Ink Waruntorn Playlist
- Writer: Gandit Panthong
- Photographer:
Ink Waruntorn Playlist
Kidnappers – ปล่อย
เพลงนี้ชอบเพราะว่า เสียงของพี่นู๋เป็นเอกลักษณ์มาก ๆ ทั้งวิธีการร้อง การสื่อสารที่ออกมาตรง ๆ ดี รวมไปถึงตัวเพลงที่มีจังหวะสบาย ๆ ฟังง่าย ตอนที่อิ้งค์ได้ฟังเพลงนี้จริง ๆ ไม่นานมานี้เองนะคะ ประมาณ 2-3 ปีที่แล้วได้ Kidnappers เป็นอีกวงหนึ่งที่อิ้งค์ชอบมาก ๆ
P.O.P – อยากหลับตา
จริง ๆ ชอบเพลงนี้มานานแล้ว ชอบพี่นภ พรชำนิ เสียงพี่เขานุ่ม ๆ อบอุ่นดี ฟังแล้วชอบ ยิ่งพอเรามาเล่นหนังเรื่อง Snap แล้วมีเพลงนี้ในหนังด้วย เราก็รู้สึกว่า เออ เพลงนี้มันน่ารักดีนะ คือถ้าให้ย้อนความหลังของอิ้งค์กับค่ายเพลง Bakery Music มันเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงมัธยมต้นแล้ว เราเป็นคนที่ฟังเพลงของค่ายนี้เยอะมาก ตอนที่มาเล่นหนังก็ทำให้อินมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก คล้ายกับว่าเพลงนี้มันมาสะกิดให้เรารู้สึกตัวว่า 8 ปีที่แล้ว เราเคยฟังมันนะ
The Peach Band – อีกไม่นานก็เช้า
ความหมาย cheer up เราเลยนะสำหรับเพลง อีกไม่นานก็เช้า ทุกอย่างในเพลงมันบวกหมดเลย ฟังแล้วให้กำลังใจตัวเองดี จริง ๆ ในชีวิตเราฟังเพลงหลากหลายแนวมากนะ มันจะเป็นช่วงเวลามากกว่าที่เราสนใจหรืออินกับเพลงไหน อย่างตอนที่อินเพลงนี้ก็จะเป็นช่วงที่ท้อ ๆ เหนื่อย ๆ พอฟังแล้วมันก็กระตุ้นตัวเราเองได้ดี
TK – ผ้าเช็ดหน้า
เพลงชาติของอิ้งค์เลย (หัวเราะ) เราชอบร้องเวลาไปคาราโอเกะกับเพื่อน มันแบบสนุกมาก ยิ่งพอท่อนแร็ป เราจะสุดฤทธิ์สุดเดชกับเพื่อนมาก ล่าสุดได้ไปดูพี่เขาเล่นสดมาตอนคอนเสิร์ต Dojo City รู้สึกดีใจมากที่ได้เจอตัวจริง ๆ สักที หลังจากที่ฟังเพลงของพี่ ๆ มานานมาก ถ้าให้อิ้งค์แร็ปเพลงนี้ตอนนี้ก็ยังได้ เราฟังมานานมากค่ะ เหมือนเป็นเพลงประจำกลุ่มที่ร้องกี่ครั้งก็สนุกทุกที
เค้ก B5 – อีกที
ฟังครั้งแรกในคอนเสิร์ตจำได้แม่นเลย ตอนนั้นฟังแล้วขนลุกทั้งตัวเลย มันเป็นอารมณ์ของเพลงที่เขาส่งมาให้เรารู้สึกว่าเราต้องกรี๊ดให้อ่ะ มันสุดยอดมาก ๆ พี่เค้กร้องได้ดีมากจริง ๆ ซึ่งก่อนหน้านั้นอิงค์เคยฟังแล้วนะเพลงนี้ แต่พอมาฟังอีกครั้งในงานวันนั้น กลับไปบ้านต้องรีบเปิดฟังเลย เรารู้สึกอินกับช่วงเวลาที่พี่เขาร้องเพลงนี้มากจริง ๆ
Gabrielle Aplin – Home
Gabrielle Aplin คือ นักร้องประเทศอังกฤษค่ะ จริง ๆ อิ้งค์ไม่รู้จักเขาหรอก แต่อิ้งค์บังเอิญได้แผ่นซีดีมาจากเพื่อนที่อังกฤษส่งมาให้ลองฟังดู ปรากฏว่าพอฟังแล้ว เราชอบวิธีการร้องของเขามาก ๆ เหมือนเขาจะมีวิธีร้องเป็นของตัวเอง มีเอกลักษณ์ชัดมาก ฟังแล้วรู้สึกสบาย ๆ ดี ทั้งอัลบั้มเลย มันมีความเป็นคันทรีนะ เพลงของเขา อยากให้ลองฟังกันดูค่ะ เผื่อจะติดใจแบบอิ้งค์
