5 เพลงโปรดของ แคนแคน BNK48 และเหตุผลที่เธออยากเป็นนายกหญิงคนที่สอง!?
- Writer: Peerapong Kaewthae
- Photographer: Chavit Mayot
แคนแคน—นายิกา ศรีเนียน คือเด็กสาวน่ารัก อารมณ์ดี ด้วยภาพจำที่เธอเป็นหนึ่งในสมาชิก BNK48 ไอดอลของมวลชน แต่ในอีกมุมหนึ่งเธอก็มีมิติของความเป็นผู้หญิงน่าค้นหาที่ใครจะรู้ว่า เด็กสาวมากความสามารถทั้งร้องและเต้นคนนี้จะชอบดูหนังไซไฟและ Star Wars ชอบเพลงอินดี้ แถมยังอยากเป็นนายกหญิงคนที่สองของไทยอีกด้วย ไปทำความรู้จักอีกมุมหนึ่งของ แคนแคนคนคูล กัน แล้วจะรู้ว่าฉายานี้ไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วย
5 เพลงโปรดของ แคนแคน BNK48
Summer Dress – D-OK
เพราะมันดีออกค่ะ (หัวเราะ) เหตุผลทุกอย่างอยู่ในเพลงหมดแล้ว
Buddhist Holiday – เหตุผล
อย่า อย่าทำให้มันต้องมีเหตุผล ~ (ร้องเพลง) หนูมีแผ่นเขาอยู่ในรถด้วย (ยิ้ม)
Jet – Look What You’ve Done
เป็นเพลงประกอบภาพยนต์ที่ชอบเรื่อง A Lot Like Love พูดแล้วซาวด์แทร็คขึ้นมาเลย ฟูววว (หัวเราะ)
พราว – วันไร้สมอง
จริง ๆ วงพราวเป็นวงแรกที่เราหัดเล่นกีตาร์ แต่ตอนนั้นหัดเล่นเพลง เธอคือความฝัน พอเราหัดเพลงนั้นมันทำให้เราไปรู้จักเพลงอื่น ๆ วันไร้สมอง เป็นเพลงถัดมา พอเราฟังแล้วเราชอบกว่าเพลงที่เราหัด เหมือนเป็นวันไร้สมองเวลาตอบอะไรไม่ถูก (หัวเราะ)
The Marías – I Don’t Know You
เพลงล่าสุดที่เพิ่งฟัง เป็นเพลงที่ฟังมาจาก Sofar Sounds ชอบฟังเพลงจากแชแนล YouTube อันนี้ มันทำให้เจอเพลงอื่น ๆ อีก เพลงนี้ฟังแล้วสบายหูมาก ฟังแล้ว … เฮ้อ เคลิ้ม (ยิ้ม) อยากรู้ต้องไปฟังเอง
Exclusive Talk
ทำไมถึงต้องชื่อ แคนแคน
เกิดมาก็รู้ว่าชื่อ ‘แคน’ แต่ว่าคนในครอบครัวจะเรียกไม่เหมือนกันเลย แล้วก็บอกที่มาไม่เหมือนกันด้วย (หัวเราะ) อย่างคุณพ่อเนี่ยเรียก แคน เพราะว่าชอบเสียงเครื่องดนตรีแคน ฝั่งคุณปู่คุณย่าเขาจะเรียกเราว่า ‘แคนแคน’ เหมือนคนแก่เขาจะชินกับการพูดสองพยางค์ แคน มันยังใหม่สำหรับเขา กับป้าที่อยู่กลุ่มเดียวกันบอกว่าชื่อ แคน เพราะแปลว่าสามารถ สามารถทำได้ทุกอย่างเลย ส่วนแม่ก็ แล้วแต่เลยลูก (หัวเราะ) อยากจะชื่ออะไรก็ได้
แล้วอย่างชื่อ นายิกา ล่ะ
แปลว่าผู้นำที่เป็นผู้หญิงค่ะ ที่จริงแปลว่านายกหญิงด้วย (หัวเราะ) อย่างคำว่าอุปนายิกา
สนุกไหม กับการเป็น BNK48
