Article Story

เซอร์ไพรส์กันตั้งแต่เพลงแรกยันเพลงที่ 18 กับ CLIPS อัลบั้มชุดใหม่จาก The Jukks

  • Writer: Montipa Virojpan

เหมือนงานนี้จะเป็นงานที่พวกเขาอั้นไว้อยากปล่อยมานานนมหลังจากอัลบั้มเต็ม CUP D ที่เคยปล่อยเมื่อ 6 ปีที่แล้ว และมีซิงเกิ้ลใหม่ทยอยออกมาประปราย คราวนี้เราเลยได้ฟังอัลบั้ม CLIPS อัดแน่นไปด้วย 18 เพลงใหม่ (และอีก 18 เพลงที่เป็นเวอร์ชันเดโมและมิกซ์ในแบบต่าง ) ที่ทุกคนสามารถรับฟังพร้อม กันได้แล้วบนเว็บไซต์ฟังใจ สำหรับเราเองหลังจากที่ไม่ได้สัมผัสกับงานพวกเขามานาน เมื่อกดฟังเพลงแรกที่ปล่อยมาให้ฟังอย่าง ความเป็นจริง ถึงกับต้องร้องโอ้โห!

ได้เวลาที่เราจะมาบอกเล่าความรู้สึกจากที่ได้ฟังเพลงของพวกเขาทั้ง 18 เพลงตั้งแต่ย่อหน้าต่อไปนี้กันเลย

jukks-clips-1

คลิกเพื่อฟังอัลบั้ม CLIPS บนเว็บไซต์ฟังใจได้ ที่นี่

ไทยแลนด์ ฮอลิเดย์ (Thailand Holiday)

โอ๊ย มันคิดถึง The Cribs นี่อาจเป็นเพลงที่ซาวด์กีตาร์คงความกวนโอ๊ยไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม กับพาร์ตพังก์ ที่ร้องวนและประสานเสียงว่า ‘Thailand Holiday’ จนติดหู เป็นการตีแผ่อาการโหยหาการพักผ่อนแบบไทยสตายว์ลได้ชัดแจ้ง ก็วันหยุดยาวบ้านเราถ้าเทียบกับฝรั่งนี่ถือว่าน้อยม้ากกกก พอถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ทีก็ลายาว ตกดึกก็ไปกินเหล้าสังสรรค์ ถ้าแฮงค์ก็ลามันอีกวันจะเป็นไร แอบใส่เสียงเคาะขวดเหล้ามาอีกแหนะ

เกาหลี (Series)

เพลงตัดพ้อสาวข้างกายที่เป็นติ่งเกาหลีที่พูดได้ตรงไปตรงมาที่สุดที่เคยได้ยินมา พวกเขาสามารถเอาอัลเทอร์เนทีฟสำเนียงเท่มาครอบลงไปในเพลงเนื้อหาป๊อปซื่อ ไม่หวานแต่รักจริง ทั้งไลน์กีตาร์และกลองในท่อนที่ร้องว่าปั๊บปาดับปับปาก็ว่าดีแล้ว พอเข้าโซโล่ยิ่งเป็นอะไรที่ถูกจริตคนรุ่นเราที่โตมากับเพลงยุคนั้นเหลือเกิน

ไขมัน (Cholesterol)

ไม่รู้ว่าทำไมอินโทรต้องมีเสียงน้ำจ๋อมแจ๋ม แต่ก็เหมือนมาเป็นตัวคั่นจากเพลงก่อน เพลง ไขมัน นี่เหมือนเป็นเพลง อ้วน ของ Triumphs Kingdom เวอร์ชันผู้ชายส่งให้ผู้หญิง ช่างน่ารักน่าเตะอะไรขนาดนี้ ชอบที่มีการเพิ่มไดนามิกให้องค์ประกอบเพลงทุกอย่างแน่นขึ้นเรื่อย จนถึงตอนท้าย

jukks-clips-1

ทำซึ้ง (Act Art)

