เปิดบ้านคุยกับ ‘บ้านกูเอง’ ชวนฟังเพลย์ลิสต์หลากอารมณ์ และเล่าเรื่องตั้งแต่เป็นเด็กฝึกงานฟังใจ ที่มาความบ้า
- Interviewer and Photographer: Chavit Mayot
พวกเรารู้จักกับพ่อหนุ่ม บ้านกูเอง มาตั้งแต่เล่นมุกล้อเลียนเพจ บ้านข้าง ๆ แจกเงิน 20 บาท ขโมยเสื้อผ้าแม่ ไปจนถึงมุก Bandersnatch ที่ทำให้เขาดังเป็นพลุแตก ซึ่งวันนี้ Fungjaizine ก็ขอเรียก นอท—สัณหณัฐ ทิราชีพ กลับฐานที่บ้านฟังใจ ย้อนคุยเรื่องการฝึกงานสุดสนุก (?) จุดกำเนิดของบ้านกูเอง และการเดินทางของเขาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ตามเรามาบุกบ้านแบบหมดเปลือกกัน
เพลย์ลิสต์สุดโปรดของ บ้านกูเอง
ชอบเพลงเยอะ เลยไม่ได้เลือกจากเพลงที่ชอบเป็นหลัก แต่เลือกศิลปินที่ชอบ แล้วค่อยเลือกจากเพลงที่ชอบของเขา
Timethai – ..จบมั้ย (The End)
ชอบเพลง ..จบมั้ย ของ Timethai รู้สึกว่าเมโลดี้มันร้องยากมาก ขึ้นลง ขึ้นลง ขึ้นลง เจ๋งดี ลูกเอื้อนของ Timethai คือที่หนึ่งในใจเลยครับ (หัวเราะ)
Monomania – บ้านผีสิง
รู้สึกว่ามันหลอนดีครับ ถ้าเกิดเรากินข้าวแล้วรู้สึกว่ารสชาติถึงจังเลย หรือเราดูหนังแล้วรู้สึกว่ามันตอบโจทย์ในอารมณ์นั้น ๆ จังเลย เพลงนี้ก็ตอบโจทย์ในอารมณ์เหงา หลอน ก็เลยชอบ
BIGBANG – Love Song
ที่เลือกเพลงนี้เพราะว่าชอบ BIGBANG แล้ว mv นั้นมันเท่ดี ตอนนั้นดูตอนเด็ก ๆ แล้ว mv เป็นขาวดำที่เหมือนจะเป็น long take แถมตอนจบเป็นแบบมีระเบิดรถตู้ม รู้สึกเท่มาก แล้วเพลงก็เพราะดีครับ
Bomb at Track – ฆาตกรคีย์บอร์ด
อย่างเราเข้ามาทำงานด้านออนไลน์ เกี่ยวกับโซเชียลมีเดีย ก็จะได้เจอเรื่องพวกนี้มากขึ้น รู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่ดี บวกกับเวลาไปคอนเสิร์ต พวกวงแบบนี้แสดงสดสนุก เวลาเราได้เข้าไปเล่น เข้าไปมีส่วนร่วม ก็สนุกดี
Sultan of the Disco – The Slide feat. SUMIN
เพิ่งฟังเมื่อไม่กี่วันก่อนก็เลยเลือกมา ชื่อเพลงว่า The Slide คือเราก็ไม่เข้าใจภาษาเขา แต่เราชอบเพลงที่มันมีความ twist ไปมา เหมือนเปลี่ยนจังหวะไปเลย เหมือนพวกเมทัล ที่อยู่ ๆ มันก็เปลี่ยนกลอง ซึ่งอันนี้ก็จะเป็นแบบมีกรูฟหน่อย มันก็เปลี่ยนทั้งคนร้อง ทั้งดนตรีไปเลย แต่ก็ยังเป็นแนวเดิม แต่เปลี่ยนในเพลงเดียว ซึ่งเราก็ไม่ได้ชอบแค่เพลงนี้เพลงเดียว แต่เพลงอื่น ๆ ที่เป็นแนวนี้ก็ชอบ
