5 เพลงโปรดของหนุ่มกวน เบสท์ ณัฐสิทธิ์
- Writer: Gandit Panthong
- Photographer: Chavit Mayot
BEST’S PLAYLIST
Gym and Swim – Sunrise
ไปดูเล่นสดแล้วชอบ เลยตามมาฟัง (หัวเราะ) ฟังแล้วเชี่ย วงเหี้ยไรเนี่ย เล่นโคตรดีเลย ซาวด์นี่ฟังแล้วรู้เลยมึงโดน Hyuk Oh กั๊กไว้ ถ้าไม่โดนกั๊กนี่คงดีมาก ๆ
Parekh & Singh – Ghost
ผมฟังดนตรีก่อนแล้วตื่นเต้นมากที่ถ้าฟังอย่างเดียวจะไม่คิดว่าเป็นคนอินเดีย ถ้าพูดถึงศิลปินอินเดียผมจะคิดว่าเป็นภารตะวิ่งหลบหลังต้นไม้ตลอดเลย แล้วอันนี้ดีมากถึงแม้จะไม่รู้ความหมาย แถมชอบที่เพลงนี้มันสามารถอยู่กับเราตอนขับรถได้ตลอด mv ก็สวย น่ารักดี
Hyuk Oh – Ohio
ตอนคอนเสิร์ตไม่เล่นเพลงนี้! มันบอกจะเล่นปีหน้าใช่ไหม เลยออกมากินเบียร์เลย หายไปสี่ห้าเพลง (หัวเราะ) ผมว่าความเท่ของเขาคือดนตรีมันเกือบจะเป็นหมอลำละ เพลงเร็วอะ แต่เมโลดี้มันสวย แล้วก็ชอบเสียงร้องเขา ฟังแล้วมีสเน่ห์จังเลย อยากร้องได้แบบนั้น อยากมีเสียงที่เท่แบบนั้นบ้าง
Prep – Who’s Got You Singing Again
ผมพลาดมาก ติดงาน มีแต่คนด่าที่ผมไม่ได้ไปดู ผมว่ามันเป็นเพลงที่ฟังแล้วไม่เบื่อ ก็อย่างที่บอก เพลงไหนที่ฟังตอนอยู่บนรถหรือกินเบียร์ได้บ่อย ๆ แสดงว่าเพลงนั้นมันถูกจริตผมมาก
Portrait – เจ็บจนไม่เข้าใจ
เพลงใหม่เขาผมชอบมาก แต่ผมร้องเองไม่ไหว เสียงแหล๊มแหลม เวลาร้องต้องไปลดคีย์ ผมชอบที่สุดเลยท่อนที่ร้องว่า ‘อ่อนหัดกับความซับซ้อนของคน’ รู้สึกว่า เออ พี่ปอยคิดได้ไงวะ นี่คือ Portrait ที่ผมเคยฟังแต่เป็นพาร์ตดนตรีที่โตขึ้น แล้วก็เป็นเพลงที่เซอร์ไพรส์มากที่รู้สักทีว่าพี่ปอยร้องไม่ใช่พี่ก้อ Groove Riders (หัวเราะ) ผมเป็นคนฟังเพลงแต่ไม่ค่อยจำว่าใครร้อง
TALK TALK TALK
อยู่ดี ๆ ทำไมถึงมาเป็นนักร้อง
ผมก็จำความไม่ค่อยได้ เหมือน อิ๊งค์ วรันธร โทรมาบอกว่า พี่พลสนใจอยากเรียกมาคุย ตอนแรกผมก็งงว่า พลไหนวะ (หัวเราะ) อิ๊งค์บอก พล วง Clash ไง ก็ยังงงอยู่ ตอนแรกจำชื่อหรือรายละเอียดอะไรไม่ได้ จนนึกออกว่า อ๋อ มือกีตาร์ ตอนนั้นก็อยากทำประมาณนึง แต่เหมือนไม่มีเวลา เขาก็คิดว่าผมไม่ทำแล้วมั้ง ก็เลยถามอิ๊งค์ไปอีกทีว่า เฮ้ย เขายังสนใจอยู่รึเปล่าวะ พออิ๊งค์บอกโอเค ยังสนใจ ก็เลยมาคุยกันที่นี่ (Boxx Music) แล้วพี่พลก็มาถาม เฮ้ย มึงเป็นคนยังไง ชอบทำเพลง ฟังเพลงแบบไหน เล่นดนตรีตั้งแต่ตอนไหน เหมือนซักไซ้ความเป็นมา แล้วก็เริ่มลงมือทำตั้งแต่ตอนนั้น
