Khim Jularat Playlist
- Writer: Gandit Panthong
- Photographer: Neungburuj Butchaingam
Khim Jularat Playlist
“ส่วนใหญ่การฟังเพลงของเราไม่ได้รับอิทธิพลมาจากใครนะ ค้นคว้าหาเองมากกว่า เราเป็นคนชอบดูภาพยนตร์มาก ๆ พอดูแล้วเราก็ค้นคว้าเพลงประกอบของภาพยนตร์ไปด้วย แล้วก็เจอเพลงใหม่ ๆ เพียบเลย
”
The Moon Song (Ost. Her) – Scarlett Johansson
เราชอบเพลงนี้ตั้งแต่เวอร์ชั่นของ Karen O แล้ว ความหมายของเพลงมันดีมาก เนื้อหาทั้งหมดของเพลงเวอร์ชั่นนี้ มันดูเพราะขึ้นไปอีก อาจจะเป็นเพราะเวอร์ชั่นของ Scarlett Johansson ด้วยมั้ง ที่มันดูพิเศษมาก ไหนจะน้ำเสียง ไหนจะเนื้อเพลง รวมถึงตัวหนังที่ทำออกมาด้วย ทุกอย่างมันเข้ากันได้หมดเลย มันเป็นส่วนผสมที่เข้ากันดี
Heart Of Glass – Blondie
ชอบเพลงนี้มาก เพราะเราเองเป็นคนชอบซาวด์เพลงยุค 70s – 80s มาก ๆ รวมไปถึงไลฟ์สไตล์การแต่งตัว การใช้ชีวิตในยุคนั้น เพลงนี้เหมือนเป็นตัวแทนของสาว ๆ ยุคนั้น มันจะมีความสดใสแบบซน ๆ บ่งบอกว่า ยุคนี้เป็นสีสันแห่งความสนุกสนานและการทดลองต่าง ๆ
Ain’t No Sunshine – Bill Withers
ถ้ามีผู้ชายคนไหนมาร้องเพลงนี้ให้ฟังนี่เอาใจไปเลย ชอบมากโคตรโรแมนติกเลย แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีคนมาร้องให้ฟังสักทีนะ (หัวเราะ) ด้วยเสียงร้องของพี่แกด้วยแหละที่มันโรแมนติกมาก ฟังแล้วแบบ เออ มันเพราะเนอะ ดูเหมาะกับการง้อหรือบอกรักผู้หญิงสักคนมาก ๆ เลย
Happy Birthday – Sufjan Stevens
จริง ๆ เราเป็นคนชอบเพลงง่าย ๆ นะ ชอบเพลงสบาย ๆ ฟีลกู๊ด ส่วนตัวชอบ Sufjan Stevens มาก ชอบทุกเพลงเลย มันมีความหม่น ๆ ปนอยู่ แต่ก็ยังคงคอนเซปที่ยังจะเป็นเพลงฟีลกู๊ดฟังสบายอยู่ มันดูเป็นฟีลกู๊ดที่มีความดราม่านิดนึงนะเพลงเขาอ่ะ
San Francisco – Scott McKenzie
เพลงนี้ฟังมาจากหนังเรื่อง Almost Famous แล้วชอบมาก ทำให้หลงรักแล้วอยากไปเมืองนี้ไปเลย เพราะเพลงนี้เอง เร็ว ๆ นี้เราจะมีคิวจะไปที่เมืองนี้ด้วย เราชอบมาก ๆ ค่ะเพลงนี้ รู้สึกว่ามันให้ความหมายได้ดีนะ มันทำให้เมืองดูโรแมนติกไปเลย พอฟังเพลงนี้จบ ยังไงก็ต้องไปให้ได้ เมือง San Francisco เนี่ย
อ้วน – Triumphs Kingdom
ชอบมาก ๆ เพลงนี้น่ารัก สมเป็นตัวแทนเพลงของสาวยุค 2000s เลย เราชอบเพลงนี้เป็นพิเศษ เพราะว่ามันน่ารักดีนะ ความหมายมันดูซื่อ ๆ ตรง ๆ บ้าน ๆ อะไรอย่างนั้นเลย อารมณ์แบบว่า ถ้าอ้วนทำไมจะไม่หล่ออะ (หัวเราะ) น่ารักดี เหมือนเป็นคำพูดเล่น ๆ แล้วเขาก็เอามาแต่งเป็นเพลงเลย