สนุกมากค่ะ แปลกใหม่ค่อนข้างมากสำหรับชีวิต เหมือนเราได้อยู่ในกฎระเบียบที่เขาวางมาให้ แล้วได้เจอเพื่อนที่มีความชอบหลากหลายไม่เหมือนเรา ทั้ง 29 คนจะคาแร็กเตอร์ไม่เหมือนกัน มีทั้งผู้หญิงหวาน ๆ ผู้หญิงขี้เล่น หรือคนที่จริงจังด้านการเรียน
แล้วแคนแคนเป็นผู้หญิงแบบไหน
เป็น… ยากละเนี่ย เป็นคนที่รวมทุกอย่างอยู่ในคนเดียวกัน (หัวเราะ) มันแล้วแต่ บางครั้งเราก็หวานเหลือเกิน บางครั้งเราก็กวนพอสมควร
สายตาคนนอกจะเห็นว่า BNK48 จะต้องงานยุ่ง ต้องซ้อมเยอะ และถูกตัดขาดออกจากสังคม จริง ๆ แล้วเป็นยังไง
ก็เกือบเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เราต้องตัดโซเชียลมีเดียอะไรออกไป แต่ว่าเราก็ยังเจอเพื่อนที่มหาลัย ทุกคนมีโลกข้างนอก แต่ว่าหลายคนในวงพอเข้ามาอยู่ด้วยกันก็สนิทกันเอง อยู่ด้วยกันทุกวันก็ทำให้รักกันดี ทุกคนก็จะเอาเรื่องข้างนอกมาแลกเปลี่ยนกัน มามีคอมมิวนิตี้เล็ก ๆ ในนี้แทน
การเป็น BNK48 แตกต่างจากที่คิดไว้ก่อนเข้าไปเยอะไหม
เยอะนะคะ เหมือนกับเราไม่คิดว่าโลกภายนอกจะหายไปเยอะขนาดนั้น ช่วงแรก ๆ ที่เก็บตัวซ้อมแล้วบอกใครไม่ได้ว่าอยู่วงนี้มันทำให้เรามีความลับ หรือการที่เพื่อนมาขอถ่ายรูปแล้วต้องปฎิเสธเขา ต้องมีการวางตัวที่มากขึ้น แต่ช่วงหลัง ๆ เริ่มคงที่ละ เหมือนปรับตัวได้ เริ่มรู้แล้วว่าจุดตรงกลางคืออะไร ไม่โดนกฎรัดมากเกินไป และไม่ได้ทำลายภาพลักษณ์ของเราด้วย
การเป็นไอดอลสวนทางกับการเป็นตัวของตัวเองไหม
ช่วงแรกสวนทางมาก เกือบถึงขั้นที่จะเปลี่ยนตัวเองไปเป็นเหมือนไอดอลคนอื่น ๆ พอเราเห็นแฟนคลับของเพื่อนเยอะกว่า เราก็อยากมีแฟนคลับบ้าง ก็เริ่มสับสนในตัวเองว่าเราต้องทำอย่างนั้นมั้ย ทำอย่างนี้มั้ย จนกระทั่งเราได้อยู่กับตัวเอง มันทำให้เรามองย้อนกลับมาว่า เป็นเรามันง่ายกว่า ก็เคยคุยกับพี่จ๊อบ (ชิไฮนิ
อย่างนี้เราเป็นตัวแสบเลยสิ
ก็นิดนึง (ยิ้ม) ไม่ได้แสบแบบไปทำร้ายอะไรใครนะ แต่แสบแบบใครมาว่าเราไม่ได้ ก็แคนอะ (หัวเราะ)
แคนแคนคิดว่า ‘ไอดอล’ คืออะไร
แบบอย่างของผู้หญิงที่หลายคนอยากเป็น ไอดอลในประเทศไทยตอนแรกคือคนที่เรียนเก่ง เรียนดี เยาวชนอยากทำตาม แต่ไอดอลในตระกูล 48 เนี่ย มันจะเป็นเหมือนกับสายงานทุกอย่าง คุณไม่ได้แค่มาร้องมาเต้น แต่คุณจะไปทำอะไรในวงการบันเทิงก็ได้ หรือเป็น imaginary friends ของแฟนคลับ เวลาเขาไม่มีใครเราก็อยากเป็นเพื่อนกับเขา มันมีคนที่บอกว่าเห็นเราแล้วหายเหนื่อย แค่เรายิ้มให้ก็มีค่าสำหรับเขาแล้ว แต่เราก็ต้องทำตัวเราให้ดีด้วย ให้คุ้มค่ากับการที่เขามีเราเป็นไอดอล
