FEIFEI พิสิณี ขาวสมัย ผู้กำกับผลงานสุด SWAG ที่นาทีนี้ใครก็ฉุดเธอไม่อยู่แล้ว
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Chavit Mayot
มาทำความรู้จักและฟังเพลย์ลิสต์ของ เฟ่ยเฟ่ย—พิสิณี ขาวสมัย เจ้าของแอคเคาต์ Instagram เท่ ๆ @feifei1234555 มือตัดต่อแห่ง Rap Is Now และผู้กำกับมิวสิกวิดิโอที่มีผลงานน่าจับตามองที่สุดคนนึงของวงการ ณ ขณะนี้
FEIFEI Playlist
60c – I Miss You 2
เพราะดี ฟังแล้วอยากคิดถึงใครบางคน อยากมีอารมณ์ร่วม แต่ไม่มี
Silly Fools – ให้เธอ
ปกติจะเล่นกีตาร์กับร้องเพลงพี่โตเป็นหลัก แต่ชอบเพลงนี้มาก มันดูพร้อมจะมอบให้เธอทุกอย่างแล้ว มันใช่ เพลงนี้เป็นเพลงที่เราเรียนซัมเมอร์ ป.4 แล้วพี่ใส่อัลบั้มนี้ในรถแม่ เวลาไปเที่ยว หรือเรียนพิเศษ จะมีเพลงหน้า A B ที่เราชอบและฟังวนเสมอ รู้สึกว่าเพลงพี่โตแม่งโคตรเรียล emotional ฟังแล้วไม่ต้องมีเหตุการณ์ร่วมก็รู้สึกเศร้ามาก หรือไม่ก็มันมาก ๆ
Silly Fools – รอยยิ้ม (ภาคปฏิบัติ)
เพลงนี้เหมือนฟังใน Win Amp สมัยเล่น Half Lyfe ไปด้วย ตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นพี่โต แล้วรู้สึกว่าเพลงไรวะ ทำไมไม่เคยฟังเพลงนี้ ฟังผ่าน ๆ ร้องได้ทุกคำ แต่ไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร เพลงโคตรลึก ให้คนต้องตีความ เขามีความเป็นคนสูงมาก มีอีกเพลงชื่อ แค่คน ที่เฟ่ยก็ชอบมาก เขาเป็นคนที่พูดในเชิงความเชื่อหรือศาสนาเยอะเหมือนกันนะ ผ่านเพลงในสมัยวัยรุ่น กูเป็นแค่คน ไม่ต้องมาจับผิดกู คนเทา ๆ ไม่ใช่เทวดา นางฟ้า เป็นแค่เศษเดน เป็นพาร์ตนึงของ Silly Fools ที่รู้สึกว่าเขาเขียนแล้ว touch เรามาก พูดในแง่ความเป็นสัญญะ พี่โตที่พูดผ่านเพลงในยุคก่อน เรารู้สึกว่าเขาเปรียบเปรยได้อย่างดีเยี่ยม เหมือนเป็นเพลงอินดี้ในยุคนี้
เพลงประกอบภาพยนตร์ ‘เพื่อนสนิท’
ชอบฟัง ost หนังด้วย แล้วก็ score ด้วย รู้สึกว่าจริง ๆ หนังอันไหนที่เพลงเพราะ เอามาทำแผ่นเหอะ โอ๊ยยย ฉันเห็นหน้าซันนี่ตอนนั้นอะ เราไม่ได้อินกับความรักแต่ฟังเพลงนี้แล้วก็อิน
Jaden Smith – SOHO
ตอนนั้นไม่รู้ด้วยว่าเพลงแปลว่าอะไร ยังไม่ได้อ่านเนื้อเพลง แล้วรู้สึกว่าทำไมเราชอบเพลงนี้ ฟังตั้งแต่ยังไม่มี mv ฟังเพราะชอบดนตรีเลยจริง ๆ รู้สึกกับดนตรีของเพลงนี้ กับโฟลวมันดีว่ะ ดนตรีเป็นภาษาบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องเข้าใจขนาดนั้น เราฟังฮิปฮอปบางเพลงแต่ไม่ได้เข้าใจ culture แต่เพลงนี้มันสื่อสารกับเราได้
Moderndog – มา
น่าจะเป็นเพลงที่ฟังตอนก่อนแฟนบอกเลิก… เวลาเราฟังเพลง มันเหมือน score ในชีวิตเหมือนกัน แบบ ตอนฟังแล้วนึกได้ว่าชีวิตเราเป็นยังไง ฟังแล้วมันซึม ๆ จะนึกถึงการเลิกกับแฟน
อัศจรรย์จักรวาล – ไม่เคยรู้
จะฟังเวลารู้สึกสับสน จะฟังเพลงนี้กับ พัดลม ให้ดนตรีมันพาไป ถ้ารู้สึกเหนื่อยจริง ๆ จะฟังสองเพลงนี้เลย เพลงพี่โตห้ามฟังเวลาอกหัก เพราะเราจะหลุด แต่ฟังเพลงพวกนี้แล้วรู้สึกจริง ๆ ดนตรีเพลงนี้มันไปจริง ๆ
‘Fake โกหกทั้งเพ’ ost. Ending
เฟ่ยดูหนังเรื่องนี้แล้วชอบตอนจบมากที่มันเฉลยทุกอย่าง แล้วเพลงมันขึ้นพอดี
DIAMOND MQT – GUCCI BELT ft. YOUNGOHM, FIIXD, YOUNGGU
ฟังเอาอารมณ์ ‘เข็มขัดกูสองหมื่นแปด’ คือพร้อมจะร้องเลยอะ ปกติก็ไม่ได้ชอบเนื้อหาประมาณนี้ แต่รู้สึกว่าโคตรเอาจริง เชี่ยยย แล้วเป็นเพลงที่ทุกคนบอกฟังไม่รู้เรื่อง แต่เราฟังรู้เรื่องทำไมไม่รู้ เพลงนี้ DIAMOND เก่งด้วย (แล้วก็เปิดทั้งเพลงฟังเลยจ้า)