เบสท์อยากเป็นนักดนตรีมาตั้งแต่เด็กแล้ว หรือว่าเป็นงานอดิเรกที่หยิบกีตาร์มาเล่นเฉย ๆ
ตอนเด็ก ๆ ชอบร้องเพลงมาก ๆ คือรู้สึกว่าอยากเป็นนักร้อง แต่เล่นกีตาร์ไม่เป็น แล้วตอน ม.2 เพื่อนมีวงนั่นนี่ เราก็ไม่กล้าเสนอหน้าไปขอเข้าวงด้วย มันดูกระแดะไป ก็รอ ๆๆ จนมีคนมาชวนเข้าวงตอน ม.5 ผมก็เพิ่งฝึกกีตาร์ตอนนั้น เพราะรู้สึกว่าพอร้องเพลงอย่างเดียวแล้วรู้สึกเขิน ๆ
จุดมุ่งหมายของคนเล่นดนตรีสมัยเด็ก ๆ ส่วนใหญ่เล่นเพื่อจีบหญิง เบสท์เล่นเพื่ออะไร
ตอนแรกอยากร้องเพลงก่อน พอฝึกกีตาร์ไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกว่าเป็นอาวุธที่ดีอีกอันนึงที่จะใช้คุยกับผู้หญิง ผมว่าทุกคนน่าจะคิดแบบนั้นเป็นเป้าหมายหลักของการเล่น เราต้องมีเป้าหมายเดะ เราคงไม่เห็นฝันของตัวเองชัดเจนตอน ม.5 หรอก
วงตอน ม.5 ชื่ออะไร
Ribbon Band (หัวเราะ) อย่าหัวเราะใส่นะ ที่มาของชื่อมันประหลาดมาก มันเริ่มจากเพื่อนที่ชวนมันมีนักร้องอยู่แล้ว แล้วพอมันเตะนักร้องคนนั้นทิ้งไปก็บอก งั้นเปลี่ยนชื่อวงละกัน ชื่ออะไรดี ต่างคนต่างกลับไปคิด แล้วตอนนั้นเล่น Hi5 มีผู้หญิงคนนึงน่ารักมาก ชื่อ Hi5 เขาชื่อ Ribbon เราเลยหยิบมาตั้งชื่อวง ตอนบอกเพื่อนว่า ชื่อริบบ้อนก็เท่ดีนะ ไซโค ๆ นิดนึง แต่ไม่บอกเพื่อนว่ามาจากชื่อผู้หญิง เพื่อนก็โอเค Ribbon Band ละกัน เราก็ อะ ๆ แล้วแต่พวกมึง
ตอนขึ้นเวทีตอนเด็ก ๆ รู้สึกยังไง
ตอนซ้อมอะสนุก ความฝันคืออยากมีแบ็คอัพที่โคตรดีแล้วเล่นให้เราร้อง แต่วันนั้นแบ็คอัพไม่ดี เพื่อนก็เล่นเหี้ยนะ (หัวเราะ) แต่พอมันมีคนมาเล่นกีตาร์ให้เราร้องแล้วรู้สึกสนุกดี มีความสุข จนขึ้นเวทีครั้งแรก ตื่นเต้นฮะ ประหลาดมาก เป็นสกิลที่ออกมาแล้วดูงง ๆ กับชีวิต เหมือนเราไฟแรงจัด อยากจะขึ้น ๆ จนมันลดลงเพราะมีความเขินอยู่ เวทีแรกขึ้นในโรงเรียน จนประกวดเรื่อย ๆ และเริ่มเป็นตัวแทนโรงเรียนออกไปเล่นที่โรงเรียนอื่น
คนไม่รู้ว่าเล่นดนตรีและร้องเพลงได้เพราะเป็นนักแสดงมาก่อน
ตั้งแต่ตอนเริ่มทำงานแรก ๆ ช่วง ม.5 แล้วก็ทำมาเรื่อย ๆ จนถึงปี 4 ยังไม่มีคนรู้เลยมั้งว่าผมร้องเพลงได้ ถ้ารู้ก็คือเพื่อน ๆ เนี่ยแหละ แต่สมมติไปเล่นหนังเรื่อง ตั้งวง เงี้ย คนเห็นก็จะคิดว่าเบสท์คือเบสท์ ไม่รู้ว่าทำอะไรเป็นอีก
แล้วอะไรทำให้เริ่มหยิบกีตาร์มาไลฟ์
