Inspirative: Inspirational Sound
- Writer: Gandit Panthong
- Photographer: Thanawat Phetchan
- Stylist: Varachaya Chetchotiros
- Art Director: Pitshaya Chonato
Inspirative (อินสไปเรทีฟ) คือ วงดนตรีแนว Post – Rock ที่ก่อตั้งวงขึ้นในปี 2006 โดยพวกเขามีผลงานอัลบั้มเต็มออกมาแล้วทั้งหมดจำนวน 2 อัลบั้มคือ Memories Come Rushing Up To Meet Me Now และ Mysteriously Awake
ตอนแรกจะตั้งชื่อวงว่า Inspiration ก็คิดว่ามันดูตรงไปนะเอาชื่อ Inspirative ดีกว่า เล่นคำกับมันหน่อย ทำคำนี้ให้มันกลายเป็น adjective ไปซะ
สมาชิกในวง
วุฒิพงศ์ ห่วงเพชร (ตั้ม): ร้อง / เปียโน
นพนันทน์ พานิชเจริญ (นพ): กีต้าร์
ณัฐตนัย จันจรัสศรี (เคน): กีต้าร์
อมรเทพ มาแสวง (โอ๋): เบส
สุธาสินี สุวรรณวลัยกร (เอม): กลอง
เมื่อความฝันทับซ้อนยอกย้อนความจริง คล้ายทุกสิ่งเคว้งลอยคว้าง
ยามบ่ายกับแสงแดดอ่อน ๆ ที่โรงเจ ‘เสี่ยง เข่ง ตั๊ว’ วันนี้ผมมีนัดกับวงดนตรีแนว post-rock แถวหน้าของประเทศไทยอย่างวง Inspirative หลังจากที่พวกเขาเพิ่งปล่อยอัลบั้ม Mysteriously Awake ออกไปทำให้ผมสนใจที่จะพูดคุยเพื่อถามถึงความเป็นมาของวง ว่าที่จริงแล้วพวกเขาเป็นใคร มาจากไหน ทำไมดนตรีแนวนี้ที่พวกเขาเล่นถึงมีกลุ่มผู้ฟังเฉพาะ และเหตุผลใดที่ทำให้พวกเขายืนหยัดที่จะเล่นดนตรีแนวนี้ ว่าแล้วก็ไปสนทนากับพวกเขากันเถอะ
PART 1: ครึ่งหลับครึ่งตื่น
จุดเริ่มต้นของบทสนทนานี้ นพ มือกีต้าร์ของวงกล่าวกับผมอย่างติดตลกว่า “ปกติวงเราสัมภาษณ์สื่อบ่อยนะ แต่ก็ยังตื่นเต้นทุกที เพราะส่วนใหญ่ ผมจะเป็นคนตอบเยอะที่สุดในวงครับ” เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น ผมจึงยิงคำถามพวกเขา เริ่มด้วยเรื่องราวของประวัติวงดนตรีวงนี้สักเล็กน้อย และนี่คือการทำความรู้จักกันครั้งแรกของผมกับวง Inspirative
จุดเริ่มต้นของวง Inspirative
นพ: วงดนตรีวงนี้มันเกิดขึ้นเมื่อ 8 ปีที่แล้วครับ ลองทำเพลงแนวนี้เล่น ๆ คนเดียว แล้วปรากฏว่ามีผลงานออกมาให้ได้ฟังกันใน compilation ของเพื่อนครับ จากนั้นผมก็รู้สึกอยากออกไปเล่นสดเหมือนวงดนตรีวงอื่นบ้าง เลยตัดสินใจหาสมาชิกตำแหน่งอื่น ๆ เพิ่มครับ โดยในอัลบั้มแรก วงของเรายังไม่มีเคนและเอมเข้ามาร่วมวง ช่วงนั้นฟอร์มวงนี้ขึ้นมา มีการเปลี่ยนย้ายตำแหน่งในวงไป ๆ มา ๆ เยอะมาก เคยชวนคนมาเล่นดนตรีจากในเว็บไซต์ Myspace ด้วย ช่วงนั้นกำลังฮิต ๆ เลย จำได้ว่าไปชวนบอย (มือกีต้าร์คนแรกของวง) มาคนแรกครับ ส่วนโอ๋ (เบส) ตามมาทีหลัง วงของเรามีการปรับไปปรับมาครับ ไล่ไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดได้สมาชิกครบวงเหมือนในปัจจุบัน
ชื่อวงมาจากแรงบันดาลใจ
นพ: ถูกต้องแล้วครับ มันมาจากคำว่า ‘แรงบันดาลใจ’ เลย ตอนแรกจะตั้งชื่อวงว่า Inspiration ก็คิดว่ามันดูตรงไปนะเอาชื่อ Inspirative ดีกว่า เล่นคำกับมันหน่อย ทำคำนี้ให้มันกลายเป็น adjective ไปซะจะได้ดูเหมือนว่า เออเนี่ย เราคิดมาแล้วนะ มีการเล่นคำกับมันด้วย
