Music streaming ทำให้เพลงสมัยนี้มีอินโทรสั้นลงเหลือแค่ 5 วินาที!?
- Writer: Peerapong Kaewthae
ดนตรีอินโทรก่อนเข้าเพลงเคยมีหน้าที่สร้างอารมณ์ร่วมหรือใช้เพื่อสื่อถึงเอกลักษณ์ของศิลปินแต่ละคนนั้น แต่มันกำลังจะหายไป เมื่อการมาถึงของ music streaming สร้างประวัติศาสตร์การฟังเพลงหน้าใหม่ให้กับเรา เมื่อพฤติกรรมการฟังเพลงของคนเปลี่ยนทำให้ศิลปินต้องปรับตัวจนเกิดเป็นปรากฎการณ์ที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะเพลงฮิตบน Billboard Chart มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันคือ อินโทรสั้นลงเยอะมากจนเหลือแค่ 5 วินาทีเท่านั้น!?
Hubert Léveillé Gauvin นักศึกษาปริญญาเอกสาขาทฤษฎีดนตรีแห่ง Ohio State University ใช้เวลาหลายเดือนในการไล่ฟังเพลงฮิตติด top 10 ช่วงปี 1986 ถึง 2015 ก็พบว่าช่วงอินโทรของเพลงดังทั้งหลายสั้นลงอย่างมีนัยยะ นอกจากพฤติกรรมของคนฟังเพลงผ่านสตรีมมิงจะเปลี่ยนไปแล้ว นักแต่งเพลงหรือศิลปินเองก็ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมคนฟังด้วยเหมือนกัน ซึ่งระยะเวลาเฉลี่ยช่วงอินโทรของเพลงนั้นสั้นลง จาก 20 วินาทีของเพลงยุค 80s เหลือเฉลี่ยเพียง 5 วินาทีในเพลงยุคปัจจุบัน เพราะเพลงสมัยนี้ต้องดึงความสนใจของผู้ฟังให้อยู่กับเพลงก่อนที่พวกเขาจะกดข้ามเพลงไป
งานวิจัยชิ้นนี้เผยให้เห็นว่า เพลงยุคนี้ไม่เสียเวลาไปกับอินโทรที่ยืดยาวอีกแล้ว เพราะต้องใช้เนื้อเพลงดึงคนฟังให้อยู่กับเพลงให้ได้ ศิลปินบางคนจึงใช้วิธีเข้าเนื้อเพลงเลยตั้งแต่เริ่มเพลง หรือบางคนก็ใช้วิธี one-word wonder หรือหนึ่งคำจำจนตายด้วยคำพื้นฐานอย่าง รัก หรือคำหยาบคาย หรือการพูดชื่อเพลงหรือชื่อศิลปินใน intro ก็ช่วยดึงคนฟังได้เช่นกันเขาเรียกวิวัฒนการของดนตรีที่เขาค้นพบครั้งนี้ว่า ‘attention economy’ หรือ ระบบเรียกร้องความสนใจ งานวิจัยยังบอกอีกว่าชื่อเพลงสมัยนี้ก็เริ่มสั้นลงเรื่อย ๆ จนเหลือเพียงพยางค์เดียว
“มันคือหลักเพื่อการอยู่รอดของนักดนตรีสมัยนี้ เพลงที่ตอบสนองและเรียกร้องความสนใจจากคนฟังได้จะถูกฟังต่อไป และเพลงอื่นจะถูกกดข้ามไปเรื่อย ๆ เพราะยังมีเพลงให้ฟังอีกเยอะมาก ถ้าคนฟังสามารถกดข้ามได้และไม่ต้องจ่ายเงิน ศิลปินก็ต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อให้คนได้ฟังเพลงของตัวเอง” Léveillé Gauvin กล่าว และเหตุผลสำคัญเลยคือสตรีมมิงต่างชาติเจ้าดังอย่าง Spotify จะจ่ายเงินให้ศิลปินก็ต่อเมื่อเพลงถูกเปิดฟังจนถึงวินาทีที่ 31 โดยไม่มีการกดเร่งใด ๆ ทั้งสิ้น
นอกจากอินโทรที่สั้นลงแล้ว หลาย ๆ เพลงดังในตอนนี้พอเริ่มเนื้อเพลงท่อนแรกก็จะใช้เวลาไม่นานในการเข้าท่อนฮุกทันที โดยนิยมใส่ชื่อเพลงเข้าไปในท่อนฮุกด้วยเพื่อสร้างการจดจำ “ถึงมันจะดูแปลกแต่ก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ ยังไงเสียงร้องก็คือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะจับคนฟังให้อยู่หมัด”
นอกจากจะต้องขบให้แตกว่าทำยังไงให้คนฟังเพลงของตัวเองผ่านสตรีมมิงแล้ว ศิลปินเริ่มมีมุมมองต่อธุรกิจดนตรีเปลี่ยนไปด้วย คือทำยังไงให้คนฟังไปคอนเสิร์ตของตัวเอง สำหรับศิลปินแล้วเพลงคือการโฆษณาให้คนอยากไปดูพวกเขาเล่นสดมากกว่า เพลงไม่ใช่สินค้าอีกต่อไปแล้วแต่คือภาพลักษณ์และตัวตนของศิลปินต่างหาก
นักวิจัยยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์การฟังเพลงดูแล้วจะเห็นว่าเทคโนโลยีก็ขัดเกลาคนทำเพลงและคนฟังเพลงกันมาอย่างช้านาน มันง่ายมากที่จะมองในแง่ลบแต่มันเป็นเรื่องธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงอยู่ดี
อ้างอิง
How long do you have to listen to a song on Spotify for the artists to receive royalties?