง่ ๆ ออกมา ก็ไม่น่าอยู่ด้วยแล้วอะ แต่บางคนหน้าตาไม่มีอะไรดึงดูด แต่สิ่งที่เขาพูดมันน่า ฟังชิบเป๋งเลยว่ะ เขาดูทั้งอิน เขารู้ แล้วเขาคล่องอะ แต่ไม่ได้บอกว่าคนที่ทัศนคติที่ดีมันจะเป็นยังไง มันแค่เขา ชอบในสิ่งนั้นแล้วเขาคุยกับเรา แล้วเราคลิกกัน เราอยากจะฟังเขาต่อไปเรื่อย ๆ มันไม่ใช่รูปลักษณ์ที่ทำให้พรุ่งนี้ หนูอยากเจอพี่อีกเพื่อจะมาคุย นั่นคือแรงดึงดูดอะไรบางอย่างที่มากไปกว่าความสวยแล้วอะ
อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย
22 ค่ะ (FJZ: โห ทำงานมากี่ปีแล้ว) ก็ช่วงที่รันกองโฆษณาตัวแรก ประมาณกลางปีที่แล้ว แบบก็เป็นมาก่อนแล้ว บ้าง ได้ถ่ายโฆษณาตอนปี 4 แล้วมารับงานผู้ช่วย คือพอเราได้งานมาตัวนึง เขาเห็นหน้าเราแล้วก็จะหยิบเรา มาใช้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นแบบหรือเป็นผู้ช่วย ถ้าแบบอาจจะเพราะลุค แต่ถ้าผู้ช่วยน่าจะเพราะความตั้งใจหนู แบบดูเอาการเอางานดี ไม่รู้หรอกว่าดีไม่ดี แต่เอามาก่อน (FJZ: ที่ถามนี่เพราะรู้สึกความ คิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่มาก) ไม่ หนูเด็ก มาก งอแงมาก ๆ เลย แต่เอาจริงปะตอนแย่ ๆ ประสาทจะแดก ถึงขั้นอ้วกก็มี ละสิ่งเหล่านี้มันเกิดจากการที่หนูยังโตไม่พอที่จะรับมือกับอะไรที่ถาโถมเข้ามาได้อย่างมีสติ
มีอะไรที่ทำได้แล้วคนยังไม่รู้อีกบ้าง
เต้น ทุกคนชอบถามว่าเฟรนด์เต้นได้ไหม แล้วพอบอกเต้นได้เขาก็จะแบบ ไม่ใช่เต้นข้าวสารที่มึงชอบลงไอจีนะ เต้นจริง ๆ ซึ่งการที่หนูเต้นบ้าๆแบบนั้นได้เพราะหนูมีพื้นฐานร่างกายที่ดีมาก่อน หนูอยู่ชมรมเต้นตอนมัธยม แล้วเอามาปรับใช้กับการเอ็นเตอร์เทน อย่างงานโฆษณาที่ไปถ่ายล่าสุด เขาถามหนูแบบนี้เลย แล้วหนูก็ไปเต้นให้เขาดู ก็รู้ละว่า เราเต้นได้ มันก็มีเต้นสวยกับไม่สวย ถ้าไม่สวยก็เก็บไว้เต้นในเวอร์ชันเอ็นเตอร์เทนของเราเนี่ย ทุกคนจะชอบเหมาไปหมดพอเห็นเฟรนด์เต้นรั่วก็จะคิดว่าเต้นสวยไม่ได้ ทำได้สิ งานก็งานเล่นก็เล่น
เฟรนด์พูดถึงแฟนบ่อยมาก งั้นขอถามหน่อย คิดยังไงกับประเด็นคบซ้อนที่ผ่านมา
หนูไม่ด่าเขาเหี้ยด้วยเพราะรู้สึกว่าเป็นการจัดการของเขา ซึ่งเรารู้แค่มุมเดียวด้วยซ้ำ มันไม่ใช่เพราะหนูคบซ้อน แล้วหนูเข้าใจเขา มันก็แค่ position ที่เขาไปตกลงกันแล้ว แล้วหนูรู้สึกว่า ไปยุ่งอะไรเขาเล่า
คิดว่ามนุษย์ไม่ใช่สัตว์ผัวเดียวเมียเดียวหรือเปล่า
