ลื่นไหลไปสำรวจเสียงพิศวงแสนมหัศจรรย์กับ Two Pills After Meal
- Writer: ธนาภรณ์ โสภณพัชรคุณ
- Photographer: Aurayap
จากอดีตสมาชิกวง When สู่การเดินทางในหนทางใหม่ของ เติ้ล และ โอม กับการเป็นวงดนตรีสองชิ้นหน้าใหม่ไฟแรง ที่มีเอกลักษณ์ในซาวด์ดนตรีชนิดหาตัวจับได้ยาก นามว่า Two Pills After Meal วันนี้พวกเขาจะมาแนะนำตัวให้พวกเราได้รู้จักผ่านเรื่องราวการทำงานที่แสนสนุกและสุดมหัศจรรย์
PART 1: Medicine Machine
ขั้นตอนการเริ่มผลิตยา
เติ้ล: เริ่มต้นเราสองคนเจอกันตั้งแต่ตอนทำวง When แล้ว แต่วง When มีเหตุให้ต้องเลิกลากันไป โดยตอนนั้นพวกเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลยนะ แค่ทัศนคติในการทำงานมันต่างกัน การร่วมงานมันจึงลำบากขึ้น แต่ละคนมีเส้นทางของตัวเอง เลยเหลือกันแค่ 3 คน ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าเราจะทำยังไงต่อกันดี เพราะเอาจริง ๆ แกนหลักของวง When คือ ‘คุณ’ พอ ‘คุณ’ ออกไป เราสามคนก็ต้องออกมาหาตรงกลางกันใหม่และในระหว่างการตัดสินใจฟอร์มวงกันอีกครั้ง ‘เด่น’ ก็มีโอกาสได้ไปเล่นเบสให้วง Lomosonic งานของเด่นเริ่มเยอะขึ้น เขาเหมือนค้นพบเส้นทางของตัวเอง ดังนั้นเขาเลยตัดสินใจจะขอไม่ทำต่อ สุดท้ายเลยเหลือกันแค่เติ้ลกับโอมสองคน แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากนะ เพราะก่อนหน้านี้เราได้ศึกษาวงดนตรีที่เล่นกันน้อยชิ้นอยู่แล้ว
โอม: ตอนนั้นพี่เติ้ลก็เอาวงเล่นสองชิ้นให้ดู เป็นสองชิ้นคีย์บอร์ดกับกลองซะด้วย ชื่อวง Mates of state หลังจากได้ดูวงนี้มันเหมือนเป็นประตูบานต่อไปให้เราได้ว่าจะเจาะไปทางไหนดี เมื่อเจาะเข้าไปก็ค้นพบว่าแนวเครื่องดนตรีน้อยชิ้นมันมีหลากหลายมาก ตั้งแต่ฟังสบายถึงโยกหัวเลย จริง ๆ แล้วการศึกษาวงเหล่านี้มันเพิ่มความมั่นใจให้เราด้วยว่ามีวงดนตรีประเภทนี้อยู่นะ เราสามารถไปต่อได้ ช่วงทำวงนี้กันเราไม่สนใจเลยว่า ผลตอบรับจะเป็นไงมันเป็นความท้าทายมากกว่า หลังจากนั้นเราเข้าห้องซ้อมกันเลย มีเกิดไอเดียผุดมาตลอด แล้วพอมันเหลือแค่สองคนด้วยเราสามารถคุยกันได้เยอะขึ้น ผมไปค้นในสิ่งที่ผมชอบ พี่เติ้ลก็เช่นกัน แล้วนำมาแชร์กันหาจุดร่วมด้วยกันครับ เหมือนระยะเวลาที่เริ่มทำวงนี้มันเร็วมากแค่ 2 เดือนเอง เราสนุกกับการทดลองทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น ทุกคนในค่ายก็ให้กำลังใจการทำงานกัน ถึงแม้ว่าบางคนเขาอาจจะมีสงสารเรากันบ้าง แต่อย่างไรก็ตามพอเพลงมันออกมาเราสองคนพอใจและชอบมันครับ