SO4 – สิ่งที่กูรู้ feat. Pratyamic x King Aglet
เป็นเพลงที่แร็ปเยอะมาก ปกติฟังเพลงแร็ปเยอะแล้วฟังไม่ทัน แต่ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกสะใจ แร็ปเยอะสัส ๆ ปกติฮุก ๆๆ 8 บาร์ ฮุก ไม่ได้แร็ปเป็นคำขนาดนั้น แต่อันนี้ทำไมมันเก่งจังวะ เป็นวงที่เอาคนดูอยู่ด้วย ความรู้สึกเหมือนเชียร์มวย มันจะคนละอารมณ์กับเพลงคนอื่นเลย
TALK TALK TALK
ไปคอนเสิร์ตบ่อยรึเปล่า
ตอนเรียนอะไปบ่อย พอเรียนจบมา เราทำงานที่ Rap Is Now ก็ไปคอนเสิร์ตฮิปฮอปบ่อยมาก ไปจนรู้สึกว่า พอและ เหนื่อยแล้ว
ก่อนฟังฮิปฮอปฟังประมาณไหน
ฟังแบบเด็กคณะ ลาดกระบังอะ นึกออกปะ Two Million Thanks ไม่รู้จะพูดไง ก็เด็กคณะฟังปกติ ทุกวันนี้ก็ฟัง แต่ก็น้อยลง สังคม Art Street แบบนั้น เมื่อก่อนชอบฟังเพลง ฟังตลอดเวลา แต่เดี๋ยวนี้ก็ลดน้อยลงมาก ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงประกอบหนังเพราะชอบดูหนัง เวลาเราฟังก็จะรู้สึกว่ามีอารมณ์ร่วม แบบฉากนี้พระเอกกำลังเดินไปตรงนี้แล้วเพลงนี้ขึ้น เพลงจากในหนังช่วยขยายมิติมากกว่าแค่ที่เราได้ดู
รู้จักกับ Rap Is Now ได้ไง
รู้จักตอนดูแบทเทิล เราดู P9D, 23 Street นานมากแล้วอะ อยู่ปีสามตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร ดูเขาทะเลาะกันสนุกดี ตอนนั้นเราก็ไม่เข้าใจหรอกว่าการแบ่งคำ แบ่งจังหวะ สัมผัสคล้องจองอะไรเป็นอะไร สกิลอะไรยังไม่รู้หรอก พอเรียนจบมา ไม่รู้จะทำงานอะไร (หัวเราะ) ในใจก็ตั้งคำถามว่านี่เราจะทำโปรดักชันจริงปะวะ เราจบสายนี้ก็ต้องทำแหละ แต่ตอนนี้จบมาแล้วหาที่สบายใจก่อนเพราะตอนปีสี่ทำงานเครียด ทำอะไรก็ได้เงินน้อย จนว่ะ แต่ตอนนั้นเพื่อนเคยฝึกงานกับพี่โจ้ Rap Is Now แล้วเขากำลังหาคนตัดต่อ เราคิดว่า ไหนลอง ๆ หน่อยซิ ตอนแรกกะเข้าไปแค่เดือนสองเดือนให้ความเครียดตอนนั้นมันหายไป ไม่คิดว่าจะอยู่มานานขนาดนี้ คือ Rap Is Now ให้พื้นที่ที่เราสบายใจได้ ตอนไปสัมภาษณ์งานเหมือนนั่งโต๊ะคุยกันไปเรื่อย ๆ คือชิลมาก แล้วก็คิดว่า หรือนี่คือคำตอบของความสบายใจของเรา สุดท้ายก็มาทำ งานแรก ๆ ตั้งแต่ไอ้ FIIXD กับ NINO ยังเป็นตากล้อง ยังไม่แร็ป ยังไม่ทำบีต เราก็ทำงานตัดต่อคลิป ตอนตัดก็แฮปปี้นะ ดูคนด่ากันแล้วเราก็สนุก วันนึง Rap Is Now ก็ให้เรากำกับละ แบบ เลื่อนขั้นได้ละ (หัวเราะ) ได้เวลาแล้วว่ะ
คิดจะไปทำงานที่อื่นไหม
ตอนแรกคิดว่า หรือฉันจะออกดีน้า เพราะ Rap Is Now ก็ไม่ใช่โปรดักชันขนาดนั้น แต่พี่เขาก็น่ารัก แล้วเราไม่รู้จะหาความสบายใจจากที่ไหน มีปัญหาอะไรก็โทรหาพี่คนนี้ เลยรู้สึกว่าที่นี่ก็ยังเป็นที่ที่ดีอยู่แล้ว เราเคยคุยกับเพื่อนมันก็บอกว่ามึงอะโชคดีนะ วันไหนมึงเบื่อโปรดักชันมึงก็ไปอยู่ในสังคมแร็ปเปอร์ซึ่งมันก็สนุก ๆ อยู่แล้ว อยู่กับศิลปินที่ไม่คิดอะไรมาก ก็ยังมีพื้นที่ตรงนั้น ทำงานที่เกี่ยวกับเสียงเพลงยังไงมันก็จรรโลงกว่า ซึ่งก็จริง
จริง ๆ ความสบายใจหรือ safe zone มันก็เป็นดาบสองคมของคนรุ่นเราเหมือนกันนะ
ใช่ ก็ตอนแรกตั้งคำถามกับสิ่งนี้เหมือนกันว่า เนี่ย เราอยู่ในความสบายใจ แต่เราจะออกไปตะลุยอะไรดีไหม ก็คิดว่า ทุกวันนี้เราจะไม่ทำงานแบบเซฟขนาดนั้น ต้องมีการ challenge ตัวเองบางอย่าง สมมติเราไม่ชอบทำเพลงเศร้าเลย แต่คราวนี้ก็ท้าทายตัวเองว่าเราจะทำให้เศร้า แต่ละงานที่เรารับมันต้องตั้ง quest เพื่อเราจะก้าวผ่านอะไรบางอย่าง แล้วก็สร้าง mission ต่อไป เหมือนอยู่ในเซฟโซนอย่างไรให้ไม่เฉา
