สัตว์จริง อัลบั้มที่ 5 จาก Tattoo Colour ที่ดีสัตว์ ๆ
- Writer: Teeraphat Janejai
- Photographer: Chavit Mayot
เมื่อนึกถึงเพลงที่จะทำให้เราได้ขยับร่างกายในคอนเสิร์ตหรือในผับต่าง ๆ หนึ่งในวงที่ผุดขึ้นมาในหัวนั้นต้องมีวงป๊อป 4 หนุ่มจากค่ายห้องเล็ก Smallroom นามว่า Tattoo colour
จาก Pop Dad อัลบั้มชุดที่แล้วที่มีแต่ซิงเกิลฮิตติดหูแทบทุกเพลง มาถึงอัลบั้มที่ 5 ที่มีชื่อสะดุ้งหูอย่าง สัตว์จริง ที่เพียงแค่เปิด pre – sale อัลบั้มเต็มไปเพียง 4 ชั่วโมงก็หมดเกลี้ยง 500 แผ่นแม้ว่าจะยังไม่มีซิงเกิลหรือมิวสิกวิดิโอออกมาก็ตาม
และด้วยความสัตย์(ว์)จริง หลังจากที่พวกเราฟังเพลงครบทั้ง 13 แทร็ค บวกกับได้คุยกับพวกเขาทั้งสี่คน เราจึงอยากขอปฎิญาณด้วยเกียรติของคนฟังเพลงไทยว่า อัลบั้มนี้แม่งดีสัตว์ ๆ
เป็นอย่างไรบ้างกับปรากฎการณ์ pre – sale หมด 500 แผ่นใน 4 ชั่วโมง
ดิม: จำได้ว่าผมเขียนลงไปในโพสต์ประมาณว่า ซีดีมันยังมีมนต์ขลังอยู่ ใครบอกว่าซีดีจะตาย ผมว่าไม่จริง และมันก็หมดลงภายใน 4 ชม. มันบ้ามากเพราะคุณซื้อ 13 เพลงโดยที่ไม่เคยฟังเลยแม้แต่เพลงเดียว ปกติคนเราฟัง 13 เพลงแล้วจะซื้อแผ่นหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ต้องขอบคุณมากที่ทุกคนเชื่อใจเรา เราดีใจมาก เหนือความคาดหมายมาก เราก็ไม่ได้คิดว่าเราดังมากขนาดที่คนจะแย่งกันซื้อเหมือนเสื้อของ Slur (หัวเราะ) อาจจะเป็นเพราะว่า Tattoo colour ทุกเพลงทุกอัลบั้มเราตั้งใจทำจริง ๆ เราไม่เคยทำเพลง side B ใส่ลงไปในอัลบั้ม ไม่มีเพลงที่ทำ ๆ ไปให้ครบ คนถึงเชื่อใจยอมจ่ายเงินซื้ออัลบั้มเรา
รัฐ: เราลืมไปแล้วว่าบนโลกนี้มีคำว่า sold out พอเราเห็นว่าขายหมดก็ยังคิดอยู่เลยว่าระบบมันพังหรือเปล่า แต่พอรู้ว่ามันหมดจริง ๆ เราก็เหวอก่อน แล้วก็ดีใจ ขอบคุณทุกคนที่เห็นค่าอัลบั้มนี้ ยังไม่ได้ฟังเพลงก็ซื้อแล้ว หรืออยากได้เข็มกลัดที่แถมไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ (หัวเราะ)
ตอนคิดว่าจะปล่อย pre-sale ก่อนจะมีซิงเกิลหรือ mv กลัวว่ามันจะแป้กบ้างไหม
ดิม: ถ้าไม่กลัวก็คงไม่ปล่อยแค่ 500 แผ่น คงปล่อยสักสองหมื่นแผ่นไปแล้ว วันก่อนผมดูพี่เอกชัย ศรีวิชัยพูดในรายการทีวีว่าเขาขายเทปได้สิบล้านตลับ เราก็ โห ชิบหาย เราขาย 500 แผ่นได้ก็ดีใจชิบหายแล้ว แต่ก็ต้องขอบคุณสมอลล์รูมที่เชื่อและกล้าให้เราทำซีดีอัลบั้มเต็ม พอเราได้รับโอกาสแล้วเราก็อยากทำให้เต็มที่
เกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนจะมาเป็นอัลบั้มนี้
รัฐ: ระหว่างทัวร์อัลบั้ม Pop Dad เราก็ยังมีความอยากทำอัลบั้มอยู่ พอเมื่อต้นปี เรารู้สึกว่าของที่เก็บมาระหว่างทางมันครบแล้ว ก็เลยเริ่มลงมือกัน
ดิม: พี่รุ่ง สมอลล์รูม ยังถามเลยว่าจะเอาแล้วเหรอ จริง ๆ เขาคงคิดว่า พวกมึงจะเอาอีกแล้วเหรอ (หัวเราะ) แต่พอดีช่วงนั้นตรงกับที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต ก็เลยไม่มีงานรื่นเริง เราพอมีเวลาว่างอยู่ ก็เลยตัดสินใจไปบวชทั้งผมกับรัฐ ก็น่าจะทำให้รัฐได้มีเวลาอยู่คนเดียว มีเวลาคิดทบทวนอะไรบ้าง
รัฐ: จริง ๆ ก็ไม่ได้คิดออกตอนบวชหรอก ก็หลังจากสึกแล้ว ได้ใช้เวลาอีกสักพักหนึ่ง แต่ด้วยความที่เราอยากทำจริง ๆ ไม่ได้โดนทางค่ายบังคับให้ออกอัลบั้ม เราจึงมีความทุ่มเท ทำการบ้านเยอะมาก ก็เลยทำออกมาจนได้ แต่ถ้าถามว่ามาถึงอัลบั้มนี้แล้วของที่สะสมมาหมดไหม หมดสิครับ! (หัวเราะ) ช่วงกลางปีที่แล้วผมรู้สึกว่าหัวตันชิบหาย ยังคิดอยู่เลยว่าเราทำอัลบั้มนี้ไม่ได้แน่ ๆ แล้ว มีแต่ความอยาก แต่ยังไม่มีของเลย
บวกกับความกดดันที่คนฟังมักจะคาดหวังว่าสิ่งที่พวกคุณทำต้องออกมาดีอยู่แล้ว
ดิม: เพราะมีคนแบบน้องนี่แหละ (หัวเราะ)
รัฐ: กดดันครับ เพราะเรื่องนี้ด้วยถึงทำให้เราหัวตัน มีคนชอบพูดว่ากลิ่นตัวของ Tattoo colour แรง มันก็เลยยากว่าเราจะแก้อย่างไรให้มันต่างออกไปบ้าง เราเลยต้องขยันมาก
อะไรที่เปลี่ยนไปบ้างในอัลบั้มนี้
รัฐ: ในเรื่องดนตรีก็เปลี่ยนไปบ้าง ถ้าจะพูดก็คงต้องเจาะทีละเพลง แต่รวม ๆ แล้ว เราก็พยายามคิดอะไรที่มันไม่เคยเกิดขึ้นกับเรามาก่อน แต่ว่าก็ยังอยู่ในกรอบของเรา ไม่ได้ขบถขนาดนั้น
ทำไมต้องใช้ชื่อว่า สัตว์จริง
ดิม: ชื่ออัลบั้มนี่มาทีหลังเลย พอผมฟังเพลงครบทั้งอัลบั้ม ผมรู้สึกว่ามันมีมากกว่าหนึ่งเพลงในเพลงเดียว อย่างเพลงหลับลึก ตอนแรกก็ปูมาเรื่อย ๆ พอฮุค เอ้า เป็น Bodyslam ซะงั้น ซึ่งอีกหลาย ๆ เพลงก็มีลักษณะเดียวกัน ผมก็คิดอยู่ในใจว่า เพลงพวกนี้แม่งสัตว์จริง ๆ ว่ะ ผมก็ถามเพื่อน ๆ ว่าเอาชื่อนี้เลยมั้ย ทุกคนก็ดันเอา ดีนะว่าผมไม่พูดว่าสัตว์เอ้ย หรือ สัตว์หมา (หัวเราะ)