2 เม็ดหลังอาหาร
เติ้ล: ชื่อวงเรามากจากพี่นิ้ม (วง Goose) ตั้งให้ค่ะโดยก่อนจะมาเป็นชื่อนี้มันมีมาประมาณ 5-6 ชื่อเลย ปกติแกไปไหนมาไหนแกจะเขียนชื่อวงใส่กระดาษยื่นมาให้เลือกตลอด น่ารักมาก จนกระทั่งมีประโยค Two pills after meal เรารู้สึกโอเคกับชื่อนี้มาก แต่ทางทีมบอกว่ามันยาวเกินไป แต่เราสู้ให้ได้ชื่อนี้ไง เพราะเราชอบทั้งความหมายที่แปลเป็นไทย ความรู้สึกว่าอะไรวะ กินยาก่อนไหม แต่ก่อนชื่อนี้มีอีกชื่อที่เราชอบ คือ Hey menu please! (หัวเราะ)
โอม: ก่อนหน้านั้นเรามีโจทย์ให้พี่นิ้มไปอยู่แล้วว่า อยากได้ชื่อวงแบบไหน เป็น Two ไหม เพราะมีแค่สองคนหรือว่าเป็น And ดี พอไปปรึกษาพี่นิ้ม แกมีคลังภาษาเยอะ พวกคำแสลงฝรั่งเก่งมาก ทุกวันนี้ยังต้องจ่ายค่าลิขสิทธ์ชื่อวงให้แกเวลาไปเล่นสด ครั้งละ 2 บาทอยู่เลย (หัวเราะ)
Two pills after meal เรารู้สึกโอเคกับชื่อมาก แต่ทางทีมทำเพลงบอกว่า ชื่อมันยาวเกินไป แต่เราสู้ให้ได้ชื่อนี้มาเป็นชื่อวงของเรา
ส่วนผสมของยาที่ลงตัว
PART 2: ปู๊น ปู๊น ฉึก กะ ฉัก
รฟท เข้าชานชาลามาได้ยังไง
โอม: เพลงใหม่ล่าสุดของเรา เพลงนี้ขอเท้าความก่อนแล้วกัน จุดเริ่มต้นคือ ผมไปเล่าให้พี่เติ้ลฟังว่า ตัวผมนึกถึงเรื่องราวของ Harry Potter ฉากชานชาลา 9 ¾ ตอนแฮรี่เข็นรถเข้าไปในกำแพงแล้วเจออีกโลกนึง มันมีความลึกลับและแฟนตาซี จึงเกิดเป็นทำนองเพลงนี้ขึ้นมา แต่ก็ยังไม่รู้จะเอาไงต่อดีในเรื่องเนื้อเพลง
เติ้ล: ตอนแต่งเพลงนี้เรามี แมว The Jukks มาช่วยเป็น Lyrics director sound ให้ หลังจากเขาได้ฟังทำนองเรียบร้อย มันจะมีช่วง ตือ ดือ ดืด ต๊อด ๆ เขากล่าวว่ามันเป็นช่วงสำคัญในการใส่เรื่องราว ทำให้นึกถึงคำว่า พร้อม ขึ้นมา ภาพมันเป็นประมาณว่า รถไฟพร้อมแล้ว เมื่อไหร่จะมีคนมาโดยสาร เลยได้นำทั้งหมดมาปรึกษากันต่อ ซึ่งเราเห็นด้วยกับแมวนะ แต่ถ้าเป็นตัวเราเอง เราจะไม่รอ ในความคิด คือ ทำไมต้องรอ ยิ่งรอสนิมยื่งขึ้น มันเปรียบเหมือนกับชีวิตคนหากรอโอกาสเข้ามาเพียงอย่างเดียว ทำไมเราไม่เดินไปหาโอกาสเองเลยล่ะ ทั้งหมดจึงเป็นแกนเรื่องของเพลงนี้ แต่ทุกคนจะสงสัยว่าแมงมุมมันมาได้ยังไง (หัวเราะ) จริง ๆ แล้ว เราอยากสร้างให้มันหลอน ๆ งง ๆ เลยคิดไปถึงสิ่งที่ไม่สามารถคุยกับเราได้ คิดไปเรื่อยจนกลั่นออกมาเป็นแมงมุมที่กำลังถักใยไม่สนใจใครในท้ายที่สุด
โอม: เวลานั้นเราสนุกกับการคิดมาก เกิดเป็นภาพขึ้นมาในหัวแล้ว แม้ว่าคนฟังจะงงกับเพลงเรา (หัวเราะ) แต่ไม่เป็นไร แค่อยากให้รู้สึกสนุกไว้ก่อนก็พอแล้ว ส่วนจะเข้าใจเนื้อเพลงตามอธิบายนี้ไหมก็แล้วแต่การตีความของผู้ฟัง