อะไรดลใจให้ Inspirative เล่นดนตรีแนว Post – Rock
นพ: ผมว่าน่าจะเกิดจากการฟังเพลงแนวนี้แล้วชอบมั้งครับ มันน่าสนใจดี อยากลองเล่นดู ตอนแรกที่เราทำวงนี้กัน ดนตรีแนว post-rock มันเป็นแค่จุดเล็ก ๆ ของวงการเพลงไทยเองนะ การกล้าทำของเราตอนนั้นมันอยู่ที่จุดประสงค์ของทุกคนในวงด้วยว่าอยากเล่นดนตรีเพราะอะไร ถ้าอยากจะดังก็คงไม่เล่นแบบนี้ครับ (หัวเราะ)
8 ปีที่เดินทางกันมาในนาม Inspirative เป็นอย่างไรกันบ้าง
นพ: อัลบั้มแรกของวงเราออกเมื่อ 5 ปีที่แล้วครับ ปี 2010 จากนั้นก็เว้นมาออกปี 2015 ช่วง 3 ปีแรกก็ยังมั่ว ๆ กันอยู่ หาสมาชิกในวง ปรับจูนกันให้เป็นแนวทางของทุกคน เสียเวลาล้มลุกคลุกคลานอยู่พักหนึ่งครับ แต่เราคิดเสมอว่า อย่างไรก็ตาม วง Inspirative ต้องไม่หายไปจากวงการเพลง ตอนนั้นก็จะมี EP Album ออกมาให้คนฟังรู้ว่า เออ วงกูยังอยู่นะ ไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหน รู้สึกสนุกดีครับ มันเป็นการเดินทางที่เราทำแล้วมีความสุข ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลย มันเป็นสิ่งที่พวกเราชอบ ว่าแต่คนอื่นในวง มึงจะไม่ช่วยกูตอบสักหน่อยเหรอครับ (หัวเราะ)
โอ๋: ผมรอจังหวะอยู่ครับพี่ (หัวเราะ)
ช่วงเวลาที่ทำเพลง วง Inspirative ได้มีโอกาสถูกเปิดบนหน้าปัดวิทยุมากน้อยแค่ไหน
นพ: มีเปิดบ้างนิดหน่อยครับ แต่คลื่นที่เปิดน่าจะเป็นคลื่น Fat Radio ที่เดียวครับ ตอนที่เปิดเพลงเรา ผมก็ไม่รู้เรื่องนะ เพื่อนสนิทบอกมาอีกทีว่า เห้ย เพลงมึงได้เปิดในคลื่น Fat Radio ด้วย ส่งขอไปนานมากจนลืมแล้วว่าส่งไป อยู่มาวันหนึ่ง เขาก็เปิดเพลงของเราครับ
โอ๋: คลื่นอื่นไม่น่าจะมีอะครับ เพลงเรายาวด้วย แถมเปิดไปคนฟังก็คงไม่เข้าใจแน่ ๆ เลยแทบไม่มีใครเคยเอาเพลงเราไปเปิดเลย อย่าว่าแต่คลื่นวิทยุเลย แผ่น Vampire เราก็ยังไม่เคยลงครับ เปลืองเนื้อที่เขามั้งฮะเลยไม่เคยได้ลงสักที
เรื่องราวการทำอัลบั้ม Mysteriously Awake ละจุดเริ่มต้นของอัลบั้มนี้เป็นมาอย่างไรกันบ้าง
นพ: ขั้นตอนการทำอัลบั้มนี้ ช่วงแรกจะมีการคุยคอนเซปต์กันก่อนครับ โดยทุกคนจะมานั่งคุยกันว่าอยากเล่าเรื่องราวอะไรดี ในอัลบั้มที่แล้วเราจะเล่าเกี่ยวกับความทรงจำ อะไรก็ตามที่เกิดความทรงจำก็จะหยิบมาเล่น พอถึงอัลบั้มนี้ คอนเซปต์แรกที่คุยกันจะเป็นเรื่องการสื่อสารครับ เราก็เริ่มแต่งเพลงมาเรื่อย ๆ จำได้ว่า ตั้มแต่งเนื้อเพลง อุโมงค์เวลา มาให้ผมฟังครับ
ตั้ม: เห้ย อุโมงค์เวลา มานานละ มั่วแล้วครับ
นพ: เอ้า ชิบหายแล้ว ผมจำผิดครับ (หัวเราะ) ทีนี้วัตถุดิบเรื่องการสื่อสารเนี่ย มันยังไม่อิ่มตัว ระหว่างทางของการทำอัลบั้มนี้ อยู่ ๆ มันก็มีไอเดียใหม่เกิดขึ้นครับ ตอนนั้นผมนั่งมิกซ์เพลง Why อยู่หน้าคอมพิวเตอร์แล้วรู้สึกว่าเหมือนตัวเองโดนผีอำ อยู่ดี ๆ ก็ได้ยินเสียงผีพูดกับผมว่า ลองนับ 1 – 7 ดู ก็เลยเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ตั้มฟัง ตั้มมันก็พูดกับผมว่า น่าสนใจดีนะ น่าเอามาขยายความเกี่ยวกับเรื่องผีอำ ผมเลยขยายเรื่องการสื่อสารที่ตั้งต้นไว้ตอนแรก ถ้าเกิดวิญญาณสื่อสารกับเราล่ะ มันสามารถแตกโจทย์เป็นแบบไหนได้บ้าง เลยขยายเรื่องราวต่าง ๆ ต่อมาเป็นเพลงอื่นในอัลบั้มครับ
