LOMOSONIC: SPORT DAY วันแห่งชัยชนะ
- Writer: Gandit Panthong
Lomosonic
กลุ่มวงดนตรีร็อคพลังสูงที่ประกอบไปด้วยสมาชิก 4 คน โดยพวกเขารวมตัวกันตั้งวงนี้ขึ้นมาตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี และได้มีโอกาสออกผลงานอัลบั้มแรกและอัลบั้มสองกับค่าย Smallroom ปัจจุบันพวกเขาได้ย้ายมาสังกัดค่าย WE Records เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Members
บอย – อริย์ธัช พลตาล (ร้องนำ)
ป้อม – ฉัตรชัย งามสิริมงคลชัย (กีต้าร์ )
ออตโต้ – ชาญเดช จันทร์จำเริญ (กลอง)
ปิติ – ปิติ เอสตราลาโด สหรพงศ์ เดน โดนมินิค (กีต้าร์)
ผลงานที่ผ่านมา อัลบั้ม Fireworks , Echo & Silence ฟังเพลงของพวกเขาทั้งหมดได้ที่ http://fungjai.com/artist/Lomosonic
ช่วงต้นปี 2558 ที่ผ่านมาแฟนเพลงของวง Lomosonic หลายคนคงจะทราบกันดีแล้วว่า Lomosonic ได้ย้ายเข้าสู่บ้านใหม่อย่างค่าย We Records เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คำถามมากมายถูกซัดกระหน่ำเข้ามาที่ทางวงอย่างต่อเนื่อง บ้างก็บอกว่าเปลี่ยนค่ายต้องเปลี่ยนตัวตน บ้างก็บอกว่าไปทำเพลงละครแน่ ๆ เพราะฉะนั้นแล้วฟังใจซีนไม่รอช้ารีบจับพวกเขามาให้คำตอบ บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้โดยทันที พร้อมจะเป็นครั้งแรกที่วง Lomosonic เผยเรื่องราวความชื่นชอบด้านกีฬาที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนอีกด้วย เปิดเผยกันหมดเปลือกไปกับ“LOMOSONIC : SPORT DAY วันแห่งชัยชนะ”
PART 1 : กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ
“กีฬาโกหกไม่ได้ มึงซ้อมมาน้อย มึงคิดว่ามันจะชนะเขาเหรอ หลายคนอาจจะคิดว่าวง Rock ต้องใช้ชีวิตแบบ Sex drug กินเหล้า เสพยา บอกเลยว่า ลุคมันอาจจะไปทางนั้นก็จริง แต่ถ้าทำตัวแบบนั้นเมื่อไร ผมคิดว่า เราไม่น่ารอดแน่ ๆ บนเวที”
กีฬาที่ชอบ…ชีวิตที่ใช่ จุดเริ่มต้นในการเล่นกีฬาของแต่ละคน
บอย : ผมเป็นคนเล่นกีฬาทุกประเภทครับ ชอบเตะฟุตบอลมากที่สุด แต่ว่าด้วยสภาวะของกีฬานี้ทำให้การเล่นแต่ละครั้งมันต้องโทรเรียกเพื่อนครับ แล้วเพื่อนผมมันชอบงอแงไม่ยอมไปเล่นด้วยกันก็เลยไปออกกำลังกายด้วยวิธีการวิ่งแทน ซึ่งคนส่วนใหญ่จะติดภาพผมเวลาวิ่ง ความจริงผมเริ่มวิ่งตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะเป็นเด็กขี้โรค ก็มาเจอกิจกรรมวิ่งอันนึงที่เขาเกณฑ์เด็กแต่ละอำเภอไปวิ่งกันเป็นระยะทางไกลเลย ตอนนั้นอายุ 7 ขวบเองเด็กมากเป็นครั้งแรกที่ได้ออกวิ่ง หลังจากนั้นก็ชอบวิ่งมาตลอดเป็นพื้นฐานตั้งต้นของการเล่นกีฬาของผมเลย เพราะเราสามารถไปเล่นกีฬาอะไรต่อก็ได้แค่คุณวิ่งเป็น ผมก็เลยเริ่มเล่นกีฬาจริงจังมาตั้งแต่ตอนนั้น