เมื่อกี้บอกว่าทำงานกับเพลงแล้วจรรโลงใจ แต่ทำไมฟังเพลงน้อยลง
เพราะว่าเข้าไปในออฟฟิศก็ไม่ได้ฟังเพลงข้างนอกเลยนะ เจอเพลย์ลิสต์ฮิปฮอป มันจะมีเพจชื่อ WHAT DROPS ที่พี่ฮอค Hockhacker ทำ อันนั้นแหละจะเปิดฟังตลอดเวลา มีเพลย์ลิสต์ที่ออฟฟิศนี้จะฟัง แต่มันก็มีลิสต์ใหม่เพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ ใครปล่อยเพลงใหม่แล้วเพราะก็ฟัง Gucci Belt เนี่ย ฟังแบบ โอ๊ยยยย ฟังจนต้องพอ พอแล้ววว กลับบ้านมาก็จะไม่ฟัง แต่ก็อาจจะเปิดบ้างเวลาเหงาหู อะ Gucci Belt ละกัน (หัวเราะ) ซักหน่อยซิก่อนนอน
เพลงประกอบหนังเรื่องที่ชอบล่าสุดคือเรื่องอะไร
‘Aladdin’ (หัวเราะ) มี ‘Call Me By Your Name’ กับ ‘Her’ ที่ทุกคนก็ต้องฟัง เพลงประกอบหนังไทยที่ชอบมากก็ ‘เพื่อนสนิท’ สกอร์เพราะมาก ‘Fake โกหกทั้งเพ’ ก็ดี รู้สึกว่าเราชอบฟังประมาณนี้ ฟังแล้วเห็นภาพ ฟังแล้วอิน
เป็นคนที่ดูหนังหลายแนวมาก แล้วคิดยังไงกับคนที่ปิดใจไม่ยอมดูหนังบางประเภท เช่น ‘ยี้ หนังแมสว่ะ’
ก็แล้วแต่เขา ถ้าไม่ดูก็ไม่ดู เราดูทุกแนว ชอบดูการ์ตูนมาก ดิสนีย์คือที่สุด เพราะมันชอบใส่กิมมิกบางอย่างเพื่อนสอนเด็ก พอเราฟังแล้วก็รู้สึกว่าสิ่งเนี้ยแหละที่ผู้ใหญ่ก็ยังต้องการ ล่าสุดดู ‘How to Train Your Dragon’ สอนเรื่องสัตว์ มันน่ารัก ข้อสอนใจเยอะ อาจจะดูน้ำเน่า ดูอีสป แต่รู้สึกว่าตอนเด็กเราไม่ได้คิดถึงตรงนี้เลยนะ เราก็แค่สนุกไปกับมัน
เคยคิดไหมว่าการ์ตูนเจ้าหญิงดิสนีย์สมัยก่อนทำให้เรามีความเชื่อเรื่องความสัมพันธ์แบบนึง ประมาณว่า วันนึงฉันจะได้เจอเจ้าชาย เจอรักแท้
เฉย ๆ นะ ดูแล้วรู้สึกชอบความศิวิไลซ์ของมัน ดูแล้วรู้สึกว้าวววว มากกว่า คือพล็อตมันเช้ยเชย แต่ดูแล้วไม่รู้สึกติดที่พล็อตเลย มันอยู่ที่เขาทำยังไงให้เรารู้สึกอินด้วยได้ขนาดนี้ อย่างอลาดินล่าสุดที่ดู พล็อตมันยังเป็นเหมือนเดิมอันที่เราดูตอนเด็ก ๆ แต่เขาเอามาทำได้แบบ โหหห ร่วมสมัยมาก ๆ มีเพลงฮิปฮอป แร็ปเข้ามาในโชว์ (FJZ: เหมือนชอบองค์ประกอบรวม ๆ ที่เขาสามารถสร้างโลกในจินตนาการให้จับต้องได้มากกว่า) ใช่ ๆ แต่ก็มีบางวันเหมือนกันนะที่แอบมาคิด ถ้าวันนึงนะ ฉันได้อยู่ท่ามกลางเจ้าชายมันก็คงจะดี ฟีลแบบ อุ๊ยรุ่นพี่คนนั้น แต่ว่าเด็กมากแล้วนะที่คิดแบบนี้ (หัวเราะ)
ถ้าได้ทำการ์ตูนดิสนีย์ซักเรื่อง จะทำเกี่ยวกับอะไร
เจ้าหญิงไทย (หัวเราะ) อย่างเบลล์ก็เป็นฝรั่งเศส จัสมินก็อาหรับ มู่หลานก็จีน แต่ประเทศไทย South East Asia ยังไม่มีอะ ถ้ามีก็คงน่ารักดี
ดูชอบทำอะไรล้องานไทย ๆ ละครไทย ทั้ง ธารารัตน์ ของ YOUNGOHM หรือ รางวัลปลอบใจ ของ ส้ม มารี
รู้สึกว่าเวลาคิดอะไรเรื่องนึงมันจะมาจากสิ่งที่เราพบเจอหรือผ่านมาในทุกวัน เราเป็นเด็กต่างจังหวัด อยู่ระยอง ตอนเด็ก ๆ ที่บ้านทำไซต์ก่อสร้าง ญาติเป็นวิศวกร ก็ต้องตามที่บ้านไปคุมไซต์ มีกรรมกร เห็นแคมป์สังกะสี ไปกินส้มตำก็จะมองว่าร้านนี้เป็นยังไง เรียนโรงเรียนหญิงล้วน เห็นมาทุกสภาพ คนรวย คนจน ที่บ้านทำห้องแถวให้คนเช่าก็จะเป็นยังไง เห็น culture ทุกคน เป็นหนี้ ติดพนัน ก็รู้สึกโชคดีที่เกิดมาเห็นทุก ๆ อย่าง เราก็จะเก็บ element พวกนี้มาคิดพล็อต มันเป็นสต็อกที่อยู่ข้างในที่พอทำออกมาก็ถึงรู้ตัวว่ามันมาจากตรงนั้น
การที่มันมีความหลากหลายมาก ๆ ในประเทศไทย เป็นตัวช่วยในการคิดงานของเฟ่ยยังไงบ้าง