รฟท ชื่อเพลงสุดพิสดาร
เติ้ล: การตั้งชื่อเพลงนี้มันมีโจทย์กันว่าอยากได้ชื่อเพลงเป็นคำนามและต้องเป็นคำนามที่สนุกด้วย เพราะเพลงเราเป็นแนวเปรียบเทียบอยู่แล้ว มีหลายไอเดียมาก อาทิเช่น ชานชาลา, ทางรถไฟ, โบกี้, ใยแมงมุม, สนิม แล้วพี่รุ่งก็เสนอชื่อว่า รถไฟไทย ให้เรา
โอม: จากนั้นพี่เทิดที่สมอลล์รูมแกมาแจมบอกว่าลองย่อดูหน่อยไหม จึงกลายเป็น รฟท แล้วที่ผมชอบไปกว่านั้น คือ แกเสริมไปอีกว่า สามารถแปลความหมาย รฟท เป็น รอฟังทูพิล ได้เลยนะ ผมก็เลยซื้อเลย ต้องชื่อนี้ (หัวเราะ)
ความคิดเห็นผู้โดยสาร
โอม: กระแสตอบรับไปในทางว่า ย้ำภาพเดิมนะ ย้ำความหลอนจากเพลงเดิม มีคนฟังบอกว่า วงเราเพลงมันฟังเพลิน ฟังสนุกและมันดูง่ายกว่าเพลงเข็มฉีดยาอะไรทำนองนี้ ซึ่งความตั้งใจของเราอยากให้มันออกมามีความสนุกอยู่แล้ว ด้วยจังหวะของเพลงกับเอ็มวีที่นำเสนอมันยิ่งทำให้ความสนุกสนานออกไปในทางที่ชัดเจนขึ้น
เติ้ล: เราเชื่อว่าไม่มีใครสามารถกำหนดได้ว่า เพลงนี้มันต้องดังนะ วงนี้มันต้องดัง ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องใช้เวลา เพลงแรกมีคนฟังประมาณกลุ่มหนึ่งแล้ว มันก็จะขยายออกไปทวีคูณไปเรื่อย ๆ เรารู้สึกดีมากที่เพลงมันเดินไปในทางที่ถูกต้องตามที่วางไว้ การเรียงลำดับของเพลงที่ไปย้ำเอกลักษณ์ของวงให้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งคนฟังสามารถจับแนวทางได้แล้ว อย่างเพลง รฟท เพลงนี้มีการเปรียบเทียบเหมือนเพลง เข็มฉีดยา แต่ทว่ามันเป็นในเชิงนิทานเรื่องเล่าเท่านั้นเอง ไม่เหมือนเพลงแรกที่จะเปรียบเทียบโยงไปมา ส่วนเรื่องคอมเม้นท์ต่าง ๆ เราจะเป็นคนคอยเช็คความคิดเห็นทางโลกออนไลน์ทุกช่องทางอยู่เสมอ รวมทั้งตอบด้วยตัวเองนะ ก็อยากจะขอบคุณคนฟังกลุ่มแรก ๆ ที่เข้ามาฟังเพลงของพวกเรา ทั้ง ๆ ที่วงเรายังไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายก็ตาม ยังสละเวลามาฟังเพลงของพวกเรา พร้อมแสดงความเห็นให้เราได้เห็นภาพของวงในมุมมองหลาย ๆ ด้านอีกด้วย ต้องขอบคุณมากจริง ๆ
เราเชื่อว่าไม่มีใครสามารถกำหนดได้ว่า เพลงนี้มันต้องดังนะ วงนี้มันต้องดัง ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องใช้เวลา เพลงแรกมีคนฟังประมาณกลุ่มหนึ่งแล้ว มันก็จะขยายออกไปทวีคูณไปเรื่อย ๆ เรารู้สึกดีมากที่เพลงมันเดินไปในทางที่ถูกต้องตามที่วางไว้
เขาบอกว่าเพลง รฟท เหมือนเพลงของ….