ออตโต้ : ต้องบอกก่อนเลยว่าตอนเด็ก ๆ ผมตัวเล็กมากครับ จำได้ตอนประถมผมไปเล่นกีฬากับเพื่อน ๆ แต่มันไม่ให้เราเล่น เพราะเราตัวเล็กจนมาถึงมัธยมต้นเราก็เป็นเด็กตัวเล็กที่สุดของห้องอีก ผมสูง 130 เอง ณ เวลานั้น แต่พอตอนมัธยมปลายเกิดจุดพลิกผันเกี่ยวกับร่างกายผมขึ้น ช่วงนั้นได้เข้าวงโยธวาทิตอยู่ดี ๆ ร่างกายเราก็ตัวใหญ่ขึ้นเอง (หัวเราะ) เพื่อนก็เลยให้เล่นกีฬาด้วย แต่ด้วยความที่เราเริ่มช้ากว่าคนอื่นเขาในด้านนี้ ผมก็เลยจะไปหนักไปทางพวกซิทอัพ วิดพื้น ออกกำลังกายที่มันเล่นได้เพียงคนเดียวแทน แต่กีฬาอื่นผมก็เล่นนะ แต่ไม่ค่อยเก่งสักเท่าไร
ปิติ : ของผมช่วงสมัยมัธยมต้นก่อนที่จะมาชอบเล่นดนตรี ผมเป็นนักกีฬาทีมโรงเรียนมาก่อนครับ ทุกช่วงพักกลางวัน 15 นาทีจะลงมาเล่นกีฬาตลอด แทบไม่ได้กินข้าวกลางวันเลย เพราะมันต้องต่อทีมกันเล่น ตอนหลังก็มีคนมาแนะนำให้เรียนกีต้าร์ เราก็เลยไปสนใจด้านนั้นแทน ไอ้พักกลางวันของเราที่สมัยก่อนมาเล่นกีฬาก็เลยเปลี่ยนมาเล่นกีต้าร์แทน ก็เลยห่างกันจากการเล่นกีฬามาตลอดจนถึงตอนนี้ แต่ผมก็จะมีอย่างหนึ่งที่ชอบทำเสมอจนถึงทุกวันนี้ คือ การวิ่งครับ ตื่นเช้าก็ไปวิ่ง ออกกำลังกายบ้าง เพราะการเล่นดนตรีนี่ใช้แรงเยอะมาก สมัยก่อนผมจะชอบว่ายน้ำก่อนได้มาวิ่งครับ แถวบ้านผมมันมีสโมสรที่มีสระว่ายน้ำใหญ่ ๆ อยู่ วันเสาร์- อาทิตย์เราจะไปออกกำลังกายอยู่แถวนั้น
ป้อม : เล่นกีฬาจริงจังตอนช่วง ม.1 ผมเล่นบาสเกตบอลกับพี่ชายด้วยกัน เล่นอยู่สามปีได้ครับ แล้วก็หันมาเล่นกีต้าร์แทนซึ่งพอไปเล่นบาสเกตบอลเวลาเรารับลูกมันจะทำให้นิ้วเราเจ็บ เล็บเปิด คือ มันเริ่มมีอุปสรรคเข้ามาเยอะเลยเลิกเล่นไป แถมปัญหาหนัก คือ ตอนเราเล่นบาสเกตบอล เราใส่แค่เพียงรองเท้านักเรียน แม่งทำให้เข่าเราเสื่อมนะ ทุกวันนี้เข่ามีปัญหามาก กระโดดแทบจะไม่ได้เลย แย่มาก เพื่อนเราที่เล่นด้วยกันตอนนี้ก็เจอปัญหาเดียวกันหมด
บอย : ซึ่งข้อหนึ่งที่วงดูเกี่ยวพันกับเรื่องกีฬาหลัก ๆ เลย คือ ลักษณะการถูกเห็นบนเวทีครับ ส่วนสำคัญเลยที่ทำให้เราดูมีแรงกันตลอดเวลามันมาจากการซ้อม การเตรียมร่างกาย ฟีดแบกที่เข้ามาหาวงเราจะมีประเภทว่า เล่นสดดูมีพลังจัง ดูเป็นทีมเวิร์คที่สุดยอด จริง ๆ แล้วเรื่องนี้มัน คือ สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากของการเล่นกีฬาและการแสดงเลยนะ เราว่าสองอย่างนี้มันเหมือนกัน ทุกครั้งที่เราออกไปเล่นคอนเสิร์ตเรารู้สึกว่าเราออกไปเล่นกีฬา กีฬาโกหกไม่ได้ มึงซ้อมมาน้อย มึงคิดว่ามันจะชนะเขาเหรอ หลายคนอาจจะคิดว่าวง Rock ต้องใช้ชีวิตแบบ Sex drug กินเหล้า เสพยา บอกเลยว่าลุคมันอาจจะไปทางนั้นก็จริง แต่ถ้าทำตัวแบบนั้นเมื่อไร ผมคิดว่า เราไม่น่ารอดแน่ ๆ บนเวที แล้วเราจะทำอย่างไรดีให้เราสามารถยืนอยู่บนเวทีได้นานและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเราต้องออกกำลังกายกันครับ
‘บอย ไดนาโม’
บุคคลที่พลังเยอะสุดในวง Lomosonic
บอย : ผมเคยออกวิ่งระยะไกลที่สุดคือ 42.195 กิโลเมตร เป็นการวิ่งที่ยอมรับว่าตายครับ แต่เวลารวมยังดีอยู่ที่ 4 ชั่วโมง โดยปกติถ้าวิ่งออกกำลังกายผมจะวิ่งอยู่ครั้งละ 8 กิโลเมตรอยู่แล้ว
