Youth Brush : Stay at Home
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Chavit Mayot
- Art Director: Benyatip Sittiwej
ถ้าจะให้ลองนึกชื่อศิลปินโฟล์ก-อะคูสติก ที่กำลังมีผลงานออกสู่สาธารณชนอย่างสม่ำเสมอจนถึงทุกวันนี้ Youth Brush คงเป็นชื่อแรก ๆ ที่โผล่ขึ้นมาในหัว ที่ผ่านมาเราได้อิ่มเอมไปกับเพลงบรรเลงด้วยกีตาร์ฟังสบายของเขามาถึงสามอัลบั้ม และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งปล่อยเพลงล่าสุด เธอของเธอ จากอัลบั้มชุดต่อไปที่จะมีสไตล์แตกต่างจากงานก่อน ๆ อยู่ไม่น้อย แต่สำหรับใครที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับดุ่ย พื้นที่นี้น่าจะเหมาะสำหรับการทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้นก่อนจะไปฟังงานชุดที่สี่ของเขาในอนาคต
ฉาก 1
ภายใน / ห้องนอน / กลางวัน
บางคนอาจจะไม่รู้มาก่อนว่า Youth Brush หรือ ดุ่ย—วิษณุ ลิขิตสถาพร คือคนคนเดียวกับฟรอนต์แมนวงล้ำ ๆ ซาวด์ดีดดิ้นอย่าง Two Million Thanks ด้วยความที่เขาสนใจทั้งดนตรีโฟล์ก และเพลงร็อก ทำให้ดุ่ยเริ่มทำโปรเจกต์เพลงทั้งสองวงขึ้นมาเรียกว่าแทบจะในเวลาไล่เลี่ยกัน จากการทำเพลงเล่น ๆ ขึ้นมาในวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ล่วงเลยเข้าสู่ปีที่หกแล้ว
ทำไมถึงอยากทำเพลงฟังง่าย ๆ ขณะที่หลายคนเลือกทำเพลงที่ซับซ้อน
คนเรามันเกิดมาโดยพื้นฐานก็ฟังเพลงที่ฟังง่ายอยู่แล้ว คงไม่ได้อยากทำงานทดลองตลอดเวลา
เรื่องราวส่วนใหญ่ที่เอามาเขียนมาจากอะไร
ส่วนใหญ่เพลง Youth Brush มันก็เป็นเพลงวัยรุ่นน่ะ สำหรับเรามันจะดูฟังง่าย ไม่ต่างอะไรจากเพลงรักทั่วไปเท่าไหร่ เหมือนเพลงป๊อปทั่วไป มีเรื่องจากชีวิตว่าไปพบเจออะไรมาบ้าง แต่ความเป็นเพลงก็ต้องมีการตกแต่งให้ดูสวยหรูขึ้นไป จะมีบางเพลงเหมือนกันที่แต่งเกี่ยวกับบรรยากาศรอบตัว
เพลงโฟล์กของ Youth Brush ต่างกับงานของคนอื่นยังไง
เพลงโฟล์กส่วนใหญ่มันก็จะไม่ป๊อปเนาะ จะกึ่ง ๆ เพื่อชีวิต แล้ว process ของโฟล์กส่วนใหญ่มันจะ lo-fi, low tech อัดในห้องตัวเองเป็น bedroom studio งานถูก ๆ เนื้อหาโฟล์กก็จะเฉพาะตัว พูดถึงเรื่องธรรมชาติ แต่ Youth Brush เลือกจะใช้ process ตรงนั้น แค่ทำเนื้อหาให้เป็นเพลงป๊อป แล้วบางทีภาษาที่ใช้จะกำกวม อาจจะตรงใจกับคนที่ไม่กล้าบอกอะไรกับใครตรง ๆ ก็ได้ แล้วก็เขินเสียงตัวเองที่เสียงไม่ดี ก็ต้องร้องให้ไลน์เยอะ ๆ ให้มันกลบ ๆ ไปก่อน