มีคนกระซิบว่าแคนแคนเป็นผู้นำทัพมวยรอง เรามีกลยุทธ์ยังไงในการชนะใจทุกคนได้
โอ้โห กลยุทธยังไงต้องไปถามลูกทัพด้วยนะคะ (หัวเราะ) จริง ๆ วันนั้นที่เขาประกาศเซมบัตสึ (การได้รับคัดเลือกเพื่อเป็นสมาชิกหลักนำร้องและเต้นในซิงเกิ้ลนั้น ๆ) โอเค ทุกคนเสียใจกับแคนมากเพราะแคนไม่ติดอะไรเลย เราก็ไม่อยากให้แฟนคลับรู้สึกแย่ตามแคนไปด้วย เราต้องการให้เขารู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็นเซม ฯ รอบนี้ เป็นรอบไหนก็ได้ จริง ๆ คนไทยก็ชอบเชียร์มวยรองอยู่แล้วนะ (ยิ้ม) หนูก็คิดว่าทีมมวยรองเนี่ยมีประสิทธิภาพกันมาก กลุ่มนี้อาจจะไม่ได้เป๊ะแบบไอดอล แต่ทุกคนมีของอยู่แล้วเลยมาอยู่ตรงนี้ได้ มันก็เป็นความพึงพอใจอย่างหนึ่ง เราก็เคยบอกน้อง ๆ นะว่าทำยังงั้นสิทำยังงี้สิ แต่ทำหรือไม่ทำก็แล้วแต่น้องดีกว่า
แล้วแคนแคนเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้บ้าง
อย่างที่บอกว่าเราได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น การเป็นเซม ฯ มันต้องอยู่ในเครื่องแบบ คาแร็กเตอร์ก็จะมาละ ต่อให้บอกว่าคาแร็กเตอร์เราเป็นแบบไหน แต่พอใส่เครื่องแบบแล้วมันก็จะฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งออกมาเองเลย แล้วมันก็ค่อนข้างที่จะกดดันกับการเป็นเซม ฯ เราต้องแวดล้อมไปด้วยคนที่ใส่ชุดคล้าย ๆ เรา เต้นพร้อมกับเรา การเป็นตัวเองคงค่อนข้างยาก ไม่ได้บอกว่าการเป็นเซม ฯ ไม่ดีนะ แต่มันทำให้เรามองย้อนกลับไปว่าเราเปลี่ยนไปมากแค่ไหน วันนึงเราเป็นเซม ฯ แล้วจะได้เอาความเป็นตัวเองผสมเข้าไปได้ในอนาคต
ถ้าต้องจำกัดความวง BNK48 ด้วยเพลงหนึ่งเพลง จะเป็นเพลงอะไร
ใจสู้รึเปล่า~ ไหวมั้ยบอกมา~ (ร้องเพลง) จำได้แต่เนื้อเพลงแต่จำชื่อเพลงไม่ได้ (หัวเราะ)
แล้วความใฝ่ฝันจริง ๆ อยากเป็นอะไร
มันมีหลายสายงานมากเพราะเราชอบอะไรหลากหลาย อันดับแรกคือสืบทอดงานที่บ้านเพราะเป็นลูกคนเดียว อันดับที่สองคือเป็นแอร์โฮสเตสหรืออะไรก็ได้ที่ได้เดินทาง อันดับที่สามก็อยากเล่นภาพยนตร์ หนังสั้น หรือโฆษณา เบื้องหลังก็ชอบนะ อยากฝึกทางด้านนั้น เพราะจะได้อยู่ในกองถ่าย อยากเข้าสังคมแบบนั้นด้วย
แล้วทำไมถึงเลือกเรียนคณะวิทยาศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมล่ะ