ป้อม : ในวงนี้บอยเป็นคนที่อึดสุดและมีวินัยที่สุดครับ มันบ้าพลังสุดแล้ว
บอย : ส่วนใหญ่คนจะชอบมาถามผมว่า ร้องเพลงยังไงให้เสียงสูงแบบพี่ ทำไมพี่ดูแข็งแรงจัง มีวิธีการทำอย่างไรบ้างที่จะทำให้ได้แบบพี่ สั้น ๆ เลยน้องต้องไปซ้อมครับแค่นั้นแหละ
ทำไมบอยต้องกระโดดลงเวทีไปหาคนดูทุกครั้ง เอาแรงมาจากไหน
บอย : เรื่องกระโดดไปหาคนดู ถามตากล้องผมได้ครับ งานที่พัทยาผมแทบจะเอาหิ้งพระไปไว้บนเวทีเลยครับ บ้าชิบหายเลย ไกลมาก กระโดดไปได้ ถามว่าทำไมต้องกระโดดไปหาคนดู คือ แฟนเพลงทุกคนที่มาดูเรา เขาไม่ได้เหนื่อยน้อยกว่าเราเลยนะครับ ถ้าเขามาเพื่ออยากเห็นผมกระโดดลงเวทีแล้วเขาไม่ได้เห็นผมทำ ถ้าเป็นตัวผมก็คงเสียใจนะมันคาดหวังที่จะเห็นไปแล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ต้องกระโดดลงไปหาพวกเขาให้จนได้
ป้อม : บางงานมีคนบินมากจากเชียงใหม่ หรืออาจจะนั่งรถทัวร์มาจากยะลา เพื่อมาดูเราที่กรุงเทพฯ คือ ผมเชื่อแหละว่าคนดูเขาก็มีความคาดหวังของเขา หน้าที่เรา คือ ทำทุกอย่างให้เต็มที่ทุกโชว์
บอย : จนตอนนี้มันกลายเป็นภาพของเราที่คนจำได้ว่าLomosonic ต้องกระโดดไปหาคนดู ซึ่งจริง ๆ แล้วมันเป็นวัฒนธรรมของชาวร็อคที่มีมานานแล้ว การกระโดดลงไปมันถูกออกแบบมาแล้วทุกครั้ง ถ้าสังเกตดูเราจะไม่อยู่ ๆ กระโดดไปแน่นอน ทุกอย่างมันมีเหตุผลในการกระทำของมันทั้งหมด แต่ถ้าครั้งที่เจ็บปวดที่สุดของการกระโดดลงไปก็เชียงใหม่แหละครับกระดูกร้าวถือว่าหนักสุดแล้วสำหรับผม’
“การพูดว่า บอลไทยจะไปมวยโลก ถ้าเกิดนักฟุตบอลได้ยินนะ เขาคงเสียใจแย่ อย่าไปบอกคนที่แม่งนั่งซ้อมบอลทุกวันแบบนี้เลย แม่งเสียใจนะเว้ยซ้อมกันมาแทบตายเจอคนพูดแบบนี้ ช่วยกันสนับสนุนดีกว่า มึงเป็นคนไทย มึงต้องเชียร์บอลไทย ผมเชื่อว่าบอลไทยจะไปบอลโลก”
จงสร้างทีมกีฬาของตนเองขึ้นมา 1 ทีม
ป้อม : จริง ๆ เมื่อก่อนผมเป็นหัวหน้าทีมกีฬาโรงเรียนเลยนะครับ เขาเรียกกีฬาในร่มเป็นพวกหมากฮอส – หมากรุก (หัวเราะ) ทุกครั้งที่มีกีฬาสีโรงเรียนผมคิดนะว่า ทำไมไอ้กีฬานี้มันถูกบรรจุเป็นกีฬาด้วย แล้วทำไมตัวผมเองต้องได้เหรียญทองด้วยวะ มันเป็นกีฬาได้ยังไง ถ้ามีโอกาสก็คงจะทำทีมหมากฮอส – หมากรุกนี่แหละครับ ผมต้องหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมคนเขาถึงเล่นกันจนเป็นกีฬาสากล
ปิติ : ผมอยากเป็นนักมวยปล้ำครับ ทำทีมมวยปล้ำเลย สมัยก่อนตอนเด็กผมชอบดูมาก มันเป็นความบันเทิงในสมัยเด็กเลย คือ ไม่ได้ดูเป็นศิลปะการต่อสู้จริง ๆ ผมดูพวกสตั๊นท์การจัดวางอะไรแบบนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วมัน คือ การแสดง แต่แบบว่ามัน คือ สตั๊นท์อย่างหนึ่ง มันต้องใช้ใจอยู่ประมาณหนึ่งนะ ทั้งการโดดลงมากจากที่สูง เอาโต๊ะฟาดกัน ถ้ามีโอกาสก็จะทำทีมมวยปล้ำนี่แหละครับ
