Story

Tower Records ร้านเดิม…เพิ่มเติมคือคิดถึง

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Documentary Club

นี่เป็นไม่กี่ครั้งที่เราเกิดชอบชื่อภาษาไทยที่แปลมาจากชื่อของหนังอีกทีว่า Tower Records ร้านเดิม…เพิ่มเติมคือคิดถึง เพราะจากที่ดูมวลรวมของหนังแล้ว All Things Must Pass อัดแน่นไปด้วยความทรงจำและความคิดถึงจริง ๆ แบบที่เราสัมผัสได้ แต่ก่อนจะไปเล่าถึงตัวหนังแบบเต็ม ๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่กล่าวถึงช่วงพูดคุยในงาน “All Things Must Pass : Tower Records Reunion!” ที่ทางผู้จัดได้เชิญผู้เกี่ยวข้องกับ Tower Records สาขาประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ผู้จัดซื้อ หรือลูกค้าเอง ก็มาร่วมพูดคุยกันในบรรยากาศที่เป็นกันเอง ระหว่างที่พูดคุยรำลึกความหลังเราก็ได้ยินเสียงเฮ ล้อ แซวกันมาเป็นระยะ ๆ ของบรรดาพนักงาน Tower Records ตัวจริงเสียงจริงที่พวกเขาบอกว่าไม่ได้เจอกันมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว กลิ่นอายโดยรอบของงานเลยเหมือนคืนสู่เหย้าของชาว Tower Records จริง ๆ และหลังจากจบช่วงทอล์ค พวกเราทุกคนก็จะได้ไปย้อนอดีตพร้อม ๆ กันในสารคดี All Things Must Past

ในการเสวนาสั้น ๆ ก่อนนำเข้าช่วงฉาย พิธีกรดำเนินงานในเย็นนี้คือ คุณคมสัน นันทจิต ที่ก็เป็นลูกค้าที่ Tower Records ก่อนจะเบิกตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง นักเขียนชื่อดัง เราก็ได้ดู VTR ที่เหล่า buyers มาเล่าความทรงจำขณะที่ทำงานที่ร้าน พวกเขาเล่าว่าที่ Tower Records แต่ละที่จะมีเสน่ห์แตกต่างกันไปเพราะจะเปิดเพลงตามรสนิยมเฉพาะตัวของพนักงานประจำสาขานั้น ๆ อย่างที่สยามจะออกแนว Brit pop ที่ World Trade (Central World ในปัจจุบัน) จะเป็น grunge ฝั่งอเมริกา ส่วนที่ Emporium จะเปิด Top 10 แถมสไตล์การแต่งตัวของแต่ละคนก็มีความเป็นตัวเองสูงมาก แล้วแต่ละคนก็เอาของสะสมสมัยยังทำงานอยู่มาอวดกัน ทั้งแท็กฝากกระเป๋า ถุงใส่คาสเซตต์เทปสีเหลืองสดที่มีตัวหนังสือสีแดงทาบลงไป แม้กระทั่งสก๊อตเทปของร้านก็มี เรียกว่านอกจากเป็นตัวจริงทางดนตรีแล้วยังอินในงานที่ทำแบบจริงจังกันด้วย นอกจากนี้ก็ผลัดกันเล่าวีรกรรมแสบ ๆ ในร้าน อย่างการไล่แกะพลาสติกที่ซีลซีดีไว้เพื่อมาลองฟัง บอกว่าจะได้คุยกับลูกค้ารู้เรื่อง เป็นผลให้ซีดีบางแผ่นมีสก๊อตเทปมาแปะไว้ ยังมีการแอบสูบเพลงด้วยมินิดิสก์จากเครื่องเล่นสำหรับลองฟังในร้าน การเมาแล้วแอบหลับในบูธดีเจ หรือการเปิดเพลงออริจินัลของต่างประเทศให้ศิลปินคนไทยที่ก็อปงานวงนั้น ๆ ตอนเข้ามาที่ร้านจนศิลปินคนนั้นต้องเดินออกไปแบบหน้าเจื่อน ๆ ส่วนวีรกรรมของลูกค้าก็มีไม่แพ้กัน อย่างการเอาซีดีหมวดที่ตัวเองจะซื้อไปซุกไว้ในหมวดอื่นเพื่อไม่ให้ลูกค้าคนอื่นซื้อไปได้ การไล่ชื่อศิลปินจากชั้นวาง A-Z การจดชื่ออัลบั้มที่อยากได้มาส่งให้ทางร้านสั่งซื้อเข้ามา สำหรับใครที่ไม่เคยรู้มาก่อน จีน กษิดิศ, ดาจิม และ เอ๋ Ebola ก็เคยทำงานที่ Tower Records กันด้วยนะ พอรู้งี้แล้วก็รู้สึกอิจฉาวัยรุ่นยุค 90s เหมือนกัน ถ้าเราโตทันคงไปสมัครทำงานในร้าน mega CD แห่งนี้แน่นอน