Giacomo Puccini – O mio babbino caro
อีกเพลงที่ชอบคงจะเป็นโอเปร่าเพลงนี้ค่ะ คืออิ้งค์เรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ เรียนเกี่ยวกับ Voice เพลงนี้จะเป็นเหมือนเพลงชาติของเด็กที่เรียนร้องเพลงโอเปร่าเลยก็ว่าได้ มันจะเป็นเพลงที่พูดถึงการขอพ่อไปซื้อแหวนให้กับผู้ชายที่รัก เหมือนอารมณ์ว่าฉันรักผู้ชายคนนี้มากนะเลยอยากจะซื้อแหวนไปให้ผู้ชาย อิ้งค์ว่าเพลงมันโอเคมาก ๆ เลยนะ มันเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกรักลงไปให้พ่อตัวเองได้รับรู้ว่า เออ เรารักผู้ชายคนนี้มาก ๆ จริง ๆ นะ การถ่ายทอดอารมณ์ของเพลงค่อนข้างตรง ทำนองมันก็เพราะมากด้วย เป็นเพลงที่เด็กทุกคนในเอกที่อิงค์เรียนอยู่ต้องรู้จักและร้องเพลงนี้ได้ ซึ่งอิงค์เองก็ใช้เพลงนี้ร้องในงาน Junior Recital มาในปีที่แล้ว
Der Favorit – Du Sollst der kaiser meiner seele sein
เพลงนี้มาจากหนังเรื่อง Der Favorit ตัวเพลงมันจะเริ่มมาจากเสียงไวโอลินมาก่อนเลยประมาณท่อนนึง แล้วค่อยเป็นเสียงร้อง โดยเนื้อเพลงจะร้องว่า คุณคือจักรพรรดิในดวงใจของฉัน อะไรทำนองนี้ เหมือนคนร้องจะพรรณนาถึงชายคนรักว่า ผู้ชายคนนี้เปรียบเสมือนจักรพรรดิในดวงใจของฉันเลยนะ มันจะเป็นเพลงรักหวาน ๆ หน่อย เป็นอีกเพลงที่อิ้งค์ฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันมีความโรแมนติกอยู่เยอะพอสมควร
Exclusive Talk
เธอเป็นใคร ?
สวัสดีค่ะ เราชื่ออิ้งค์ ตอนนี้ศึกษาอยู่ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ค่ะ เอก Voice ค่ะ
จุดเริ่มต้นการเป็นศิลปิน
จุดเริ่มต้นของอิ้งค์กับเสียงดนตรีน่าจะเริ่มตอนประมาณช่วง 7 ขวบค่ะ พ่อเห็นเราร้องเพลงในรถยนตร์ตรงคีย์แบบร้องเล่น ๆ เนี่ยล่ะ แล้วพ่อก็เลยคิดว่าถ้าเอาไปเรียนร้องเพลงน่าจะดีกว่านี้ เลยส่งเราไปเรียนร้องเพลง เหมือนเขาเริ่มเห็นว่าลูกตัวเองชอบอะไรสักอย่างก็อยากจะส่งเสริม ลองเลยแล้วกัน ซึ่งตอนนั้นอิ้งค์เรียนเยอะมาก ทั้งบัลเลต์ เปียโน ว่ายน้ำ เรียนหมดเลย แต่สุดท้ายแล้วสิ่งเดียวที่รอดก็คือร้องเพลงเนี่ยล่ะ อิ้งค์ก็เลยเริ่มร้องเพลงจริงจังตั้งแต่นั้นมา
ผลงานก่อนหน้านี้มีอะไรบ้าง