ตอนนั้นมันเริ่มจากมันมีไลฟ์เฟสบุ๊กแรก ๆ เลย ก็ไลฟ์เรื่อยเปื่อย ปกติผมชอบเล่นกีตาร์คนเดียวที่บ้านอยู่แล้ว ก็เลยลองเล่นไลฟ์นั่งคุยกับเพื่อน 5-6 คน คนที่เข้ามาดูก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นั่งกินเบียร์อยู่กับเพื่อนที่ระเบียงแล้วนั่งร้องเพลงกันก็ไลฟ์ บางวันเมาก็มี (หัวเราะ) แต่ลบทิ้งไปหมดละ
จนมี mv เพลง อ้าว ของ อะตอม ชนกันต์ มีหนังสั้น Talk Talk หรือเซ็ตที่ถ่ายแฟชันอันนึงที่เพื่อนทำ มันออกมาพร้อม ๆ กันหมดเลย แล้ววันนั้นผมก็ไลฟ์ปกติ ก็งงมากที่วันนึงไลฟ์มีคนเข้ามาดูเยอะเป็นพัน สองพันคน จนไปแตะถึงหมื่นสองหมื่นสาม ช็อกว่า เหี้ยไรวะเนี่ย จนคนนึกว่าเราไลฟ์เพื่อกระแสหรือเปล่า ก็ไม่อยากจะอ้างว่ากูไลฟ์เล่น ๆ มาก่อนหน้าที่มึงจะเห็นกูอีก (หัวเราะ) ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอะไรเป็นพิเศษ แค่ทีแรกเหงาแล้วก็เล่นอยู่บ้านคุยกับเพื่อน แต่มันก็ทำให้ตอนนั้นคนเริ่มเห็นว่าเราทำอะไรได้บ้างแบบ เชี่ยนี่ร้องเพลงเป็นนี่หว่า หรือผู้กำกับที่เรารู้จัก คนที่รู้จักแต่ไม่ได้สนิทมากก็ตกใจว่าเอ้า ร้องเพลง เล่นกีตาร์ได้ด้วย
เลยทำให้ อิ๊งค์ วรันธร มาเห็น
น่าจะใช่ คืออิ๊งค์กับผมรู้จักกันมาก่อนหน้านั้น เพราะพี่คงเดช จาตุรันต์รัศมี ทำหนังเรื่อง Snap ที่อิ๊งค์เล่น แล้วผมก็ไปดูเพราะชอบหนังเขาอยู่แล้ว พี่พลเองก็คงถามมั้งว่ารู้จักเบสท์ไหม อิ๊งค์ก็เลยมาคุย
ก่อนหน้านี้ฝันว่าจะมีค่ายเพลงไหม
ผมยังฝันเหมือนเดิมว่าอยากมีแบ็คอัพที่ดีมาก ๆ แล้วเราร้องเพลงจริงจัง เล่นแล้วไม่สะดุด อยากมีเพลงของตัวเองที่ออกไปแล้วคนอื่นร้องตามได้ ทุกคนสนุกไปกับเพลง
เพลงแรกในชีวิตเป็นยังไงบ้าง
เหมือนเป็นการค้นหาตัวเองหลังจากร้องเพลงคนอื่นมาตลอด ถ้าวันนึงต้องมาทำเพลงของตัวเองมันจะเป็นแบบไหน ค้น ๆๆ จนมารู้สึกว่า ลองเล่าเรื่องความรักซึ่งเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวที่สุด อินที่สุดไหม ก็เลยเล่าเรื่องแฟน มันก็กลายเป็นเพลงที่หวานเพลงนี้ เริ่มตั้งแต่ เราอยากเล่าเรื่องอะไรก็เขียนให้พี่ยักษ์ พี่พล พี่ปอย ดู เขาก็แต่งกลับมา อันนี้ทีแรกมันถูกทำเป็นเพลงเร็วมาก่อน แล้วพี่พลก็บอกว่า เชี่ยมันแปลก ๆ ว่ะ ผมเลยลองเล่นแบบจังหวะกลาง ๆ พี่เขาก็แบบ เออว่ะ ไอ้เหี้ยยยย ดีว่ะ ก็เริ่มเกลาเนื้อเพลงออกมา พี่ยักษ์ก็เริ่มเขียน วันที่เขียนผมก็อยู่ด้วย