ทำให้เราเห็น conflict ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เห็นความเทาในสังคม จริง ๆ เขาไม่ได้อยากเลว เราตีหน้าเขาเป็นคนเลว คนรวยก็ไม่ใช่คนดี คนจนก็ไม่ใช่คนดี ทุกคนเป็นคนเทา ๆ ทุกคนมีดีมีเลว คนจนจริง ๆ ที่เขาขโมยบางทีเขาก็มีเหตุผลของเขา แต่การขโมยก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เงี้ย บางอย่างเขาไม่ได้ถูกสอนมา ตอนเด็ก ๆ เราชอบ D2B มาก มีลูกคนงานที่บ้านเขามาขโมยเทป แล้วเราก็เกลียดเขามาก แต่เขาก็มากวาดบ้านให้บ้านเรา พอเราไปเห็นบ้านเขาก็น่าสงสาร มีน้องชายที่เป็นออทิสติกที่ต้องดูแล พ่อแม่ก็ต้องไปทำงานที่ตลาดทุกวัน ไม่มีคนมาสั่งสอน ไม่มีคนมาบอกว่าจะต้องทำอย่างนี้ ๆ เราก็เห็นพล็อตบางอย่างที่สามารถหยิบมาทำงานได้ เห็นบรรยากาศเวลาอยู่กับคนจนแล้วรู้สึกอย่างนี้ อยู่กับคนชั้นกลางเห็นแบบนี้ คนที่รวยมาก ๆ ก็เป็นอีกแบบ จนแล้วรวยก็ไม่เหมือนกัน จริง ๆ ทุกคนก็เห็นแหละ แต่เฟ่ยชอบหยิบเรื่องใกล้ตัวมาเล่า เพราะเห็นมา มี reference ตัวละครที่ชัด อย่างอันนี้คืออีแป๋วเด็กข้างบ้านเลย นึกออกมะ อันนี้แหละที่เอามาใช้ได้
ใช่แม่บ้านที่อยู่ข้างหลัง mv รางวัลปลอบใจ ที่คอยแย่งซีนรึเปล่า
(หัวเราะ) อันนั้นเป็นงาน parody ที่เราดูละครแต่เด็กแล้ว สมมติมี 14 EP แล้วพอถึง EP 13 ยายจะเดาว่า เดี๋ยวอีนางเอกมันจะต้องหยั่งงั้นหยั่งงี้ แล้วเดาจนจบเรื่อง เราก็เอาบรรยากาศตรงนั้นมาทำ (หัวเราะ) เดาอย่างเก่ง แต่จริง ๆ ละครพวกนี้มันมีแพตเทิร์นอยู่แล้ว
MV NEVER BEEN /จึ๊ ๆ ของ YOUNGGU ที่เป็นเด็กแว้น ก็ได้อิทธิพลจากสิ่งที่เจอมาใช่ไหม
เป็นไอเดียของ YOUNGGU คือ THAIBOY DIGITAL เขาชอบ ก็อยากได้แบบเด็กแว้นเลย แล้วอันนี้เราก็ได้เด็กแว้นจริง ๆ มาเล่น เราเคยมีเพื่อนแว้นช่วงวัย ม.ต้น ทุกที่มันมีอยู่แล้ว แล้วก็สังเกตว่าเด็กแว้นมีออพชันอะไรบ้าง รองเท้า Taywin กระเป๋าแนบลำตัว ตกเย็นเราเห็นแล้วว่ามันไปขี่มอเตอร์ไซค์ ก็จำภาพนั้นทำออกมา ตอนแรกเขาอยากได้กระบะซิ่ง เราก็มีเพื่อนที่มี ชอบมาก นั่งส่องเฟซมัน เห็นมาเยอะ ตอนเล่น Hi5 ก็ชอบของเด็กแว้น ชอบอ่านชื่อ แก๊งชื่อ ‘ซดน้ำเงาะ’ เงี้ย (หัวเราะ) มีอีกเยอะที่เราอยากเอามาทำ รถบัสใน mv ก็เอามาใช้ เพราะตอนเด็ก ๆ จะมีมีตติ้งที่ต้องนั่งรถอย่างงั้นไป แล้วก็มีโต๊ะสนุ๊ก คือพ่อกับพี่ชายเฟ่ยชอบเล่น มันเป็นกิจกรรมของเด็กชานเมืองที่แทงสนุ๊ก เล่นพนันกันด้วย subculture ตรงนี้เราชอบมาก
คิดยังไงเวลาบางคนพูดว่า ‘แว้นไม่ได้ไปหนักหัวใคร ดีกว่าดูดยา’
เขาก็มีสิทธิพูดในพื้นที่ของเขาแหละ (หัวเราะ) คือเฟ่ยไม่ได้ judge อะไรขนาดนั้น แต่ก็มีคนบอกว่า ‘มึงท่อดังอะ’ แต่ก็ให้เขาทะเลาะกันไป เราเป็นพื้นที่รับฟังละกัน เราสนใจแค่ภาพเขามากกว่า หรือการที่เขามีสิ่งที่เขาชอบจริง ๆ แต่เรื่องที่เขาทำความเดือดร้อนอะไรนี่… กูไม่เกี่ยวละ (หัวเราะ)
การหยิบ subculture เทา ๆ ในสังคมมาพูดมันช่วยอะไรบ้าง อย่าง ‘Motel Mist’ ก็เคยหยิบเรื่องโรงแรมม่านรูดมาเล่า
จริง ๆ พยายามจะพรีเซนต์ออกมาแบบนั้น แต่เราเอางานไปลงใน YouTube เป็นมิวสิกวิดิโอที่ต้องซัพพอร์ตเพลงอีกที เขาไม่ได้ตีความเราขนาดนั้น แต่จริง ๆ เราก็อยากให้คนเข้าใจในสิ่งที่เราทำว่าบางทีมันเป็นการเอา subculture มาเล่า หรือเป็น parody หรือเอามาพูดถึงในอีกแบบ ไม่ได้เล่าอะไรในแง่ที่ให้ประโยชน์กับสังคมหรือตีความขนาดนั้นเพราะพื้นที่การแสดงงานมันเป็นมิวสิกวิดิโอ ถ้างานของเฟ่ยไปอยู่ในแกเลอรี่ ในพื้นที่ที่คนตั้งคำถามกับงาน หรือต้องใช้ความคิดกับงาน เขาก็จะตีความ เล่าว่าผู้กำกับคนนี้เขาจะหมายความว่าอย่างงี้