เพราะที่บ้านเป็นบริษัทสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่รุ่นปู่จะอินเรื่องสิ่งแวดล้อม ทำงานกับองค์กรต่างประเทศ สมัยก่อนเขาเรียก ‘ยูซ็อม’ (องค์การบริหารวิเทศกิจแห่งสหรัฐ ฯ = United States Operations Mission = USOM) ปู่ต้องไปอเมริกาเพื่อดูระบบบำบัดน้ำเสีย เหมือนมันตกทอดมาเรื่อย ๆ รุ่นพ่อรุ่นแม่ก็ทำบริษัทสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการตรวจวัดมลภาวะต่าง ๆ เราก็ซึม ๆ มาก็เลยเรียนตรงนี้เพื่อทำต่อของที่บ้าน มันตรงกับสายงานที่บ้านเลย
ช่วงปีที่ผ่านมาก็ดร็อปเรียนไปด้วย คิดว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับตอนนี้ไหม
คุ้มนะ จะรีบจบไปเราก็ไม่ได้ประสบการณ์ การเป็น BNK48 ตรงนี้เหมือนเป็นประสบการณ์ที่เราสามารถเก็บเกี่ยวได้ ลองคิดดูเรียนให้จบสี่ปี แต่อีกห้าสิบปีต่อมาคือชีวิตการทำงานหมดเลยโดยที่เราไม่มีโอกาสเป็นไอดอลอีกเพราะอายุเยอะแล้ว การมาอยู่ตรงนี้เฉลี่ยกับการเรียนไปด้วยมันก็คุ้มค่า เราก็มีประสบการณ์ก่อนเพื่อน ๆ ในมหาลัย เป็นเด็กด้วยแต่ก็ทำงานไปด้วย คนก็มองว่าเป็นเด็กนี่ ไม่เป็นไรหรอก (หัวเราะ) ใช้ให้คุ้ม อายุเท่านี้เอง
ตอนเป็นเด็กหญิงนายิกานี่เป็นเด็กดื้อไหม
แล้วแต่เรื่องค่ะ เป็นคนที่อยู่ข้างนอกเรียบร้อย แต่พออยู่ที่บ้านเนี่ย (บีบเสียง) มาม้าหนูอยากได้อันโน้น อยากได้อันนี้ ทำไมไม่ได้อะ (หัวเราะ) ก็เป็นเด็กทั่วไปที่จะงอแงใส่พ่อแม่ด้วย ดื้อแต่ก็รักและสนิทกับพ่อแม่พอสมควร
แล้วมีความคิดอยากเป็นนายกหญิงคนที่สองของไทยไหม
เคยตอนเด็ก ๆ เพราะชื่อเนี่ยแหละ (หัวเราะ) ภูมิใจกับชื่อนี้มากตอนประถม พูดกับเพื่อนว่า นายกเลยน้า ตอนนั้นยังไม่มีนายกหญิง ปรากฎว่าตอนที่นายกหญิงคนแรกขึ้นรับตำแหน่ง หนูนอนอยู่โรงพยาบาลพอดีเพราะไข้หวัด เลยเป็นฟีลแบบ นี่อุตส่าห์หลีกทางให้นายกคนนี้เลยนะ (หัวเราะ)
ถ้าได้เป็นนายกหญิงได้หนึ่งวันจะทำอะไรบ้าง
หนูว่าคนรวยจะอยู่ในกรุงเทพ ฯ เยอะ คนต่างจังหวัดยังมีคนที่ขาดแคลนเยอะ แล้วเขาไม่ค่อยมีโอกาสเวลาจะไปหาหมออะไรเงี้ย อันไหนที่มีโครงการช่วยคนยากไร้หนูจะอนุมัติไปให้หมดเลย (หัวเราะ) ปั๊ม ๆๆๆๆ แบบ ปั้ง! (ทำท่าปั๊ม) ไปเลย เอาเลย ไม่คิดเลย
ปรึกษาฝ่ายค้านก่อนไหม
ช่างเขา (หัวเราะ) หนูมีเวลาวันเดียวที่จะได้ปั๊มก็ขอหนูปั๊ม เดี๋ยวค่อยว่ากัน (หัวเราะ)
จุดเริ่มต้นของการฟังเพลงนอกกระแส