เปิดบ้านฟังใจคุย กับ บ้านกูเอง
แนะนำตัวหน่อย
สวัสดีครับ ผมนอท เป็นแอดมินเพจบ้านกูเองครับ
นิยามวิธีการแต่งตัวของตัวเองว่ายังไง
แต่งให้มันสนุก ไม่จำเจ แต่งให้ดูขาไม่สั้นก็พอ (หัวเราะ) ตัวเตี้ยฮะ
นับตั้งแต่ฝึกงานกราฟิกที่ฟังใจเสร็จ จนถึงจุดที่มีคนถึงเพจมีคนตามขนาดนี้ ไปนอนตามถนนจนดังได้ (หัวเราะ) ระหว่างทางมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
เพจมันเกิดขึ้นมาเพราะฝึกงานฟังใจนี่แหละ เริ่มแรกเกิดจากพี่พลอย (อดีตกราฟิกดีไซเนอร์ที่ฟังใจ) ก่อน เห็นตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์งานก็รู้สึกว่าพี่คนนี้เท่จังเลย ก็ปลื้ม ๆ เค้า ทีนี้พอมาได้ฝึกงาน เย็นวันนึงก็ hangout กันข้างล่างบ้านฟังใจ แล้วพี่ตูน (บ้านข้าง ๆ t_047) ก็เมา ๆ เขาพูดประมาณว่าชอบพี่พลอย (หัวเราะ) ตอนนั้นก็รู้สึกว่ากูแบบมีคู่แข่งละ ก็เลยเปิดเพจสู้วันนั้นเลย แบบขำ ๆ นั่งบีทีเอสอยู่ก็เปิดเลย ก็เริ่มจากล้อเลียนเค้าก่อน ถ่ายบ้านตัวเอง ก็อปมุมเค้า เขียนแค็ปชั่นให้มันตลกแทน แต่นาน ๆ ไปก็เปลี่ยนคอนเทนต์ไปเรื่อย ๆ จนมันเป็นแบบนี้
ได้ดูใครเป็น reference ไหม
ไม่ได้ดู reference แต่ว่าก็เห็นนั่นนี่มาตลอดการใช้ชีวิต พวกนั้นมันสะสมจนกลายเป็นแบบนี้ แต่ถามว่าเราต้องมานั่งไล่ดูมั้ยว่าเราต้องทำอะไรบ้าง ก็ไม่ได้ดูคนอื่นอย่างจริงจังขนาดนั้น
ใครถ่ายรูปให้
แรก ๆ ทำแค่ในบ้าน ตั้งกล้องถ่ายตัวเอง ไม่มีขาตั้งกล้องด้วยซ้ำ ก็แค่เอาโต๊ะมาวาง สูงไม่พอเอาหมอนมาวาง หลัง ๆ ก็เริ่มให้แม่ ให้ญาติ ถ่ายให้ มาตอนนี้ก็มีคนถ่ายให้ละ
ขายอะไรยากสุด
พวกแอปพลิเคชัน ด้วยความที่มันไม่ได้เป็นของที่จับต้องได้ มันต้องมีการ insert ภาพจากแอป เวลาเราไถมือถือดูมันจะเริ่มอึดอัดละ เพราะมันไม่ใช่ภาพที่เราออกไปถ่ายข้างนอก มันเป็นสตอรี่ยาว ๆ ต้องแทรกด้วยภาพกราฟิก มันจะดูขาย ๆ
มีสินค้าประเภทไหนที่อยากรีวิวอีกไหม
ไม่รู้เหมือนกันครับ ต้องมาก่อน เพราะช่วงนี้ก็รีวิวหลากหลายมาก ไม่ซ้ำเลย
คอมเมนต์ประเภทไหนที่เจอบ่อยสุด
เป็นภาพองค์กรปัญญาอ่อน มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อน หรือไม่ก็แบบ หาว่าเป็นตุ๊ดหรือเปล่า เป็นผู้ชายหรือเปล่า จะมีเยอะ
คอมเมนต์ประเภทไหนที่ชอบที่สุด
พวกมาช่วยขายของ คือเค้าก็พูดเล่นแหละ แต่นั่นแปลว่าการขายของเราไม่ได้ทำให้เค้าอึดอัดอะ เค้ายังมาเล่นต่อจากการขายของเราต่อไป
ข้อความในอินบ็อกซ์เพจที่ประหลาดที่สุดที่เคยเจอ
ทักมาแล้วก็ถามว่าว่างมั้ย ๆ ว่างหรือเปล่า พอเราตอบไปว่ามีอะไร เขาก็ถามแต่ว่า ว่างไหม ๆ ไม่รู้ว่าต้องการอะไร (หัวเราะ)
เวลาเจอลูกเพจ เค้ามีรีแอคยังไงกับเราบ้าง
เค้าก็แฮปปี้ ส่วนใหญ่ชอบให้ถ่ายบูมเมอแรงแล้วให้เราคิดท่าให้ ซึ่งแบบ.. ยาก (หัวเราะ) เพราะปกติเราไม่ได้ด้นสดทำคอนเทนต์ไง เรานั่งคิดแล้วว่าเราจะทำอะไร แต่พอไปสด ๆ แบบ ‘พี่ ขอท่าตลกซักท่านึง’ ก็ไม่รู้ต้องทำอะไร
คิดว่าตัวเองบ้าจริง ๆ มั้ย
ไม่ครับ ๆ มันเป็นสื่อสารมากกว่า ผมเรียนนิเทศศิลป์มา ไม่ได้ทำแค่กราฟิก ผมได้ฝึกวิธีคิด ภาพประกอบ ทั้งจัดองค์ประกอบภาพ เรื่องสี การทำแบรนดิ้ง การทำกลุ่มเป้าหมาย แล้วมันก็มาตอบเป็นโจทย์ตรงนี้ มันก็จบออกมาเป็นภาพได้เหมือนกันโดยที่ไม่ต้องวาดรูป ก็เป็นการถ่ายรูป การคิดคอนเทนต์แทน
พอมีงานลูกค้าเข้ามาเยอะขึ้น มันยากขึ้นไหม มีตันบ้างไหม
การมีลูกค้ามันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย คือมันยากขึ้นแน่นอน เราต้องทำให้ลูกค้าโอเคก่อนแล้วถึงจะออกไปเป็นคอนเทนต์ได้ แต่ว่าลูกค้าที่เข้ามา เค้าก็ค่อนข้างมั่นใจในวิธีคิดเราระดับนึง มันก็เลยไม่ได้ตันขนาดนั้น แต่มันก็จะยากกับตัวเราเอง พองานมันถี่ขึ้น มันเร่งให้เราต้องคิด ๆๆๆ มันมีงานซ้ำบ้าง มีงานด่วนบ้าง อาจจะทำให้ตันแล้วไปไม่ถูก แต่ข้อดีอีกอย่างนึงก็คือ เราได้รับโจทย์โดยที่เราไม่ต้องมานั่งเอ้อระเหยเอง ถ้าอย่างเมื่อก่อนเราต้องปิ๊งขึ้นมาก่อนเองว่าจะทำอะไร แต่ตอนนี้เราได้รับโจทย์ เราตีโจทย์ เราทำคอนเทนต์ ก็มีงานให้ลงเรื่อย ๆ มันก็มีตันบ้าง แต่พยายามหาแง่มุมอื่น ๆ เรื่อย ๆ
เวลางานเข้าแล้วต้องไปทำอะไรแปลก ๆ ในห้าง ขั้นตอนของมันเป็นยังไง