Ariel Pink’s Haunted Graffiti – BABY
เพลงนี้เศร้า มีซาวด์หม่น ๆ นิดนึงในเพลงด้วย ฟังดูโรแมนติกร้าย หวานละมุนดี แต่มีโทนดนตรีที่ทำนองเศร้า ๆ รู้สึกว่าฟังเพลินนะ ส่วนตัวเนื้อเพลงก็ดูมีนัยยะอะไรซ่อนอยู่ด้วย
I’m Not Human At All – Sleep Party People
อันนี้ก็ซาวด์เพลงประหลาดดี น่าสนใจ แถมความหมายดี สไตล์เพลงมันจะออกแนวใหม่ ๆ ที่เน้นซาวด์ของเพลงเป็นหลัก สำหรับเราคิดว่าเพลงของวงนี้ถือว่าเป็น new wave ของวงการดนตรียุคนี้เลยก็ว่าได้
ภูกระดึง – มัณฑนา โมรากุล
https://www.youtube.com/watch?v=gYdZCx62uko
เพลงนี้เป็นเพลงของศิลปินแห่งชาติ ส่วนตัวเราจะมีอีกมุมนึงที่ชอบฟังเพลงลูกกรุง ชอบมาก รู้สึกว่ามันเหมือนเพลงแจ๊ส เพลงคลาสสิกนะ คือกราฟของเพลงมันจะมีคลื่นทรงตัวเท่าเดิมตลอด ทุกอย่างในเพลงมันเสมอกันหมด รู้สึกว่ามันฟังเพลินดีเลยชอบเพลงนี้ แถมพอรู้ว่าเขาเป็นศิลปินแห่งชาติด้วยยิ่งชอบใหญ่เลย พ่อแม่ชอบเปิดเพลงแบบนี้ให้ฟังตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว
Exclusive Talk
ขิม จุฬารัตน์ เป็นใครมาจากไหน
ทุกวันนี้เราเป็นนักศึกษา คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร บางเวลาก็เป็นนางแบบบ้าง บางเวลาก็เป็นนักแสดง ตามแต่โอกาสเลยค่ะ ส่วนชื่อ จุฬารัตน์ จริง ๆ ไม่มีความหมายนะ ถ้าเปิดพจนานุกรมจะเจอคำว่า จุฑารัตน์ ที่มีความหมายมากกว่าจะแปลตรงตัว แต่ชื่อเรา จุฬารัตน์ มาจากชื่อพยางค์หลังของคุณแม่กับชื่อของคุณยายอีกหนึ่งพยางค์มารวมกัน มันเป็นการผสมผสานระหว่างชื่อคุณแม่กับคุณยายค่ะ
เข้าโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงได้อย่างไร
น่าจะเริ่มจากการถ่ายแบบให้เพื่อน ๆ และรุ่นพี่ที่รู้จักมาก่อน แล้วพอคนอื่นเขาเริ่มเห็นหน้าเราบ่อยขึ้นก็กลายเป็นการบอกต่อกันแหละว่าน้องคนนี้ดีนะ เรียกไปใช้งานได้ คนก็จะเริ่มรู้จักกว้างขึ้น สุดท้ายก็เลยได้มีโอกาสแคสติ้งงานโฆษณา ได้ทำงานอย่างจริงจัง ได้เริ่มทำงานกับคนใหม่ ๆ เริ่มมีชื่อเสียง พอเราทำได้ดี คนก็บอกต่อไปอีก มันก็กลายมาเป็นเราในทุกวันนี้ค่ะ
การทำงานในวงการบันเทิงอันแสนสนุกแต่เต็มไปด้วยความจริงจัง