ทำไมเลือกสื่อสารด้วยเนื้อหาเพลงที่กำกวม
เพราะเขินอีกล่ะมั้ง แต่เพลงที่น้ำเน่ามาก ๆ ก็มี อย่างเพลง ให้ ก็ตั้งใจจะแต่งให้มันดูเก่าจากการที่บางทีมันเริ่มจากเมโลดี้กีตาร์ คือเมโลดี้มันมาเก่าแล้ว ก็น่าจะใส่ภาษาที่เก่าเข้าไปด้วย คนฟังเพลงยุคนั้นจะเข้าใจกัน ก็แล้วแต่อารมณ์นะ ถ้าช่วงนั้นฟังเพลงอะไรเยอะ ๆ ก็จะออกมาเป็นแบบนั้น
ได้อิทธิพลการเขียนเพลงโฟล์กจากใคร
สมัยที่ยังฟังเพลงไม่เยอะ ยุคแรก ๆ ก็ Little Fox (จีน มหาสมุทร) หรือ Selina and Sirinya ตอนนั้น Into the Air มาเราก็เริ่มทำเพลงแล้ว แต่ยังไม่มีชื่อเสียง พอหลังจากนั้นเริ่มไปหาฟังวงเมืองนอกหลายวง แต่ส่วนใหญ่ไปสนใจคลิป ‘A Take Away Show’ ที่ขนวงไปเล่นตามที่ต่าง ๆ แล้วเครื่องดนตรีส่วนมากที่เขาใช้กันปกติก็เป็นเครื่องดนตรีเฉพาะทางทีไม่สามารถเล่น full band ไปด้วยได้ เขาเลยประยุกต์เอาเครื่องมือเครื่องใช้ใกล้ตัวมาเคาะจังหวะ วงอย่าง Architecture in Helsinki ก็เหมือนกัน เขามีซินธิไซเซอร์จ๋าเลยนะ แต่พอมาเล่นรายการนี้เขาก็สลัดความเป็นอิเล็กทรอนิกไปหมดเลย กลายเป็นอะคูสติกจ๋า ๆ เราก็รู้สึกว่าตรงนั้นมันน่ารักดี
ได้เอามาใช้ใน Youth Brush บ้างไหม
ก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่มาใช้ในเชิงเมโลดี้มากกว่า ไม่ได้ใช้ในเชิง compose ขนาดนั้น
ทำไมชอบตั้งชื่อเพลงสั้น ๆ
มันคิดไม่ออกอะ แต่ 55 นี่คิดเยอะนะ เพลงนี้เราคิดมาจากชื่อเพลงก่อนเลย อยากให้มันชื่อ 55 เพราะ Dickey Lee มีเพลง 9,999,999 Tears ก็เลยคิดว่า ภาษาไทยมันมีเลขอะไรที่มาทำเป็นเพลงได้บ้างวะ จะ 33 หรือ 11 ก็ไม่ได้ แต่ 55 มันเป็นเสียงหัวเราะก็ได้ หรือจะให้เป็นเสียงฮัมเพลงก็ได้
ตอนที่ทำเพลงแรกออกมากระแสตอบรับดีไหม
ดีนะ มันเกินความคาดหวังไปแล้วเพราะตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไร เมื่อก่อนตอนทำ Two Million Thanks คนก็ไม่รู้ว่าเราทำ Youth Brush คือตอน TMT ยุคแรก ๆ ออกมา เรามีค่าย มันก็ดังกว่าอยู่แล้ว แต่พอทำไปทำมา ด้วยความที่ TMT เป็นวงและมีข้อจำกัดทางงบ มันเลยออกเพลงช้า ใช้เวลาคิดเยอะด้วย แต่ Youth Brush มันทำเล่น ๆ ออกมาเรื่อย ๆ จนถึงอัลบั้มสาม ทุกวันนี้ก็ดังกว่า กลายเป็นคนไม่รู้จัก TMT ไปแล้ว แฟนคลับก็น่าจะคนละกลุ่มกันด้วย