ตั้ม: ตอนที่นพมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ผมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนะครับ แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันเป็นประเด็นที่เล่นกับความรู้สึกของคนได้เยอะ และมันก็มีเรื่องราวในตัวเองที่น่าหยิบมาเล่าเรื่องได้ดีครับ
โอ๋: สำหรับผม การตีความเรื่องผีอำมันทำได้หลากหลายความหมายนะ ถ้าพูดถึงผีอำขึ้นมาปุ๊ป หลาย ๆ คนจะนึกถึงผีตาแดง ๆ มาเหยียบหน้าอก มาทำให้หายใจไม่ออกอะไรแบบนี้ แต่ถ้าเกิดคิดอีกมุมหนึ่ง ผีที่มาอำ เขาอาจจะแค่อยากมาทักทายก็เป็นได้ครับ มันต่อยอดได้หลายรูปแบบมากเรื่องนี้
ระยะเวลาทั้งหมดที่ใช้ในการทำอัลบั้ม Mysteriously Awake
นพ : รวมตั้งแต่เริ่มคิดคอนเซปต์เลยก็ประมาณ 1 ปีครับ เรามีวัตถุดิบตั้งต้นอยู่แล้วประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ครับ ที่เหลือก็เป็นส่วนของการหาวัตถุดิบอีก 70 เปอร์เซ็นต์มาเติมให้เต็ม รวมถึงการซ้อมของน้องเอมกับวงด้วย ทั้งหมด 1 ปีครับกว่าที่เราจะทำทุกอย่างได้ทันเวลาตามที่โจทย์ตั้งไว้ตั้งแต่แรก
การเข้ามาของมือกลองสาวที่ชื่อว่า “เอม” ในอัลบั้มนี้
นพ: ตอนนั้นมือกลองคนเก่าเขาขอออกจากวงไปครับ เราเลยต้องประกาศหามือกลองคนใหม่มาตีแทน เราเลยสร้างโปรเจกต์ให้คนอัดคลิปแล้วส่งมาให้วงเราครับ
โอ๋: ตอนนั้นมีส่งมาเยอะมากครับ (หัวเราะ) ตั้ง 3-4 คนแหนะ พวกเทพ ๆ ตีเก่งมากเลยก็มี ตีแบบไม่เป็นเลยก็มีส่งมา มีหลายทางมากเลยครับ หนึ่งในนั้นก็มีน้องเอมด้วย เรานั่งดูคลิปของน้องแล้วรู้สึกว่าเขาตีสำเนียงดีจังเลย ตัดสินใจเลือกเอมให้มาอยู่วงเราครับ
นพ: เลือกเอมมาเพราะน้องเป็นผู้หญิงครับ (หัวเราะ) ผมล้อเล่น เลือกน้องมาอย่างที่โอ๋บอกเลย สำเนียงการตีของเขามันใช่สุดสำหรับวงเราครับ จริง ๆ มีคนอื่นที่ตีเก่งกว่าน้องเยอะเลย แต่สำหรับผม สกิลการเล่นดนตรีมันฝึกกันได้ แต่สำเนียงการเล่นให้รู้สึกและสัมผัสได้มันฝึกยากนะ ผมเลือกสำเนียงก่อนครับ เลยเลือกน้องเอมเนี่ยแหละเข้ามาวงเราครับ
เอม: ตอนพี่ ๆ เขาติดต่อมา เรารู้สึกตื่นเต้นและเป็นเกียรติมาก ๆ เลยนะที่ได้มาเล่นวงนี้ ความรู้สึกมันเหมือนการได้เล่นให้วงดนตรีที่เป็นแรงบันดาลใจให้เรามาตั้งนานแล้ว รู้สึกอยากทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดค่ะ
ก่อนหน้านี้เอมเคยเห็นหน้าพวกพี่ ๆ สมาชิกในวงมาก่อนรึเปล่า
เอม: ตอนนั้นจำได้ว่าเจอครั้งแรกก็ตกใจค่ะ แบบดูเป็นหนุ่มโหดกันมาก ๆ แต่พอมารู้จักพี่ ๆ เขาแล้ว ทุกคนก็ดูน่ารักและใจดีค่ะ
โอ๋: สงสัยน้องตกใจว่าทำไมพี่ ๆ วงนี้หน้าตาดีจังเลยแน่นอน (หัวเราะ) ตอนนั้นรู้จักพวกเราจากเพลงไหนครับ ขอสัมภาษณ์เอมแป๊ปนะครับ