มี subculture ไหนที่สนใจอีก
เอาจริง คนในเฟซบุ๊กเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ชอบเข้าไปดูคนในโลกคู่ขนานอะ แบบ เฮ่ย มีอย่างงี้ด้วยหรอวะ ที่เขายังโพสต์หน้าวอลกันอยู่ ปกติเราตั้งสเตตัสแล้วมีเม้น แต่อันนี้เหมือนผลัดกันตั้งคุยกัน คือเราชอบ subculture อย่างนึงของเฟซบุ๊ก มันทำให้เรารู้อะไรเยอะมากจากการโพสต์คุยกันหน้าเฟซบุ๊กแบบไม่มี dm messenger ‘อยู่ไหน’ ‘วันนี้จะไปไหน’ มันดูไม่มีกำแพงเลยอะ สืบอะไรได้ง่ายมาก
ตอนเลือกเรียนทำหนังนี่กลัวจะเงินน้อยงานหนักไหม
กลัว ตอนเรียนปีหนึ่งคิดว่าทำไมคนอื่นเก่งจังวะ แล้วทำไมกูไม่เก่งเลยวะ ก็เซ็ง คิดว่าจบมากูต้องจนแน่เลยว่ะ ทำงานตามเพื่อนไม่ทัน แล้วเพื่อนดูเก่งด้านหนัง มีปากมีเสียงกันเยอะ แต่เราเป็นพวกแบบ ‘เออ ๆ เอาเล้ย มึงคิดมาดีแล้ว’ คือเราไม่ค่อยมีงานของตัวเอง แต่มันจะมีหนังเดี่ยวตอนปีสอง ที่เรารู้สึกว่าอันนี้เราจะได้ทำเอง กำกับเองทุกอย่าง ทำให้เรารู้ว่าเราชอบอะไร เรามาทางไหน มีวันนึงที่รู้สึกว่าธีสิสพลิกชะตา ทำให้เราเอาสิ่งที่เราชอบมารวมกันแล้วทำออกมา แล้วก็พบว่าจริง ๆ เราไม่ได้ตามเพื่อนไม่ทัน แค่เราไม่ได้ตามมัน ตอนนั้นกูตามมึงเพราะมึงเป็นผู้กำกับ ขี้เกียจไปเถียงกับมึง เพราะไม่ได้อยากทำแบบนี้ก็เลยคิดไม่ทัน เฟ่ยเลยเชื่อว่าทุกคนมันมีสปีดไม่เท่ากัน เพราะเราไม่ได้มีโกลอย่างเดียวกัน อย่างงานกำกับเพื่อนเรารู้สึกว่าทำไมมันหลักแหลมจังวะ เพราะอันนี้งานถนัดเขา แต่ถ้าเรามีทางถนัดเราก็จะสปีดได้เร็วกว่าเดิม ตอนนั้นก็เลยรู้เลยว่าอย่าได้บังคับให้ใครมาชอบแบบที่เราชอบ หรือเราไม่ต้องไปตามอะไรที่เขาชอบขนาดนั้น เราจะตามเขาไม่ทัน
ตอนนั้นทำเรื่องอะไร
ร่างทรง มีคนขอหวย (หัวเราะ) ตอนนั้นเอาวรรณคดีไทยมาล้อ เราตั้งคำถามว่า เฮ้ยทำไมวรรณคดีไทยพออยู่ในหนังสือเรียนมันทรงคุณค่า มีสุนทรียะ ใช้คำพรรณนา แต่ว่าเนื้อหาถ้าถอดมา คำพูดเหมือน PEE CLOCK แร็ปอะ เ–้ด –ี มึง อะไรเต็มไปหมด ถ้ามาแปลคือภาษาแรงมาก แต่ทำไมเขายกย่องเชิดชู ก็ลองดู ‘ลิลิตพระลอ’ รู้สึกว่ามันสวยงามเหลือเกิน แต่เนื้อหามึงปัญญาอ่อนมาก (หัวเราะ) เลยเอามาทำ parody ให้เป็น direction ที่เราตีความประมาณว่าจริง ๆ แล้วเนี่ย มึงไม่ใช่คนดีเลยนะ ตอนแรกคิดว่าจะมีแร็ปเป็นสกอร์เพลง เป็นกลอน แต่ตอนนั้นยังไม่รู้จักแร็ปเปอร์ ก็เลยไม่ต้องมีละกัน ถ้ารู้จักก็อาจจะให้เขามาแต่งเลยด้วยซ้ำ อาจจะได้อีกมิตินึงของหนังเรา
ถ้าไม่เรียนหนังคิดว่าจะไปทำอะไร
ตอนนั้นอยากเรียนนิเทศศิลป์ สอบด้วยแต่ไม่ติด ถ้าไม่งั้นก็ไปเรียนโปรดักต์ industrial design แต่ไม่ได้สอบ
เห็นว่าทำเสื้อผ้า ไม่คิดจะเป็นสไตลิสต์หรอ
เหมือนตอนเรียนคนที่ให้ทำคือเพื่อนที่เรียนด้วยกัน ตอนเรียนแก๊งนี้เป็นแก๊งกำกับ เราก็เป็นเพื่อนผู้หญิงในกอง ไม่ PM ก็เสื้อผ้า เราผู้หญิงสุดละ เด็กฟิล์มรุ่นเฟ่ยคือผู้ชายเยอะกว่าผู้หญิง กูว่ากูเนี่ยแหละ เสื้อผ้าอีกละ เรียนจบมาเลยก็ได้ทำ ต่อยอดจากตอนเรียน (FJZ: อิทธิพลจากที่ก็แต่งตัวจัด) ใช่ ๆ เพื่อนก็แบบ มึงแหละ ทำอันนี้มะ ก็สนุก บางทีการออกกองกับเพื่อนมันหนุกหนาน
สิ่งที่ประทับใจที่สุดในการออกกอง
ชอบดูคนอื่นทำงาน แค่นั้นเลย อยากออกกองเพราะอยากเห็นว่าคนนี้ทำงานยังไง เราไปกองคนอื่น บางทีเป็นเอ็กซตราให้พี่นรา พี่อัตต้า ก็สนุกนะ ก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับเขาหรอก แค่อยากเห็นเลยนะ อยากมีบรรยากาศในกอง สนุกดี แต่บางทีก็เหนื่อยนะ หกเช้าหกเย็น ตื่นโคตรเช้า เหนื่อยชิบหาย แต่ก็เพลิน ๆ