อ๊อตโต้ : ว่ายน้ำครับ เป็นปมสมัยเด็กของผมที่เคยได้เหรียญทอง เพราะว่าผมแข่งคนเดียว คนอื่นมันแคนเซิลไป (หัวเราะ) ว่ายน้ำนี่แหละทำให้สรีระดี ตัวมันจะยืดแม่บอก และการว่ายท่าผีเสื้อได้นี่มันโครตเทพ ผมรู้สึกว่าการทำทีมว่ายน้ำอาจจะไม่ได้ใช้ความสามัคคี แต่มันต้องใช้ความสามารถของตัวเองพ่วงกับการมีวินัยในตัวไปด้วยกัน
บอย : ผมอยากจะสร้างทีมโปโลช้างครับ ผมชอบช้างครับ อยากเห็นด้วยแหละ นึกภาพตามว่าเราต้องขี่ช้างเล่นโปโล มันน่าสนใจมากเลยนะ เป็นการกีฬาที่ไม่น่าจะได้เห็นบ่อยแน่นอน
ทำไมเพลง LOMOSONIC
ถึงเหมาะกับการวิ่งออกกำลังกาย
บอย : เรื่องนี้มันต้องย้อนกลับไปว่ามีเพลงหนึ่งของวงเราครับที่ชื่อว่า “อึด” เป็นเพลงที่แต่งมาจากการวิ่งครับ ด้วยเรื่องของ BPM ก็ดีมันจะลงจังหวะเท้าคนเราพอดีครับ
ป้อม : เมื่อก่อนตอนเพลงดอกไม้ไฟ การวิ่งยังไม่เป็นที่นิยม มีคนชอบบอกว่าฟังเพลงของ Lomosonic แล้วปวดขี้ เวลาขี้ไปฟังไปมันโครตพีคเลย (หัวเราะ)
อ๊อตโต้ : แต่ช่วงที่ไปทำกิจกรรม Lomosonic Run ทางทีมงานเขาเปิดเพลงของเราคลอ ๆ ด้วย แล้วมีเพลงหนึ่งชื่อ“เหยียบ” พอได้ฟังปุ๊ปผมนี่สปีดมาเต็มเลย
บอย : เอาง่าย ๆ ตอนเราวิ่งอยู่ในสวน ไม่มีทางหรอกฮะ ที่จะบอกว่าเสียงเพลงไม่มีผลต่อการวิ่ง พอผมวิ่งเฉียดกลุ่มที่เขาเต้นแอโรบิค เพลงมันจะเร้าร่างกายเรามันก็เร่งตามจังหวะเพลงเลย ซึ่งปกติคนเราจะตอบสนองต่อเสียงดนตรีได้ไวมากอยู่แล้ว ส่วนเพลงของเรา BPM จะประมาณ 120 – 140 ซึ่งเหมาะแก่การวิ่ง การลงเท้ามันจะลงตามจังหวะอย่างพอดีครับ
บอลไทยจะได้ไปบอลโลก
บอย : สำหรับผมคิดเสมอนะว่าฟุตบอลไทยสามารถไปบอลโลกได้ตลอด แล้วจะหงุดหงิดกับคำว่าบอลไทยไปมวยโลกมาก เคยมีคนมาโพสบนเฟสบุ๊ค ผมด่าชิบหายเลย แต่ด่าในใจนะครับ (หัวเราะ) ทุกคนสามารถเชียร์แมนยู เชียร์เชลซี เชียร์ลิเวอร์พูล หรือทีมอะไรได้หมด แต่เลือดในกายมันสีอะไรหล่ะ มันชาติไทยนะเว้ย ตอนนี้นักฟุตบอลรุ่นใหม่หลายคนที่ผมรู้จักที่เคยได้คุย ระเบียบวินัยของพวกเขามันดีมาก ๆ เลยนะ
อ๊อตโต้ : ส่วนผมไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามถ้าเรามีระเบียบวินัย อีก 50 ปี 100 ปี มันต้องได้ไปอยู่แล้ว ผมว่ายังไงก็ตามสุดท้ายเชื่อว่าจะได้ไปครับ
ปิติ : สำหรับผมไม่ได้เป็นแฟนฟุตบอล ไม่ได้มีความรู้ลึกซึ้งเท่าไร แต่ผมก็ประทับใจทีมฟุตบอลของไทยครับ
บอย : เหมือนตอนพวกเขาเล่นกันตอนนี้ การต่อบอลหรืออะไรก็ตามมันดูสดมากขึ้น มีการเอ็นเตอร์เทนคนดู ถ้าเป็นช่วงก่อนหน้านั้นฟุตบอลยังไม่ได้ฟีเวอร์ ตอนสนามเทพหัสดินเป็นรังเหย้าของสโมสร BEC Tero ผมไปดูบ่อยมากเพราะวงเรายังไม่มีโชว์ครับ ว่างมากตอนนั้น (หัวเราะ) ราคาตั๋วมันแค่ 40 บาท 80บาท ก็รู้สึกสนุกมาตั้งแต่วันนั้นแล้ว ยิ่งพอมีเรื่องเงินเข้ามา การสนับสนุนดีขึ้น มันทำให้คำว่า บอลไทยไปมวยโลก มันค่อย ๆ หายไปแล้ว การพูดว่าบอลไทยไปมวยโลก ถ้านักฟุตบอลได้ยินนะ เขาคงเสียใจแย่ อย่าไปบอกคนที่แม่งนั่งซ้อมบอลทุกวันแบบนี้เลย แม่งเสียใจนะเว้ยซ้อมกันมาแทบตาย ช่วยกันสนับสนุนดีกว่า มึงเป็นคนไทย มึงต้องเชียร์บอลไทย ผมว่าได้ไปชัวร์