พี่ยักษ์ก็คอยถามว่าแบบนี้มึงชอบไหม อยากเล่าแบบไหน ก็ถาม ๆๆ สุดท้ายก็ได้เนื้อร้อง ได้เมโลดี้ ดนตรีก็ลองทำเรื่อย ๆ ว่ามันจะเป็นยังไงบ้างให้มันใกล้เคียงกับเบสท์มากที่สุด คือผมก็บอกพี่พลว่าไม่อยากทำดนตรีที่มันเว่อร์เกินไปสำหรับตัวเอง อยากจะทำเพลงที่เวลาเราไปเล่นสดแล้วเราเล่นได้จริง ๆ ก็ได้มาประมาณนี้ แล้วเริ่มฟังว่ามันต้องมีอะไรเพิ่มวะ ไวโอลินไหมพี่ ไรงี้
ใช้เวลาทำนานไหม
ทั้งโปรเจกต์น่าจะสองเดือน แต่เรื่องเพลงนี่ไม่ได้นับเลย คือถูกเขาบีบมาเรื่อย ๆ เร็วดิ ๆๆๆ น่าจะเดือนนึงมั้ง
ตอนเสร็จแล้วรู้สึกยังไง
ผมฟังแล้วก็รู้สึกว่า ก็เพราะดี (หัวเราะ) มันก็หวานดีนะ แต่เขินที่จะร้องเหมือนกัน ทีแรกมีคำที่เลี่ยนกว่านี้อีกแต่ก็ปรับมาเรื่อย ๆ เหมือนพยายามหาตัวเอง เพลงนี้มันก็เหมือนเป็นทางผ่านไปด่านต่อไป คือรู้ตัวว่าเพลงนี้ตอนถูกปล่อยออกมาจะมีกลุ่มคนฟังที่บอกว่าเพราะ แต่คงไม่ตู้ม ล้านวิว แต่ก็ไม่ได้มองถึงตรงนั้นขนาดนั้น แค่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักก่อนก็พอแล้ว
แล้วทำไม mv ถึงออกมาเป็นแบบนั้น
ระหว่างที่ผมทำเพลง ผมคิดถึง mv ตลอดว่ามันจะออกมาเป็นยังไง ด้วยตัวเองเรียนภาพยนตร์มาก็อยากให้ภาพออกมาเหมือนที่เราคิดประมาณนึง ก็คุยกับผู้กำกับ พี่เสือที่ทำหนัง ‘2538 อัลเทอร์มาจีบ’ ว่ามันคือชีวิตผมเลยแหละ เห็นคู่รักที่อยู่ด้วยกันบ่อย แล้วมันจะมีโมเมนต์หวาน ๆ ที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่การซื้อดอกไม้ให้กัน จับมือ แล้วจูบมือ มันเกิดจากความจริงที่เขาได้อยู่ด้วยกันจริง ๆ อย่างเช่น ซักกางเกงใน ผมอยากให้เป็นยังไงก็ได้ให้ realistic ที่สุด ก็คุยได้คอนเซปต์ประมาณนี้แหละ เขาก็ลองไปคิดต่อยอดเพิ่ม ถ้าย้อนกลับไป ตอนที่มันออกมาเป็นเพลงเร็วอะ ผมอยากทำอันนั้นเป็นผี แล้วพอพี่เสือบอกว่ามันจะมีผี ผมแบบ เชี่ย มันมีความเป๊ะว่ะ ก็เลยเอา แล้วมันก็มี twist ที่ชอบในตอนนั้น เลยปล่อยให้เป็น direction ของพี่เสือแบบเต็มที่ มันก็ออกมาน่ารักดี
แล้วเพลงต่อ ๆ ไปจะเป็นยังไง
มันคงเป็นการเดินทางของความรักมากกว่า อย่างตอนนี้รักโลกสวย อนาคตอาจจะเห็นอะไรมากขึ้นในการที่อยู่กับแฟนหรือเปล่า แต่ก็คงจะหยิบเรื่องใกล้ตัวออกมาคุยเหมือนเดิมแหละ ก็มีคุย ๆ กับพี่ยักษ์ไว้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง แต่เขายังไม่เคาะ