เป็นไปได้ แต่หนูวางถูกไง เอาคนอื่นไปเป็นพี่น้องดีกว่า สุดท้ายมันก็ยืนยาวกว่าอยู่แล้ว แล้วหนูเป็นคน protect ตัวเองด้วยมั้ง ถ้ารู้ว่าอะไรไม่ secure หรืออะไรจะทำให้เสียใจ ก็จะไม่เอาเลย พอเถอะกับการร้องไห้เสียใจกับความสัมพันธ์ที่เขาไม่ได้ให้กับเราขนาด นั้น ความสัมพันธ์มันควรจะไปด้วยกันทั้งคู่ ถ้า position ไม่เหมือนกัน ก็ให้ความรู้สึกดี ๆ ต่อกันก็ได้ แแต่ก็มีบางอัน ที่ทำให้หนูเซ็งที่ว่าไม่ได้วางไว้ที่เดียวกันกับเรา มีเสียใจบ้างแต่แปปเดียว เราเอาเวลา ไปหาคนอื่นดีกว่า มันมีคนที่พร้อมจะให้ความรู้สึกดีๆและพลังบวกกับเราตลอดอยู่แล้ว ไม่ใช่แง่ชู้สาว ยังมีคนรอบข้าง เพื่อน พี่น้อง อย่างพี่เงี้ย ไหน ๆ เราคุยถูกคอ นัดกินข้าวกัน เดี๋ยวก็สนิทกัน
อนาคตอยากจะทำอะไรอีก
อยากทำหนังอะไรสักอย่างของตัวเอง จริง ๆ หนูทำตอนธีสิสมาแล้ว แต่อยากทำอีกแค่ยังไม่รู้ว่าจะทำเรื่องอะไร งานผู้ช่วยก็ไม่ได้ตั้งเป้าอะไรขนาดนั้น อยากทำงานกับคนที่สบายใจก่อนเลย ไม่ได้อยากทำงานกับคนเก่ง เอา แบบไปเรื่อย ๆ ให้เราได้ฟูมฟักรักษาตัวได้ แล้วค่อยไปวางโกลไว้ว่าผู้กำกับคนไหนจะทำให้เรามองไกลขึ้น อยากเดินแบบอย่างที่บอก แล้วก็อยากถูกหวย อยากได้เงินสักก้อนจะได้ทำงานแบบไม่ต้องทุนนิยมอะ แค่นั้น แหละ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงกับทำงานเพื่อเงินขนาดนั้นเพราะยังอยู่ในงานที่เราชอบอยู่ แล้วพอเราโตขึ้น มีสิ่งต้อง รับผิดชอบมากขึ้น เราก็จะมองถึงเงินแล้ว หนูยังไม่อยากไปถึงจุดนั้น งั้นขอถูกหวยเพื่อที่จะได้ไม่ต้องคิดเรื่องนั้น แล้วจากนั้นเราจะได้รับงานเพราะ passion ไปเรื่อย ๆ
แต่จริง ๆ แล้วหนูเพิ่งมาต่อนยอนปีนี้เองค่ะ ปีที่แล้วสุดยอด ธันวาคือฆ่าหนูเถอะ หนูรับผู้ช่วยรัว ๆ 4-5 ตัว อ้วกเลย ร้องไห้ งานนางแบบก็ไม่ได้รับเลย มีแต่คนพูดว่า เสียดาย ตอนแรกที่รับผู้ช่วยเยอะ ๆ เพราะมันใหม่ แต่พอรับไปสักพักก็จะรู้ว่ามันแพตเทิร์นเดิม รับบรีฟ เรียง ไฟล์ pm รันกอง วน ๆๆๆ หนูเคยทำงาน Phenomena แล้วพอบอกว่าทำงานผู้ช่วย แล้วช่างแต่งหน้า สไตลิส ทุกคนบอกว่า สู้ ๆ นะ แล้วหนูแบบ มันขนาดนั้นเลยหรอ ทีแรกเราเบื่องานนางแบบ ไม่อยากทำหน้ากล้อง แต่พอกลับมาดูจุดเล็ก ๆ ข้อดีของมัน วันนี้เราจะได้ถ่ายชุดอะไร เขาอยากได้อินเนอร์เราแบบไหน ก็คิดว่าจริง ๆ แล้ว แบบก็ดีกว่านี่นา หลังจากนี้จะเริ่มรับงานแบบก่อนนะคะ
ก่อนหน้านี้เห็นเฟรนด์เล่นแอพคิดมุข ที่ถามว่า ‘ถ้าฟังใจมาขอสัมภาษณ์ บทสัมภาษณ์คุณจะเป็นยังไง’ แล้วคราวนี้โดน Fungjaizine สัมภาษณ์จริง ๆ รู้สึกยังไงบ้าง
ตื่นเต้นและรู้สึกว่าต้องออกมางงแน่ ๆ เฮ้ย จริง ๆ แล้วมีนิตยสารดังเคยมาสัมภาษณ์หนู หนูยังตื่นเต้นเท่าฟังใจมาสัมภาษณ์เลยนะ ไม่ได้อวยด้วย อันนั้นมันคือความสวยความงาม น้องเฟรนด์แต่งหน้ายังไง แต่ฟังใจเราใส่เต็มได้ อยากตอบไรก็ตอบเลย
ฝากอะไรถึงสาว ๆ สมัยนี้หน่อย