รัฐ: เราทำมาแล้ว 4 อัลบั้ม อัลบั้มแรกก็วัยรุ่นมาก อยากทำอะไรก็ทำ อัลบั้มสองก็เพิ่งเรียนจบ เข้าสมอลล์รูมใหม่ ๆ ได้ความรู้เพียบ อัลบั้มสามก็อยากลองอะไรแปลก ๆ เริ่มเขียนเนื้อประหลาด ๆ บ้าง อัลบั้มสี่ก็อยากจะย้อนวัยหน่อย ซึ่งผมก็คิดว่าเดี๋ยวต้องมีสื่อมาถามแน่ ๆ เลยว่า อัลบั้มนี้โตขึ้นหรือมีความพิเศษอย่างไร ผมก็อยากจะบอกว่ามันไม่เกี่ยวหรอก เราไม่ได้อยากโตขึ้นไปมากกว่านี้ในฐานะวง Tattoo Colour อายุเราโตขึ้นก็จริง แต่วงเราไม่จำเป็นต้องทำให้เครียด ให้ดูโตขึ้นก็ได้ เราอยากกลับไปเป็นอัลบั้มแรกต่างหาก เราอยากสนุกสดใส ก็เลยมีเพลงเร็วเยอะหน่อย เพลงช้าจริง ๆ มีแค่ 2 เพลง แต่ด้วยวิธีการเล่าเรื่องและภาษาก็คงเปลี่ยนไปบ้าง
ผลตอบรับจากคนฟังเป็นอย่างไรบ้าง
รัฐ: เอาเข้าจริงเราก็จับ feedback ยากพอสมควร เพราะเรายังไม่ได้ปล่อยซิงเกิลด้วย ตอนนี้ก็เป็นแค่ feedback จากคนที่ฟังใน Apple Music แต่โดยรวมก็คือคนชอบกันเยอะ ที่ดีมากคือคนชอบเพลงหลากหลาย แทบจะเรียกได้ว่าทั้ง 13 แทร็คถูกพูดถึงทั้งหมดเลย
เพลงที่ชอบที่สุดในอัลบั้มของแต่ละคน
จั๊มพ์: ผมชอบเพลงรองเท้าเก่า มันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเคยเจอ แต่ถ้าได้เจอแล้วมันเจ็บมาก ความสัมพันธ์ที่เดินทางร่วมกันมาไกลแล้ว แต่ดันจบไม่สวย ผมรู้สึกว่าด้วยเนื้อหาของเพลงนี้แม่งสัตว์จริงที่สุดแล้ว
รัฐ: ผมเลือกเพลงหลับลึก เพลงนี้ถูกทำเป็นเพลงแรก ๆ และเสร็จเป็นเพลงสุดท้าย เป็นเพลงที่เดโมถูกปรับเยอะมาก ทั้งเรื่องเมโลดี้ และ เนื้อร้อง คือพอทำดราฟท์แรกเสร็จแล้วไปทำเพลงอื่น กลับมาฟังใหม่ก็รู้สึกว่าทำไมมันไม่ถึงเท่าเพลงอื่นเลยวะ เราก็แก้ไปเรื่อย คือทุกกระบวนการทำเพลงของทุกเพลงในอัลบั้มนี้มีเพลงนี้อยู่ร่วมทางโดยตลอด
ดิม: ผมชอบเพลงรถไฟ มันเป็นคนละขั้วกับเพลงรองเท้าเก่า ตอนแรกรัฐจะร้องเพลงนี้ แต่พอผมได้ฟังเดโมแล้วผมขอร้องเพลงนี้เลย รัฐก็บอกว่า เออ มึงก็ร้องสิ มึงเป็นนักร้อง (หัวเราะ) รัฐก็บอกให้เราทำการบ้านมาเยอะ ๆ หน่อย เพราะเพลงนี้ค่อนข้างร้องยาก เพลงนี้เหมือนเพลงรักแรกพบเลย มันเปรียบเทียบได้ดีมาก ผมก็พยายามดีไซน์การร้องให้เหมาะกับผมมากที่สุด
รัฐ: ก็เลยดีไซน์ออกมาแบบพี่แจ้ (หัวเราะ)
ตง: No.1 ชอบเพราะว่าเพลงนี้ได้ทำเอง ด้วยความที่ผมใช้พวกมิวสิกซอฟต์แวร์ไม่เป็น ผมก็เลยไปหาเพื่อน คือ คุณอั๋ม อดีตสมาชิกของ Lomosonic ไปทำที่บ้านเขากับซาวด์เอนจิเนียของวงก็คือ คุณวิน ก็ทำด้วยกันสามคน แล้วค่อยส่งให้รัฐเป็นคนปิดจ๊อบ ก็เลยชอบเพลงนี้เพราะได้ลงความคิดอย่างเต็มที่กับมัน
สงสัยมานานแล้วว่ามีหลักอะไรในการเลือกว่าเพลงนี้ดิมหรือรัฐจะเป็นคนร้อง
