การเติบโตอันงดงามและเบื้องหลังการทำเพลงของ The Fur. ก่อนไปชม Cinema Sessions
- Writer: Peerapong Kaewthae
- Art Director: Karin Lertchaiprasert
“กลิ่นอะไรหอมจังเลย”
“ถ้าได้กินป็ออปคอร์นในห้องอัด คงจะสนุกดีเนอะ”
“ก็ไม่แปลกนะ เพราะที่นี่คือ YuChen Studio ไงล่ะ”
หลังจากที่ The Fur. อัดไลฟ์สดเพลง Short Stay เสร็จ พวกเขาก็ฟาดพิซซ่าเป็นมื้อเย็นแล้ว Andy Baker เจ้าของสตูดิโอก็ทำป็อปคอร์นรสหวานกับเค็มให้พวกเขาทาน รสชาติของมันโรแมนติกพอ ๆ กับอัลบั้ม Town ของพวกเขาเลย นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มาอัดเพลงในสตูดิโอ YuChen Studio เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็ก CINEMA SESSION โปรเจ็คแสดงสดในห้องอัดของทางไต้หวัน หลังจากกินมื้อเย็นกันเรียบร้อย พวกเขาก็ลุยอัดเพลง We Can Dance ต่อทันที
Zero มือกีตาร์ของวงตื่นเต้นที่ช่องขายตั๋วของอดีตโรงหนังยังอยู่ที่เดิมเลย ใกล้ ๆ มีดับเบิ้ลเบสตั้งไว้เขาก็หยิบมาดีดเล่นทันทีแม้สายของมันจะหายไปหนึ่งเส้น “ผมเคยดูคลิป CINEMA SESSION ของวงก่อน ๆ พอเห็นตู้ทำป็อปคอร์นก็รู้สึกว่ามันโคตรน่ารักเลย” ณ ตอนที่เรากำลังอัดสองเพลงนี้ The Fur. ไม่รู้เลยว่าพวกเขาได้เข้าชิงรางวัล Golden Melody Awards เพราะเพิ่งกลับจากงาน SXSW ที่อเมริกา ซึ่งพวกเขาก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาได้มากมาย
Savanna นักร้องนำเล่าให้เราฟังว่าพวกเขาต้องเล่นสองโชว์ในอเมริกา ถึงแม้โชว์แรกจะมีปัญหาเรื่องเครื่องดนตรีนิดหน่อย แต่โชคดีที่ผลตอบรับจากแฟน ๆ กลับมาในแง่บวกเยอะมาก ทำให้ Austin Chronicle สื่อท้องถิ่นเข้ามาพูดคุยกับเราว่าดนตรีของเรามีกลิ่นอายคล้ายกับวงดัง ๆ หลายวง สื่อจำกัดความพวกเราว่าเป็นดรีมป็อปจากไต้หวัน ที่ทำให้นึกถึงไซคีเดลิคร็อกแบบ Khruangbin และมีบรรยากาศความดิ่งแบบ The Cure ช่วงอัลบั้ม Disintegration
เอ็มวี Short Stay ของพวกเขามักทำให้ทุกคนเข้าใจผิดว่า The Fur. คือวงวัยรุ่นอเมริกันขำ ๆ ดราม่า ๆ ซึ่งพวกเขาก็ถ่ายเอ็มวีกันในเมืองเกาสง บ้านเกิดของพวกเขาในไต้หวัน ถ้าถามว่าแรงบันดาลใจของพวกเขาคือวงอะไร Savanna ก็พูดถึง The Cure, The Breeders, Beach House และ Mazzy Star ซึ่งเป็นวงคลาสสิคจากยุค 80-90 ทั้งนั้น Zero ก็เสริมว่า Beach House น่าจะมีอิทธิพลกับการทำเพลงมากที่สุด โดยเฉพาะพาร์ทของซินธ์ หลังจากที่เราลองมาทุกแบบแล้วเพื่อทำให้เพลงของเราเวิร์ค!