เอม: Felicity is Out There เพลงแรกเลยที่ได้ฟัง เอาจริง ๆ ความรู้สึกของเอมก็เกรงใจพี่ ๆ ในวงเขานะ เหมือนตัวเราเองห่วยอ่ะ ไม่ได้ตีกลองเก่งอะไรเลย พี่ ๆ เขาช่วยสอนเราเยอะมาก กว่าจะได้เป็นอัลบั้มนี้ คนช่วยเอมเยอะมาก ต้องขอบคุณทุกคนเลยค่ะ
วงเราไม่ใช่นักดนตรีมืออาชีพ เรายังมีอาชีพอื่นที่ต้องทำกันอยู่ สมาชิกบางคนเพิ่งเรียนจบ ทุกคนมีเวลาไม่ตรงกัน มันยากที่ทุกคนจะว่างพร้อมกันได้ตลอด บางทีพร้อมซ้อมกันวันนี้ ปรากฏว่ามีใครสักคน มีงานด่วนเข้ามา วงก็อดซ้อมไป ซึ่งถ้าจะมาทะเลาะอะไรกันกับเรื่องพวกนี้ มันเสียเวลาเปล่า ๆ
เรื่องราวของงานคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มเต็มครั้งแรกในชีวิตของ Inspirative
นพ: สนุกดีครับ ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มีงานเปิดอัลบั้มของตัวเอง ตอนแรกตื่นเต้นมาก แต่พอเล่นเสร็จแล้วรู้สึกไม่อยากลง อยากเล่นไปเรื่อย ๆ สุดท้ายเขาไล่ลงอะครับ เพราะมันเลยเวลาการจัดงานไปแล้ว แต่โดยรวมก็ถือว่ามันเป็นประสบการณ์ใหม่ในชีวิตเลย
โอ๋: งานเปิดอัลบั้มนี้น่าจะเป็นงานที่คนมาดูเราเยอะที่สุดตั้งแต่เล่นดนตรีมาแล้วครับ แถมน่าจะเป็นครั้งแรกที่เล่นเพลงตัวเองเยอะที่สุด เหมือนทุกอย่างมันเป็นครั้งแรกหมดเลย รู้สึกดีโคตร ๆ เพราะจริง ๆ ก็คิดว่ามันจะมีใครมาดูเรามั้ยเนี่ย ดนตรีแนวนี้คนฟังค่อนข้างจำกัดครับ ตอนแรกที่จัด เราก็ไม่รู้ตัวเองว่าหรอกว่าศักยภาพของวงเรามันเพียงพอทำให้คนทั่วไปสนใจซื้อบัตรมางานเปิดอัลบั้มของเรามั้ย แต่ผลสรุปปรากฏออกมาว่า มีคนมาดูเราครับ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากจริง ๆ
ทำไมถึงกล้าทำแผ่นเสียงออกมาขาย
นพ : เสี้ยนครับ ง่ายๆ เลย อยากมีแผ่นของวงตัวเองบ้าง แค่นั้นเลยครับ
โอ๋ : หลายคนถามผมว่า ขายราคานี้จริงหรอครับ มันได้กำไรแน่ ๆ ใช่มั้ย ทุกคนก็เป็นห่วง เราก็บอกไปว่าขายได้สบายมาก
นพ : แผ่นเสียงเพลงไทยเดี๋ยวนี้ขายกัน 2,500 บาทแล้วอ่ะ ของวงเรามันเป็น Double LP ด้วยมันก็เลยทำให้คนซื้อจะตกใจกันกับราคาที่เราขายมาก ๆ ทุกคนเป็นห่วงกันหมด อยากบอกไว้เลยว่าเราไม่ได้ต้องการกำไรจากตรงนี้มาก ถ้าเราทำเป็นธุรกิจจริง ๆ มันต้องเคาะราคากันเยอะ แต่ของเราแค่บวกเพิ่มจากราคาทุนไปนิดเดียวเอง ตอนนี้ทำออกมา 300 แผ่นจองไปทั้งหมด 100 แผ่นแล้วครับ
สังเกตุเห็นได้ว่าวง Inspirative เกิดปัญหาเฉพาะหน้าในการเล่นดนตรีอยู่บ่อยมาก เช่น การป่วยของสมาชิกในวง การติดภารกิจต่าง ๆ ทำให้เวลาในการซ้อมดนตรีไม่ตรงกัน วงมีวิธีรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร
นพ: สำหรับผม ปัญหานี้เรียกว่าทำใจดีกว่าครับ (หัวเราะ)
โอ๋: วงเราไม่ใช่นักดนตรีมืออาชีพ เรายังมีอาชีพอื่นที่ต้องทำกันอยู่ สมาชิกบางคนเพิ่งเรียนจบ ทุกคนมีเวลาไม่ตรงกัน มันยากที่ทุกคนจะว่างพร้อมกันได้ตลอด บางทีพร้อมซ้อมกันวันนี้ ปรากฏว่ามีใครสักคน มีงานด่วนเข้ามา วงก็อดซ้อมไป ซึ่งถ้าจะมาทะเลาะอะไรกันกับเรื่องพวกนี้ มันเสียเวลาเปล่า ๆ อย่างที่พี่นพบอกว่าทำใจแหละครับ ทุกคนทนเล่นดนตรีกันทุกวันนี้ มันไม่น่าใช่เล่นดนตรีเพราะได้เงินหรือมีชื่อเสียงอะไร แต่พวกเราเล่น เพราะเราอยากเล่น ฉะนั้นแล้วการทำความเข้าใจและยอมรับมันคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้ครับ