เล่นสดครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง
ไม่เคยไป Play Yard โคตรมันเลย ทีแรกคิดว่าจะมีพื้นที่ประมาณนึง พอไปถึงแบบ เออ อบอุ่นดีว่ะ ผมก็ตื่นเต้นประมาณนึง คือผมไม่ได้เข้าห้องซ้อมมาตั้งแต่เข้ามหาลัยแล้ว อันนี้มันคือการเข้าห้องซ้อมจริงจังเราก็จะประหม่า ตื่นเต้น ทำตัวไม่ถูก จนถึงวันเล่นก็มีความเกร็ง ๆ อยู่ แต่พอเห็นคนดูก็ต้องคิดว่ามันจะสนุกแน่ ๆ เลย เพราะตอนซ้อมก็สนุกแล้ว ได้เจอพี่แบ็คอัพ นักดนตรีที่เล่นดี พอร้องจบมันมีความรู้สึกว่าอยากร้องอีก มันมีความไม่พออะ ขออีกหน่อยได้ไหม สักเพลงสองเพลงก็ยังดี มันคิดถึงตอนเด็ก ๆ ที่เราอยากทำให้มันเป็นความจริงจากที่ฝัน แล้วพอวันนั้นได้ทำมันเหมือนกลับไปอยู่ตรงนั้นอีกที เราอยากทำไปเรื่อย ๆ เราสนุกกับการทำตรงนั้นมาก
ยังรับงานแสดงอยู่ไหม
ก็ยังรับอยู่ครับ ยังไม่อยากทิ้งไปเลย นักแสดงมันคือจุดเริ่มต้นที่เราเข้ามาทำงาน มันเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้จักคนมาเรื่อย ๆ แล้วผมก็ยังสนุกกับการทำตรงนั้นอยู่ ผมว่าการแสดงมันทำให้เราออกไปเจออะไรมากขึ้น แล้วการเจอตรงนั้นมันทำให้เราเอาสิ่งที่เจอมาทำเพลงได้ ทำควบคู่กันได้ ยิ่งตอนนี้มาทำเพลงมันเหมือนเราได้นับใหม่ แล้วมันทำให้อยากนับต่อไปเรื่อย ๆ แล้วรู้สึกว่ามันคือตัวเรามากจริง ๆ เพราะทำแล้วมีความสุข
คอนเสิร์ตที่อยากเล่นที่สุดในชีวิต
ผมอยากมีคอนเสิร์ตเล็ก ๆ วันนั้นไปดู Hyuk Oh รอบวันอาทิตย์คนน้อยกว่าวันเสาร์ แต่รู้สึกว่ามันดีมาก สนุกดี แสงดี วงก็ดี แล้วมันดูอบอุ่นมากเหมือนทุกคนไปเพื่อดูเขาจริง ๆ แล้วรู้สึกว่าด้วยจำนวนแค่นั้น นักดนตรีจะเข้าถึง
พอมาร่วมงานกับพล ยักษ์ วง Clash แล้วเป็นยังไงบ้าง
สนุกดีครับ ผมลืมไปเลยว่าเขาคือวง Clash (หัวเราะ) เขามีความเป็นโปรดิวเซอร์ เหมือนเป็นครูมากกว่า เขาแยกออกในบทบาทตรงนั้น พอรู้จักแล้วแอบกลับไปส่องตอนเขาหัวเกรียน ตอนใส่ชุดนักเรียน พี่ยักษ์เงี้ยตีกลองมัน ๆ อะไรของแกไม่รู้ ก็คิดว่าพี่เขาเดินทางมาไกลน่าจะเชื่อเขาได้ ไว้ใจเขาได้ในการทำเพลง แต่ผมไม่เคยเล่นเต็มแบนด์ด้วยเพลงวง Clash ตอนเด็กนะ ถ้าคัฟเวอร์อะคูสติกนี่ประจำตอน ม.3 เพลง ไฟรัก โวยวายเลย
แล้วมีวงอื่นที่เป็นไอดอลในการทำเพลงไหม หรือตอนนี้อินกับอะไรอยู่