รัฐ: ก็จะดูเมโลดี้กับเนื้อร้อง ดิมเป็นคนเสียงเข้ม ตบหนัก ๆ แต่ผมจะเสียงแหบลอย ๆ ให้ความรู้สึกคนละแบบ สมมติถ้าดิมร้องเพลงรักแรกพบ เพลงอาจจะออกมาหนักเกินไป หรือถ้าผมไปร้องเพลง เธอไม่อาจเอารักไปจากหัวใจ มันก็คงจะชิวไปหน่อย
พวกคุณเป็นวงที่มีงานเล่นอยู่ตลอด ทำอย่างไรให้คนดูหรือแม้แต่พวกคุณเองยังสนุกไปกับโชว์ได้ทุกครั้ง
รัฐ: เราทำมาแล้ว 4 อัลบั้ม เพลงเราก็มีค่อนข้างเยอะแล้ว ลิสต์เพลงของเรามีเยอะมาก เราก็จะเปลี่ยนไปตามงานหรือกลุ่มคนที่เราไปเจอ ร้านเล็ก ร้านใหญ่ เฟสติวัล โรงเบียร์ งานเลี้ยงพนักงาน ด้วยประสบการณ์ของเราก็จะพยายามจัดลิสต์ให้เหมาะกับที่ที่เราไป
ดิม: งานบุญ งานบวชก็ไปมาหมดแล้ว งานแต่งก็ไปแล้ว ถ้าเราไปเล่นเพลงจำทำไมในงานแต่งก็คงไม่ใช่ บางทีก็อาจจะต้องคัฟเวอร์เพลงคนอื่นบ้าง ถ้าเราไปในจังหวัดที่ไม่ค่อยรู้จักเรา เราก็ไม่ติสท์ขนาดที่จะเล่นเพลงซ่อนหาที่คนอาจจะรู้จักน้อยหน่อย บางทีถ้าเราเล่นพบกันใหม่ ของ Polycat จะเข้ากว่า คนกำลังสนุก ๆ อยู่ เราอาจจะเล่นเซโรงัง ของ Slur ดีกว่า เราเปลี่ยนลิสต์เพลงกันหน้างานก็มี เล่น ๆ ไปครึ่งโชว์คนยังไม่สนุกเท่าไหร่เราก็เปลี่ยนเลย เราจะมีสัญญานมือแทนแต่ละเพลงอยู่ บางงานอาจจะเป็นกลุ่มคนฟังอีกแบบ เขาอาจจะไม่ทันเพลงเรา เราก็ยืมเพลงใกล้ Scrubb บางทีก็ข้ามค่ายบ้าง มันเป็นหน้าที่ของเรา เพราะเราเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ อยากติสท์ก็ได้ แต่เราไม่ทำ เพราะเพลงของพวกเรามันเข้าไปสู่คนทุกกลุ่มแล้ว ถ้ามัวแต่มาเอาแต่ใจ เราอาจจะไม่ได้มาไกลถึงขนาดนี้
รัฐ: อย่างอัลบั้มนี้ช่วงแรกเราก็จะเล่นตามมาสเตอร์ไปก่อน เรียกว่าเล่นให้มันได้ก่อนเถอะ (หัวเราะ) ไว้เราเริ่มเบื่อ เราก็จะอยากเติมตรงนั้นตรงนี้ แต่ก็คงได้เล่นเพลงในอัลบั้มใหม่เยอะขึ้น เพราะวงเรามักจะถูกจัดไว้เป็นวงท้าย ๆ ซึ่งคนก็อยากสนุกอยากเต้นแล้ว เพลงเร็วในอัลบั้มนี้ก็น่าจะตอบโจทย์
มีความท้าทายอะไรใหม่ ๆ ที่ยังอยากลองอยู่
ดิม: ทุกอย่างที่พวกเราเคยอยากลอง มันอยู่ในอัลบั้มนี้แล้ว ณ ตอนนี้แทบจะไม่มีอะไรที่เราอยากลองแล้ว เพราะใส่ไปหมดแล้ว
รัฐ: อย่างในอัลบั้มนี้ทุกคนก็จะมีส่วนร่วมกับเพลงมากขึ้น ผมจะโยนเพลงให้เพื่อนดูคนละเพลงสองเพลง แต่ก่อนผมจะเป็นคนทำเนื้อร้องและทำนองมาก่อน แล้วค่อยมาซ้อมกัน ซึ่งก็ยังใช้วิธีนั้นอยู่บ้าง แต่พอโยนเพลงให้แต่ละคนไปทำการบ้านมาก็ได้เห็นอะไรใหม่ ๆ บ้าง