ก่อนหน้านี้ ผลงานของอิ้งค์ก็จะมีช่วงที่ทำกับพี่โอ๊บ วง Time (เพิ่มศักดิ์ พิสิษฐ์สังฆกร) สมัยเด็ก ๆ เคยได้ร้องเพลง ก่อนมะลิบาน ของวง Time ค่ะ เป็นเสียงเด็กที่ร้องคอรัสอยู่ในเพลงตรงท่อน “ก็อยากให้ไฟแดงนานกว่านี้หน่อย” สนุกมากช่วงนั้นเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับชีวิตเลย เปิดฟังตลอด ฟังแต่ท่อนที่ตัวเองร้อง แต่คนฟังคนอื่นเขาก็จะไม่รู้นะว่าอิ้งค์เป็นคนร้องท่อนนี้ เขาคิดกันว่าน่าจะเป็นเด็กขายพวงมาลัยจริง ๆ ที่ร้องท่อนนี้ (หัวเราะ) แต่ก็อยากบอกทุกคนว่า นี่อิ้งค์เองนะ เราก็จะชอบไปอวดเพื่อนนิดนึงว่า เฮ้ย ฟังเพลงนี้หรือยัง เราร้องเองนะ
ช่วงเวลาที่เป็นอิ้งค์ Chilli White Choc สนุกมั้ย
ตอนนั้นเป็นช่วงที่อิ้งค์เรียนร้องเพลงอยู่ แล้วทางโรงเรียนสอนดนตรีส่งเราไปลองแคสติ้งกับค่าย RS ดู ปรากฏว่าได้ไปอยู่ในค่าย Kamikaze ในนามวง Chilli White Choc แต่อิ้งค์ก็อยู่ได้แค่ปีเดียว แล้วแยกย้ายกลับไปโฟกัสเรื่องเรียน เพราะช่วงนั้นเราค่อนข้างกังวลเรื่องเรียนมากก็เลยต้องออกจากค่ายและวงเพื่อเรียนต่อ โชคดีว่าโรงเรียนของอิ้งค์ (โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ) มีเอกดนตรีอยู่ เราก็เลยยังร้องเพลงอยู่ทุกวันหลังจากนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำเป็นอาชีพแล้ว นี่เป็นอีกจุดเปลี่ยนที่ทำให้อิ้งค์เลือกเรียนเอกดนตรีด้วยตอนเข้ามหาลัย
“สมัยเด็ก ๆ เคยได้ร้องเพลง ก่อนมะลิบาน ของวง Time ค่ะ เป็นเสียงเด็กที่ร้องคอรัสอยู่ในเพลงตรงท่อน “ก็อยากให้ไฟแดงนานกว่านี้หน่อย” สนุกมากช่วงนั้นเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับชีวิตเลย”
แสดงว่าทางบ้านให้การสนับสนุนเรื่องร้องเพลงเป็นอย่างดี
ทางบ้านก็ไม่ได้ว่าอะไรเลย เพราะพวกเขาส่งเสริมอิ้งค์มาตั้งแต่อายุ 7 ขวบแล้ว แถมโตมาขนาดนี้ก็ยังส่งเสริมให้เราทำสิ่งที่อยากทำอยู่เสมอนะ ไม่ได้กำหนดว่าโตแล้วต้องเรียนหมอหรือเรียนอาชีพอะไรที่พ่อกับแม่ต้องการ เขาให้อิสระเราเต็มที่ ชอบอะไร คิดว่าทำอะไรได้ดี ก็ทำเลย กำลังใจมีให้เราเสมอค่ะ
การเดินทางครั้งสำคัญกับค่ายเพลง Boxx Music
การมาอยู่ค่าย Boxx Music ของอิ้งค์ เกิดจากการที่เราเคยมีโอกาสร่วมงานกับพี่โอ๊บตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ ติดต่อพี่โอ๊บมาตลอด ทีนี้พี่เขาเป็น producer ของวง Clash ซึ่งพี่พลก็เห็นอิ้งค์มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ตอนนี้เราเติบโตขึ้น ประกอบกับเรายังรักในเสียงดนตรีอยู่ ยังอยากทำตามความฝันที่ตั้งไว้ พี่เขาเห็นว่าเราพร้อมแล้วก็เลยชวนมาอยู่ค่ายนี้ค่ะ เราก็อยากทำเพลงของเราให้มันออกมาดีที่สุดยังไงก็อยากให้รอติดตามกันเร็ว ๆ นี้
เพลงของอิ้งค์ที่กำลังจะปล่อยออกมาชื่อเพลงอะไร ?