 

อดีตผู้บริหารและพนักงาน Tower Records ประเทศไทย
อดีตผู้บริหารและพนักงาน Tower Records ประเทศไทย

All Things Must Past คือสารคดีเกี่ยวกับร้านขายแผ่นเสียงอันโด่งดังในซาคราเมนโต แคลิฟอร์เนีย ที่เริ่มต้นจากการเป็นร้านขายของทั่วไป จนเปลี่ยนมาเป็นผู้ผลิตแผ่นเสียง และกลายมาเป็นตัวแทนจำหน่ายแผ่นเสียง ซีดี และคาสเซตต์ที่ว่ากันว่ายิ่งใหญ่ที่สุดและทรงอำนาจที่สุดในขณะนั้น เพราะไม่ใช่แค่การขยายสาขาในสหรัฐ แต่ยังแพร่อิทธิพลดนตรีไปทั่วโลก ศิลปินชื่อดังต่างวิ่งเข้าหา Tower Records ทั้งมาเปิดการแสดงพร้อมแจกลายเซ็น เป็นลูกค้าประจำ หรือเป็นพนักงานก็มี ความรุ่งเรืองตั้งแต่ช่วงยุค 60s จนถึงปลาย 90s ก็เริ่มดับมอดลงจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยี หรืออาจเป็นการวางแผนการเปิดตลาดที่ผิดพลาด ทำให้ร้านขายแผ่นเสียงที่เคยเฟื่องฟูที่สุดยุคหนึ่งต้องปิดตัวลงอย่างน่าเสียดาย