ดิม: พวกเราก็อยากจะช่วยแก้ปัญหาหัวตันของรัฐด้วย ก็พยายามบอกเขาอยู่ว่ายังไงก็มีพวกเรานะเว้ย อย่างน้อยผมไม่รู้เรื่องดนตรี แต่ก็ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนได้นะ (หัวเราะ) ไม่อยากให้เขาเครียด เขาแต่งมา 4 อัลบั้มแล้ว สร้างผลงานดี ๆ มาเยอะแล้วถ้าเป็นศิลปินก็ควรเป็นศิลปินแห่งชาติแล้วนะ อย่างเราก็จะไปของานมาบ้าง อย่างเพลงคู่ที่ร้องกับละอองฟอง เราก็ไปคิดเรื่องมา เกิดจากวันที่เราขับรถคนเดียว แฟนไม่อยู่ แต่เราอยากดูหนัง เราก็ซื้อแผ่นมาดูเลย อยากกินอะไรก็ซื้อเลย สะใจมาก ก็เลยโทรหารัฐเลยว่า ได้ไอเดียแล้ว เป็นเพลงที่พูดถึงวันที่ไม่มีกันแม่งสะใจสัตว์ ๆ (หัวเราะ) เราอาจจะแต่งเนื้อร้องไม่ได้ก็จะใช้ส่งคอนเซปต์ไปให้เพื่อน กลายเป็นเพลงที่ต่างคนต่างเก่ง แต่สุดท้ายก็เหงา กลับมารักกันเหมือนเดิมดีกว่า
พอมองย้อนกลับไปฟังผลงานเก่า ๆ แล้วเห็นพัฒนาการอย่างไรบ้าง
ดิม: ก็เห็น เห็นไปถึงอ่อนนุชเลย (หัวเราะ)
รัฐ: ใช่ รถติดมาก ทุ้ย! เราเพิ่งจะกลับมาฟังอัลบั้มเก่า ๆ หลังจากที่ทำอัลบั้มนี้เสร็จ เราเห็นวิธีคิดของเราที่ต่างออกไปในแต่ละช่วงวัย ฟังเพลงเก่า ๆ ก็ทำให้เราย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องที่คิดถึงตอนนั้น นี่ตอนนั้นเราเล่นกีตาร์แบบนี้เหรอวะ แต่ก็ไม่ได้เปรียบเทียบว่าอะไรดีกว่ากัน เรามองว่ามันเป็นประวัติศาสตร์ของเรา มันน่ารักดีด้วยซ้ำ ถึงกลับไปได้ก็จะไม่แก้ไขอะไร
แล้วในเรื่องของโชว์ เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
รัฐ: แต่ก่อนเล่น ๆ อยู่แล้วสายกีตาร์ขาดก็วุ่นแล้ว ไม่รู้จะทำยังไง เดี๋ยวนี้มีทีมงานบวกกับเราเองก็ไม่ตื่นเวทีแล้วก็สบายขึ้น
ตง: แล้วเขาเป็นคนที่สม่ำเสมอในเรื่องสายขาด เฉลี่ยแล้วต้องมีสายขาดงานละเส้น
รัฐ: ไม่รู้ไปทำเวรทำกรรมที่ไหนมา แต่ก็ยังตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ไปเล่นงานใหม่ ๆ นะ แค่เราก็ควบคุมสภาพจิตใจได้ดีแล้ว อย่างช่วงอัลบั้ม ชุดที่ 8 จงเพราะ เป็นช่วงที่เละเทะไปหมด เหมือนเราเพิ่งดังใหม่ ๆ ก็ยังไม่รู้เรื่อง อยากทำอะไรก็ทำ เราก็ปรับตัวมาเรื่อย ๆ ก็เริ่มอยู่เป็น
เป็นศิลปินมาสิบกว่าปีแล้ว รู้สึกว่าวงการมันเปลี่ยนไปหรืออยู่ยากขึ้นไหม