เติ้ล: เราจะคอยเช็คความคิดของวงตลอดเวลาเลยนะทางเฟสบุ๊ค หรือ Youtube อยากรู้ว่าคนอื่นคิดยังไงกับเพลงเรา มันหลอนไปหรือเปล่า เข้าไม่ถึงไหม แต่มีความคิดเห็นหนึ่งตลกดีที่บอกว่าพวกเราโยกหัวเหมือน Skrillex ข้อความพิมพ์ว่า “พี่เชิญวง Skrillex มา featuring ด้วยเหรอครับ” เราก็มาคิดเอ๊ะเพลงเราเหมือนตรงไหน คราวนี้ก็เลยได้พี่หมวกซึ่งเป็นองครักษ์ทางค่ายไปถามกลับไปว่า เพลงนี้เหมือนตรงไหนครับ นั่นมันแนว Dubstep เลยนะ ต่อมาเขาตอบมาว่า ตีความผิดแล้วครับพี่ ผมไม่ได้หมายถึงดนตรี ผมพูดถึงการโยกหัวที่เหมือนครับ (หัวเราะ) แล้วแบบเขาก็กลับไปแก้ไขความคิดเห็นแรกว่าเขาถามเรื่องโยกหัวนะ พวกเราก็ตลกกันใหญ่ ส่วนความคิดเห็นแรง ๆ ยังไม่มีนะ คิดว่าพวกเรายังใหม่ด้วยแหละ แต่ถ้ามีเข้ามาพวกเราก็พร้อมจะรับฟัง
PART 3: อนุภาพที่ก่อกำเนิดพลังให้ต่อสู้ไปกับโลกของเสียงเพลง
พลังอันยิ่งใหญ่ของ Two pills after meal
เติ้ล: พลังของวงเรา คือ พลังที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้วค่ะ (หัวเราะ) ลงเรือลำเดียวกันมาแล้ว ไม่พายกลับแล้วนะ ต้องลุยแหลกอย่างเดียวตอนนี้ เราไม่รู้หรอกว่าระยะทางมันจะไปได้สิ้นสุดตรงไหน แต่ก็จะไปให้ได้ถึงที่สุด
โอม: ยิ่งเรามีกันแค่สองคน ทำให้รู้สึกว่าต้องช่วยกันมากกว่าเดิม ทำทุกอย่างให้สุดกว่าเดิม
ความทรงพลังของพลังผู้หญิงที่เล่นดนตรี
เติ้ล: ขอพูดถึงตัวเองแล้วกัน เราไม่เคยคิดว่าการเล่นดนตรีมันมีแบ่งแยกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย มันเท่าเทียมกัน เราเติบโตมากับสังคมของโลกดนตรีอยู่แล้ว แม้ผู้หญิงที่เรียนดนตรีในมหาวิทยาลัยจะมีน้อย แต่ความรู้สึกอ่อนแอไม่เคยเกิดขึ้นเลย เราสามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่มีข้อจำกัดใดใดทั้งสิ้น อย่ายึดคำว่าเพศมันคืออะไร มันขึ้นอยู่กับบุคคลมากกว่า ถ้าอยากทำอะไร ลงมือทำมันซะ อย่ารอแค่นั้นเอง
ผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในชีวิต
เติ้ล: ขอบคุณแม่ที่ทำให้เราเกิดมาค่ะ (หัวเราะ) เอาจริง ๆ นะ ต้องขอบคุณแม่จริง ๆ ที่เข้าใจเรา ปล่อยให้เราทำสิ่งที่รักโดยไม่ขัดเลยว่ามันจะไปรอดหรือเปล่า ในทุก ๆ วันนี้แม่ยังให้กำลังใจเสมอ ยิ่งแม่เห็นเราสนุกกับมันมากเท่าไหร่ แกก็จะยิ่งเชียร์เรามากขึ้น ต้องโครตขอบคุณแม่มาก ๆ เลย
โอม: ก็ขอบคุณแม่ที่ส่งกำลังใจให้เสมอมา แม่ผมจะเป็นสายทำบุญ เวลาเข้าวัดจะอธิษฐานให้ผม แล้วมาให้ผม สาธุ สาธุ สาธุ ถือว่าแม่เป็นคนผลักดันเราให้มายืนอยู่ตรงจุดนี้เหมือนกันนะ แถมเวลามีงานคอนเสิร์ตทั้งแม่ผมและแม่พี่เติ้ลจะชอบไปดูพวกเราเล่น แล้วดันบังเอิญมากไปอีกที่ชื่อเหมือนกันด้วยนะ ทรงผมก็คล้ายกัน แม่ทั้งสองของเราก็จะไปยืนกอดคอกันหน้าเวทีให้กำลังใจพวกเราเสมอ