เรามีเพื่อนเป็นนักดนตรีเยอะมาก ทุกคนรอบตัวจะเล่นเครื่องดนตรีได้อย่างน้อยหนึ่งชิ้น บางคนทำเพลงเอง มีวงดนตรี เวลาเราเจอเพื่อนใหม่ ๆ ก็จะได้เพื่อนแบบนี้เยอะ เราก็จะได้ฟังเพลงใหม่ ๆ จากทุกคน ยิ่งทุกคนชอบเพลงไม่เหมือนกันด้วย เราก็ยังอินทุกครั้งที่มีคนแนะนำเพลงให้เราฟัง แล้วเราเชื่อว่าเพลงที่เขาแนะนำให้เราฟังมันต้องดี รสนิยมการฟังเพลงของเราก็ค่อย ๆ พัฒนาไปตามจำนวนเพื่อนที่เรามี แต่ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงอินดี้คือเพื่อนพาไปคอนเสิร์ตที่มันมีหลาย ๆ เวที แต่เพื่อนไม่ได้ฟังเหมือนเรานะ เราไปฟังของเราเองคนละเวทีกับเพื่อน ก็แบบ เฮ้ย! วงนี้เพลงอะไรอะ เลยค่อย ๆ เปิดโลกมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ม.ต้นค่ะ
ตอนนี้ชอบวงไหนเป็นพิเศษ
วงเดียวนี่มันยากมากเลยนะ (หัวเราะ) ถ้าตอนนี้คงเป็น Summer Dress ค่ะ รู้จักจากเพลง D-OK ก่อน แล้วเราไปซื้อแผ่นเขามาฟังบนรถ ฟังวนอยู่สามอาทิตย์เลย (หัวเราะ) ไม่เปลี่ยนแผ่นเลย ก็เลยชอบ ฟังแล้วมันติดหูมาก เป็นเพื่อนเดินทางที่ดีเพราะหนูชอบฟังเพลงตอนขับรถด้วย
มีวงต่างประเทศที่ไม่ใช่ญี่ปุ่น อเมริกา เกาหลี อังกฤษ อยากแนะนำไหม
เอาเป็นเพลงที่หนูได้ยินทุกเช้า ลงจากห้องนอนมาคุณพ่อจะเปิดเพลงนี้ตลอด ชื่อว่า เกี้ยวสาวปากซัน ของ ซไมพร เป็นเพลงลาวที่หลอนหูหนูพอสมควร มันเป็นเพลงที่อยู่ในชีวิตหนูเลยนะ ทุกเช้าได้ยิน ไปเที่ยวลาวยังได้ยิน พ่อจะร้องไปตลอดทาง เปิดตลอดทาง (หัวเราะ) เราก็โอเค
แล้วได้ไปคอนเสิร์ตบ้างไหม ประทับใจคอนเสิร์ตไหนที่สุดในชีวิต
Lamb of God ค่ะ คอนเสิร์ตวงเมทัลเขาจะมีมอชพิต ชนกันกระแทกกัน ใส่อารมณ์เวลาฟังเพลง แต่คนไทยที่อยู่ในคอนเสิร์ตเวลาเขามอชพิตกัน ถ้าเขารู้สึกว่าตัวเองชนแรงไป ทำมากเกินไป จะรีบขอโทษขอโพยกันเลย พอเขาเห็นเราเป็นผู้หญิงเขาก็จะคอยเซฟเราด้วยนิดนึง นักร้องเองก็ช่วยปรามด้วยถ้าเห็นว่ามันรุนแรงเกินไป คือหนูประทับใจคนดูอะ เป็นเสน่ห์แบบไทย วันนั้นมันเป็นรู้สึกแบบว้าว ไม่คิดว่าจะมีในวงมอชพิต
แล้วมีคอนเสิร์ตไหนที่เสียดายบ้างไหม
ไม่มีค่ะ (ยิ้ม) เพราะหนูเชื่อว่าในอนาคตหนูจะได้ไปคอนเสิร์ตที่หนูอยากดูอยู่
เห็นทำเพลงด้วย ช่วยเล่าเกี่ยวกับเพลง โชคดีมีชัย โชคชัยมีวัว ให้ฟังหน่อย