ทำไมทำอัลบั้มไปวางขายนิดเดียว
เราเป็นคนไม่วางขายที่ไหน ให้ inbox มาสั่งอย่างเดียวก็ขายหมด ความจริงคือทำเพราะอยากเห็นเงินเป็นก้อน ถ้าฝากขายไปเยอะ ๆ เราก็จะไม่รู้ว่าจะได้เงินจากมันเท่าไหร่ ทำแบบนี้จะได้เอาไปคำนวณทีหลังได้ง่าย
ตอนงานเปิดอัลบั้ม 3 ของ Youth Brush เป็นยังไงบ้าง
ดีนะ คนก็เยอะ ความจริงก็ขายบัตรหมดแหละ สนุกดี พี่เจ Penguin Villa ก็ใจดี เฟนเดอร์ Solitude is Bliss ก็อุตส่าห์มาเล่นให้ จริง ๆ คนมาดูเฟนเดอร์แหละ
ติดใจจากที่เคยเล่นงานเดียวกันตอน ‘ฟังใจลอย’ หรอ
รู้สึกว่าสองคนนี้แหละที่ต้องมาเล่นงานเรา นึกไม่ออกว่าจะเอาใครดี ความจริงชอบพี่ เอ้—รงค์ สุภารัตน์ มาก ๆ แต่ไม่รู้จักเขา เลยเอาคนที่รู้จักก่อนเนี่ยแหละ
อัลบั้มชุดที่ 4 จะมีความแตกต่างจากงานชุดก่อน ๆ ยังไง
อัลบั้มเราไม่ได้มีคอนเซปต์ตายตัว แค่เหมือนรวบรวมเพลงที่แต่ง ๆ มา ส่วนใหญ่คือทำเพลงให้เสร็จก่อน เลือกรูปหน้าปก แล้วค่อยคิดชื่ออัลบั้มให้ตรงกับปก หรืออีกทีจะปล่อยเพลงให้ฟังฟรีใน soundcloud ใช้ชื่อแอคเคาต์ว่า Wissanu อันไหนยอดฟังเยอะก็เอามาลงอัลบั้ม ความจริงแต่งไว้เยอะมาก 5-6 เพลง แต่ก็ยังไม่ชอบ บางเพลงก็ตั้งใจจะปล่อยตั้งแต่หน้าหนาวแล้วเพราะเขียนเกี่ยวกับความหนาว แต่ไม่หนาวสักที ก็เลยเอาไว้ก่อนดีกว่า พอแต่งไปเรื่อย ๆ จนมาถึงเพลงล่าสุด เธอของเธอ เพิ่งปล่อยไปเมื่อเดือนที่แล้ว คนตื่นเต้นเพราะมันแตกต่างที่ได้ยินเสียงเราชัดขึ้นมั้ง เพราะคิดว่าอยากทำเหมือนเราเล่นคนเดียวมากขึ้น หมายถึงเป็นกีตาร์ตัวเดียว ร้องเปล่า ๆ ปกติจะร้อง 2-3 ไลน์ เสียงเบา ๆ ลอย ๆ แต่บางทีก็คิดว่าน่าจะให้มีอะไรแปลกใหม่บ้าง อาจจะมีเสียงแตก distortion เข้ามาในไลน์กีตาร์ แต่ก็ไม่แน่ แล้วแต่อารมณ์อีกที
ฉาก 2
ภายใน / ห้องนั่งเล่น / กลางวัน
คิดว่า Youth Brush อยู่ตรงจุดไหนของวงการ
โหย… กลาง ๆ มั้ง แต่ถ้าคนฟังทั่วไปฟังได้ก็โอเคแล้วนะ มันมีแฟนเพลงที่ดูไม่ได้ฟังวงอินดี้ แต่ชอบ Youth Brush ก็มี
มีคนชวนไปเล่นงานใหญ่หรืองานต่างประเทศหรือยัง