เมื่อช่วงเพิ่งเข้าวงการใหม่ ๆ เรารู้สึกว่า การทำงานของเรามันเหมือนเป็นขนมหวานนะ เราไปเล่น ๆ ก็ไป เดี๋ยวเงินก็มี สักพักเราก็เริ่มคิดกับตัวเองว่า สิ่งที่เราทำอยู่เนี่ย มันจะกลายเป็นอาหารจานหลักได้มั้ย เราควรต้องจริงจังแล้วนะ แต่ก็มองว่ามันยังไม่ชัดเจนเลย แต่ถ้าพูดถึงชีวิตของเราในตอนนี้ เรารู้สึกว่ามันสนุกและทำมันได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ เรายังอยากที่จะทำอยู่ เพราะว่าด้วยอายุของเราเองก็ยังเลือกได้ไม่ชัดเจนว่าเราจะให้ชีวิตกับอาชีพนักแสดงเลยดีมั้ย หรือว่าจะไปทำอย่างอื่นดี แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันก็ทำควบคู่กันไปได้ดีนะ ไม่ติดปัญหาอะไรเลย
ทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนดังแล้วรึยัง
ยังไม่ดังเนอะ ยังสิ (หัวเราะ) เรารู้สึกเหมือนกันนะว่า คนรู้จักเราเร็วเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ดังนะพูดจริง ๆ (ยิ้ม)
อาชีพที่ใฝ่ฝันจริง ๆ แล้ว ตอนนี้อยากทำอาชีพอะไร
ตอนนี้คงเรียนจบแล้วอยากไปเรียนต่อต่างประเทศอีกสักประมาณ 2 ปี อยากใช้ชีวิตอยู่เมืองนอก แล้วค่อยกลับมาประเทศไทย เราคิดว่าคงจะทำธุรกิจของตัวเอง อาจจะเปิดบ้านพัก ไม่ก็ร้านอะไรสักร้านที่เป็นของตัวเอง คงสร้างกิจการอะไรสักอย่างไปเลย เพราะเราเป็นคนที่ไม่ชอบทำงานเป็นรูปแบบอ่ะ คือทำได้นะ แต่เราชอบคิดว่าทำอะไรก็ตามการแข่งขันมันสูง มันกดดันนะ
ทุกวันนี้ถือว่าเป็นวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตเหนื่อยมั้ย
เหนื่อยมาก เหนื่อยตรงที่เราต้องมาควบคุมการให้น้ำหนักกับการใช้ชีวิตส่วนต่าง ๆ ให้ลงตัวที่สุด ชีวิตของเราตอนนี้ ทุกอย่างมันสำคัญหมดนะ ทั้งการเรียน การทำงาน มันเป็นโอกาสเรียนรู้ที่หาไม่ได้จากที่ไหนทั้งงานบันเทิง การศึกษา เราต้องชั่งน้ำหนักให้ดี เพราะมันก็เป็นโอกาสที่ไม่ได้มีมาบ่อย ๆ ด้วยอายุของเราเพียงเท่านี้ นั่นทำให้เราต้องมาคิดดี ๆ ว่าอะไรที่เราทำได้บ้าง หรือทำไม่ได้บ้างในตอนนี้ แต่ก็เอาเป็นว่ามันก็เหนื่อยเหมือนกันนะชีวิตของเรา แต่ก็สู้กับมันตลอดนะ
ขิม จุฬารัตน์ หญิงสาวผู้ใช้ชีวิตธรรมดาแบบคนทั่วไป
เรามีชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไปมาก (หัวเราะ) แต่แค่เหนื่อยหน่อย เพราะไม่ค่อยมีเวลาว่างเลย แต่ถ้าว่างเมื่อไหร่ ขิมก็จะไปเที่ยวสถานที่เดิม ๆ ทำตัวแบบเดิม ๆ ของเราเสมอนะ ก็จะมีบางคนที่เข้ามาทักว่า เฮ้ย น้องขิมใช่มั้ย ขอถ่ายรูปหน่อย แต่แบบนี้มันเป็นแค่ช่วงแรก ๆ นะ เราก็จะแบบมีโหมดเขินอายว่า วันนี้เราไม่ได้แต่งหน้ามาทำไงดี (หัวเราะ) ก็จะไปขอดูรูปเขาอะไรแบบนี้เลย แต่ระยะหลัง เราก็ไม่ค่อย พอเริ่มทำใจได้แล้ว มีครั้งที่เจอคนทักหนักสุดเลยคงจะเป็นวันที่ออกจากบ้านไปซื้อหมูปิ้งกินแถวหน้าโรงเรียน