Undercimber Fin. อาวองการ์ดไต้หวันจาก CINEMA SESSIONS ที่น่าจับตามอง
- Writer: Peerapong Kaewthae
- Photographer: CINEMA SESSIONS
- Art Director: Karin Lertchaiprasert
Undercimber Fin. เป็นวงดนตรีที่ไม่เหมือนใครในซีนดนตรีของไต้หวัน สไตล์ดนตรียังมีการผสมผสานแบบแปลกใหม่ ทำให้เพลงของพวกเขามีความคุ้นเคยแต่ก็ดูไม่เข้าพวก เหมือนส่วนผสมของเบื้องหลังสมาชิกแต่ละคนในวง
“ฉันโตมากับการเรียนดนตรี และตั้งใจจะเข้ามหาลัยให้ได้” Adlian มือคีย์บอร์ดของวงเล่าให้ฟังหลังจากอัด CINEMA SESSIONS เสร็จ บางครั้งเธอก็รับงานเรียบเรียงเพลงให้ละครเวที และในเวลาว่างเธอยังเป็นแฟนตัวยงของ Steve Reich, Radiohead และเพลงแนว J-rock “ฉันคิดว่าดนตรีของฉันใกล้เคียงกับความ minimalism มาก ๆ ก่อนจะเขียนเพลงขึ้นมาซักเพลง ฉันจะมองเห็นไอเดียเป็นภาพหรือเรื่องราวในหัวก่อนเสมอ”
แล้ววงถูกตั้งขึ้นมาตอนไหน ตอนแรก Adlian, Kang (ร้องนำ) และ Andy (มือกีตาร์และคอรัส) เจอกันในโรงเรียนและมีโอกาสได้ตั้งวงเล่นด้วยกัน Pin มือเบสที่เคยเล่นแต่เพลงแนวเมทัลกับ Link มือกีตาร์ที่ชื่นชอบโพสต์ร็อกจากเกาะอังกฤษก็ทยอยตามเข้ามา พวกเขาโชว์ด้วยกันมามากกว่า 4 ปีแล้ว Mipu มือกลองก็ตามมาทีหลังเมื่อปีก่อน เขาเป็นน้องชายของ Andy ที่เพิ่งสอบเข้ามหาลัยได้ เขาหลงใหลในดนตรีนอกกระแสตั้งแต่วง No Party For Cao Dong ชนะรางวัลใน Golden Music Award และเขาก็ตกหลุมรักความกรู๊ฟของแจ๊สและฟังก์เข้าอย่างจัง
Undercimber Fin. มีลายเซ็นของตัวเองชัดเจนมาก ดนตรีของพวกเขาทั้งสัดส่วนและจังหวะไม่มีความใกล้เคียงกับเพลงป๊อปทั่วไปเลยซักนิดเดียว พวกเขาเรียบเรียงมันได้คล้ายกับการเล่าเรื่องแบบภาพยนตร์ ที่ดึงดูดคนฟังให้หลงอยู่กับภาพอันมีชีวิตชีวา วงจะช่วยกันเรียบเรียงความงดงามของดนตรีทุกชิ้นแต่ไม่ทำให้มันสมบูรณ์เกินไป เพื่อรอให้ Kang เป็นคนเขียนเนื้อร้องทั้งหมดออกมาก่อน
พวกเขาปล่อย Sonmi อัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกออกมา ชุดนี้มีดนตรีอันแปลกประหลาดถึง 13 เพลง ถึงแม้พวกเขาจะพอเป็นที่รู้จักมาบ้าง แต่นักวิจารณ์และคนที่รักการฟังเพลงนอกกระแสก็ยกย่องพวกเขาอย่างล้นหลาม
ชื่ออัลบั้ม Sonmi มาจากตัวละครในนิยายชื่อ ‘Cloud Atlas’ เธอคือมนุษย์โคลนนิ่งที่เกิดมาพร้อมปาน เนื้อเรื่องของมันพูดถึงการกลับชาติมาเกิด การตัดสินใจของผู้คนที่นำไปสู่วัฏจักรของความดีความชั่ว Kang เสริมว่า “อัลบั้มของเราอาจไม่ได้มีแนวคิดเรื่องนี้เต็มตัว แต่มันคือมุมมองที่เรามีต่อสังคมและโลกใบนี้”
อัลบั้มแแรกของพวกเขา Sonmi ก็อัดกันที่สตูดิโอ Yuchen ทำให้พวกเขาและ Andy Baker เข้าใจในคอนเซ็ปต์เพลงกันชัดเจนอยู่แล้ว พวกเขาคิดว่า Baker ช่วยได้เจอมากในส่วนของโปรดักชัน เพราะพวกเขาสื่อสารกันตลอดเวลาอยู่แล้ว “พอเขาได้ฟังเดโมสิ่งแรกที่เขาพูดขึ้นมาคือพวกเขาคือ Pink Floyd หรือ Radiohead ของยุคนี้เลย” Andy ของวงพูดติดตลกขึ้นมา “ระหว่างที่กำลังอัดเพลงด้วยกัน ภาษาอังกฤษของเราก็ดีขึ้นมาก และพวกเราน่าจะทำได้ดีกว่านี้แน่นอน แต่หลังจากที่อัดเพลงกันเสร็จ ภาษาอังกฤษของพวกเราก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม ฮ่า ๆ”
ในโปรเจกต์ CINEMA SESSIONS พวกเขาเลือกเพลง Tick Tock และ Lie A Lie มาทำโชว์ Tick Tock คือเพลงแรก ๆ ที่พวกเขาแต่งขึ้นและเนื้อเพลงพูดถึงเด็กน้อยกับชายอ้วน ซึ่งเปรียบเปรยถึงระเบิดนิวเคลียร์ของอเมริกา (Fat Man and Little Boy) ที่บอมใส่ญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนเพลง Lie A Lie ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากหนัง ‘The Great Beauty’ ที่พาเราไปสำรวจการเติบโตของมนุษย์
“ซีนดนตรีไต้หวันเริ่มบูมขึ้นเยอะมากจริง ๆ ทุกคนกระตือรือร้นกับการปล่อยเพลงในแบบของตัวเอง ถ้าเพลงของเราสามารถออกไปอยู่ในทุกตลาดได้มันคงจะช่วยได้เยอะเลย” Undecimber Fin. หวังว่าโปรเจกต์ CINEMA SESSIONS จะช่วยให้แฟนเพลงหรือคนฟังหน้าใหม่ ๆ ได้สนุกกับดนตรีของพวกเขา
บทความใกล้เคียง
คุยกับ Xueiyuan ผู้ปลุกดนตรี R&B ให้ซู่ซ่าในซีนดนตรีไต้หวัน จนได้อยู่ใน Cinema Sessions
การเติบโตอันงดงามและเบื้องหลังการทำเพลงของ The Fur. ก่อนไปชม Cinema Sessions