ไม่เคยนะ แต่เคยมีคลื่นวิทยุของออสเตรเลียชื่อ Triple J จะขอเพลง ยังไม่นอน ไปเปิด นี่ยังไม่รู้เลยว่าไปเจอได้ยังไง เราก็ตอบช้า บอกว่าเดี๋ยวส่งไปให้นะครับ แล้วส่งเพลงไปช้าอีก เขาก็ไม่ตอบอะไรกลับมาเลย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คือถึงมีคนชวนไปเล่นก็ไม่อยากเอา Youth Brush ไปเล่นนะ ปะทะแรกมันไม่ได้แรง แค่คนไทยยังเอาไม่อยู่เลย การเล่นสดของเรามันเฉพาะกลุ่มอะ ถ้าคนไม่ชอบจริง ๆ ก็เฉย ๆ ไปเลย เราไม่ใช่กีตาร์ฮีโร่ ร้องก็ไม่ได้เสียงดี ต้องเป็นคนที่ชอบ Youth Brush โดยเฉพาะ แล้วถ้าไปเล่นให้ฝรั่งฟัง เขาก็รู้จักแค่เพลงเดียว หรืออาจจะไม่รู้จักเลย
ความรู้สึกของการทำ Youth Brush จากวันนั้นจนถึงวันนี้ยังเหมือนเดิมไหม
ก็เหมือนเดิมแหละ แต่เราเริ่มใส่ใจคนฟังมากขึ้น อยากฟังเพลงแบบไหน เขาจะชอบเพลงเราไหม บางทีอยากตั้งคำถามถามเขาเหมือนกัน ชอบเนื้อหาแบบไหน อยากได้เพลงช้า เร็ว น่ารัก หรือเศร้า แต่ก็ไม่ได้ทำ มันดูอันตราย เป็นดาบสองคมที่กลัวว่าจะบั่นทอนเราเอง ถ้าถามไปเราอาจจะได้กำลังใจที่เขาชม หรือบางคนอาจจะบอกให้เปลี่ยนแนว แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายก็เลือกให้เป็นในแบบของเราอะ ดีที่สุดแล้ว
จะทำ Youth Brush ต่อไปเรื่อย ๆ ไหม
ก็คงทำไปเรื่อย ๆ ทำให้มันถึง 4 อัลบั้มก็เกือบครึ่งทางของศิลปินที่จะอยู่เป็นสิบปีแล้วนะ
ส่วนใหญ่วงดนตรีมันก็เกิดในสมัยมหาลัย วัยทำงานจะไปหาเพื่อนตายที่มาเล่นกันแบบมุ่งมั่นมันไม่มีแล้ว
ทำงานหลายโปรเจกต์ แบ่งเวลายังไง
ส่วนใหญ่ทำพร้อม ๆ กันนะ มันก็เลยช้า แล้วปวดหัวกับมันอยู่เหมือนกัน เลยให้เป็นว่า ไอเดียวงไหนมาก็เอาวงนั้นก่อน ตามอารมณ์ไป คือมันก็แบ่งชัดเจนตามความสำคัญของแต่ละงาน อย่าง Youth Brush มันอิสระที่สุดแล้ว ทำคนเดียว Lucy and Bourne ก็ทำกับแฟนสนุก ๆ อาจจะความสำคัญรองมาจาก Youth Brush คือพอมีไอเดียค่อยไปใส่ โหดสุดก็ Two Million Thanks เนี่ยแหละ ทุกวันนี้คือในหนึ่งเพลง มีสิบท่อนที่แต่งมาประกอบกันแล้วไม่ชอบสักที แต่งเมโลดี้ร้องมากี่แบบแล้วก็ยังไม่ชอบ เหนื่อยตรงนี้แหละ แต่ช่วงนี้จะมีเส้นตายก่อนไปทำธุระ เดี๋ยวจะไปเป็นทหารไง ก็ต้องทำเดโม่ให้เสร็จ จริง ๆ เสร็จไปเพลงนึงแล้วแต่ก็ยังปล่อยไม่ได้ ส่วนใหญ่พาร์ตดนตรีไม่มีปัญหาเลย เนื้อร้องเนี่ยแหละมีปัญหา ยากสุด มันมีจุดที่ต้องเลือกของ TMT ว่ากูจะแต่งให้มันดูหล่อ หรือจะให้มันดูขี้เล่นดีวะ คือตอนเพลงทำออกมาแล้วดนตรีมึงหล่อมากเลยว่ะ แต่พอแต่งหล่อไปแล้วมันไม่เข้ากับลุค TMT อีก ก็เลยเถียงกันกับตัวเองว่าจะเอายังไงวะ มันก็เลยเสร็จยาก อัลบั้มแรกทำแบบไม่คิด แต่งให้มันเสร็จแค่นั้นแหละ เลยออกมาเป็นแบบนั้น แต่พอมาอัลบั้มนี้มันเริ่มคิดเยอะขึ้น เล่นสดก็ใช้อุปกรณ์เยอะ ไม่มีตังซื้อของ ก็เก็บตังซื้อของได้เมื่อไหร่ค่อยปล่อย
เคยลองเพลง Youth Brush ไปทำดนตรีแบบ Two Million Thanks บ้างไหม
คิดเหมือนกันว่า ถ้าอยากได้ความแปลกใหม่ก็ควรเอาเพลงที่แต่ง Two Million Thanks มาใส่ Youth Brush บ้าง แต่เพลงมันยากไป รายละเอียดมันเยอะ หรือถ้าลองเอา Youth Brush ไปใส่ใน TMT มันก็จะฟังง่ายไป แล้วการทำแบบนี้คนก็อาจจะคิดว่าแล้วจะทำสองวงทำไม ฟังแล้วคล้าย ๆ กันเลย ก็เลยแยกเป็นสองโปรเจกต์เลยดีกว่า แต่พอทำออกมาสองอันแล้วลองดูความแตกต่าง ก็รู้สึกว่ายังหาตรงกลางของทั้งคู่ไม่ได้นะ Youth Brush มันฟังง่ายกว่าและเพราะกว่า ถ้า TMT มีความเพราะอย่าง Youth Brush อยู่บ้างสักนิดนึงก็น่าจะดีขึ้น
มีโปรเจกต์ที่อยากทำอีกไหม
ความจริงก็มีนะ อยากทำวงใหม่ที่ไปเน้นการ perform สดให้มันสนุก ๆ แนวดนตรีก็ต่างออกไป เล่นสามชิ้น ความจริงอยากตีกลองเองนะ สมัยก่อนอยากทำ electronic punk ที่มันเป็นกลองสดเล่นกรูฟ ให้มีเมโลดี้แต่ร้องด้วยภาษาแบบวง Plot ปกติวงพังก์มันจะไม่มีคอรัส ส่วนใหญ่จะสำรอกด้วย monotone แค่คนเดียว แต่ถ้าเป็นพังก์ที่มีเสียงประสานด้วยอาจจะดี แต่เราก็โตแล้ว ส่วนใหญ่วงดนตรีมันก็เกิดในสมัยมหาลัย วัยทำงานจะไปหาเพื่อนตายที่มาเล่นกันแบบมุ่งมั่นมันไม่มีแล้ว แต่อยากทำ Two Million Thanks ให้เสร็จก่อน แค่นี้ก็ยากแล้ว
ในฐานะที่เป็นคนทำเพลงโฟล์กมานาน เดี๋ยวนี้มีวงไหนน่าสนใจไหม
มันก็มีหลายวงนะ โดยพื้นฐาน ไม่ได้เจาะจงอะไร คือความเป็นโฟล์กมันก็ฟังง่าย ถ้าพูดถึงความแตกต่างก็ยังไม่มี แต่ดีทุกวงแหละ ความจริงเราไม่ได้โดดเด่นนะ แค่เป็นวงแรก ๆ มากกว่า คนทำหลัง ๆ น่าจะลำบาก อย่างเมื่อก่อนห่างกันไม่เยอะแค่ 5 ปียังทำเพลงกันยากกว่าสมัยนี้ พอเพลงมันทำได้ยากก็มีออกมาให้เลือกฟังกันได้น้อย ถ้าดีก็ดังเลย แต่พอสมัยนี้ทำเพลงง่ายขึ้น วงเยอะขึ้น หาเพลงฟังได้มากขึ้น การที่จะทำให้วงดังก็ยากขึ้น มันก็เป็นข้อเสียกันคนละแบบ