ตั้ม: ทุกวันนี้วงเราก็ซ้อมกันอาทิตย์ละครั้งหลังเลิกงาน ซ้อมเพื่อให้มันขึ้นสนิม เราเลยรู้สึกว่าไม่ได้มีปัญหามากเท่าไหร่เรื่องเวลาที่ไม่ตรงกันของสมาชิกแต่ละคน
ปัจจุบันสมาชิกในวงแต่ละคนทำอาชีพอะไรกันอยู่
นพ: ผมทำงานด้านไอทีครับ พูดง่าย ๆ ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ครับ (หัวเราะ) ล้อเล่นครับ เป็นที่ปรึกษางานด้านไอทีครับ
เคน: ผมเป็นสถาปนิกครับ งานออกแบบต่าง ๆ ผมทำหมด
ตั้ม: ส่วนของผมเป็นโปรดิวเซอร์รายการทีวีครับ ตอนนี้ทำอยู่รายการเปิดเลนส์ส่องโลก
เอม: เพิ่งเรียนจบเลยค่ะ
โอ๋: เป็นครีเอทีฟรายการวิทยุครับ เห็นมั้ยครับ สังเกตได้เลยว่า งานแต่ละคนมันจะคนละสายเลย เพราะฉะนั้น เวลาซ้อมดนตรีมันจะไม่ตรงกันเลย ตรงกันยากมาก แต่เราก็ทำใจกับมันพยายามไม่เครียดเรื่องนี้ เพราะผมรู้นะว่า ทุกคนในวงอยากซ้อมใช่ป่ะ (หัวเราะ)
นพ: มึงคิดไปเองหรือเปล่า ใครเขาอยากซ้อมกับมึง (หัวเราะ)
คิดว่าเสน่ห์อะไรของวงที่ทำให้คนรักเพลงของ inspirative
นพ: หน้าตาครับ (หัวเราะ) อะไรดีวะ จริง ๆ คำถามนี้ผมต้องถามคนดูมากกว่าครับ เพราะตัวพวกเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเสน่ห์มันคืออะไร ถ้าให้ตอบภาพรวม ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเรารู้สึกจริงใจกับเพลงที่จะเล่น แค่รู้สึกว่าทำในสิ่งที่ใช่ มันก็คือเสน่ห์สำหรับวงเราแล้ว
ถือว่าภาพรวมเพลงส่วนใหญ่ของ Inspirative มันดูดิ่ง ๆ หม่น ๆ รึเปล่า
นพ: ผมว่าเพลงเราก็อาจจะใช่นะ อารมณ์แบบดิ่ง ๆ หม่น ๆ
ตั้ม: ให้เปรียบเทียบง่าย ๆ คงเหมือนเวลาพ่อครัวปรุงอาหาร รสมือแต่ละครั้ง มันจะแตกต่างกันออกไป เพลงก็เช่นกัน แต่ละเพลงก็มีลูกเล่นที่แตกต่างกันออกไป อยู่ที่ว่าเราจำกัดความมันว่าอย่างไรมากกว่า
นพ: คือให้วงเราทำเพลงแบบหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว มันก็ทำไม่ได้อ่ะ คึก ๆ แบบนั้น ผมเป็นแบบแจ๊ส ชวนชื่น มายืนร้องเพลงก็คงทำแบบนั้นไม่ได้อะ หรือถ้าทำได้ก็คงไม่ดีเท่าที่เขาทำ
โอ๋: ตอนซ้อมพวกเราก็เล่นเพลงวงอื่นเหมือนกันครับ ไม่ใช่ว่าเล่นแนวอื่นไม่ได้นะ (หัวเราะ) แบบเพลงพวก Foals เราก็เล่นนะครับ
ตั้ม: ผมว่าต้องแยกกันนะ เรื่องพาร์ทการทำดนตรีกับการใช้ชีวิต สองสิ่งนี้มันต่างกันชัดเจนเลย คือการใช้ชีวิตของพวกเรามันก็เหมือนคนปกติทั่วไป ฟังเพลงทั่วไป แต่พอมาเป็นพาร์ททำดนตรี มันเหมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่ง เราตั้งใจกับมัน ใส่มุมมองความเป็นศิลปะเข้าไป การทำเพลงแบบนี้ ชีวิตเราก็ไม่ได้หม่น ๆ ดาร์ก ๆ เหมือนเพลงนะ เป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งที่เรามีไอเดียทำงานแล้วสร้างสรรค์ออกมาด้วยไอเดียนั้น พองานจบก็กลับมาใช้ชีวิตของเราแบบปกติทั่วไป