อย่างกรณี Potato Corner ที่ไปตั้งโต๊ะในห้างไม่มีปัญหาอะไร เพราะเราคุยกับเขาแล้ว ส่งบทไปแล้ว ว่าเราจะทำแบบนี้นะ ได้มั้ย ดีลกับทางแบรนด์แล้วให้เขาไปดีลกับห้าง แต่ตอนนั้นจริง ๆ คือเราตั้งโต๊ะประมาณไม่ถึงหนึ่งนาที วาง ถ่าย ออก แต่ในกรณีที่มันมีปัญหา ก็เคยมีเหมือนกัน อย่าง Foodpanda ลงแค่ 13 ชั่วโมงแล้วลบออก คืออันนั้นคุยกับทีมเขาแล้ว เรียบร้อยแล้ว ก็ไปถ่ายปกติโดยที่ทีมเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร พอไปถ่ายจริง ลงเฟส ก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะเหมือนมันเป็นพื้นที่ของเรา ก็มีแต่คนตลก เฮฮา แต่พอไปในพื้นที่ใหม่ ๆ อย่างทวิตเตอร์ เริ่มโดนถล่มละ ซึ่งในตอนแรกผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ทำอะ มันผิด คือก่อนจะไปถ่าย ผมไม่รู้ว่าการปีนอะมันไม่ถูกนะ แต่พอมีคอมเมนต์อะไรมา เราก็เลยได้ อ๋อ รู้ตัวว่าทำแบบนี้มันไม่โอเคนี่นา ควรขอก่อน คือแต่ละสถานที่ก็มีกฎของเขา เราก็เอาคอมเมนต์มาพัฒนาตัวเอง ปรับปรุงตัว
พอเริ่มมีคนด่าเยอะ ๆ ครั้งแรก รู้สึกยังไง
ก็เฟลเหมือนกันครับ เสียใจนิดนึง แต่เราก็ต้องดูว่าที่เขาด่ามันจริงหรือเปล่า ถ้ามันจริง ก็ไม่มีปัญหา เราก็แค่ปรับปรุงตัวในครั้งต่อไปเท่านั้นเอง
มีคนไม่เก็ตมั้ย เวลาเราทำอะไรแปลก ๆ ในที่สาธารณะ
ไม่มีนะครับ แต่ละครั้งมันแค่ถ่ายรูปแปปเดียว มันยังไม่มีคนสังเกตด้วยซ้ำ ปึ๊บเดียวแล้วออกมา คือที่เราเห็นยาว ๆ เป็นสตอรี่ก็ไม่ได้ทำตลอดเวลา ไม่ได้ทำต่อเนื่อง อย่างที่ไปถอดเสื้อในห้าง ก็ถอด-ถ่าย-ใส่ คือ ถ่าย-เปลี่ยน-ไป
มีโพสต์ไหนไหมที่อยากกลับไปแก้
อืม (นิ่งคิด) ไม่มีครับ (ยิ้ม) นึกไม่ออก
คิดว่าอะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ไปถึงจุดที่คนไลก์เป็นแสนได้
น่าจะเป็นแง่มุมใหม่ ๆ ที่มานำเสนอ อย่างช่วงแรก ๆ ที่เอาฟังก์ชั่นของไอจีแคปภาพมาลง แล้วก็การนำเสนอแง่มุมที่มันไม่เหมือนเดิม ด้วยวิธีการต่าง ๆ ของเรา
คิดว่าหลังจากนี้จะต้องมีทีมงานไหม
คิดครับ เพราะว่าตอนนี้ก็งานหนักพอสมควร อย่างเดือนทั้งเดือนนี้ ก็ตื่น-ทำงาน-นอน ตื่น-ทำงาน-นอน ทั้งเดือน ไม่มีวันไหนหยุดเลยซักวันเดียว เวลาลูกค้าติดต่อมาก็ต้องทำสตอรี่ไลน์ คุยงาน ทำใบเสนอราคา ทำเองหมดเลย
ตอนไหนที่รู้สึกว่า จะไม่ทำงานอย่างอื่นละ ไม่ทำงานกราฟิกละ
ก็ตอนที่มีลูกค้าเข้านี่แหละครับ (หัวเราะ) ตอนที่ต้นเดือนงานมาแล้ว 4 ตัว ประมาณนี้ แล้วยอดโดยรวมมันสูงกว่าสตาร์ทเงินเดือนของพนักงานใหม่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่า รับแค่ตัวเดียวก็ได้เป็นพนักงานแล้ว
คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง
ถ้าในตอนเริ่มต้นก็อาจจะใช่สำหรับเด็กจบใหม่ที่มันเห็นแนวทางที่เลี้ยงชีพได้ก็ถือว่าสำเร็จในระดับนึง แต่คิดว่ายังไม่ใช่ระยะยาว
รู้สึกว่าตลกแบบ ‘บ้านกูเอง’ มีลิมิต มีอายุของมันไหม หรือคิดว่ามันไปได้เรื่อย ๆ
คิดว่ามันมี ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทำตัวเหมือนเดิม ซักวันนึงมันต้องตัน แต่คิดว่าน่าจะยังไปได้เรื่อย ๆ ถ้าเราปรับตัวได้
โมเมนต์ที่ชอบตอนฝึกงานที่ฟังใจ
สังคมมั้งครับ เด็กที่ไม่เคยทำงานจริง ๆ มันก็ไม่รู้ว่าสังคมมันเป็นยังไง ซึ่งพอเข้ามามันก็ไม่ใช่อย่างที่เราคิด ตอนแรกเราก็คิดว่าสังคมทำงานต้องโหด ต้องมีระเบียบ คือมันก็มีระเบียบแหละที่นี่ (หัวเราะ) แต่คือมีความสนุก มีความเป็นครอบครัวมากครับที่นี่
ข้าวตามสั่งร้านป้าตุ๊ก (ใกล้ออฟฟิศ) อร่อยมั้ย
เฉย ๆ ครับ พอกินได้
ปกติตอนเที่ยงไปกินที่ไหนบ่อยสุด
มันชื่ออะไรช้าง ๆ นะ อ้อ A-ONE (หัวเราะ) ไปจำว่ามันเอวัน เอราวัณ (หัวเราะ)
ช่วงนี้ยังฟังเพลง ดูคอนเสิร์ตอยู่ไหม
ฟังครับ แล้วเดี๋ยววันที่ 8 นี้ก็จะไปดูงาน Crossplay 3 ด้วย (หัวเราะ)
ถ้าทำอะไรก็ได้ในคอนเสิร์ตฟังใจ อยากทำอะไรที่ประหลาดที่สุด
เป็นมาสคอตมั้งครับ
มีอะไรอยากบอกกับเพจที่ชื่อคล้าย ๆ กันไหม
ขอบคุณมากครับ ที่ทำให้เกิดเพจนี้ขึ้นมา แล้วก็ขอบคุณที่ไม่มาแอนตี้ที่เราล้อเลียน
อยากฝากบอกอะไรกับคนที่หมั่นไส้บ้านกูเอง
ก็จะพยายามทำให้รู้สึกดีกับเราแล้วกันครับ อาจจะไม่ได้ทำให้ทุกคนชอบได้ แต่ถ้าเค้าชอบเราก็น่าจะดีนะ (ยิ้ม)
อยากฝากบอกอะไรแฟนเพจ
ติดตามต่อไป แล้วก็ขอบคุณที่สนับสนุนนะครับ
อยากฝากบอกอะไรกับเว็บฟังใจที่ล่มไปสองเดือนไหม
ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงล่มบ่อย ไม่รู้เลยครับ ก็สู้ ๆ ครับ มีคนรอติดตามอยู่
ติดตามเขาได้ที่ บ้านกูเอง
อ่านต่อ
ใครไม่คิด… ‘พระเยซูเป็นคนคิด’ กับบทสัมภาษณ์สุดพิเศษสไตล์คนบาป
Keep Kareeing ไปกับ 5 เพลงโปรดของ Pim Thai Mai Dai จนต้องอุทานเป็นภาษาคาราโอเกะ
Very Good Playlist ของ นายฮ้อย ซาลาห์ แห่ง Wongnai