ฉาก 3
ภายใน / ห้องครัว / กลางวัน
ให้ลองคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าวงทั้งสามของตัวเองเป็นอาหาร จะเป็นอะไรได้บ้าง
Youth Brush เป็นอาหารเช้า ข้าวต้ม เบา ๆ อะไรก็ได้ Two Million Thanks นี่ข้าวผัดอเมริกันละกัน ข้าวผัดมันก็ไทย พอใส่ชื่ออเมริกันก็ดูเป็นของนอก แต่จริง ๆ เมนูนี้มันของคนไทยอะ ก็มีความพยายามผสม ๆ กัน Lucy and Bourne นี่เป็นออเดิร์ฟ อาหารว่างละกัน
ได้รับงานทำซาวด์หรือเพลงประกอบด้วยหรือเปล่า
เนี่ยแหละคืออาชีพ ได้เงินจากมันเนี่ยแหละ ส่วนใหญ่ทำให้ไวรัล อีเวนต์บ้าง สารคดีเป็นตอน ก็ประปราย Eyedropper Fill นี่ก็ได้ทำบ่อย
เวลาทำเพลงประกอบหนังเราต้องดูหนังเยอะ ๆ ด้วยไหม
จริง ๆ เพลงประกอบหนังมันก็คือเพลง ต้องมาจากการฟังเพลงนั่นแหละ ถ้าเราฟังเพลงเยอะมันก็ช่วยได้
มีอะไรที่เป็นตัวกระตุ้นในการทำงานบ้าง
ความจริงก็เรื่องเงินล่ะมั้ง ความจริงเราก็ไม่ได้รวยจาก Youth Brush แต่มันก็พิสูจน์ได้ว่าการทำวงอินดี้เพียงอย่างเดียวมันทำให้เราอยู่ได้ แต่ต้องอยู่อย่างประหยัด แล้วก็ต้องออกปีละอัลบั้มนะ ต้องขอบคุณงาน Cat Expo กับ Cat T-Shirt ด้วยที่ทำให้เราอยู่ได้ (หัวเราะ) แต่อัลบั้มหน้าอาจจะไม่เวิร์กก็ได้ในยุคที่โฟล์กหรือแอมเบียนต์หายไปแล้ว ขนาดโพสต์ร็อก แมธร็อกที่มาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ยังหายไปเลย ถ้าเราไม่เทิร์นโปรหรือขึ้นหิ้งไปแล้วอาจจะหายไปเหมือนกัน ใครจะรู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง
การมีแฟนเป็นส่วนช่วยผลักดันการทำงานยังไงบ้าง
จากเมื่อก่อนเราจะเกร็ง ๆ กับการปรึกษาเรื่องส่วนตัว เราก็ไม่กล้าจะไปถามใคร ตอนนี้มีแฟนแล้วก็กล้าปรึกษา แล้วในการตัดสินใจอะไรต่าง ๆ เริ่มไม่ได้มีความคิดเห็นแค่เราคนเดียว มันก็ทำให้มันประหยัดเวลา แล้วเราก็รู้สึกแน่ใจมากขึ้นด้วยเพราะมีการช่วยกรองก่อน มีคนช่วยตัดสินใจ แต่สุดท้ายการตัดสินใจก็เป็นของเราเองนั่นแหละ
ทำไมถึงไปเล่น Motel Mist ได้