Ren มือเบสก็ยอมรับ ในช่วงของการเรียบเรียงเพลง เขาฟังไลน์เบสของ Paul McCartney เยอะมาก ร่วมถึง Pavement และ Mac DeMarco ด้วย เขายังชอบดู live session บนอินเทอร์เน็ตและตั้งใจแกะวิธีที่มือเบสแต่ละคนเล่นรวมถึงการวางนิ้วในวีดีโออย่างจริงจัง
เมื่อปีที่แล้ว The Fur. ออกอัลบั้มล่าสุด Town กับค่ายเพลงไต้หวัน Airhead Records เพลงทั้งอัลบั้มเป็นภาษาอังกฤษโดยมี Savanna และ Zero ช่วยกันเขียนช่วยกันแต่ง พวกเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่วงที่มีศักยภาพสูงมากและถูกจับตามองจากทั้งในไต้หวันและทั่วโลก แม้พวกเขาจะไม่ได้เซ็นสัญญาหรือขอการซัพพอร์ตจากค่ายไหน พวกเขาก็จบทัวร์ในประเทศไทยและยุโรปได้ด้วยตัวเองและได้ใจแฟนเพลงไปมากมาย
เมื่อต้องไปเล่นที่อเมริกาใน SXSW พวกเขาก็ถ่ายฟุตเทจเก็บไว้เยอะมากเพื่อทำเอ็มวีในอนาคต พวกเขายังได้ไปโชว์เพลง Messi แบบสด ๆ ให้กับสถานีวิทยุชื่อดังอย่าง KUTX อีกด้วย เพลงนี้เกี่ยวกับหญิงชราที่ตกหลุมรักตัวละครในจินตนาการชื่อว่า Messi ที่บอกใบ้ว่าความรักของพวกเขาไม่มีทางสมหวังแแน่นอน
จุดเริ่มต้นของพวกเขาเกิดขึ้นในฤดูร้อนของปี 2016 ซึ่ง Savanna กับ Zero ช่วยกันเขียนเพลง Final Defense ขึ้นมาเพื่อประกวดวงดนตรี หลังจากพวกเขาถูกเลือกให้แสดงก็มี Ren เข้ามาจอยในตำแหน่งเบสพอดี โชว์แรกของพวกเขาจึงเกิดขึ้น
ใน CINEMA SESSION พวกคุณจะเห็นว่าวงมีมือคีย์บอร์ดและมือกลองสำหรับเล่นสด แทนดรัมแมชชีนที่วงเคยใช้ มือกลองบอกว่าเขาอยากให้เพลงมีไดนามิกของกลองที่ดีและน่าฟังกว่านี้ ด้วยความที่เขาชอบกรู๊ฟเพลงของคนผิวสีมาก จึงอยากเติมจังหวะสนุก ๆ ลงไปให้คนฟังได้ปลดปล่อยอารมณ์ออกมา
“หลังจากที่วงตั้งมาแล้วสองปี การไม่มีมือคีย์บอร์ดทำให้เสน่ห์ตอนเล่นสดมันหายไปเหมือนกัน เรามองหาคนที่จะมาเติมเต็มตรงนี้ซักพักใหญ่ ๆ ทุกคนจะได้ฟังขอบเขตทางดนตรีที่หลากหลายยิ่งขึ้นแน่นอน” Savanna บอก ในเวลาสองปีของการเก็บเกี่ยวประสบการณ์เล่นสด กับสมาชิกใหม่ที่เพิ่มขึ้น The Fur. กำลังเติบโตขึ้นและเป็นมืออาชีพขึ้นอย่างรวดเร็ว
อ้างอิง
Cinema Sessions ส่งตรงวงไต้หวันสุดเจ๋ง ผ่านโชว์สุดเนี้ยบในสตูดิโอโรงหนังเก่า
‘I Mean Us’ เบื้องหลังจาก YuChen Studio สู่เบื้องหน้าที่คุณจะได้สัมผัสใน Cinema Sessions
ตามมาชมเบื้องหลังดนตรีป๊อปพังก์อันเดือดดาลของ Angry Youth ใน Cinema Sessions