เจอมาจากเพจ A Girl Short Film เห็นบอกว่า ดูหนังแล้วอยากเอาชนะหนัง คือยังไง
ตั้งแต่เด็กละ ตอนนั้นเราดูเรื่อง ‘พลอย’ ของพี่เป็นเอก รัตนเรือง แล้วรู้สึกว่า… อืม แต่ไม่เข้าใจ (หัวเราะ) เรายังเด็กกันมากอะ นึกออกปะตอนนั้นยุคเรามีแต่ ‘แฟนฉัน’ เราได้เสพหนังแมสมาก ๆ แล้วเราอยากเอาชนะ ‘พลอย’ อะ เราไม่อยากนั่งแล้วแบบ ‘คร่อก ฮะ อะไรนะ’ ดูแล้วหลับประจำ (หัวเราะ) รู้สึกว่าอยากเข้าใจ ตอนปีหนึ่งเป็นช่วงที่เราดูหนังอินดี้เยอะมากที่สุดเพราะมันเป็นช่วงของการเก็บเกี่ยว หาดูเอง ไปดูเรื่อง ‘Hi-So’ หนังพี่จุ๊ก—อาทิตย์ อัสสรัตน์ หนังพี่คงเดช จาตุรันต์รัศมี ‘แต่เพียงผู้เดียว’ ดูหลาย ๆ รอบเพราะรู้สึกว่า มันคืออะไรวะ ดูแล้วรู้สึกว่าอยากเอาชนะอะ ตอนนี้เราไปดูหนังพี่เดชก็จะรู้สึกอีกแบบต่างจากตอนปีหนึ่งที่ดู เหมือนเราแอบเอาชนะมันได้นิดนึงแล้วนะ หลังจากเราเรียนหนัง เจอคนเยอะ มีสังคมที่เขาคิดเยอะ ๆ คิดต่างจากเรา เราก็เลยได้เข้าใจมันมากขึ้น หนังสือบางเรื่องอย่าง ‘เจ้าชายน้อย’ ตอนเด็ก ๆ อ่านแล้วไม่รู้สึกอะไร พอโตมาก็รู้สึกว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ก็อยากเอาชนะอีก เราอยากรู้ว่าเขาใช้จิตวิทยาอะไรในการเขียน
อยากลองทำสื่อแบบอื่นบ้างไหม อย่างหนังสั้น
อยาก ๆ อยากเอาเพลงไปอยู่ใน exhibition ด้วยซ้ำ งาน interactive อย่างเฟ่ยทำ mv ติดกันเยอะมาก รู้สึกว่าภาพไม่พอแล้ว เอามาเล่าอีกได้ไหมวะ (หัวเราะ) หรือบางทีหนังสั้นก็แอบคิด แต่รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนที่สร้างหนังให้เข้ากับเพลงได้เก่งขนาดนั้น เพราะเพิ่งทำด้วยมั้ง ถ้าเป็นหนังมาเลยอันนั้นอาจจะยัง
สิ่งที่ทำให้ศิลปินน่าสนใจคือการเล่าเรื่องให้คนดูรู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับศิลปิน
ทุกวันนี้เวลาทำเพลงที่ Rap Is Now แล้วฟังศิลปินร้องเพลง บางเพลงฟังแล้วรู้ว่าเขาพูดถึงใคร เราก็จะแบบ อื้อหือออ มีประสบการณ์ร่วมแล้วมันได้ความรู้สึกอีกแบบเลยนะ หรืออย่างในเพลง ZZZ ที่ทำ ปกติไม่เคยเห็น Ben Bizzy เศร้า มารู้จักมันก็ตอนคบกับแฟนคนล่าสุด ก็ดูไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เขาก็บอกว่าเพลงเนี้ยแต่งมาจากแฟนคนแรก พอได้รู้ insight ของศิลปินก็ได้เห็นอีกมุมของเขา ก็อยากถ่ายทอดออกมา อย่าง mv เบ็นเราทำออกมากึ่งเซอร์เรียลประมาณนึงเลยเพราะอยากชูคาแร็กเตอร์เบ็นด้วย direction ของ mv เพราะก่อนหน้านี้มันไม่ได้ผมแดง เพลง lnW มันเป็นการ์ตูนแล้วผมแดง รอบนี้ก็อยากให้มันเฉิดฉายในคาแร็กเตอร์ของมันจริง ๆ แล้วพอคิดเรื่องมาใส่ มันก็บอกว่า ‘มึง กูมีฉากนี้ จริง ๆ’ ก็รู้สึกดีใจที่คิดเรื่องมาแล้วเรากับเบ็นมีประสบการณ์ร่วมกันแล้วมันถ่ายทอดออกมาเป็นภาพได้ แล้ว mv เบ็นอยากให้คนดูลึกซึ้งกับมัน เพราะผู้ฟังเพลงฮิปฮอปส่วนใหญ่เป็นเด็กตัวเล็ก ๆ เขาไม่ได้ศึกษาว่าเบ็นเป็นยังไง ก็อยากทำภาพให้คนเข้าใจว่าเขาเกิดในยุคที่มีการโทรเบอร์ 1900 ซึ่งเป็นตอนที่เราเด็ก ๆ ถ้าอยากรู้จักเบ็นก็ต้องรู้จัก hotline 1900 อันนี้ด้วยนะ อยากทำให้ direction มันมีความ subculture นิด ๆ ผสมกับความฟรุ้งฟริ้งในคาแร็กเตอร์ของมันด้วยนิดนึง
ทำมาหลายแบบมาก สรุปแล้วจุดเด่นของ mv เฟ่ยคืออะไร
ของพี่อัตต้า เหมวดี เขามีเอกลักษณ์สูงเหมือนกัน เขาจะเด่นเรื่องพล็อต ของพี่จีน คำขวัญจะเป็นหนังวินเทจ ๆ หนังน้ำหอม ของเบนซ์ก็จะกึ่งไซไฟ เท่ ๆ ของเฟ่ยจะเป็นความฉูดฉาด (หัวเราะ)