เคยไปเล่นวิดิโอของ Chimney Magazine ที่เป็นไวรัล แล้วต้า Two Million Thanks เป็นผู้กำกับ มันมาชวนเราไปเล่น ปกติพี่ คุ่น—ปราบดา หยุ่น ก็รู้จักต้าอยู่แล้วเพราะต้าก็กำกับรายการ Hang Out ที่พี่คุ่นเป็นพิธีกร เราก็เคยไปช่วยงาน เขาได้ดูคลิปนี้ก็บอกว่า เออ ดุ่ยเล่นได้ว่ะ เขาอยากให้เราไปเล่นอยู่แล้วก็เลยลองไปแคสต์ สุดท้ายก็ได้ไปเล่น
ต้องปรับตัวกับการแสดงเยอะไหม
ไดอะล็อกมันน้อยมากเลย คาแรกเตอร์มันกึ่ง ๆ เด็กเนิร์ด กึ่งเด็กอยากเท่ ฟังเพลงด้วย เกือบจะแว้นด้วย มันก็เลยมีความเป็นภาษาที่เราพูด เลยไม่ต้องดัดแปลงมาก
เห็นภาพตัวเองในฐานะนักแสดงยังไงบ้าง
ไม่เคยคาดหวังเลย ตอนนั้นมันฟลุ๊กมาเองนะ อนาคตอาจจะมีมาอีกก็ได้ใครจะรู้ ตอนนี้ต้าเป็นผู้กำกับอยู่ Hello Filmmaker แต่เราทำเพลงประกอบให้มัน ไม่ได้ไปแสดง
ถ้ามีโอกาสให้ไปแสดงจะไปอีกไหม
ถ้ามีมาชวนก็จะไปแคสต์ เคยไปแคสต์งาน Nautilus ของพี่ เต๋อ—นวพล ธำรงค์รัตนฤทธิ์ แต่ไม่ได้ ก็มีพี่เฉลิม Gym and Swim ไปเล่น แล้วก็มีจะไปแคสต์ของ Phenomena แต่พอชนกับ Motel Mist เลยไม่ได้ไป
นอกจากเล่นดนตรี แสดง แล้ว ทำอะไรได้อีก
แสดงนี่ถือว่าเป็นความสามารถแล้วหรอ อันนี้มันก็แค่เล่นเป็นตัวเอง แล้วมีบทพูดเฉย ๆ เหมือนไม่ได้เล่นเท่าไหร่ คนอื่นยังต้องร้องไห้ ต้องอะไร …อาจจะมีควงไฟมั้ง ถ้าได้ดู Motel Mist ใน end credits มันจะมีคนควงกระบองไฟอยู่ นั่นอะ ผมเอง
ไปเรียนมาจากไหน
เรียนที่ไหนเล่า อยู่เกาะช้างอะ เมื่อก่อนบ้านเปิดร้านอาหาร มันจะมีหน้าหาด ก็จะไปควงทุกวันตอนสามทุ่ม เป็น fire show
ได้กลับไปช่วยที่บ้านบ้างหรือเปล่า
ไม่ได้ไปเลย พ่อแม่ก็ไม่ได้อยากให้ไปช่วย เขาเองก็อยากจะเลิกทำเหมือนกัน เกษียณตัวเอง ไรงี้
กำลังจะไปเป็นทหาร
ไม่มีใครอยากเป็นหรอก แต่ไม่อยากเสี่ยงจับ ถ้าจับได้ใบแดงก็โดนปีนึง สมัครเองแค่หกเดือน ก็จบ
มีมุมมองกับอาชีพนี้ยังไงบ้าง
ก็กำลังคิดอยู่นะว่ามันจะเป็นยังไง ก็อยากรู้ว่ามันจำเป็นหรือเปล่า มันขาดแคลนขนาดนั้นเลยจริง ๆ หรอ แต่เขาก็เป็นกันมาได้ตั้งนานแล้ว นี่ก็แค่หกเดือนเอง ความจริงมันฝึกสิบสัปดาห์ เดือนนึงลาได้สิบวัน ก็เอาสิบวันนั้นกลับมาทำเพลง รับจ๊อบอะไรได้ปกติ ช่วงนี้ก็ฝึกร่างกายอย่างเดียว ต้องออกกำลังกายให้มันแข็งแรง ให้ฝึกทหารสองสามอาทิตย์แรกให้ไหว น่าจะพอได้แหละ อยากเข้าไปแบบไม่เหนื่อย ขนาดตอนไปวิ่งวันแรก ๆ ยังเหนื่อยมากเลย ถ้าไปเป็นทหารแล้วเขาไม่มีพักให้เรา ปวดขาแล้วต้องไปซ้ำน่าจะหนักอยู่