การดำเนินเรื่องใน All Things Must Pass ถูกเล่าผ่านผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อตั้งอย่าง Russell Solomon ลูกชาย และบรรดาเพื่อนร่วมงานของเขา ที่เล่าเรื่องตั้งแต่ Tower Records เริ่มก่อร่างสร้างตัว การสร้างแบรนด์ของตัวเองภายใต้ความเป็นกันเอง ไอเดียใหม่ ๆ และความคิดหัวก้าวหน้าไม่เหมือนใครของรัสที่ได้ต้นแบบมาจากพ่อของเขา รวมถึงการปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานแบบเพื่อนสนิทจริง ๆ นำพาให้ Tower Records มีความเป็นตัวของตัวเองสูงจนกลายเป็นแลนด์มาร์คของซาคราเมนโตในเวลาอันรวดเร็ว แต่ละคนเล่าให้ฟังถึงความกล้าได้กล้าเสียของผู้ก่อตั้ง การเชิดชูการทำงานของพนักงานที่มีความสำคัญกับการเติบโตของบริษัท ความสนุกในการทำงานของบรรดาสมาชิกยุคบุกเบิก และความผิดพลาดในการตัดสินใจอันเป็นบ่อเกิดของจุดจบอาณาจักรดนตรีแห่งนี้ คือหนังไม่ได้น่าเบื่อเลย มันมีบีทการเล่าเรื่องที่มีไดนามิกอยู่ตลอด เริ่มจากการพาเราไปตื่นเต้นกับการริเริ่มทำสิ่งใหม่ ไปจนถึงเรื่องตลกภายในร้าน เช่น ลูกค้าจะมามีเซ็กซ์กันในตู้ทดลองฟังเพลงจนต้องเอาหลอดไฟร้อน ๆ มาติดจะได้อยู่กันไม่นาน และสำหรับพนักงานจะไม่มีใครว่าคุณถ้าเมาแฮงค์ แต่ถ้าวันรุ่งขึ้นคุณต้องเข้างาน คุณต้องมาปรากฎตัวที่ร้านให้ได้ หรือที่โหดไปกว่านั้นคือการแอบเสพโคเคนโดยเหล่าพนักงานตัวแสบจะเรียกว่า Handtruck Fuel และจะใส่มันลงไปในรายการของที่ต้องเบิกเงิน (ร้ายมาก) ถ้าใครนึกภาพไม่ออกลองนึกไปถึงหนังวัยรุ่นที่สร้างชื่อให้ Liv Tyler แจ้งเกิดใน Empire Records เพราะถ้าให้เล่าบรรยากาศในร้านจริง ๆ หนังเรื่องนี้ก็จำลองมาได้แบบเห็นภาพชัดทีเดียวล่ะ (มาสืบเอาตอนหลังก็รู้ว่าคนเขียนบทก็เป็นอดีตพนักงาน Tower Records สาขาฟีนิกซ์ รัฐแอริโซน่านั่นเองจ้า) และเมื่อสิ้นเสียงหัวเราะ หนังก็สามารถดึงเรามาสู่ช่วงตึงเครียด และทำให้เราเสียน้ำตาไปพร้อมกับคนที่กำลังเล่าเรื่องได้อย่างหน้าตาเฉย การชื่นชม คิดถึงบุคคลที่รัก และก่นด่าคนที่พวกเขาเกลียดไปด้วยกัน การเห็นความรุ่งโรจน์ของธุรกิจที่เหมือนฝัน และการมอดดับลงต่อหน้าต่อตาผู้ที่สร้างมากับมือราวกับเป็นวันที่หัวใจแตกสลาย เป็นบทเรียนราคาแพงให้กับทุกคนที่ได้รับชมสารคดีเรื่องนี้ได้รู้สึกไปพร้อมกันอย่างที่ไม่มีเรื่องไหนเคยทำมาก่อน

สำหรับเรา All Things Must Pass ไม่ใช่แค่หนังสารคดีของร้านขายแผ่นเสียงแห่งนี้ มันคือบันทึกประวัติศาสตร์วงการดนตรีชั้นดีที่พูดถึงวัฒนธรรมของผู้ฟัง และแนวเพลงที่กำลังเป็นที่นิยมในแต่ละยุค อิทธิพลของสังคมและการเปลี่ยนผ่านช่วงวัยของผู้คน เป็นเหมือนอนุสรณ์ของผองเพื่อนที่มาร่วมรำลึกความหลังในวัยหนุ่มสาวที่ไฟในตัวของทุกคนกำลังร้อนผ่าว เป็นแหล่งรวมความหวังและความฝันที่ต่อเติมพลังให้กับคนที่รักเสียงดนตรี

ภาพร้านขายแผ่นเสียงที่เคยอัดแน่นไปด้วยซีดีศิลปินทุกแนวทั่วโลกกลับเหลือเพียงชั้นวางว่างเปล่า ไฟนีออนป้ายชื่อร้านสีแดงเหลืองค่อย ๆ กระพริบดับลง สิ้นเสียงให้สัมภาษณ์ของรัส ผู้ชมในโรงเงียบกริบพอ ๆ กับทีมงานกำลังสัมภาษณ์ผู้ก่อตั้ง Tower Records จนชายสูงวัยต้องเป็นผู้ถามทีมงานกลับว่า ไม่มีอะไรจะถามแล้วหรอ เรียกร้อยยิ้มและน้ำตาของคนดูได้อีกระลอก

อืม เราคงไม่มีคำถามอะไรไปมากกว่านี้ นอกจากจะบอกว่า คิดถึง Tower Records มากนะ

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้