ช่วงก่อนถ้าเป็นแรกเริ่มที่เล่นดนตรีเลยผมฟัง The Beatles แต่ตอนเด็ก ๆ ก็เล่น Tattoo Colour เยอะ อีกอย่างคือผมชอบเพลงของ Portrait มาก ๆ เว่ย แต่ผมไม่เคยบอกพี่ปอยมาก่อนเลย ตอนนั้นผมนึกว่าเป็นพี่มือเบสวง Groove Riders (ก้อ ณฐพล) ร้องมาตลอด (หัวเราะ) จนแบบ อ้าว พี่ปอยนี่หว่า แล้วก็ฟังค่าย Bakery เยอะมาก ไปงานเปิดตัว LOVEiS ตอน ม.1 ติ่งมาก เริ่มหาอะไรฟังเยอะขึ้น Parekh & Singh เนี่ย วงอินเดีย เพิ่งฟัง แล้วก็ Real Estate กับ Hyuk Oh แต่ไม่ค่อยอินอัลบั้มใหม่ Wan Li อะ แล้วก็ฟัง Prep บ้าง Tahiti 80 ก็ฟัง
วงใน Boxx Music ชอบใครบ้าง
ชอบเพลง ยังคิดถึง ของมาร์ค ธัชพล นะ พี่แม็กซ์ เจนมานะ อยากให้อยู่ตรงนี้ ก็ชอบ เพลงกันต์ ชุณหวัตร ขอพร ก็ชอบ เอาจริงที่ผมเริ่มรู้จัก Boxx เพราะเพลงอิ๊งค์ วรันธร แหละ เหงา เหงา เป็นเพลงที่ผมโคตรชอบเลย
พูดถึงอิ๊งค์หน่อย
น่ารักครับ อิ๊งค์เก่งฮะ เป็นคนที่มีความตั้งใจมากจนรู้สึกว่าเราเป็นคนขี้เกียจไปเลย แต่ไม่ค่อยได้คุยมากเพราะไม่ได้สนิทขนาดนั้น แต่ถ้าสนิทที่สุดก็น่าจะเป็นไอ้กันต์ ชุณหวัตร
วันนึงได้ร่วมงานกับศิลปินที่ชอบอยากร่วมงานกับใคร
Groove Riders ครับ (หัวเราะ) ไม่เอาดีกว่า อยากเจอพี่น้อย วง Pru พี่แสตมป์ อภิวัชร ก็น่าสนุก แล้วก็อยากให้พี่ปอย Portrait แต่งเพลงเศร้าให้ เป็นคนที่แต่งเพลงเศร้าได้เศร๊าเศร้า คำสวย แต่ไม่รู้เขาเป็นอะไรกับดาวเนาะ เขาน่าจะมองดาวตอนแต่งเพลง ดาวในเนื้อเพลงเยอะ (หัวเราะ)
อยากบอกอะไรกับคนที่มักจะดูถูกเวลานักแสดงมาออกเพลง
คิดอะไรก็คิดไปเถอะครับ แล้วแต่ ก็ห้ามความคิดเขาไม่ได้ ถ้าคิดแล้วสบายใจก็โอเค แต่ถ้าการคิดนั้นทำให้ใครเดือดร้อนมันก็ไม่เวิร์กหรอก ถกเถียงกันได้แต่อย่าถ่มถุยกัน ถ้าจะตำหนิช่วยเข้ามาฟังก่อน จะได้ปั่นวิวให้ผมด้วย (หัวเราะ)
หน้าดูกวน ๆ แบบนี้จริง ๆ แล้วเบสท์เป็นคนยังไง
ก็น่าจะกวนตีนนะ (FJZ: แล้วเคยกวนจนโดนตีนจริง ๆ ไหม) ไม่เคยนะ ผมว่าผมรู้วิธีการเข้าหาคน มันมีลิมิตประมาณนึง รู้ว่าคนไหนเล่นได้แค่เท่าไหน แต่มีแบบที่อยู่ดี ๆ ตีนเข้ามาหาเองทั้งที่ไม่ได้พูด อันนี้ไปเตะบอลผิดที่ไปหน่อย ใต้สะพานพุทธมันมีสนามบอลใกล้โรงเรียนเขา ผมไปกับเพื่อนห้าคน เตะบอลปุ๊บ กินก๋วยจั๊บ เดินขึ้นสะพานพุทธ แป๊ปเดียว ทำไมสงครามบางระจันมาจากไหน แม่งถือมีดกันมา ก็วิ่งดิครับ (หัวเราะ) ก็รู้สึกว่ากูทำอะไรผิด กูแค่มาเตะบอล อาจจะเป็นเพราะโรงเรียนไม่ถูกกันและหน้าตากวนตีนด้วย กับตอน ม.2 เคยเดินอยู่แถวเมเจอร์รัชโยธินมั้ง มีคนเดินมาถาม มองเหี้ยไร ผมตกใจมากบอก ขอโทษครับ (หัวเราะ) ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย ม.2 ใครจะไปหาเรื่องคนวะ แต่จริง ๆ ผมว่าผมไม่ได้กวนตีนขนาดนั้นหรอก อาจจะด้วยวิธีการพูดหรือความครีเอทของการด่า เลยดูกวนตีน