ชื่อเพลงที่กำลังจะออกชื่อเพลง เหงาเหงา (Insomnia) ค่ะ เป็นแนว synth – pop จังหวะ medium เนื้อเพลงนี้จะพูดถึง การที่เราห่างกันแบบนี้ เธอรู้สึกเหงาเหมือนฉันบ้างไหม คล้าย ๆ กับการเป็นแฟนกันแล้ว ทะเลาะกัน แต่เดินไปเจอผู้คนแล้วรู้สึกเหงา เธอรู้สึกเหมือนฉันหรือเปล่า ทำนองนี้ค่ะ ข่าวดีก็คือเตรียมฟังเพลงนี้ได้ที่ www.fungjai.com เลย
วาดฝันอยากมีอัลบั้มเต็มหรือเปล่า
ถ้ามีโอกาสก็อยากมีนะคะ (ยิ้ม)
ขั้นตอนการเตรียมตัวแสดงสดเพลง เหงาเหงา ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว
ยังเลยค่ะ ช่วงนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนเตรียมถ่าย mv มากกว่า กำลังจะถ่ายแล้ว พี่คงเดช จาตุรันต์รัศมี เป็นผู้กำกับ mv เพลงนี้ด้วยค่ะ ส่วนขั้นตอนการแสดงสด หลังจากถ่าย mv แล้วก็คงจะเข้าห้องซ้อมให้ทุกอย่างมันชัดเจนมากยิ่งขึ้น
พูดถึงส่วนของการเป็นนักร้องมาพอสมควรแล้ว ในด้านการเป็นนักแสดงล่ะ มาเป็นนางเอกภาพยนตร์เรื่อง Snap ได้อย่างไร
จริง ๆ แล้ว อิ้งค์เป็นดรัมเมเยอร์ของจุฬาลงกรณ์อยู่แล้ว ทีนี้พี่แคสติ้งจากทีมพี่คงเดชมาเห็นโปรไฟล์ของเราก็เลยเรียกไปแคสหนัง ตอนแรกอิ้งค์ก็ไม่ได้สนใจจะไปแคสเลย เพราะรู้สึกว่าตัวเองห่างไกลมาก เลยเลื่อนเขาไปเรื่อยจนหนังที่อยากให้เราไปเล่นทีแรกมันออกฉายไปแล้ว จากนั้นพี่เขาก็โทรเรียกให้ไปแคสติ้งอีกทีตอนหนังเรื่อง Snap คราวนี้ตัดสินใจไป เพราะคิดว่า เขาคงเห็นอะไรในตัวเราแน่ ๆ ไม่งั้นเขาไม่โทรมาหาเราหลายรอบ พอไปถึง บทที่ได้มาตอนนั้น เราเล่นไม่ได้เลย ถึงขนาดที่พี่คงเดชบอกว่า ไม่มีเทปแคสที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ (หัวเราะ) สุดท้ายพี่เขาก็นัดเจอเรา อยากคุยกับเราก่อนว่าเป็นคนยังไงบ้าง มีธรรมชาติใกล้เคียงกับตัวละครหรือเปล่า คุยไปกันเรื่อย ๆ สรุปแคสติ้งผ่านได้มาเล่นบทตัวละครชื่อ ผึ้ง ค่ะ
ตัวจริงของอิ้งค์ ถือว่ามีชีวิตใกล้เคียงกับ ผึ้ง มั้ย
ไม่ขนาดนั้นนะ จริง ๆ แล้วผึ้งจะเป็นสาวสมัยใหม่ที่ชอบถ่ายรูปลง IG เห็นอะไรก็ถ่ายรูปไว้ก่อนเลย ใช้ชีวิตฟรุ้งฟริ้งอ่ะ คล้ายกับการสร้างโปร์โฟล์ตัวเองทางอินเตอร์เน็ตอะไรแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วชีวิตธรรมดาของผึ้งก็เหมือนคนทั่วไปด้วยซ้ำ ไม่ได้สวยงามทุกวัน แต่ก็เลือกจะถ่ายทอดแต่มุมที่งดงามมาให้คนอื่นได้รับรู้เพียงแค่นั้น
ในหนังดูอิ้งค์จะมีเสียงค่อนข้างห้วนและห้าวมาก