PART 4: การวิจัยของยาสองเม็ดนี้ในอนาคต
สรรพคุณใน Two pills after meal ขั้นต่อไป
เติ้ล: เราวางแผนการทำเพลงของวงเป็นในรูปแบบเม็ดยา ยาเม็ดแรกมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท (หัวเราะ) ให้สนุกสนาน และยาเม็ดที่สองยังคงต่อเนื่องกันไปแต่ออกฤทธิ์แรงกว่าเดิม แต่เม็ดที่สามเราคิดไว้ว่าจะทำให้มันผ่อนลงบ้าง เดี๋ยวจะบ้ากันเกินไป ซึ่งมันจะไม่ใช่เพลงที่ช้ามากนะ
โอม: เพื่อไม่ให้หัวใจมันเต้นเร็วกันเกินไป เดี๋ยวจะมีคนมาปรามว่าเพลงเร็วอีกแล้วเหรอ อีกอย่างผมจะนึกถึงตอนแสดงสดด้วย คือ รายชื่อเพลงที่เรากำหนดกันไว้ทั้งเพลงตัวเองผสมกับเพลงcover มันทำให้เราใช้พลังงานสูงทุกเพลงเลย จึงควรมีเพลงช้าลงบ้าง เดี๋ยวเล่นไปหายใจไม่ทันจะแย่เอาครับ (หัวเราะ)
มีโอกาสเปลี่ยนแปลงเป็น Three pills after meal ไหม
เติ้ล: ยืนยันไม่มีแน่นอน การทำงานกันสองคนกับโอมมันลงตัวที่สุดแล้ว ชื่อวงมันเป็นสอง มันก็ควรมีแค่นี้ เรารู้สึกว่าสองคนยังสามารถทำอะไรได้อีกเยอะ ลองกันมาสองคน ก็อยากลุยไปแค่นี้ ให้นึกภาพสามคนนี่นึกไม่ออกเลย
โอม: มันชัดเจนว่าเรามากันสองคน ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นเกิดขึ้น เราทั้งสองคุยกันแลกเปลี่ยนกันได้ มันเป็นส่วนผสมที่พอดีแล้วครับ
พลังของวงเรา คือ พลังที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ลงเรือลำเดียวกันมา ไม่พายกลับแล้วนะ ต้องลุยแหลกอย่างเดียวตอนนี้ เราไม่รู้หรอกว่าระยะทางมันจะไปได้สิ้นสุดตรงไหน แต่ก็จะไปให้ได้ถึงที่สุด
เชิญรับยาในช่องทางต่อไปนี้
Two Pills After Meal: ฝากแนวเพลงและรูปแบบวงที่พวกเราตั้งใจทำกันด้วยนะค่ะและสิ่งเดียวที่อยากขอ คือ อยากขอให้เปิดใจฟังกันด้วย (ยิ้ม) ไม่ได้ขอให้เป็นแฟนเพลงนะ อยากให้มาลองฟังดู ส่วนเร็ว ๆ นี้ก็จะมีโปรเจคเฉพาะของพวกเราที่ขอเกริ่นไว้ก่อนว่าวงเราจะเล่นเป็นอะคูสติค ส่วนจะเป็นแบบไหนให้รอติดตามกันด้วย สำหรับเพลงใหม่ออกช่วงเดือนกันยายนได้ฟังแน่นอน ถ้าอยากรู้ความเคลื่อนไหวทั้งหมดแนะนำให้กดถูกใจที่ www.facebook.com/twopillsaftermeal พวกเราโพสต์และตอบความคิดเห็นกันเองทั้งหมด อย่าลืมติดตามกันด้วยนะ
สุดท้ายนี้การทดลองเม็ดยาต่อๆ ไปของวงดนตรีที่มีชื่อว่า Two Pill After Meal ก็จะดำเนินต่อไปอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นแล้วหากพวกคุณอยากลองชิม หรืออยากรู้ว่ารสชาติเพลงของพวกเขาเป็นเช่นไร อย่ารอช้าหยิบหูฟังแล้วเปิดใจให้กับพวกเขาไม่แน่คุณอาจจะเสพย์ติดรสชาติยาของพวกเขาก็เป็นได้
ฟังเพลงของพวกเขาได้ที่ http://www.fungjai.com/artist/TwoPillsAfterMeal