ความวัยรุ่นเมกันพุ่งพล่านเต็มเปี่ยมในดนตรีเพลงนี้จริง การร้องประสานเสียงยังเป็นจุดเด่นของ The Jukks แต่เพลงนี้โดดเด่นจริง ยิ่งท่อนที่ขึ้นเสียงสูงยิ่งเพราะ ซาวด์กีตาร์ที่แอบพร่าหน่อย แต่ปั่นยับสไตล์ร็อกแอนด์โรลมาก และมีการเล่นอยู่แล้วหยุดก่อนเข้าเพลงห้องต่อไปประมาณสามช่วงในเพลงก็เป็นพาร์ตที่เท่มาก

ความเป็นจริง (Fact)

บอกตามตรงว่าเพลงนี้ตอนที่ปล่อยออกมาใหม่ เป็นเพลงที่เซอร์ไพรส์เรามาก ไม่คิดว่าพวกเขาจะเวียนมาทางนี้จริง ตอนที่ร้องว่าทำไมดาวขึ้นตอนกลางคืนแล้วเกากีตาร์ขึ้นมาลอย อย่างสวยงามแบบนั้น กับเสียงประสานในท่อนต่อมาช่างเข้ากัน แล้วยิ่งมีท่อนดรอปบีมลงมาเป็นทำนองสุดละมุนแบบนั้นด้วยแล้วเนี่ยยิ่งเป็นอะไรที่คาดไม่ถึง แล้วไหนจะโน้ตกีตาร์ที่จงใจเล่นให้เพี้ยนในตอนท้ายอีก ดีงาม

อยู่คนเดียว (Island)

ซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมาพร้อมมิวสิกวิดิโอน่ารักน่าสงสารที่เราเพิ่งเขียนถึงไป ไหนบอกอยู่คนเดียวก็ได้ไงแต่ไม่เคยจะเหงาเพราะเราคุยกับฟ้า กับน้ำ กับลม กับฝน ก็ด้ายยยยนี่มันเพลงตัดพ้อชัด ฟังแล้วสงสารชะมัด ชอบสัดส่วนดนตรีในเพลงนี้ มากันแบบสโลวร็อก จังหวะขัด ของกลองสาด และเมโลดี้ที่ดึงไปจนเพราะแบบเซอร์ไพรส์กันตอนจะจบเพลง และต้องยอมรับว่าเป็นเพลงที่ earworm มาก ท่อนอยู่คนเดียวเก๊าะด้ายเนี่ยติดอยู่ในหัวไม่หลุดเลย

jukks-clips-3

ไม่อยากหายใจ (Dying)

ชอบอินโทรแบบนี้จัง เล่นขึ้นมาโน้ตเดียวเดี่ยว ตามมาด้วยกีตาร์แหลมพร่า ถึงแม้จะฟังซาวด์ที่อัดมาก็รู้ว่าเป็นเพลงร่วมสมัย แต่ยังแอบมิกซ์ให้ความนัว อยู่ในเสียงร้องและกีตาร์เสียงแตก ทำให้อดนึกถึงอัลเทอร์เนทิฟรุ่นหลังที่ได้อิทธิพลจากการาจและพังก์มารวมอยู่ด้วยกันเสียไม่ได้ ท่อนที่กีตาร์งอแง แบบตอนนาทีที่ 2.50 เนี่ยชอบนัก

ทิ้ง (Cut)

พวกเขาเลือกสร้างสรรค์ซาวด์สว่าง แต่ติดเมโลดี้หม่นแต่น้อย เป็นอะไรที่สุดเท่กันตั้งแต่อินโทรแล้ว และเราชอบกลองแบบนี้ ทำนองของเพลงนี้คือเพราะติดอันดับท็อป 3 สำหรับเราในอัลบั้มนี้ นี่คือเพลงที่ชวนสะบัดหัวทั้งเนื้อเพลงที่ดู don’t give a fuck มาก และดนตรีก็ยิ่งตอกย้ำอารมณ์โนแคร์โนสนนั้นได้ดี เบสใส่เอฟเฟกต์บวม นี่ทำให้เพลงมีมิติขึ้นมาก