จริงเหรอค่ะ อิ้งค์ก็พูดแบบนี้นานแล้วนะ (หัวเราะ) แต่ในหนังก็ดูห้วนมากจริง ๆ เพราะว่าอิ้งค์ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเล่นแบบนั้นออกไป แต่ด้วยความที่ตัวละครของผึ้งอายุ 26 ปีแล้ว เขาจะมีความนิ่งกว่าอิ้งค์ตอนนี้ที่เพิ่ง 21 ปี อิ้งค์เลยเลือกที่จะแสดงออกไปให้ดูโตขึ้น แล้วบทสนทนาเวลาที่เราเจอแฟนเก่า คนที่ยังมีอะไรค้างคากัน มันก็ไม่ได้มาคุยกันง่าย ๆ มันจะมีความอึดอัดในการพูดออกไปอยู่แล้ว
การร่วมงานกับโทนี่ รากแก่น และคงเดช จาตุรันต์รัศมี เป็นอย่างไรบ้าง
พี่คงเดชเก่งมาก อิ้งค์เพิ่งรู้จักผู้กำกับอินดี้คนแรกในชีวิตก็คือพี่เขาเลย เขาเปิดโลกอินดี้ให้เราเยอะเหมือนกัน ทำให้รู้ว่าการทำงานของเขาเป็นอย่างไร เขาเป็นคนใจเย็น มีน้ำใจด้วย มันก็เลยทำงานสนุก ทำงานง่าย เขาสอนเราเยอะมากในกองถ่าย เวลาเล่นไม่ได้ พี่เขาก็จะไม่ดุเรา แต่จะสอนเรามากกว่า ส่วนพี่โทนี่ก็จะสอนเราเหมือนกัน อย่างเวลาเราทำไม่ได้ พี่เขาก็จะบอกว่าลองใจเย็น ๆ สิเดี๋ยวก็ทำได้ เลยเป็นความรู้สึกที่สนุกสนานกับประสบการณ์ใหม่ ๆ
ความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างพระเอกและนางเอกของหนังเรื่องนี้ มันคือความสัมพันธ์แบบไหน
สำหรับอิ้งค์คิดว่ามันน่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบรักในวัยเรียนที่มันไม่ได้รับการเคลียร์มากกว่า อย่างวันที่ผึ้งนัดบอยมาถ่ายรูป มันเป็นการนัดนัย ๆ เพื่อบอกลา แต่บอยก็ไม่มาตามนัด หลังจากนั้นตัวผึ้งเองก็ไม่ได้รับคำตอบว่าทำไมวันนั้นบอยถึงไม่มา มันใช้เวลา 8 ปีเลยนะ เพราะฉะนั้นการกลับมาเจอกัน มันก็เป็นธรรมดาที่ตัวผึ้งเองอยากจะเคลียร์กับบอยว่าบอยหายไปไหน มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับบอยในวันนั้น เพราะฉะนั้นมันก็เลยกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างอึดอัด เมื่อทั้งคู่กลับมาเจอกันครั้งนี้ มองหน้ากันแล้วก็ไม่รู้จะถามอะไรดี จะถามดีหรือเปล่า เป็นความรู้สึกที่แปลกเหมือนกันนะ บางครั้งกับคนที่เราคุยกันได้ตลอดเวลา แต่อยู่ ๆ มันก็กลายเป็นคนที่เราแทบไม่รู้จะคุยอะไรกันอีกต่อไปแล้ว
“วันที่ผึ้งนัดบอยมาถ่ายรูป มันเป็นการนัดนัย ๆ เพื่อบอกลา แต่บอยก็ไม่มาตามนัด หลังจากนั้นตัวผึ้งเองก็ไม่ได้รับคำตอบว่าทำไมวันนั้นบอยถึงไม่มา มันใช้เวลา 8 ปีเลยนะ เพราะฉะนั้นการกลับมาเจอกัน มันก็เป็นธรรมดาที่ตัวผึ้งเองอยากจะเคลียร์กับบอยว่าบอยหายไปไหน มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับบอยในวันนั้น”
ย้อนกลับไปชีวิต 8 ปีที่แล้วของอิ้งค์เองละเป็นอย่างไรบ้าง
8 ปีที่แล้วอิ้งค์ยังอยู่มอสองอยู่เลย (หัวเราะ) จะมีรักแบบน่ารัก ๆ วัยเรียนมากกว่า แต่ก็คงไม่ถึงขนาดบอยกับผึ้งอ่ะ มันรุนแรงไป