มันมีรุ่นพี่ มีเรา และเพื่อนเราสามคนที่นาน ๆ ทีจะเจอกัน พอมาเจอก็เลยถามสารทุกข์สุขดิบ รุ่นพี่เราก็เป็นนักร้อง เพื่อนเราก็เริ่มเข้าวงการดนตรีไป ส่วนเราก็อยู่วงไอดอล เราฟังเขาเล่ามาก็รู้สึกว่าเรามีแรงบันดาลใจคล้าย ๆ เขานะ เราก็เลยอยากลองทำเหมือนเขาทำดูบ้าง ช่วงนั้นเป็นช่วงที่แฟนคลับรักเรามาก มีเรื่องราวเกิดขึ้นต่าง ๆ มากมาย มันเลยเกิดเป็นแรงผลักดันให้ลองทำดู เริ่มจากการกดคอร์ดเล่น ๆ เบสิกคอร์ด แล้วเพลงก็มาเอง (หัวเราะ) คนที่ไม่ค่อยได้จับกีตาร์ขนาดนั้น คนอื่นอาจคิดว่ายังเด็ก ๆ แต่สำหรับเราก็ว้าวมาก เลยกลายเป็นเพลงนี้ มันเป็นความโชคดีที่เราได้มาอยู่ตรงนี้ มันเป็นความโชคดีที่มาเจอคนกลุ่มนี้ (ยิ้ม)
เคยร้องให้ใครฟังก่อนจะปล่อยให้แฟนคลับบ้าง
ก่อนจะปล่อยให้แฟนคลับฟังเราก็เอาไปร้องให้เพื่อนที่เป็นนักดนตรีฟัง เพื่อนก็บอกว่าเริ่มดีแล้วนะ (หัวเราะ) เพื่อนที่ไปเรียนเมืองนอกเราก็ส่งไปให้เขาฟังเลย (หัวเราะ) หรือรุ่นพี่ที่เราเห็นเขาแต่งเพลงเองได้เราก็อยากทำบ้าง ทุกคนก็บอกว่ามันดีนะ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้น แค่นักดนตรีสมัครเล่น แต่ก็ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นมาได้
จะได้ฟังเพลงเต็มเมื่อไหร่
โห ยากเลยค่ะ (หัวเราะ) จริง ๆ เราแต่งได้สองเพลง แต่อีกเพลงไม่ร้องให้ฟังต้องเก็บไว้ อีกเพลงหนึ่งมัน ฉันเธอเออใช่ เกินไปสำหรับเรา มันเหมือนเพลงรัก ๆ ใคร่ ๆ เยอะเกินไป เลยยังไม่ปล่อยดีกว่า
มาคุยเรื่องความรักหน่อย แคนแคนเชื่อในรักแท้ไหม
เชื่อนะ เชื่อว่ามันต้องมีคนที่เรารู้สึกว่าใช่
แล้วรักในอุดมคติเป็นยังไง
เป็นความรักที่เราอยากทำอะไรให้ ไม่ใช่เขาให้เราอย่างเดียว เป็นฝ่ายเราที่อยากให้เขา เป็นคนที่เราอยากทำอะไรซักอย่างเพื่อให้เขามีความสุข นั่นแหละคือความรัก (ยิ้ม)
สเป็กหนุ่มในฝันล่ะ
โหย ยากอะ แล้วแต่ดวงของเราละกันว่ามันจะเจอแบบไหน ถ้าถามว่าชอบแบบไหนคงเป็น ขาว ตี๋ เซอร์ (หัวเราะ) ไม่ใช่สกปรกนะ หน้ายังใส ๆ
คิดว่าตัวเองจะตกหลุมรักได้เหมือนนางเอกในหนังเรื่องไหน
ขอเป็นหนังที่คิดเอาเองได้มั้ยคะ เป็นไปตามชีวิตตัวเองจริง ๆ อนาคตเราจะไปเดินทางรอบโลก แล้วก็ได้ไปเจอคนนี้ที่ชอบก็เดินทางเหมือนเรา ชอบอะไรเหมือนกัน มีวิวสวย ๆ ตอนไปเที่ยว (หัวเราะ) อาจจะเจอกันรอบนึงแล้วยังไม่ได้รัก ก็ห่างกันไปก่อนแต่ความรู้สึกยังอยู่ (ยิ้ม) แล้วก็กลับมาเจอกันที่กรุงเทพ ฯ แบบเป็นเพื่อนของเพื่อนอะไรงี้ โลกกลมไปอีก
จะ happy ending ไหม