นพ: ถึงแม้เพลงของเราจะหม่นจะดาร์คอย่างไร มันก็ไม่ใช่การหม่นที่สุดนะ มันจะมีความหวังบ้างในบางเพลง มันจะเป็นคาแรกเตอร์เฉพาะตัวของเพลงที่เราสร้างสรรค์มันออกไป
คิดว่าในประเทศไทยตอนนี้วงดนตรีที่แนวเพลงคล้าย ๆ กับวง Inspirative แล้วอยากแนะนำให้คนอื่นฟังมีวงอะไรบ้าง
นพ: ตอนนี้หรือครับ ผมคิดว่ามี Aire, Forgot You Case, Hope The Flowers , Afternoon หรือ 17SEPTEMBER1981 ก็น่าสนใจดีครับ
อนาคตของวง inspirative และดนตรีแนว Post – Rock คิดว่ามันจะเป็นอย่างไรบ้าง
นพ: เอาเรื่องวงเราก่อนเลย เป้าหมายอันดับ 1 ตอนนี้เลยคือเราจะเริ่มทำอัลบั้มใหม่ให้เร็วที่สุดครับ ตอนนี้ก็คิดไว้ว่าปีหน้าคงได้ฟังอัลบั้ม 3 จากวงของเรากัน
ตั้ม: ส่วนอนาคตวงการดนตรีแนว post-rock ผมว่าน่าจะทรง ๆ เฉพาะกลุ่มเหมือนเดิมแหละ ไม่น่าต่างไปจากเดิมเท่าไหร่
โอ๋: คนฟังดนตรีแนวนี้มันเฉพาะกลุ่มอยู่แล้ว นอกเหนือจากคนฟัง มันก็ต้องอยู่ที่คนเล่นด้วย เพราะ เพลงแนวนี้มันไม่ได้เอื้อให้พวกเขามีรายได้ ถ้าไม่รักจริง ลำบากแน่นอนครับ ส่วนใหญ่คนที่เล่นดนตรีแนวนี้ก็เรียนบ้าง ทำงานบ้าง ปัญหาที่เกิดขึ้นก็จะคล้าย ๆ กับวงของเราที่ไม่ค่อยได้ซ้อม เจอกันน้อย แนวเพลงที่ไม่ได้สร้างรายได้ พอคนเล่นน้อย คนฟังมันก็น้อยด้วย ก็หวังว่าสักวันจะมีคนฟังแนวนี้เยอะขึ้นครับ ได้แต่หวังไว้แบบนั้นจริง ๆ
แล้วภาพรวมของวงการเพลงไทยในตอนนี้ล่ะ
นพ : กำลังมานะ ด้วยความพร้อมของอะไรหลายๆ อย่างมันเริ่มก่อตัวขึ้น ตอนนี้เริ่มมีองค์กรใหม่ ๆ เข้ามาในวงการดนตรี ยกตัวอย่างฟังใจก็เป็นหนึ่งในนั้นเลยนะ แถมตอนนี้มีผู้จัดดนตรีรายย่อยเกิดขึ้นเยอะมาก มีวงเก่ง ๆ ด้วย อย่างเมื่อก่อนแค่มีที่เล่นดนตรี มีเหล้ากินก็พอแล้ว แต่เดี๋ยวนี้มีการเน้นคุณภาพมากขึ้น เน้นซาวด์ดี ๆ มีเรื่องของแสงสีเข้ามาด้วย มันเจ๋งมาก ๆ
ตั้ม : อย่างบางวงก็จะมีซาวด์เอ็นจิเนียร์มาด้วยนะ
นพ : วงเรายังไม่มีเลยครับ ซาวด์เอ็นจิเนียร์เนี่ย (หัวเราะ) ยกตัวอย่าง งานคอนเสิร์ตฟังใจจัดงานเห็ดสดขึ้นก็มี sold out นะ ผมคิดว่าไม่น่าเกิน 2-3 ปีนี้ วงการดนตรีน่าจะดีขึ้น คนฟังเริ่มโอเคกับโซนเพลงนอกกระแสมากขึ้นแล้วละครับ
เรื่องปัญหาการโดนละเมิดลิขสิทธิ์เพลงของวง Inspirative โดนมั้ย
นพ : โดนเยอะครับ โดนหนักด้วย รู้สึกแอบเจ็บใจเล็กน้อย
ตั้ม : จริง ๆ ก็เตรียมใจไว้แล้วนะว่าต้องโดนเอาไปดาวน์โหลด ต้องมีแน่ ๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้
นพ : เหตุการณ์แบบนี้มันเคยเกิดขึ้นช่วงอัลบั้มแรกแล้วครับ ออกมาขายวันแรกปุ๊ปมาเลย ซึ่งให้เดาง่าย ๆ มันก็ต้องเป็นคนที่ซื้อแผ่นไปจากเรา ไม่รู้เขาคิดอะไรกัน จะไปห้ามเขาก็ไม่ได้ ที่เห็นผมโพสต์บ่น ๆ ในเฟซบุ๊กล่าสุดเนี่ย ไม่ได้ต่อว่าหรืออะไรนะ เหมือนแสดงจุดยืนมากกว่าว่าเราไม่เห็นด้วย ส่วนวงของเราก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรมากนะ บังเอิญเราไม่ได้มีเป้าหมายกับเรื่องรายได้ตั้งแต่ต้นด้วยล่ะ ถ้าเป็นวงที่เขามีเป้าหมายด้านรายได้ เขาอาจจะซีเรียสได้