คิดว่าตัวเองเป็นคนหล่อไหม
ไม่เคยคิดว่าเป็นคนแบบ… หล่อจังเลย แค่รู้สึกว่าดูได้เฉย ๆ ในระดับกลาง พอเป็นผู้เป็นคน ผมจะจั๊กจี้มากเวลามีคนมาบอกว่าหล่อมาก หรือแค่ไปออกรายการแล้วมีคนบอกว่า วันนี้พบกับสามีแห่งชาติ แบบ เหี้ย ขนลุก แต่ก็ต้องไปต่อแบบ ครับ ได้ครับ แล้วแต่เลยครับ เราก็รู้ว่าตัวเองอยู่ประมาณไหน แค่ไหน ไม่น่าจะไปขนาดนั้นอะ แต่ก็ดีใจแหละที่มีคนเรียก
รู้สึกยังไงมีคนแชร์คลิปไลฟ์เยอะ
ตอนคนแชร์เยอะก็ตื่นเต้นดี มีคนเห็นก็ทำให้อยากทำต่อ แต่ก็ไม่ได้ทำบ่อยนะ ปีนึงไลฟ์ 30 ครั้ง เยอะปะวะ ถือว่าน้อยนะ เมื่อวานไลฟ์ครั้งที่ 33 แค่นั้นเอง มันส่งเสริมให้คนเห็นเราเยอะขึ้นเท่านั้นเอง
ทำไมตอนนั้นถึงเปลี่ยนลุค
ผมเป็นคนที่ผมตรงมาก เวลาไปถ่ายงานจะรู้สึกว่าไม่ชอบการใส่แว็กซ์หรืออะไรที่หนังหัว กลับบ้านจะต้องสระอะไรนักหนา ก็เลยหาวิธีทำไงดี ก็มีคนแนะนำว่าไปดัดผมดิ ผมก็กลัวเป็นอาม่า เขาก็บอกให้ผมไปดัดวอลุ่ม เออว่ะ จัดทรงง่ายดี ก็ดัดมาเรื่อย ๆ แล้วเริ่มใส่แว่นตอนก่อนเพลง อ้าว อีก ตอนนั้นผมขับรถแล้วมองไม่ค่อยเห็นเลขไกล ๆ ตอนกลางคืน ก็เลยไปตัดแว่น แค่นั้นเอง ส่วนเซ็ตที่ทำให้คนรู้จักก็คือเพื่อนมันบ้าเกาหลีไง มันก็อยากจะจับเราไปทำในแบบที่มันชอบ ไม่ได้อยากจะเกาหลีขนาดนั้น
คบกับแฟนมานานหรือยัง
7 ปีครึ่ง เขาดีกับเรา ดีแบบ ถ้าเลิกกับคนนี้ไปตายแน่เลย น่าจะอยู่ยาก เขาให้เราเยอะมาก ดูแลเราดีด้วย ไม่ใช่ดูแลแค่เราดี เทคแคร์พ่อแม่น้องพี่สาว มีอะไรก็เอามาให้ที่บ้านกิน ขนาดน้องผมยังคุยกับเขามากกว่าคุยกับผมอีก มีเรื่องอะไรที่เครียด น้องจะแบบ พี่กิ๊บ มาหาหน่อย อยู่เป็นเพื่อนหน่อย แฟนผมก็ไป
ตรงสเป็กไหม
คือ first impression ก็ต้องมองข้างนอกก่อนอยู่แล้ว เขาก็สเป็กเราประมาณนึง แต่พอคบมาเรื่อย ๆ ก็แบบ เชี่ย ไรของมึงเนี่ย (หัวเราะ)
คิดว่าจะแต่งงานไหม