ป้อม : ผมไม่ได้อินกับบอลไทยหรอก เพราะผมเตะไม่เป็นด้วย แต่เคยไปทำงานงานหนึ่งที่แคมป์ฟุตบอลทีมชาติไทยได้มีโอกาสดูเขาซ้อมกัน ผมเห็นวินัยการซ้อมเขามันถึงมาก อยู่กันอย่างค่ายทหาร แต่สิ่งพิเศษ คือ บรรยากาศการซ้อมเขาดีมาก มันผ่อนคลาย บรรยายกาศความเครียดไม่มีเลย ฟิตร่างกาย ฟิตสภาพจิตใจได้ดีด้วย เชื่อเหมือนกันว่าได้ไป
บอย : นักเตะชุดที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้ก็มีโอกาสได้ไปนะ เพราะอายุยังน้อยอยู่ แต่ถ้าสมมุติมันไม่ได้ไป สปิริตมันก็จะถูกส่งต่อไปยังรุ่นต่อ ๆ ไป แต่ในเวลานี้ทุกคนมันเชื่อมกันบนโลกใบนี้หมด มึงโกหกไม่ได้แล้วว่ามึงซ้อมเยอะซ้อมน้อย ทุกคนเขารู้กันหมดว่า ถ้ามึงไม่ซ้อมเขาก็เห็น เขาก็ด่าหมด เอาเป็นว่าLomosonic ขอให้กำลังใจทุกคน จากส่วนเล็ก ๆ ของแฟนคลับฟุตบอลทีมชาติไทยเสมอครับ
“ตอนนี้ทุกอย่างมันยังเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นวิธีการทำงานหรืออะไรก็ตาม ซึ่งเราดีใจมากนะครับที่วง Lomosonic ได้มีโอกาสกลับมาเล่นงานเดิม ๆ ที่เคยเล่น”
PART 2 : สโมสรใหม่ WE RECORDS
WE RECORDS ค่ายใหม่ในตึกที่สูงขึ้น
บอย : เรื่องค่ายต้องย้อนกลับไปช่วงที่ใกล้หมดสัญญากับSmallroom ครับ มันเป็นช่วงที่วงเราต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างกันจากการเล่นดนตรีวงนี้ ซึ่งวงเราตัดสินใจกันว่าจะไม่ต่อสัญญากับ Smallroom โดยที่ไม่มีการฉีกสัญญา ไม่มีการเล่นตุกติก ทั้งนี้เราเลือก WE RECORDS เพราะว่ามีพี่ต้น Silly Fool ซึ่งเขาเป็นฮีโร่ของเราอยู่ที่นั่นด้วย ส่วนถ้าถามเรื่องความผูกพันธ์ในช่วงที่ย้ายค่ายแน่นอนมันมีความเสียใจเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ก็อยากให้ทุกคนมองไปข้างหน้าจะดีกว่า ตอนนี้ทุกอย่างมันยังเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นวิธีการทำงานหรืออะไรก็ตาม ซึ่งเราดีใจนะครับที่วงLomosonic ได้มีโอกาสกลับมาเล่นงานเดิม ๆ ที่เคยเล่น อย่างพวกงาน CAT T-SHIRT ก็ดี คนดูเหล่านั้นเขายังอยากดูอยู่ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ สำหรับเราครับ
วง LOMOSONIC อยู่ค่าย WE RECORDS โดนทำเพลงละครแน่
บอย : มีคนเข้ามาถามตลอดนะว่าเข้ามาค่ายนี้จะกลายเป็นวงที่ป็อปขึ้นมั้ย จะกลายเป็นเพลงร็อคน้ำหวานรึเปล่า ถามคนเหล่านั้นเลยครับว่าฟังเพลง ‘คำตัดสิน’ แล้วหรือยัง ถ้าฟังแล้วบอกหน่อยว่าเพลงประกอบละครรึเปล่าล่ะ เป็นเพลงร็อคน้ำหวานอย่างที่พวกคุณสงสัยกันมั้ย
อ๊อตโต้ : พอเห็นชื่อค่ายบางคนก็คิดไปแล้วว่าจะต้องทำเพลงละครแน่นอนเลย แต่เพลง’คำตัดสิน’ออกมาสรุปแล้วคนฟังเจอเราสับขาหลอกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บอย : มันเหมือนการปักธงประกาศครั้งแรกว่า วงดนตรีวงนี้มันยังเป็นเหมือนเดิมอยู่นะ แถมความมันส์มีมากกกว่าเดิมอีกด้วย