ตอนนั้นใส่เสือยืดซื่อบื้อ Back To The Future รองเท้าแตะช้างดาวออกไปเลยแล้วมีเด็กนักเรียนจำเราได้ อุทานในใจเลยวันนั้น เชี่ยมาก (ยิ้ม) เขามาถามว่า ใช่พี่ขิมรึเปล่าครับ เราก็ถือหมูปิ้งกินกำลังอร่อยเลย รู้สึกตลกดีที่มีคนจำเราได้ ซึ่งมันดีไปอีก ตรงที่เขาไม่ได้ถามเราว่าทำไมไม่แต่งหน้ามา เราก็ถ่าย ๆ ไปแบบเขิน มันเป็นการถ่ายรูปที่น่ารักดี คิดง่าย ๆ ก็มนุษย์อ่ะเนอะ มันไม่ได้สวยและไม่ได้ดูดีตลอดเวลานะ
“ลลิน” ผลงานสร้างชื่อ
ความเห็นส่วนตัว ขิมคิดว่าผลงานสร้างชื่อจริง ๆ ก็คงเป็นไวรัล “ลลิน” ที่มันดังปุบปับมาก ๆ ตอนที่เราถ่ายทำก็ไม่ได้คิดว่ากระแสมันจะแรงขนาดนี้ ตอนทำก็คิดว่า มันเป็นแค่งาน TVC ที่ทำแล้วจบไป คนก็ลืมหน้าแล้ว แต่มันกลายเป็นว่าพอผลงานมันออกมาแล้ว กระแสมันแรงต่อเนื่องจนดังไปถึงประเทศข้าง ๆ อะไรแบบนี้ ที่นี้ใน IG เราก็มีแฟนคลับเวียดนามมาตามเราด้วยนะ เราก็เลยแอบตกใจปนงง ๆ ว่า มันมาถึงจุดนี้แล้วเหรอ เราต้องนั่งตอบแฟนคลับทุกคนแล้วใช่มั้ย อะไรงี้ ซึ่งเราก็ตอบนะ สนุกดี คือเราเห็นไง จะแกล้งไม่เห็นก็ไม่ได้ ต้องดีใจสิที่มีคนมาชื่นชมเราจากผลงาน เราก็อยากขอบคุณทุกคนมาก ๆ เช่นกันที่ชอบผลงานของเรา
งานที่ทำทุกวันนี้แตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
แตกต่างกันเยอะเหมือนกัน อย่างงานถ่ายแบบ หน้าที่ของเราคือจะทำยังไงให้โปรดักท์ออกมาดีที่สุดในแบบของเรา เพราะลูกค้าเลือกเรามาก็เพราะอยากได้บางอย่างของเราเพื่อจะขายสินค้าของเขา มันก็เป็นหน้าที่ของเราว่าจะทำยังไง โพสต์แบบไหนดีให้มันโอเค ส่วนพวกงานโฆษณา ถ่ายหนังมันก็ต้องเป็นเรื่องของความเข้าใจที่เราต้องรับทราบว่า ตัวละครตัวนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วเขามีสาเหตุอะไรที่ต้องทำสิ่งนั้นลงไป มันเป็นหน้าที่ของเราล้วน ๆ คนเดียวจริง ๆ ที่ต้องเรียนรู้มันจากบทที่ได้รับ ซึ่งเราก็ไม่ได้เรียนการแสดงจากไหนนะ ค่อย ๆ สะสมประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ นี่เดี๋ยวอีกไม่นานก็น่าจะได้ดูหนังที่เราเล่นละ
ภาพยนตร์ที่ไปเล่นมาชื่อเรื่องอะไร
เป็นภาพยนตร์ของค่าย Talent one ชื่อเรื่องว่า Fifteen หนังเกี่ยวกับวัยรุ่น วัย coming of age เป็นวัยที่ช่วงอายุประมาณ 14-15 ปี วัยที่กำลังค้นหาตัวเอง ค้นหาสิ่งที่รัก ซึ่งจากบทหนังเรื่องนี้มันก็ท้าทายดีนะได้กลับไปเล่นเป็นตัวเองในยุคนั้นก็สนุกดี มันก็เหมือนกับเป็นการย้อนกลับหาว่าตอนนั้นกูทำอะไรอยู่วะ เรื่องนี้เป็นนางเอกด้วย (หัวเราะ) ตอนนี้ถ่ายจะจบแล้ว อยากให้ทุกคนรอชมกัน