เคยคิดว่า 26 เพราะว่า ก็อยากแต่งแล้ว คืออยู่ด้วยกันอย่างนี้ก็ไม่ต่างจากการใช้ชีวิตด้วยกันแล้ว ก็อยากแต่งไปเลย แล้วก็ให้คนอื่นรู้ด้วย เหมือนเป็นพิธีมากขึ้น แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเขากับเราก็อยากทำงานกันก่อน อยากแข็งแรงจริง ๆ พร้อมมาก ๆ ในการดำเนินชีวิตได้ ตอนเด็กไม่เคยเข้าใจเลยว่าคำว่าพร้อมมันคืออะไร จนถึงตอนนี้ยังไม่เข้าใจนะ แต่รู้สึกว่ามันยังไม่พร้อม มันเป็นคำตอบที่โคตรนามธรรม แต่ผมว่าคนที่อยู่ด้วยกันมันต้องรู้ว่าคำว่าพร้อมหรือไม่พร้อมมันคืออะไร แค่ตอนนี้ยังไม่มีเป้าหมายแต่อยากแต่งด้วยกันแหละ เคยคุยกันไปเรื่อยเลยว่าอยากมีลูกไหม เราไม่อยากมีลูกเหมือนกันนะบางที เพราะการเลี้ยงเด็กคนนึงมันยากมาก เราไม่รู้เลยว่าจะเลี้ยงยังไงให้เด็กคนนึงออกมาดี เขาต้องเจอภาวะกดดันตอนเป็นวัยรุ่น ภาวะอะไรต่าง ๆ ที่มันวุ่นวายกับชีวิตมาก มันเหมือนกันรักลูกในอนาคตว่าถ้าเราไม่อยากให้เขาเจออะไรแบบนั้น เลยไม่มีซะเลย แต่ผมว่าด้วยตอนนี้ด้วยแหละ มันอยู่ในช่วงวัยที่คิดแบบนี้ มันก็คงจะเปลี่ยนไปเองเพราะความคิดมันถูกเปลี่ยนตามช่วงเวลาด้วย
เขาขี้หึงไหม
ไม่ เขาชอบนะที่คนแชร์ (หัวเราะ) เขาก็ดีใจไปกับเราแหละ
คิดว่างานแต่งจะเป็นยังไง
เมาทุกคน พ่อผมชอบบรีฟว่า เมื่อไหร่มึงจะแต่งงานกันวะ จะแต่งแบบไหน ผมอยากแต่งร้านเหล้า พ่อก็แบบ เอ้า แล้วผู้ใหญ่จะมองยังไง ผมก็บอกว่านี่มันงานผม ถ้างานผู้ใหญ่ก็ค่อยว่ากัน คืองานแต่งเราอยากจะเอาเพื่อน อยากรวมทุกคนที่สนิทมาอยู่ด้วยกัน สนุกให้เต็มที่ ปล่อยผีให้สนุกที่สุดไปเลย แต่ยังไม่คิดว่าจะออกมาเป็นรูปแบบไหน แค่เป้าหมายคือทุกคนต้องสนุกและเมาไปด้วยกัน
ฝากผลงานหน่อย
ตอนเล่น Play Yard ก็เหมือนเป็นการซ้อมขึ้นเวทีไปในตัว ผมมีความสุขกับการเล่น ผมเชื่อว่าเวทีต่อ ๆ ไปน่าจะมีความสุขแบบนั้นอีก แล้วการขึ้นเวทีของผมกลายเป็นการเสพติดเวลาเราออกกองถ่าย ผมชอบบรรยากาศกองถ่าย ชอบการได้เห็นกองถ่าย พอแอ็กชันแล้วเราได้เล่น การขึ้นเวทีมันเหมือนแอ็กชันแล้วเราร้องเพลง อยากให้ทุกคนเห็น จะได้รู้ว่าสิ่งที่เขาจะได้รับจะเหมือนกับสิ่งที่เราส่งไปให้เขาหรือเปล่า ไปฟังเพลงกันเยอะ ๆ ครับ ถ้าจะด่าก็เข้าไปฟังก่อน ทำเพลงนี้มานาน เป็นช่วงที่หาตัวเองอยู่ ผมอยากให้ผ่านหูคนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ต่อไม่มีคนฟังเราก็จะทำ แต่ถ้ามีคนฟังเยอะขึ้นหน่อยมันได้กำลังใจที่จะทำต่อไป ก็อยากให้มาให้กำลังใจกันครับ
อยากถามอะไร Fungjaizine
คอนเสิร์ต (เห็ดสด) ต่อไปใครจะมา อยากฟังตัวเองเล่นฮะ (หัวเราะ)