ป้อม : เอาง่าย ๆ เคยอ่านการ์ตูน ‘วันพีซ’ รึเปล่า เวลาลูฟี่มันข้ามไปเกาะอื่นมันว่ายน้ำรึเปล่า มันก็ต้องนั่งเรือไปเหมือนเดิม ทุกอย่างมันทำเหมือนเดิมแค่มันถูกเปลี่ยนที่เท่านั้นเอง
บอย : วงเราเป็นวงดนตรีที่โชคดีนะ อย่างพี่ฟองเบียร์ก็เข้าใจแนวทางของเราอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าวิธีการเขียนเพลงเราจะเป็นอย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยบังคับเลย ที่นี่ให้โอกาสพวกเรานำเสนอผลงานอย่างเต็มที่
เพลง “คำตัดสิน” ถูกตัดสินโดยประชาชนคนฟังไว้ว่าอย่างไรบ้าง
ปิติ : คำตัดสินของคนฟังครั้งนี้เป็นไปตามที่ทางวงประเมินไว้เลยครับ
อ็อตโต้ : ผมชอบนะกระแสตอบรับครั้งนี้ มันกลับไปกลับมาดี อย่างตอนสมัยก่อนปล่อยเพลง “ใครจะหยุดความเหงา” ก็มีคนบอกว่าเราเปลี่ยนแนวเพลงไปแล้ว แล้วพอเป็นเพลง “ถึงเวลา” คนฟังก็กลับมาชอบเหมือนเดิม เราเองทำเพลงลักษณะเดิมมาตลอด อย่างเวลาเราไปบอกคนฟังว่าเราจะปล่อยเพลงช้านะ ก็จะมีคนแย้งว่าปล่อยเพลงช้าเหรอจะดีรึเปล่า สุดท้ายแล้วพอเพลงออกทุกคนก็ชอบกัน
บอย : มันจะมีบุคคลบางประเภทสายกูรูกูรู้ทุกสิ่ง ผมนี่ชอบนะเวลามาคอนเม้นท์ในยูทูป แต่พยายามไม่อ่านมันนะ เพราะว่าเวลาอ่านแล้วเราเก็บไปคิดนอนไม่หลับเลย จึงไม่อ่านดีกว่า จำได้ว่ามันมีคอมเม้นหนึ่งไปอ่านเจอว่า ผมรอที่จะวิจารณ์เพลงพวกพี่มานานแล้ว โหยคิดในใจ อยากเจอนะ มาคุยกันตรง ๆ เลยดีกว่า ตอนนี้ผมคิดว่าในการวิจารณ์มันจะต้องมีข้อมูล ความรู้ ความสามารถในการวิเคราะห์นะ ไม่ใช่อยู่ ๆ จะมาพิมพ์กล่าวหากันแล้วคิดกันไปเองโดยที่เราไม่ได้คุยกันตรง ๆ
ป้อม : ผมเคยคุยกับคุณโอม Cocktail นะว่าคนเรามันมีสิทธิคอมเม้นท์ได้หมดนะ แต่คุณกล้าพูดต่อหน้าผมไหมแบบที่คุณเม้นท์กันเนี่ย ถ้าคุณกล้าบอกผมว่าเพลงพี่แม่งไม่เจ๋งเลย ถ้ากล้าขนาดนั้นผมจะยอมรับความจริงและเข้าใจกับมันด้วย แต่ถ้าคุณไม่กล้าแล้วทำได้แค่พิมพ์อยู่ข้างหลัง มันฟังไม่เข้าท่าเลยนะ ถ้าเนื้อแท้จริง ๆ คุณไม่กล้าพูดมันออกมาจากปาก พวกเราเรียนดีไซน์มานะ เราอยู่กับการวิจารณ์มาตลอดอยู่แล้ว เราเข้าใจได้
บอย : แต่อย่างไรก็ตามเรายินดีรับฟังนะคอมเม้นท์จากแฟนเพลงเนี่ย เพราะถ้าพี่ ๆ ในโลกออนไลน์จะมาเป็นกูรูวิจารณ์ผมกันเนี่ย พี่ก็ได้แค่พูด สุดท้ายแล้วผมกับเพื่อนยังทำเพลงต่อไปเหมือนเดิม ไม่รู้สึกว่ามีผลต่อชีวิต แต่ขอฝากไว้หน่อยว่า มันมีหลายครั้งนะที่พวกคุณทำลายวงดนตรีที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยคำพูดของพวกคุณ บางวงเซนซิทีฟกว่าเรา อยากให้เปิดใจให้อะไรใหม่ ๆ กันด้วยและจงคิดไว้เสมอว่าทุกอย่างที่พูดที่ทำมันมีผลกระทบในตัวมันเองเสมอ
ต้น Silly Fools ไอดอลในดวงใจผู้พลิกชะตา LOMOSONIC