พอเพลงมันทำได้ยากก็มีออกมาให้เลือกฟังกันได้น้อย ถ้าดีก็ดังเลย แต่พอสมัยนี้ทำเพลงง่ายขึ้น วงเยอะขึ้น หาเพลงฟังได้มากขึ้น การที่จะทำให้วงดังก็ยากขึ้น
ฉาก 4
ภายนอก / สวนหลังบ้าน / กลางวัน
ปกติเล่นน้ำสงกรานต์ใหม่
หูย ชอบเล่นน้ำมาก แต่ไม่ได้เล่นมาหลายปีแล้ว สองปีที่แล้วก็เจ็บหู น้ำเข้าหู เป็นเชื้อรา โดนน้ำไม่ได้ ปีที่แล้วก็ไม่สะดวกไม่มีเพื่อนเล่นด้วย ปีนี้เดี๋ยวไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้พอดีก็จะไม่ได้เล่นอีก
ถ้าไม่เล่นน้ำสงกรานต์จะทำอะไร
คงอยู่บ้านมั้ง ไม่รู้จะทำอะไร แต่ใจอยากไปเล่นน้ำนะ
กิจกรรมโปรดหน้าร้อน
คงนอนดูหนังเนี่ยแหละ ชอบดูหนังมาก ไม่ได้ชอบแนวอินดี้ ดูในแง่ศึกษาภาษาภาพยนตร์ ชอบดูเพลิน ๆ อย่าง The Avengers ทำเพลงก็ปวดหัวแล้ว ถ้าไปดูหนังที่ต้องวิเคราะห์อะไรอีกก็ไม่ไหว แต่ความจริงหนังที่มีคุณภาพก็ดู หนังที่ควรจะดูอะ แต่ก็ไม่ได้จำกัดแนว แค่ส่วนมากก็ชอบ thriller
ทำไมชอบตั้งสเตตัสชวนไปเที่ยวเกาะช้าง
ตั้งทุกปี มีคนหลงไปด้วย เป็นเพื่อนสนิทบ้าง ที่ไม่สนิทก็มี ก็ไปนอนได้อยู่แล้ว สนุกดี กลับบ้านคนเดียวมันเหงา อยู่บ้านไม่มีอะไรทำ ทำแต่งานทั้งวัน แล้วยุคแรกไม่มีเน็ตด้วย โคตรเซ็งอะ นี่บ้านเพิ่งมีเน็ตได้สองสามปีเอง ก็อยู่บ้าน เล่นเน็ต ดูทีวีวนไป
ถ้าจะแต่งเพลงเกี่ยวกับหน้าร้อน อยากเอาความทรงจำหน้าร้อนเรื่องไหนมาเล่า
จริง ๆ หน้าร้อนเป็นยุคเปลี่ยนผ่านนะ เพราะว่าตั้งแต่เกิดมา เราเรียนมาตั้งกี่ปีก็มีปิดเทอมหน้าร้อน มันเป็นสัญญาณของการที่เราจะต้องแก่ขึ้นอีกไป ต้องเรียนชั้นที่สูงขึ้นในตอนเปิดเทอม ก็อยากเอาเรื่องนี้มาเขียน จริง ๆ ท้ายปีน่าจะเป็นช่วงนี้นะ หมดร้อน เริ่มใหม่ด้วยฝนตก แล้วเราก็เติบโต
ถ้าอากาศในกรุงเทพ ฯ ร้อนจนทนไม่ได้ จะหนีไปที่ไหน
ต้องทนได้ดิวะ แต่ต้องหนีใช่ปะ ตังก็ไม่มีด้วยดิ… ไปเกาะแล้วกัน
เพลงของ Youth Brush ที่อยากส่งให้พระอาทิตย์ฟัง จะได้เย็นลงหน่อย
ยากว่ะ เพลง เธอของเธอ ละกัน ฟังเพลงใหม่กูหน่อย
ฝากอะไรถึงคนไทยให้ใจเย็นลง
ให้คิดถึงคนที่รักละกัน… แต่พอถึงตอนนั้นมันห้ามตัวเองไม่ได้จริง ๆ นะ สอนใครไม่ได้หรอก ตัวเองก็เป็น!
ติดตามผลงานของ Youth Brush ได้ที่ Facebook fanpage และรับฟังเพลงบนเว็บไซต์ฟังใจได้ ที่นี่