เด็กหญิงขิม ช่วงอายุ 14-15 เป็นคนแบบไหน
ตอนนั้นเป็นเด็กแก่นมาก แต่จะมีมุมที่เป็นเด็กดี รู้ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ เป็นเด็กที่สู้นะตอนนั้น สู้ด้วยความถูกต้อง เราเรียนโรงเรียนบดินทร์เดชา 2 ไง มันจะมีทั้งชายและหญิงอยู่ด้วยกัน ช่วงนั้นวีรกรรมแสบ ๆ ของเราก็มีเหมือนกันนะ จำได้ว่าเราแต่งตัวผิดระเบียบแล้วรองผู้อำนวยการจับเราได้ว่ามาสาย แถมแต่งตัวผิดระเบียบ ซึ่งถ้าใครโดนจับเนี่ย มันก็จะเจอการลงโทษโดยตัดคะแนนบ้างไรงี้ เราก็คิดไม่ออกว่าทำไงดี โดนจับตัวได้แล้ว เลยตัดสินวิ่งหนีรองผู้อำนวยการไปแอบในโรงเรียนเลย สุดท้ายเขาต้องประกาศออกไมค์ทั้งโรงเรียนว่า เด็กหญิงจุฬารัตน์ กรุณาออกมาพบด่วน ไม่เช่นนั้นจะโดนเรียกไปลงโทษ คือทั้งโรงเรียนตามล่าตัวเลย (หัวเราะ) คือที่วิ่งหนีตอนนั้นเพราะว่า เรารู้สึกไม่อยากโดนทำโทษ มันหลายกระทงแน่ ๆ ถ้าโดนอ่ะ เลยวิ่งหนีดีกว่า แก่นมากช่วงนั้น แต่ก็เป็นเด็กดีนะ ดีแบบแอบแสบ ๆ
“ตอนเด็ก ๆ เราชอบร้องเพลงนะ แต่ร้องห่วยแตกมาก ร้องไม่เพราะ เสียงแบบไม่ไหวอ่ะ อย่าร้องเลย
”
ดาราที่อยากร่วมงานด้วยในอนาคต
มีเยอะนะจริง ๆ แล้วถ้าต่างชาติเลือกได้จริง ๆ อยากร่วมงานกับไอ้บ้านี่เลย Jesse Eisenberg พระเอกเรื่อง Social Network คือมันเป็นคนที่แสดงดีมาก หน้าตาก็ไม่ได้ดีนะ แต่แม่งเล่นเก่งมาก เคยไปดูเบื้องหลังหนังเรื่องนี้ที่เขาเล่น แค่ฉากเปิด เขาถ่ายไปทั้งหมด 100 เทคอ่ะ เพราะมันเป็น Long Take คิดในใจไอ้นี่มันต้องท่องบทกี่รอบวะ แล้วที่สำคัญคือนางไว้ผมทรงเดิมตลอด เล่นกี่เรื่องก็ทรงเดิม น่าร่วมงานด้วยดี มันน่าจะมีความเพี้ยนอยู่ในตัวค่อนข้างสูง เพี้ยนแบบขั้นตบหัวได้แน่ ๆ (หัวเราะ) ส่วนถ้าเป็นคนไทย อยากร่วมงานกับพี่นก – สินจัย เปล่งพานิช เรารู้สึกว่าพี่เขาเป็นรุ่นใหญ่ที่เล่นเก่งมาก บทร้ายก็ร้ายสุด ดีก็ดีสุดไปเลย ถ้าเล่นกับเขาคงได้อะไรใหม่ ๆ เยอะแน่นอน การรับส่งอารมณ์ที่จริงจังขึ้น คงเป็นสิ่งแปลกใหม่มากสำหรับเรา อยากรู้เหมือนกันว่าผลตอบรับจะเป็นยังไง การทำงานกับพี่เขาเราจะต้องโตขึ้นแน่ ๆ อยากร่วมงานด้วยค่ะ
ขิมมองภาพตัวเอง อีก 3 ปีหลังจากนี้ไว้อย่างไร