ไม่รู้สิ (หัวเราะ) บางครั้งคนเรารักกันก็ไม่ได้จบ happy ending นะ
ถ้าแคนแคนได้ทำหนังหรือเล่นหนัง คิดว่าจะเป็นหนังยังไง
หนูชอบหนังรักนะ แต่จะต้องเป็นซีนที่ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพ ฯ อาจจะเป็นเชียงใหม่หรือใต้ แต่หนังรักไม่ต้อง happy ending (หัวเราะ) เป็นหนังรักที่แฝงอะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้งครอบครัวหรือปัญหาสังคมด้วย เป็นหนังรักจะได้แมสด้วย
หนังเรื่องล่าสุดที่ได้ดู
Kingsman: The Golden Circle ค่ะ ปัญญาอ่อนดี (หัวเราะ) อันนี้ตรง ๆ แต่ว่าสนุกนะ มันเป็น James Bond รุ่นใหม่สายลับในสูทเท่ ๆ แล้วก็ชอบพระเอกเนอะ มีความขี้เล่นแต่เป็นสุภาพบุรุษ แล้วก็มีลุคที่เขาแต่งตัวเป็นเด็กอะ เป็นผู้ชายที่ดูน่าอยู่ด้วย
Star Wars หรือ Star Trek
Star Wars ค่ะ เพราะว่าดู Star Wars ก่อน Star Trek ทำให้ชอบ Star Wars ไปก่อน ไม่ใช่ว่า Star Trek ไม่สนุกนะ แต่เราอิน Star Wars ไปแล้ว (ยิ้ม)
มีผู้กำกับในดวงใจไหม
เป็นเอก รัตนเรือง ค่ะ หนูชอบ ‘ตลก 69’ ที่สุด หนูมารู้ทีหลังว่าเขาทำหนังเรื่องนี้เสียดสีช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ในหนังมันมีตำรวจเข้ามาเกี่ยว คนร้ายก็เข้ามาเกี่ยวในห้อง ๆ เดียว มันเจ๋งดีที่สรุปทุกอย่างได้ มีหลายมิติอยู่ข้างใน
อยากให้ Michael Bay มากำกับหนังไทยเรื่องไหนที่สุด
ต้องเป็นหนังอย่างเดียวหรอ เป็นซีรี่ส์ได้รึเปล่า ล่าสุดหนูเพิ่งดู Can The Series มา ประมาณสี่ตอน เป็นไซไฟของไทยเนี่ยแหละ คือเขาทำเก่งมากเลยนะ มันน่าจะเหมาะกับผู้กำกับอย่าง ไมเคิล เบย์ หนูคิดว่ามันสุดยอดในไทยดี ผสมกันจะได้อลังไปเลย
เป็นคนชอบเที่ยวแบบนี้ มีทริปไหนที่เปลี่ยนชีวิตเราไปเลยไหม
หนูเคยไปเที่ยวเชียงใหม่คนเดียว แล้วทริปนั้นเป็นการเดินทางคนเดียวครั้งแรก แต่ก่อนจะต้องมีเพื่อนหรือพ่อแม่ไปด้วย ทำให้เราโตขึ้น เราได้ลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างมากขึ้น เราได้เพื่อนใหม่จากการเดินทางคนเดียว กล้าตัดสินใจอะไรคนเดียว กล้าไว้ใจคนอื่นถึงจะรู้ว่ามันไม่ดีแต่ครั้งหนึ่งขอลองหน่อย แล้วก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีกลับมาด้วย ได้สัมผัสบรรยากาศของหมู่บ้านม้งจริง ๆ ได้อยู่บนรถที่เขาไม่พูดภาษาไทยเลย แม้กระทั่งตอนไปเที่ยวห้วยที่เป็นน้ำตกเล็ก ๆ ก็ไม่มีคนไทยเลย เป็นการเปิดโลกของหนูที่ได้รู้ว่าเมืองไทยยังมีจุดที่น่าสนใจอีกเยอะเลย