บอย : ร่วมงานกับพี่ต้นได้ จากความชอบล้วน ๆ เลยครับ เห็นแกเป็นฮีโร่สมัยเด็กของผม แล้วรู้สึกว่ามือกีตาร์ยุคโมเดิร์นสมัยนี้ ไม่น่ามีใครเกินแกได้ เพราะเขาเข้าใจเรื่องเสียง แล้วการร่วมงานของเขาเป็นแบบเขี้ยวมากครับเหมือนนักฟุตบอลดี ๆ เลย
ป้อม : อย่างผมนี่สมัยก่อนจะเป็นพวกประเภทหลักลอย ชอบคิดเพลง แต่ไม่ชอบซ้อม แล้วไม่ชอบการฝึกซ้อมด้วย จะซ้อมเต็มที่วันเดียวพอ พอเจอพี่ต้น พี่แกจะให้ซ้อมหนักมากวันละ 4 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย แกจะให้คนซ้อมเท่าที่จำเป็นจริง ๆ เพราะถ้ามึงไม่ซ้อมจุดที่มึงต้องซ้อมเพลงมันก็พัง เป็นคำพูดที่พี่เขาบอกกับผมเลยครับ
ปิติ : การอัดเพลงต่าง ๆ ค่อนข้างเข้มกว่าเดิม แบบว่าบอกว่าอัดดีแล้วนะ แต่เอาอีกนิด เล่นไปอีกบอกนี่สุดยอดเลย เล่นไปอีกชอบแล้วนะ สุดท้ายขออีก 3 เทคกว่าจะเพอร์เฟคนี่มันยากมากจริง ๆ
อ๊อตโต้ : แล้วมีอีกเรื่องหนึ่งมีคนมาทักเพลงว่าเหมือนวงซิลลี่ฟูลมากเลย ผมขอตอบตรงนี้เลย พี่ต้นไม่ได้แตะเพลงอะไรเราเลยครับ พี่ต้นแค่เป็นคนที่รวบรวมข้อมูลมา แล้วก็บอกว่าอันนี้ดีแล้ว ไม่ได้มาสั่งว่าเล่นคอร์ดนี้นะอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจกัน แกแค่ช่วยเหลือเพิ่มเติมเท่านั้นเอง
บอย : พี่ต้นบอกว่าไม่อยากให้วงเราเหมือนซิลลี่ฟูลด้วยซ้ำ แกจะให้คำปรึกษามาตลอดว่าอย่าไปอ่านนะคอมเม้นท์ต่าง ๆ ที่ว่าพวกมึงอ่ะ พวกมึงทำโอเคแล้ว มันเป็นการร่วมงานที่ยอดเยี่ยมไปเลยครับสำหรับโค้ชต้นของเรา
ฮันมะ ยูจิโร่ ชายลึกลับผู้อยู่เบื้องหลังของวง
บอย : เป็นพ่อบากิครับ (หัวเราะ) คนที่มีฉายา’ฮันมะ ยูจิโร่ คือ พี่ฟองเบียร์ครับ พี่เขาไม่อยากจะใช้ชื่อตัวเองในเพลงของวงเรา เพราะนิสัยบางคนบางประเภท มันจะคิดว่าไปเรื่อยตามกระแสที่หลาย ๆ คนเขาบอกกัน เนื้อร้องเป็นเรื่องที่เราไม่มั่นใจบางครั้งเราก็ขอคำแนะนำจากพี่เขา แถมมันน่าจะเป็นโอกาสที่ดีซะอีกที่ได้คนเขียนเพลงที่มีเพลงฮิตที่สุดในประเทศไทยมาช่วยพวกเรา เราเคารพพี่เขาแล้วเขาก็เคารพในตัวตนของพวกเราจริง ๆ
แฟนเพลง คือ ผู้ผลักดันให้ต่อสู้ไปอย่าได้ถอยหนี
ปิติ : ถ้าเราเปิดเฟสบุ๊คขึ้นมาจะเห็นได้ว่ากลุ่มแฟนเพลงเรามันมากขึ้นเรื่อย ๆ ขอขอบคุณแฟนเพลงทุกคนที่ติดตามเราครับ พวกเราจะบอกตัวเองอยู่เสมอว่า วงดนตรีมันจะสามารถอยู่ได้ มันต้องมีคนฟัง เราอยู่ได้ต้องมีเงินกินข้าว ขอบคุณทุกคืนที่ให้เราได้เล่นดนตรี เราเล่นไม่เต็มที่ไม่ได้หรอกก็อย่างที่บอกไปพวกเรารักพวกคุณมาก ๆ นะคนฟัง
ป้อม : เราต้องการสร้างวัฒนธรรมการดูดนตรีสดให้ดี มาดูแล้วควรให้เกียรติศิลปิน ไม่ควรตะโกนโวยวายรบกวนระหว่างโชว์ ยืนหันหลังให้โชว์ บางครั้งมีโยนน้ำแข็งขึ้นมาบนเวทีด้วย ก็อยากให้มีมารยาทกันหน่อย พวกเราไม่ใช่วงที่เดือดมาจากบ้านกัน แล้วออกมาไล่ด่ากับแฟนเพลง ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีมากนะ ที่สอนรุ่นลูกรุ่นหลานให้มันมีวัฒนธรรมที่ดีต่อไป ทั้งตัวผู้ชมและศิลปินด้วยแล้วทุกคนได้รับประสบการณ์การแสดงสดที่ดีขึ้นด้วยนะ ถ้าเราทุกคนช่วยกันทำ สิ่งดี ๆ มันก็เกิดขึ้นแน่นอน