เดาไม่ถูกเหมือนกันนะ จริง ๆ อาจจะเป็นนักแสดงแบบนี้ไปสักปีสองปีแล้วเลิกรึเปล่าก็อาจเป็นได้ หรือสามปีหลังจากนี้อาจจะดังไปเลยก็ได้ จริง ๆ มันอยู่ที่เราเนี่ยแหละ ในวงการนี้ ถ้ามันยิ่งไปก็มีแต่ขึ้น ๆ มันต้องขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึง ณ จุดที่เรารู้สึกว่าเราควรลงแบบช้า ๆ ได้โดยที่ยังรู้สึกสบายใจ เราก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นเช่นไร
ทุกวันนี้คิดว่าตัวเองเป็นเด็กที่โตกว่าอายุรึเปล่า
(หัวเราะ) เราคิดว่าตัวเองเป็นคนที่สบาย ๆ ง่าย ๆ นะ เหมือนจะเรื่องมากด้วยนิดนึง เป็นคนที่ค่อนข้างละเอียด รู้จักวางตัวในการอยู่แต่ละที่ ถ้าเราอยู่บ้าน อยู่กับเพื่อน อยู่กับแฟนก็จะเป็นอีกแบบนึง นิสัยส่วนใหญ่เราเป็นคนชอบดูแลคน เต็มใจมาก ๆ ด้วยกับการดูแลเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ทุกคนจะเรียกเราเป็นแม่เลย (ยิ้ม) ส่วนถ้าบอกว่าโตกว่าอายุรึเปล่า คิดว่าก็มีส่วนนะ เราจะมียุคนึงที่เป็นช่วงทดลองของชีวิต ไปเที่ยวผับไปอะไร แต่ระยะหลัง ๆ ก็เลิกหมดแล้ว เราเที่ยวไวอ่ะตั้งแต่อายุ 14 ปี เราก็ไปจนถึงอายุ 16 ปี เราเลิกแล้ว เลิกไปผับเลย เป็นเด็กแสบมากช่วงนั้น แต่การไปเที่ยวไวมันก็ทำให้เรารู้ว่า สังคมพวกนั้นมันปลอมอ่ะ มันรู้สึกว่าไปก็เจอแต่คนหน้าเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เรารู้สึกว่าการกินเหล้าของเราในสมัยนี้ คือการไปเจอเพื่อนเก่า ไปเจอคนที่ไม่ได้เจอนาน มันจะไม่ได้ไปเที่ยวผับแบบตื๊ด ๆ อีกต่อไปแล้ว เอาง่าย ๆ จำไม่ได้ว่า เมาเหล้าล่าสุดตอนไหนอ่ะ สุดท้ายมันก็รู้ตัวเอง การที่เราทดลองใช้ชีวิตในช่วงนั้น คงน่าจะโตกว่าอายุจริง ๆ ค่ะ
ถ้าคนที่อ่านคอลัมน์นี้อยู่อยากเจอขิมต้องไปที่ไหน
มานครปฐมเลย (หัวเราะ) สถานที่ที่คิดว่าจะเจอขิมเหรอ ที่ไหนว่ะ ไม่มีที่ชัดเจนอ่ะ เป็นคนติดบ้าน อยู่คอนโด แต่ถ้าสถานที่ที่เจอบ่อย ตลาดนัดแถวคอนโดเจอแน่ ทองหล่อ เอกมัย พวกนี้ บางทีทำงานแถวนี้ก็หาข้าวกิน หาร้านนั่งก็เจอแถวนี้ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นแนวนี้มากกว่า (ยิ้ม)
อยากแต่งงานตอนอายุเท่าไร
อยากแต่งตอน 25 ปี รู้สึกว่าตอนนี้ใช้ชีวิตเกือบจะอิ่มแล้ว อายุ 25 เราน่าจะอิ่มตัวพอดี อิ่มที่จะใช้ชีวิตกับอีกคน รู้สึกว่าอยากจะมีครอบครัว มันเป็นอีกพาร์ทนึงของชีวิต รู้สึกว่าการมีลูกเร็วเป็นสิ่งที่ดี ถ้าเป็นคำตอบซื่อบื้อ ๆ ก็คือจะได้อยู่กับลูกนานขึ้น (หัวเราะ)
ชอบผู้ชายแบบไหน