พูดถึง art direction ของเฟ่ยแต่ละงานดูกระจัดกระจายกันมาก แต่ทุกอันสไตล์จัดหมดเลย อะไรคืออิทธิพลงานด้านวิชวล
ความไม่พอดีมั้ง (หัวเราะ) คิดว่าตัวเองเป็นคนไม่พอดี ทำ ๆ ไปแล้วแบบ เฮ้ย พอหรอวะ สมมติมี reference แต่มันก็จะถูกออกแบบมาให้ไม่ได้เหมือนตรงนั้นเป๊ะ ๆ เพื่อสร้างอะไรบางอย่าง อย่าง ส้ม มารี มันก็เป็นละค้อน ละคร มาก ๆ เราเลยใส่ความเป็นหนังน้ำหอม ดอกไม้ฟรุ้งฟริ้งนิด ๆ เพื่อสร้างวิชวลบางอย่างให้ไม่ละครเกิน อย่างของเบ็นเราก็เอาเทพนิยายมาผสมกับร้านส้มตำในไทย ที่ผนังเป็นน้ำตก เคยไปกิน ลาบเป็ดป.4 แล้วถ่ายรูปลง Instagram อยู่เลยว่าแบบ โหย ทำวอลเปเปอร์โคตรเท่เลย เราจะเก็บ element แบบนั้นมาออกแบบงาน สิ่งที่เราผ่านตาจะเอามาลง ๆๆๆ ในงาน อยาก mix and match ออกแบบสิ่งที่เราเห็นมากับประสบการณ์ของเบ็น
เราไม่แปลกใจที่เฟ่ยทำ mv BNK48 ในเพลง Beginner เพราะลุคมันดูเฟ่ยมาก แต่พอย้อนไปดู ฤดูใหม่ อันนั้นหวานแหววมาก อะไรทำให้เฟ่ยกล้าฉีกคาแร็กเตอร์น่ารักสดใสของ BNK48 ให้มาเป็นเด็กแก๊ง เด็ก swag
(หัวเราะ) เราจะเห็น BNK48 ในหลาย ๆ ลุค ลุคอยู่บ้าน ลุคกุ๊กกิ๊ก แต่เรายังไม่เคยเห็นลุคน้อง ๆ เท่ซักเท่าไหร่ อย่างเพลงของ BNK48 ที่ฟังแล้วรู้สึกแข็งแรงก็จะมี River แต่ว่าเพลงนั้นพี่ลูกศรเขาทำชุดมาน่ารัก พอได้ฟัง Beginner ก็รู้สึกว่าเพลงแข็งแรงมาก แล้วเรารู้สึกว่าเราก้าวข้ามความน่ารักกันดีกว่า ‘อะ น้อง ๆ ถักผมกันหน่อยเหอะ’ บางคนจะคิดภาพไม่ออกว่าจะเป็นแบบนี้ได้หรอ แต่เรารู้สึกว่าจริง ๆ ว่าเขามาหลายลุคที่เป็นความน่ารักแล้ว แล้วด้วยเพลงมันมาอย่างงี้ ชุดน่ารักก็อาจจะไม่ค่อยเข้า งั้นลองเปลี่ยนมาเท่ดูซิ เฟ่ยเห็นภาพตั้งแต่ตอนยังไม่ได้ฟิตติ้งนะว่าน้องเขาต้องเท่อย่างเงี้ยแหละ แล้วสุดท้ายคือดีใจมากที่ฟีดแบ็กดี ตอนแรกไม่มั่นใจเลย คุยกับพี่แอน สไตลิส ‘แบบนี้จะดีปะวะพี่ ชุดนี้สีเขียว’ คือเราชอบ แต่กลัวคนไม่เก็ต เพราะเวลาทำ BNK48 มันมีความไม่แน่ใจ มันมีความกดดันจากโอตะ จนสุดท้ายเราฟัน อันนี้แหละ แล้วมันก็ออกมาแบบในภาพ พี่แฮมถ่ายมาเราก็ชอบ
ถ้าได้ทำงานหน้าของ BNK48 แล้วต้องกลับไปทำแนวน่ารักอีกจะทำไหม
ก็ได้นะ คือตอนทำ ฤดูใหม่ จริง ๆ เฟ่ยชอบความตะมุตะมิเพราะเป็นคนตะมุตะมิมั้ง ทุกคนบอกว่า ฤดูใหม่ อะ ไม่ใช่มึงเลย แต่เฟ่ยรู้สึกว่ามันเป็นกูตอนเด็กนะ มึงเคยเห็นกูตอนปีสามป่าว กูสีชมพูทั้งตัวเลยนะ มึงรู้จักกูน้อยไป (หัวเราะ) เรามีความแบ๊ว ๆ ชอบอะไรแบบนี้ แต่ถ้าให้กลับมาทำอีกก็โอเค เรามีอีกหลาย direction ของความน่ารักที่ยังไม่ได้ใส่ลงไปเลย (FJZ: คนชอบตีกรอบว่าผู้หญิงคนนี้จะมีแต่ด้านนี้เนอะ) ใช่มะ
ศิลปินบ่นว่าพื้นที่การแสดงงานน้อย จริง ๆ แล้วมันเป็นอย่างงั้นไหม
ก็จริงบ้างนะที่พื้นที่น้อย แต่ยุคนี้มันเป็น individual สามารถทำเองได้ด้วยแล้ว อย่างเฟ่ยอยู่ในสังคมฮิปฮอป แร็ปเปอร์เขาไม่ต้องมีค่าย ทำเอง มีตัง รวยชิบหาย รวยแบบในเพลง ไม่ต้องมีใครดัน เขาดังด้วยตัวเอง เรา respect ฝั่งนี้มาก ถ้าใครบอกว่ามันไม่มีพื้นที่ขนาดนั้น เฟ่ยว่า มันมี แต่ว่ามันต้องอย่าหยุด ต้องทำมาก ๆ อย่างโปรดักชันเองทุกอย่างมันต้องทำด้วยเงิน อย่างเฟ่ยถ้าจะทำงานของตัวเองแล้วหาพื้นที่มันก็ได้ แต่ต้องมีสารตั้งต้นเป็นเงิน เป็นอะไรหลาย ๆ อย่าง
คิดยังไงกับคำว่าตลาดล่าง