หนูชอบตั้งคำถามในอินสตาแกรม แล้วคนถามหนูว่าทำยังไงให้มั่นใจ ส่วนใหญ่เรื่องสีผิว ทำไงให้เห็นคุณค่าในตัวเอง หนูอะ ไม่ได้มีกระบวนการคิดขนาดนั้นว่าเราต้องเห็นคุณค่าในตัวเองนู่นนี่นั่นนะ แค่คิดว่าสุดท้ายแล้วคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเรา ก็คือตัวเอง มึงจะอยู่ไปทำไมถ้ามึงไม่มีความสุขในชีวิต ถ้างั้นมึงทำยังไงก็ได้เลยที่มึงมีความสุข ใครจะว่ายังไง ว่าไปเลย เขาไม่ใช่เรา
อย่างเรื่องสีผิวหนูโดนตั้งแต่เด็กเลยว่า ‘ถ้าเฟรนด์ขาวจะสวยกว่านี้’ แล้วเฟรนด์ในตอนนั้นก็ไม่ได้อยากขาวหรือน้อยใจเลย แล้วเราก็ไม่ได้คิดเหมือนคนผิวแทนคนอื่นๆ ที่ว่า คอยดูนะ ฉันจะสวยขึ้น จะทำให้รู้ว่าคนผิวแทนก็สวยได้!!! หนูแค่รู้สึกอย่างเดียวเลยว่า ‘มึงเสือกอะไรกูวะ ยุ่ง’ ผิวหนูอะ อยู่บนตัวหนู ถ้าหนูอยากขาวหนูไปทำเอง เดี๋ยวไปฉีด ไปขัดตัวเอง ไม่ต้องพูด แต่ถ้าเขาพูดด้วยความเป็นห่วงหรือหวังดีเราก็จะรู้ จะรับไว้ แล้วตอนนี้ก็ไม่เคยคิดเลยว่า ‘เป็นไงเล่า ตอนนี้ผิวแทนกำลังมา’ แค่คิดว่าไม่ว่าเทรนด์ผิวแทนจะมาหรือไป แต่ผิวแบบนี้ก็จะยังอยู่บนตัวหนูไปตลอด คือก็พอใจแล้ว วันไหนอยากขาวก็จะทำให้ขาวตราบใดที่มันอยู่บนความพอใจของหนู หรือเรื่องหุ่น หนูจะผอมก็ต่อเมื่ออยากผอม จะลดความอ้วนต่อเมื่อรู้สึกอึดอัด เมื่อใส่แล้วดูไม่สวย
กับเรื่องความมั่นใจ จริง ๆ หนูไม่ได้เป็นคนที่มั่นใจว่าหนูทำได้ แค่ตั้งใจกับทุก ๆ อย่าง แล้วคิดว่าถ้าตั้งใจปุ๊บ แล้วมันออกมาไม่ดี จะไม่รู้สึกผิด ก็กูทำได้เท่าเนี้ย หรืออีกเรื่องความมั่นใจอะ คนจะมองเวลาเฟรนด์แต่งตัว ชอบแต่งบ้า ๆ แล้วน้อง ๆ ที่ไปกับหนูจะบอกว่า ‘สนุกมากพี่เฟรนด์ ชอบดูรีแอคคนที่มองชุดพี่เฟรนด์’ เราก็แบบ หรอมึง คืออย่างเงี้ยหนูรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความมั่นใจ แค่อยากสนุก ก็จบ ทำไมต้องไปแคร์คนอื่นด้วย หนูรู้สึกว่าหนูเป็นคนที่พอใจอะไรยากมาก ๆ แอบมีความสุขยากด้วยซ้ำ แค่นี้ก็เหนื่อยพอแล้วกับการที่จะทำให้ตัวเองพอใจอะ แล้วไหนจะมีเพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ ใด ๆ ที่เราต้องดูแลอีกอะ คนอื่นพอก่อน เพราะเมื่อก่อนเป็นคนแคร์คนอื่นเยอะมาก ๆ เราเลยรู้ว่าสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้มีอิทธิพลกับความรู้สึกเราขนาดนั้น ขอดูแลเทคแคร์ตัวเองก่อนดีกว่า
ฝากผลงาน
ฝากในพาร์ตนักแสดงค่ะ mv กำยาน ของ อพาร์ตเมนต์คุณป้า Tahiti 80 เพลง Hurts ค่ะ ล่าสุด สัมพันธ์ ของ โอ๊ต ปราโมทย์ แล้วก็ Kimi no Koto ga Suki Dakara (ก็เพราะว่าชอบเธอ) ของ BNK48 หนูเป็นผู้ช่วยค่ะ (หัวเราะ) เป็นชมรมเวทมนต์ กับ Beginner ด้วย น้อง ๆ ตั้งใจกันทุกคน แล้วก็ฝากไปหา Two Million Thanks ใน mv เด็กดีว่าหนูอยู่ตรงไหน แล้วมาดูพวกเขา come back กันค่ะ งาน ART MUN 29 มีนาคมนี้ ที่ลาดกระบังพวกเขาคัมแบ็กแล้ววววว