ตั้ม : วงของเราขายแผ่นพอให้มันมีเงินทำทุนในอัลบั้มต่อ ๆ ไปก็พอแล้วครับ เวลาเราทำอัลบั้มทีหนึ่งก็จะมีเงินกองกลางของวงนะ
โอ๋ : ใช่ วงเราไม่ได้หวังเรื่องการขายสักเท่าไหร่ การทำกำไรอะไรต่าง ๆ เราไม่คิดเรื่องนี้เลย แค่คิดว่ารายได้มันเพียงพอในการทำอัลบั้มต่อไปก็พอแล้ว ผมจะเป็นคนดูแลเงินทั้งหมด ผมต้องคอยคิดตลอดว่าจำนวนเงินแต่ละเดือนที่วงของเราได้มาเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นเงินทั้งหมดที่เราได้มาแน่นอน มันคืออัลบั้มที่พวกคุณจับอยู่นั้นล่ะครับ ถ้าคุณซื้อแผ่นแท้ ผมก็มีเงินทำอัลบั้ม ถ้าคุณไม่ซื้อแผ่นอัลบั้มพวกเราเลย พวกเราก็ไม่มีเงินทุนในการทำแผ่น แค่นั้นเองครับ เรื่องง่าย ๆ
ความฝันกับการไปเล่นต่างประเทศ (ปัจจุบันพวกเขากำลังจะไปทัวร์ที่ประเทศจีนในเดือนนี้)
นพ : อยากไปเล่นดนตรีที่ประเทศญี่ปุ่น สวีเดน รัสเซียครับ ทัวร์ยุโรปไปเลย แวะสนามบอลด้วยนะ ทุกอย่างมันจะสุดยอดมาก
โอ๋: พวกเราเคยไปเล่นต่างประเทศมาแล้วครับ ตอนนั้นไปประเทศมาเลเซีย สนุกดีเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ของวงเลย วัฒนธรรมการดูของเขาต่างจากบ้านเรามาก ๆ จำได้ว่าดูเราเล่นเสร็จ พักเบรกออกไปดูดบุหรี่กันเพียบเลย (หัวเราะ)
ตั้ม: ตอนเล่นเสร็จ ผมนึกว่าใครมาปิ้งไก่ย่างวะ ควันมาเต็ม คนมาเลเซียเขาไม่กินเหล้านะ เวลาดูคอนเสิร์ตเขาจะเน้นสูบบุหรี่กันหนักมาก ความตั้งใจในการดูดนตรีนี่มีเต็มเปี่ยม
โอ๋: ถ้าเป็นบ้านเราจะยืนคุยกัน เอาขวดชนกัน กระดกเบียร์แข่งกัน มองสาว ๆ ก็ว่ากันไป แต่ที่มาเลเซียนี่จริงจังมาก ทุกคนอินกับเราสุด ๆ ไปเลย พูดแล้วก็อยากไปอีกครับ
ถ้าทำเพลงด้วยใจ มันต้องมีคนมองเห็นอยู่แล้ว ไม่ต้องทุกคนก็ได้ เราเชื่อว่า คนที่เขาตั้งใจฟังจริง ๆ เขาจะสัมผัสได้ถึงพลังงานที่เราต้องการจะสื่อสารออกไป
PART 2: When We Talk
เมื่อพูดคุยทำความรู้จักกับพวกเขา Inspirative กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะเจาะลึกถึงเรื่องราวของเทศกาลกินเจที่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อให้เข้ากับธีมของฟังใจซีนฉบับนี้เสียหน่อย ไหน ๆ วงดนตรีแนวนี้ก็เล่นเพลงส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยมี ‘เนื้อ’ (เพลง)แล้ว ส่วนเรื่องราวการกินเจจะเกี่ยวข้องอะไรกับวง Inspirative อย่างไร โปรดติดตามอ่านกันต่อได้เลยครับ
เทศกาลกินเจรู้สึกอย่างไรกับเทศกาลนี้บ้างครับ
นพ : ผมเคยร่วมเทศกาลนี้นะครับ นาน ๆ ครั้งร่วมทีหนึ่ง (หัวเราะ) ครอบครัวของผมไม่ใช่ชาวจีนเลยไม่ได้ข้องแวะกับเทศกาลนี้สักเท่าไหร่ แต่ออฟฟิศของผมอยู่ย่านสีลม ฉะนั้นแล้วช่วงเทศกาลจะได้กินแน่นอน เพราะทั้งถนนสีลมอาหารเจเพียบเลย
ตั้ม : ผมร่วมครับ กินจริงจังเลยบางปี ชอบกินจับฉ่าย เมนูโปรดเลย
โอ๋ : ผมอินกับอาหารเจนะครับ แต่ไม่ได้อินกับเทศกาลนะ ถ้าเรื่องอาหารเจนี่กินหมดครับ