มีความทรงจำหรือเหตุการณ์ไหนที่เป็นความทรงจำที่ดีในชีวิตที่อยากย้อนกลับไปบ้างรึเปล่า
น่าจะเป็นตอนที่เข้ามหาลัยได้ ช่วงนั้นเราดีใจมาก แต่ตัวเราเองกลับไม่ได้ Snap ช่วงเวลานั้นเก็บไว้ในความคิดของตัวเองเลย ทุกวันนี้ก็ยังเสียดายอยู่ เราไม่ได้เก็บช่วงเวลานั้นไว้เลย แล้วก็มีอีกครั้งตอนที่เป็นดรัมเมเยอร์ มีการซ้อมข้ามปี ซึ่งเป็นช่วงวันปีใหม่เลยเป็นความทรงจำที่จำได้ดี ขณะที่ทุกคนกำลังนับถอยหลังข้ามปีใหม่ ตอนนั้นตัวอิ้งค์เองยังควงคฑาอยู่เลย มันเป็นความรู้สึกที่ เฮ้ย นี่ปีใหม่แล้วนะ เรากำลังยืนอยู่ด้วยความรู้สึกที่น้ำตาไหลเลย มันเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวอารมณ์แบบเศร้า ๆ นิดนึง อะไรแบบนั้น แต่จากเหตุการณ์นี้มันก็ทำให้เราเติบโตขึ้นนะ วันปีใหม่มันก็เป็นแค่วันธรรมดาเท่านั้นเอง รู้สึกโตขึ้นเลยจากเหตุการณ์นั้น เหมือนแค่เสียดายที่ไม่ได้ฉลองปีใหม่กับเพื่อนเท่านั้นเอง แต่พอมาคิดอีกที เออ ก็ไม่เป็นไรนินา เรื่องปกติ วันพวกนี้ ถ้ากลับไป Snap ภาพชีวิตช่วงนั้นได้ก็อยากทำเหมือนกัน โชคดีหน่อยที่ปีนี้ วันที่ 31 Snap เข้าโรงภาพยนตร์พอดีก็เลยอยู่บ้านกับพ่อแม่ แฮปปี้มาก ๆ รู้สึกว่าเช้ามามันก็วันที่ 1 ทำชีวิตปกติเท่านั้นเอง
ชอบถ่ายภาพแบบในหนังมั้ย
ชอบถ่ายนะ แต่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ถ่ายรูปสวยเหมือนในหนัง ชอบถ่ายอารมณ์กล้องไอโฟนมากกว่า การถ่ายของอิ้งค์มันไม่เหมือนของผึ้งนะ อย่างชามก๋วยเตี้ยวไรงี้ เราไม่ถ่ายอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นพวกคนหรือวิวอะไรแบบนี้ เราก็ถ่ายเหมือนคนทั่วไปค่ะ
แบบนี้สเปคหนุ่ม ๆ ในอุดมคตินี่จะเหมือนบอยมั้ย
ชอบคนที่มีสไตล์เป็นตัวของตัวเองนะ ต้องเป็นคนที่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตด้วย รู้ว่าตัวเองชอบทำอะไร แล้วก็จะทำอะไรต่อไป ไม่ใช่คนที่ทำอะไรไปวัน ๆ เรื่องอายุไม่จำเป็นสำหรับอิ้งค์
ความฝันหลังจากนี้ อิ้งค์อยากทำอะไรในชีวิตอีก
หลังจากนี้คงยังไม่ได้อยากทำอะไรเป็นพิเศษนะ ตอนนี้อยากร้องเพลงให้ดีที่สุดไปก่อน ตอนนี้ก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว ถ้าจบปุ๊ปก็ลุยกับมันได้เต็มที่เลย น่าจะคิดถึงเรื่องนี้มากกว่า
สุดท้ายนี้ฝากอะไรถึงคนอ่านหน่อย
อยากฝากเพลง เหงาเหงา (Insomnia) ของอิ้งค์ด้วย มีให้ฟังกันที่แรกที่เว็บฟังใจเลย ติดตามกันด้วยนะคะ แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่มาดูหนังเรื่อง Snap ด้วย ดีใจที่หลาย ๆ คนชอบ ยังไงก็ฝากผลงานของอิ้งค์ด้วยนะคะ