ดิม: ผมว่าวงการนี้มันไม่ได้อยู่ยากขึ้นนะ แค่ต้องทำตัวให้ดี การจะฟังเพลงใหม่ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว คลิก YouTube ก็เจอเพลงเป็นร้อยเป็นพัน อย่างเราเพิ่งปล่อยเพลงออกไป มีคนคัฟเวอร์เพราะกว่ากูอีก (หัวเราะ) เราก็ต้องพัฒนาไปเรื่อย ๆ มีวินัยมากขึ้น เราเคยเป็นเด็กที่หลงระเริงในอำนาจ แต่ตอนนี้เราเจอคู่แข่งเต็มไปหมด มีรายการแข่งร้องเพลง 300 รายการต่อวัน มีคนร้องเพลงเพราะทุกวัน มันอาจจะอยู่ยากขึ้นนิดหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้
รัฐ: ผมว่ามันอยู่ยากขึ้น โชคดีที่ Tattoo Colour ได้เริ่มทำเพลงออกอัลบั้มกันก่อนที่จะมีเฟสบุ๊ก เรายังใช้วิธีการส่งเพลงไปที่คลื่นวิทยุ เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดตามที่ระบบตอนนั้นมันเป็น เราไม่ค่อยคิดมากกับยอดวิวบน YouTube เท่าไหร่ แต่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเรามาเริ่มทำเพลงในยุคนี้ เราจะทำได้ดีเท่ากับวงเด็ก ๆ รุ่นนี้มั้ย เราว่ายุคนี้แข่งขันกันสูงซึ่งเราก็ต้องพยายามตามให้ทัน ทักษะดนตรีก็คงพัฒนาตาม ๆ กันได้ไม่ยาก แต่เรื่องความเข้าใจในวงการก็ต้องปรับตัว
ดิม: อย่างตอนเพลง ฟ้า เราก็ยังไม่เคยต้องคิดว่ามันจะถึงล้านวิวมั้ย แค่ขึ้นที่ 1 ชาร์ต FaT Radio ข้ามปีได้ก็ดีมาก เพราะเพลงเราออกเดือนธันวาคม (หัวเราะ) คลื่น Seed ก็เปิดเพลงของเรา ยุคนั้นเรายังไม่เจอม้ามืดปล่อยซิงเกิลเดียวแล้วฮิตเลยแบบเพลงก่อนฤดูฝนของ The TOYS หรืออย่างวง Parkinson ซึ่งทั้งสองวงก็เก่งมาก ๆ เราแค่คิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว จะสามวิวหรือสามล้านวิวพวกเราก็ยังพอใจผลงานชิ้นนี้เท่าเดิม เราคั้นจนไม่มีน้ำแล้ว
MV เพลงแรกคือเพลงอะไร มาเมื่อไหร่
ดิม: เผด็จเกิร์ล วันที่ 6 นี้ครับ เดี๋ยว mv ให้จั๊มพ์เล่าดีกว่า
จั๊มพ์: ปกติเอ็มวีของ Tattoo Colour จะมีเรื่องเล่ากับไลน์ซิงค์เป็นหลัก แต่เรายังไม่เคยมี mv ที่มีอาร์ตไดเรกชันนำเลย ตัวนี้ก็จะมีความเป็นแฟชันมากขึ้น มีกิมมิกที่เกี่ยวกับเผด็จการ ให้ผู้หญิงเป็นท่านผู้นำ ก็คิดว่าน่าจะทำให้แฟนเพลงตื่นตากับความเปลี่ยนแปลงนี้บ้าง
สุดท้ายให้ทุกคนปฎิญาณถึงอัลบั้มนี้ด้วยความสัตย์(ว์)จริง
ดิม: อัลบั้มนี้ตั้งใจทำ คำแรกที่ผมอุทานออกหลังจากได้ฟังก็คือ “แม่งสัตว์จริง”
จั๊มพ์: ผู้ฟังที่ชอบเพลงป๊อปต้องฟังอัลบั้มนี้จริง ๆ
ตง: อยากให้ทุกคนลองฟังอัลบั้มนี้ดู ไม่ว่าจะมี feedback แบบไหนก็บอกกันได้ ก็อยากให้ลองเปิดใจฟัง พวกเราเค้นออกมาจนสุดแล้วจริง ๆ
รัฐ: ด้วยความ สัตว์จริง ครับ เพื่อน ๆ ผมพูดไปหมดแล้ว และผมเห็นด้วยตามนั้นครับ (หัวเราะ)
รับฟังเพลงของ Tattoo Colour บนเว็บไซต์ฟังใจได้ ที่นี่