ชอบผู้ชายโตกว่า ชอบผู้ชายที่อบอุ่นดูแลเราได้ เราจะติดนิสัยดูแลคนอื่น ถ้ามีแฟนก็อยากมีแฟนที่ดูแลเราได้บ้าง คอยเตือนเราเรื่องที่ผิดพลาดไปก็จะดีมาก ๆ เลย สเปกขิม คือขอแค่คุยกันรู้เรื่องก็พอแล้ว อย่างคนอื่นเขาจะต้องชอบคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน ทำอะไรทุกอย่างเหมือนกันนะ ซึ่งมันก็ดีจริง ๆ บางทีหากเราคุยแล้ว มันไม่ใช่ภาษาเดียวกัน มันก็จะไม่โอเค แต่ถ้าคุยกันแล้ว เคมีมันตรงกัน คุยแล้วสบายใจ ทั้งที่อาจคุยคนละภาษากันก็ได้ แต่บางคนมันมีเคมีตรงกัน คุยกันแล้วมันโอเคก็ไม่จำเป็นต้องมีเคมีที่เหมือนกันก็ได้ เราว่าความรักมันไม่มีกฏตายตัวอ่ะ ชอบก็ชอบ รักก็คือรัก แค่นั้นมากกว่า
ชีวิตประจำวันของขิม เวลาอยู่บ้านทำอะไร
เราชอบดูหนังฟังเพลงอ่ะ ตอนนี้ติดรายการ ทีวีแชมป์เปี้ยน ไปดูย้อนหลังบ่อยมาก เพราะที่คอนโดยังไม่ได้เสียบสายทีวีจะดูได้แต่หนังที่เป็นแผ่น ๆ เวลาว่างที่เราเบื่อหนังแผ่น เราก็จะไปนั่งดูรายการนี้แหละสนุกดี แล้วก็รายการ เทยเที่ยวไทย ด้วย ตลกดี ชอบ ๆ ดูไปดูมาเพลินดีนะ (หัวเราะ)
ทุกวันนี้เพื่อนรอบ ๆ ตัวขิม ตื่นเต้นมั้ยที่ขิมเป็นดารา
ตื่นเต้น (หัวเราะ) จะมีโมเม้นท์ที่น่ารัก ๆ เกิดขึ้นเยอะ เรารู้สึกว่ามันน่ารักตรงที่เพื่อนของเพื่อนเรา เขาก็จะมาถาม ๆ ว่ารู้จักคนนี้มั้ย ไอ้เพื่อนเราก็จะชอบบอกว่า เฮ้ย เพื่อนกูเอง ขิมนี่เพื่อนกู มันเป็นความรู้สึกตลกดี เพื่อนเราทุกคนจะบอกว่าเป็นเพื่อนขิมหมด ภูมิใจ ๆ ในตัวเพื่อน
สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรกับคนอ่าน
อยากฝากถึงคนอ่าน น่าจะเป็นเรื่องโซเชียลมีเดียมากกว่า เรารู้สึกว่ายุคนี้ใคร ๆ มันก็เป็นเน็ตไอดอลได้ เป็นง่ายด้วย แต่เรารู้สึกว่าสิ่งนึงที่ทุกคนมักจะลืมมันไป คือความมีมารยาทและกาลเทศะ ทุกคนจะลืมกันไปหมดแล้ว หลาย ๆ คนจะชอบคิดว่าการมีโลกโซเชียล เราจะพิมพ์อะไรก็ได้ ระบายอะไรก็ได้ มันเป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่ถ้าคนที่ดังแล้ว ในจุด ๆ นึง มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก เขายังเข้ามาอ่านได้เลย เรารู้สึกว่าคนรุ่นใหม่ ๆ หลายคนอาจจะลืมเรื่องนี้ไป อยากให้ระมัดระวังการใช้งานของมันด้วย มันมีทั้งดีและไม่ดี อย่างเราก็คิดนะว่าการเป็นเน็ตไอดอลที่ขายครีม มันเป็นสิ่งที่ดีนะ เรารู้สึกว่าเขาใช้มันได้ถูกต้อง แต่กับบางคนก็เหมือนใช้โลกพวกนี้สร้างตัวตนออกมา ทั้งที่ในชีวิตจริง เขาอาจจะไม่มีเพื่อนก็ได้ มันก็ดูไม่น่ารักอ่ะ ทำให้การใช้งานดูไม่ค่อยโอเค อยากฝากเรื่องการใช้งานโซเชียลมีเดียในสมัยนี้ดีกว่าค่ะ แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตามผลงานของเราด้วยนะ