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันคืออะไร เวลาเขาด่าก็รู้สึกว่า หือออ อะไรวะ? (หัวเราะ) ใช่พวกชอบด่าคนที่พิมพ์ ‘นะคะ’ ผิด ปะ แต่ก็มีคนด่า YOUNGOHM ตลาดล่างนะ เราก็ไม่เห็นรู้สึกว่าโอมตลาดล่าง เวลาเขาปล่อยเพลง มา กูร้องได้ กูพร้อมเสมอ แร็ปเปอร์คนอื่นก็ไม่รู้สึกว่าตลาดล่างน้า ก็เลยไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร ก็ เขาชอบอะไรก็ปล่อยไปเหอะ
ชอบแร็ปเปอร์คนไหนที่สุดช่วงนี้
เปลี่ยนไปตลอดเวลาเลยอะ HALIBVNG, AOFUFO, THE FOOLEST ชอบความสไตล์ชัด ส่วน FIIXD นี่ชอบเพราะเป็นบ่อเกิดของความรวยแร็ปเปอร์ เห็นตั้งแต่ไม่มีเงิน คือพื้นฐานมันเป็นคนมีเงินแหละ แต่พ่อแม่ไม่ให้เงิน ถือกระเป๋าหลุยส์แต่เปิดกระเป๋าตังมาไม่มีเงินเติมน้ำมันรถ เขาทำเองทุกอย่าง แล้วทำจริง ทำอัลบั้มนึงมา ขายได้ แล้วเพลงดัง ตั้งแต่เพลง เพียงเธอ เอาไอ้โอมมาดังด้วย ของหลาย ๆ คนด้วย พาทุกคนรวย อ้วนด้วย น่ารัก ถึงมันจะล่ก ๆ ก็เหอะ (หัวเราะ)
แร็ปเปอร์ชอบบอกว่าตัวเองรวยในเพลง อยากรู้ว่าส่วนใหญ่รวยจากอะไร
จากเพลง เท่าที่รู้จักมา YOUNGOHM หรือคนอื่น ๆ มันไปได้เพราะเพลงจริง ๆ กับใน YouTube ถ้าเขาทำช่องเอง ร้อยล้านวิวก็ได้หนึ่งล้านบาท ล้านวิวก็ได้หมื่นนึงแล้ว แล้วเขาเอาเพลงลง streaming ลง Joox โดยที่ของเฟ่ยก็มี Rap Is Now ซัพพอร์ตศิลปิน แต่ไม่ได้เป็นค่ายนะ แค่สมมติคนนี้อยากส่งเพลง ก็เดี๋ยวส่งให้พี่คนนี้แล้วเดี๋ยวลองฟังก่อนว่าพอจะเอาลง Joox ลง Apple Music ให้ได้ไหม เพราะลงทางนี้ก็ได้เงิน นั่นแหละเขารวยกันด้วยเพลง กับทัวร์ ครั้งนึงก็สองหมื่น อย่างโอมคือมันทำเองจริง ๆ
แล้วเพจ รวมปลาทอด คืออะไร
(หัวเราะ) ทุกคนจะมีของที่ชอบ จริง ๆ ชอบข้าวโพดอบเนย ตำข้าวโพดไข่เค็มก็ชอบ มีหลายอย่างที่ชอบทาน อยากทำเพจให้หมดเลย แต่ปลาทอดเป็นสิ่งที่พอลงรูปไปแล้วคนอยากกินมากสุด มันเป็นความวิชวล มันกรอบ ความฟู เป็นตัว ๆ ดูเป็น family เพราะจานนี้มันจะอยู่กลางโต๊ะที่บ้าน มีความศิวิไลซ์มาก คนเห็นก็จะถามว่า ‘มึงไปร้านไหนอะ’ ต้องเป็นปลาทอดราดน้ำปลาด้วยนะ ตอนแรกพี่หลุยส์ Rap Is Now บอกว่า เฟ่ย มึงก็ทำเพจปลาทอดดิแล้วมึงก็ไปรีวิวทั่วประเทศ เผื่อมึงได้กินฟรีนะเว่ย ในความคิดพี่หลุยส์คงเป็นแบบ ‘ร้านนี้อร่อยเด็ด’ แต่เราอะ ถ่ายรูปปลาเศร้า ๆ บางทีถ่ายเปิดแฟลช ไม่ได้สวย แล้วลงแคปชันมั่ว ๆ ‘หิว’ ‘เหงา’ บางทีหลัง ๆ ไม่ได้ไปกินอู้ฟู่ละ กินปลาทูคลุกข้าว ก็ลงน้องผอม ๆ เพราะถ้ากินทีต้องไปหลายคน กินคนเดียวไม่ได้ ลูกเพจตลกนะ บางคนเหมือนตามมาจากเพจ Rap Is Now ชอบมาแซว ลงแล้วอยากอ่านคอมเมนต์ มีน้องกวนตีน อ่านแล้วสนุกดี หลัง ๆ ก็มีเพื่อนส่งรูปปลาทอดมาให้ลงด้วย
ร้านไหนอร่อยสุด
ต้นทอง ตรงเพชรพระราม แถว ลาบเป็ดป. 4 อันนั้นอะอร่อย แล้วก็ Waterside ปลาอร่อยมาก กรอบนอก นุ่มใน หักคะแนนตรงไม่มีมะม่วง ทีเด็ดเลยนะ ให้ไกด์คือมึงต้องราดมาตรงนี้เลย
คิดจะไปเป็นเบื้องหน้าบ้างไหม อย่าง FIIXD เป็นแร็ปเปอร์ NINO ไปทำบีตแล้ว เราจะไปบ้างไหม
อยาก ๆ อยากเป็นนางเอก mv ฮิปฮอปที่ใส่บิกินี ให้ FIIXD ตีตูด (หัวเราะ) อยากทำงานเบื้องหน้าบ้าง บางทีมันสนุก เราอะตอนเรียนเป็นผู้ช่วยละครเวที แล้วก็เวิร์กช็อปการแสดงมาแล้วรู้สึกชอบมาก ๆ แต่ถ้าให้เลือกก็ทำเบื้องหลัง มันมันกว่า เบื้องหน้าก็สบาย ก็สนุก มันคนละแบบ
สุดท้ายละ ถ้ามี AKA จะใช้ว่าอะไร
FEIFEI แหละ อันนี้เป็นเรื่องยากที่สุดละ ตอนสัมภาษณ์งานพี่เขาถามเลย ‘ใช้ AKA อะไร’ เลยบอก ‘เฟ่ยค่ะ’ เขาเลยบอก มันธรรมดาไป FEIFEI ดิ มันดูเป็น AKA ดีนะ