เอม : เราชอบกินพวกแป้งค่ะ พวกเป็นเส้น ๆ แบบหมี่กึงนี่อร่อยมาก
ถ้าให้เปรียบเพลงของ Inspirative เป็นอาหารเจคิดว่ารสชาติเป็นไง
นพ : น่าจะเป็นรสชาติคล้าย ๆ กะหล่ำพันปีครับ กินแล้วมันฉ่ำ ๆ มีรสกลมกล่อมอร่อยครับ
โอ๋ : ผมว่าน่าจะเหมือนผัดหมี่เจที่มีรสชาติเฉพาะตัว กินได้แค่ที่ร้าน Inspirative ที่เดียวครับ
จงแนะนำเพลงของวงให้คนกินเจฟัง
เอม : ขอแนะนำเพลงไม่มีเนื้อทุกเพลงเลยแล้วกันค่ะ เดี๋ยวผิดศีล เพลงมีเนื้อฟังได้ไม่บาป (หัวเราะ)
นพ : เพลง Why ครับ
ตั้ม : Military Parachutes ก็ได้ครับเพลงนี้ผมแนะนำ
โอ๋ : After 27 Years, I’m Alive แล้วก็พวกเพลงในอัลบั้มใหม่ครับ
นพ : เพลงแถมในแผ่นเสียงครับ เจแน่นอน เพลงนี้มีความยาว 10 กว่านาที เจแน่นอน ขอขายของครับ เจ-ร็อคแน่ ๆ (หัวเราะ)
Feedback จากคนที่ฟังเพลงวงเราละเป็นอย่างไรกันบ้าง
ตั้ม : พวกเราเจอทุกรูปแบบเลยครับ แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียส รับฟังหมดนะ
โอ๋ : เอาจริง ๆ เพลงมันเสร็จจากตรงเราออกไปก็พอใจแล้ว
ตั้ม : วงเราไม่ค่อยคาดหวังนะ เพราะคิดว่า ตอนที่ทำ เราทำสิ่งที่ชอบที่สุดไปแล้ว อย่างน้อยคนฟังไม่ชอบเลย คนทำอย่างเราก็ยังชอบมันอยู่ดี
เอม : ถ้าทำเพลงด้วยใจ มันต้องมีคนมองเห็นอยู่แล้ว ไม่ต้องทุกคนก็ได้ เราเชื่อว่า คนที่เขาตั้งใจฟังจริง ๆ เขาจะสัมผัสได้ถึงพลังงานที่เราต้องการจะสื่อสารออกไป
ได้เวลาขายของแล้ว เชิญขายอัลบั้ม Mysteriously Awake ทำไมถึงต้องมีอัลบั้มนี้ไว้ครอบครอง
โอ๋ : ไม่อยากพูดอะไรมากครับ ตอนนี้อัลบั้มนี้มันกำลังจะหมดแล้วครับ รีบๆ ซื้อหน่อย เดี๋ยวมันจะแพงในอนาคตนะ แล้วก็เร็ว ๆ นี้ อัลบั้ม 3 กำลังจะมาแล้ว อดใจรอกันนะทุกคน ซื้ออัลบั้มนี้กันก่อน
นพ : พวกเราอยากจะทำอัลบั้ม 3 ให้เสร็จก่อนปี 2017 ครับ อยากให้ทัน 10 ปีของวง เพราะฉะนั้นพวกคุณมีส่วนช่วยพวกเราได้ด้วยการช่วยสนับสนุนอัลบั้มนี้นะครับ เมื่อเรามีเงินทุนทำเพลงแล้ว คุณก็จะได้ฟังเพลงใหม่ ๆ อย่างแน่นอน ซื้อกันหน่อยนะครับ
ตั้ม : ซื้อเลยครับอัลบั้มนี้ อนาคตมันไม่มีอะไรแน่นอนครับ พวกเราอาจจะไม่ได้ทำแค่วง Insprirative วงเดียวก็ได้ อาจจะมีโปรเจกต์อื่น ๆ โผล่มาใครจะไปรู้ หรืออาจจะเล่นดนตรีแนวเพลงอื่น ๆ ที่แต่ละคนชอบก็เป็นได้ไม่มีใครรู้
สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงแฟนเพลงที่ติดตามพวกคุณอยู่บ้าง
นพ : เร็วๆ นี้ วงของเราจะปล่อยเพลงใหม่ในอัลบั้มครับ เพลงอะไร ขออุบไว้ก่อนนะครับ รอดูกันเดือนตุลาคมน่าจะเสร็จทุกอย่าง ฝากด้วยนะครับ แล้วก็อยากให้มาฟังเพลงของพวกเราบนฟังใจเยอะ ๆ ครับ มารู้จักพวกเราผ่านเสียงเพลงกันได้ที่นี่เลย มีครบทุกอัลบั้มเลยครับ
โอ๋ : ขอบคุณฟังใจด้วยนะครับ ที่ช่วยเผยแพร่สนับสนุนวงเรา ขอบคุณคนฟังด้วยและก็ดีใจที่มีวงหน้าใหม่ ๆ ในปัจจุบันเยอะขึ้น เอาใจช่วยทุกวงให้อยู่รอดในวงการเพลงต่อไป ขอบคุณมาก ๆ ที่เชิญพวกเรามาสนุกกันในวันนี้ครับ