สิ่งที่เราจะได้เห็นจาก LOMOSONIC หลังจากนี้
Lomosonic : เร็ว ๆ นี้น่าจะเป็นซิงเกิ้ลถัดไปที่จะออกในเดือนกรกฏาคม เป็นเพลงช้าด้วย ส่วนเป้าหมายที่ไกลกว่านั้นก็เป็นอัลบั้มเต็ม ไกลกว่านั้นอีกก็เป็นคอนเสิร์ตใหญ่ พวกเราอยากจะทำอาชีพนักดนตรีให้ประสบความสำเร็จและเสถียรมากที่สุด ทุกวันนี้เรา 4 คน มีการประชุมกันตลอดว่าอีก 2 ปี อีก 4 ปี วงเราจะอยู่อย่างไรกันนอกเหนือจากนั้นวงเราอยากสร้าง Lifestyle ให้กับแฟนเพลงเราด้วย ให้ชีวิตคุณแข็งแรง จงไปทำในสิ่งที่ควรทำ มีชีวิตที่ดี พวกเราคิดว่าดนตรีน่าจะเปลี่ยนชีวิตได้ อยากให้ติดตามการเดินทางของ Lomosonic ต่อไปว่ามันจะเป็นอย่างไร แต่รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่ ๆ พวกเราขอสัญญา
วงดนตรีไทยที่ LOMOSONIC ติดตาม
บอย : วงไทยตอนนี้ชอบ Cocktail, Part time musicians, The Pakinson แล้วก็วงMoving and cut
ป้อม : ผมชอบ The Yers, Gym and swim แก็งค์ Rats Records , Aire , Polycat ,สมเกียรติ
อ๊อตโต้ : เอาใกล้ ๆ อายุเราหน่อยก็คงเป็น Slotmachine ที่กำลังทำอัลบั้มใหม่อยู่ครับ น่าจับตามองมาก
ปิติ : The Ginkz ก็น่าจับตามองด้วย
อยากฝากถึงฟังใจ
ป้อม : เราชอบเว็บไซต์ฟังใจมากนะ แต่ยังไม่ได้มีโอกาสไปดูงานเห็ดสดเลย ติดทัวร์คอนเสิร์ตตลอด พวกแสงสีต่าง ๆ ในงานดีมาก เราชอบ อยากให้ทำต่อไปครับ ผมอยากดู สู้ต่อไปนะ
ปิติ : การที่เว็บไซต์ฟังใจทำเห็ดสดขึ้นมาแล้วมัน Sold Out โดยเป็นวงนอกกระแสทั้งหมดด้วย ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ดีมากนะ เว็บก็สวยด้วย
บอย : ถ้ามีโอกาสพวกเรา Lomosonic อยากเล่นเห็ดสดครับ (หัวเราะ)
อ๊อตโต้ : ขอบคุณแอพพลิเคชั่นฟังใจเลยครับที่สร้างขึ้นมาแล้วนำเพลงวงเราไปอยู่ในเพลย์ลิสต์หลายอันเลย ขอบคุณมากครับเป็นกำลังใจให้ฟังใจเสมอครับ
“พวกเราคิดว่าดนตรีน่าจะเปลี่ยนชีวิตได้ อยากให้ติดตามการเดินทางของ Lomosonic ต่อไปว่ามันจะเป็นอย่างไรรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่ ๆ ”
ฝากตัวฝากหัวใจ Lomosonic
Lomosonic : ฝากติดตามที่ https://www.facebook.com/lomosonic และ instagram :https://instagram.com/lomosonic_rock หรือดูความเคลื่อนไหวของเราได้อีกทางคือ เฟสบุ๊คของ WE RECORD
ท้ายที่สุดแล้วพวกเราคนฟังเพลงทุกคนไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้หรอกว่าในอัลบั้มเต็มของพวกเขาอัลบั้มนี้จะมีอะไรมาให้แฟนเพลงอย่างเราฟังกันบ้าง แต่เชื่อเถอะว่าหลังจากนี้เราจะได้เห็นอะไรเจ๋ง ๆ ของพวกเขาอีกแน่ ซึ่งไม่แน่นะว่าในอนาคตคำที่พวกเขาเคยบอกไว้ในการเล่นคอนเสิร์ตทุกครั้งว่า Lomosonic จะครองโลกอาจจะเป็นจริงก็ได้ใครจะไปรู้ สุดท้ายนี้ฟังใจขอส่งพลังให้กับพวกเขา “จงวิ่งต่อไปอย่าได้หยุดยั้ง Lomosonic” / แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าครับ