เพื่อนใหม่ที่เรารู้จักในทริปนี้ก็เป็นชาวม้งที่ลงมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เขาเลยเป็นล่ามให้เรา เขาก็พาไปรู้จักม้งคนอื่น ๆ โดยที่สื่อสารกันคนละภาษานะ แต่เวลาคุณป้า คุณยายจะให้แตงโมเขาก็ยื่นให้เลย เราขอบคุณค่ะ เขาก็อาจจะฟังไม่ออก ก็คุยภาษามือกัน หันมายิ้มให้ เห็นคนแก่ ๆ ลงเล่นห้วยสนุกมากเลย เราก็ไปนอนเล่นกับเขา แช่น้ำกับเขา (ยิ้ม) หนูตกใจมากเพราะถ้าเป็นคุณป้าหรือคุณยายหนูเขาจะเล่นอะไรแบบนี้ไม่ไหวแล้ว เป็นโชคของหนูด้วยที่ได้เจอ ถ้าเราไม่ออกไปเที่ยวก็ไม่ได้เห็นคุณยายว่ายน้ำ (หัวเราะ) แล้วประทับใจอีกเรื่องคือตอนนั้นได้ไปเดินป่ากับครอบครัวของเพื่อนม้งเนี่ยแหละ แล้วรองเท้าแตะของเราขาด เราเป็นเด็กเมืองเราก็ไม่กล้าเดินเท้าเปล่าก็เดินคีบไปแบบลำบาก ๆ เพื่อนเราที่เป็นคนม้งก็ถอดรองเท้าของตัวเองมาให้เราใส่ แล้วก็เดินเท้าเปล่ายาวเป็นกิโลเลย เขาก็บอกว่าเดินเท้าเปล่าชินแล้ว ไม่เป็นไร เราก็รู้สึก เฮ้ย เขาก็ไม่ยอมใส่รองเท้าตัวเองเลยนะ ให้เราใส่เดินจนจบ มันคือความประทับใจจริง ๆ ไม่คิดว่าจะได้รับน้ำใจแบบนี้ แล้วไปกับครอบครัวนี้นะ หนูเดินรั้งท้ายตลอดเลย คุณป้าคุณยายเดินปรู๊ดดดดไปไกลมากเลย (หัวเราะ)
แล้วถ้าวาร์ปไปได้ตอนนี้เลย อยากไปที่ไหนในโลก
อเมริกาค่ะ (ยิ้ม) เพราะอยากไปเล่นสวนสนุก เก็บให้หมดเลย มันมีเยอะมากแล้วก็มีสวนสนุก Star Wars ด้วย อยากลองซักครั้งในชีวิต
แล้วถ้าต้องไปอยู่ล่ะ
หนูก็อยากไปอยู่อเมริกานะ มันมีหลายรัฐมาก มันเลยมีหลายวัฒนธรรมในอเมริกาสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ มันมีหมดเลย ไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่ง หนูอยากลองไปขับรถ road trip ด้วย เหมือนในหนัง จริง ๆ ครอบครัวหนูก็ road trip บ่อย ตอนหนูยังเด็กเดินทางบ่อยมาก ขึ้นเหนือลงใต้ อยู่บนรถตู้ประจำตระกูล (หัวเราะ)
คิดว่าอีก 5 ปีข้างหน้า แคนแคนกำลังทำอะไรอยู่
เรียนจบ ทำงานกับที่บ้าน แล้วสอบแอร์ รึเปล่าไม่รู้นะ การเป็นแอร์นี่ยังเป็นอนาคตที่ไม่ชัวร์ อยากเป็นฟรีแลนซ์ในวงการบันเทิงไปด้วย อาจเป็นนายกหญิงคนที่สองด้วย (หัวเราะ)
ฝากผลงานหน่อย
ฝากติดตาม instagram ของแคน หรือ facebook ก็ได้ และฝากติดตามผลงานของวง BNK48 กับเรื่องราวของเราทั้ง 29 คนรวมถึงแคนด้วยผ่านทาง fanpage หลักนะคะ (ยิ้ม)