Tokyo Chuo-Line ศิลปินที่อาวุโสที่สุดใน CINEMA SESSIONS แถมยังเก๋าที่สุดในซีนอินดี้ไต้หวันด้วย
- Writer: Peerapong Kaewthae
- Photographer: CINEMA SESSIONS
- Art Director: Tunlaya Longsurname
CINEMA SESSIONS พิเศษกว่าครั้งไหน ๆ เพราะวง Tokyo Chuo-Line ไม่ใช่แค่วงไต้หวันที่สมาชิกมาจากญี่ปุ่นทั้งหมด แต่พวกเขายังเป็นส่วนหนึ่งในรากของซีนดนตรีไต้หวันมาหลายปีแล้วด้วย และโชว์ครั้งนี้ยังเปิดประตูให้แฟนเพลงของพวกเขาเข้ามาชมในสตูดิโอเพื่อฉลองให้กับการชนะรางวัล Golden Melody Awards ของพวกเขา ในวีดีโอทุกคนจะสังเกตได้ว่าแฟน ๆ ก็ตื่นเต้นกับการได้ชมโชว์แบบติดเวที ซึ่งทั้งสองวีดีโอก็ถ่ายแค่เทคเดียว ท้าทายความสามารถและประสบการณ์ทางดนตรีของวงอยู่เหมือนกัน
พวกเขาเลือกที่จะโชว์สองเพลงจากอัลบั้มใหม่ Somewhere In The Middle คือ Crowded Subway และ When The Moon Is Over
Toru มือเบสของวงเล่าว่า “การได้มาอัดเพลงที่ Yuchen Studio เป็นช่วงเวลาต้องมนต์มาก Lines & Stains อัลบั้มก่อนของพวกเราก็อัดที่นี่ การทำงานกับ Andy Baker เป็นเรื่องที่สนุกมาก” Ken มือกีตาร์เสริมว่า “ไม่ค่อยมีสตูดิโอที่ใหญ่แบบนี้เท่าไหร่ที่นี่ บรรยากาศใน Yuchen มันพิเศษมาก ๆ และมีอะไรที่เราต้องเรียนรู้อีกเยอะจาก Andy”
Ken เป็นคนที่เก่งภาษาจีนที่สุดในวง และคอยเป็นล่ามให้กับเพื่อน ๆ ตลอดการสัมภาษณ์ ทั้งสามคนเป็นเพื่อนสนิทกันมานานมาก พวกเขาต่างเติบโตมากับเพลงแจ๊สเหมือนกัน นอกจากนี้พวกเขายังอยู่ในวงอินดี้ไต้หวันชื่อว่า Sheng Xiang Band แต่พวกเขาก็ยังออกมาเล่นกันเองโดยไม่มีนักร้องนำด้วย “เพลงของ Tokyo Chuo-Line ไม่มีเนื้อเพลง ทำให้เรามีอิสระมากกว่าในการทำเพลงแบบใหม่ ๆ แถมพวกเราไม่ได้ทำเพลงแจ๊สแล้ว พวกเขาชอบร็อกมากกว่า” Ken ตอบ
กรกฎาคม 2013 คือวันที่วงได้โชว์ที่ The Wall ในไทเปครั้งแรก ชื่อวง Tokyo Chuo-Line ได้แรงบันดาลใจมาจากรถไฟใต้ดินของญี่ปุ่น ตอนนั้นมีแค่ Ken และ Toru เท่านั้น ซึ่งถ่ายทอดแจ๊สและบลูส์ได้อย่างตาตรึง ปีต่อมาถึงจะได้มือกลองอย่าง Nori มาเข้าวงด้วย เชื่อมต่อเสียงดนตรีระหว่างไต้หวันและญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน
ปีนี้ Lines & Stains อัลบั้มที่สองของวงก็ชนะรางวัล ‘Best Performance Album Award.’ จากงาน Golden Melody Award เมื่อพวกเขาขึ้นไปรับรางวัลบนเวที ที่ Hsieh Min-Yen นักแซ็กโซโฟนชื่อดังต้องขึ้นมารับด้วยในฐานะผู้คุมอัดทั้งหมด แต่ Hsieh ไม่ว่างเพราะยุ่งกับการทำไวนิลให้อัลบั้มตัวเองอยู่ “พวกเขาเหมือนผู้ใหญ่มากประสบการณ์ แต่ด้วยวัฒนธรรมและเชื้อชาติที่แตกต่างกัน มีที่มาที่ไปที่ไม่เหมือนกันเลย พวกเขาจึงเป็นทั้งครูและเพื่อนที่ดีสำหรับผม” Hsieh พูดถึงวงทีหลัง
“เมื่อผมต้องไปช่วยพวกเขาในอัลบั้มเก่า วงเลยเขียนเพลงบางเพลงให้แซกโซโฟนได้เป็นเครื่องดนตรีหลักด้วย เพราะแจ๊สไม่ตายตัว ต่อให้ใครจะเล่นแบบทรีโอ้ ถ้าพวกเขาคิดว่าแซกโซโฟนจะเข้ามาเติมเต็มพวกเขาได้ ผมก็พร้อมจะไปเล่นกับพวกเขา ไม่มีวงไหนในไต้หวันที่เหมือนพวกเขาเลย ส่วนหนึ่งเพราะพรสวรรค์ของพวกเขาที่ใคร ๆ ก็ต้องยอมรับ”
ในวันที่ถ่ายไลฟ์เซสชั่นพวกเขาเล่นโชว์ไปชั่วโมงกว่า แต่ดนตรีของพวกเขาก็ไม่มีดรอปเลย แม้จะอยู่หน้ากล้องโชว์ของพวกเขาก็ยังมีจิตวิญญาณของศิลปินอยู่เต็มเปี่ยม จริงจังและสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงทั้งสามคนเอาไว้ เราเห็นได้ชัดเจนว่า Ken และ Toru ใช้ร่างกายและลมหายใจในการเค้นเมโลดี้ออกมา และ Nori ที่แม้จะอยู่เบื้องหลัง แต่เขาก็สร้างไดนามิคของกลองที่น่าดึงดูดมาก
ท่ามกลางความตื่นเต้นของแฟน ๆ เราไม่สงสัยเลยในความสามารถของนักดนตรีรุ่นเดอะเหล่านี้
Undercimber Fin. อาวองการ์ดไต้หวันจาก CINEMA SESSIONS ที่น่าจับตามอง
คุยกับ Xueiyuan ผู้ปลุกดนตรี R&B ให้ซู่ซ่าในซีนดนตรีไต้หวัน จนได้อยู่ใน Cinema Sessions