หมอนที่เปียกน้ำตา (Trace)

เพลงช้าที่ต้องจัดให้อยู่ในท็อป 3 กับเพลงที่แล้ว แม้เนื้อหาจะป๊อปขนาดไหน แต่การเลือกให้ทำนองบางช่วงที่ได้อิทธิพลมาจากวงร็อก 70s ที่อินกับไซคีเดเลียจึงมีความโหยหวนมาเป็นระยะ ส่วนความโหดคือเมโลดี้ที่ทำออกมาได้เปลี่ยวเหงาและละมุนละม่อม รวมถึงโซโล่ที่เป็น lo-fi เน้นขับบรรยากาศจนนึกถึงวง art rock แบบ Yo La Tengo การร้องในสไตล์กระซิบกระซาบเศร้าสร้อยที่เหมาะจะใช้กับคำที่สละสลวยแบบที่ปูมาตลอดทั้งเพลง แต่จะมาขัดกับคำพิเศษและดูตรงไปตรงมาที่วงชอบหยิบยกมาเป็นชื่อเพลงอย่าง หมอนที่เปียกน้ำตา ทว่าความเพราะโดยรวมของเพลงนี้ทำให้เราต้องยอมปล่อยผ่านไปจริง (กดหยุดเล่นเพลงรอบที่หก)

jukks-clips-5

อากาศ (Space)

ดิ่งกันมาพอสมควรแล้วก็ upbeat กันด้วยเพลงสนุก ที่เรารู้สึกว่า เออ เพลงนี้มันมีความเป็น The Jukks ดั้งเดิมมากขึ้นนิดนึง มีการไล่โน้ตกีตาร์อย่างเมามันในเพลง ยังชื่นชมการเขียนเนื้อเพลงที่ใช้ความเชื่อมโยงของคำและบีทที่ต่อเนื่องกันได้ดีของวงนี้เขาล่ะ

ขยะ (Drop)

งู้ย เพลงทำนองน่ารัก ที่อันนี้ revisit กันไปถึงปลายยุค 60s สไตล์ The Turtles แต่สำเนียงความเกรี้ยวกราดของดนตรีก็ยังคงความเป็นวงรุ่นหลังขึ้นมาหน่อย ความรู้สึกระหว่างฟังเพลงนี้คือ บรรยากาศมันทำให้นึกถึงความใสซื่อแบบในหนัง Sing Street อย่างบอกไม่ถูก

หัวใจ (Weakness)

ทั้งเสียง ฮู้ฮู ตอนต้น แต่ทำนองติดหู ตือดือดือดือดื๊อดือ และกลองที่ตีน้อยแต่กำลังดี มาจนถึงเบสที่รับหน้าที่เดินทำนองเด่นในท่อนฮุก แล้วไหนลากเสียงขึ้นสูงในท่อนสุดท้ายของฮุกที่เราไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนั้น มันลงตัวกันไปหมด แถมยังประหลาดใจกับการใช้เสียงร้องที่ทอดเสียงออกมาในสไตล์ที่เนี้ยบกว่าปกติ คราวนี้เลยกลายเป็นส่วนผสมอีกอย่างที่ไม่คุ้นชินจากวงนี้ที่เราโอเคมาก

jukk_bag_note

ทำไมโก (Why Lies)

เธอทำไม ชอบโกหกการร้องย้ำ ในเพลงนี้ทำให้รู้สึกว่ากำลังโดนเค้นคำตอบและเป็นการตำหนิไปในตัวอย่างได้ผลดีเยี่ยม แล้วความเหวอในเพลงนี้คือเล่นกีตาร์ไล่คอร์ดกันยังกะสายกีตาร์ฮีโร่ จะต้องมีอะไรโผล่มาให้แปลกใจทุกทีเลยสิน่า

สัก (Henna)

เผลอแปปเดียวเพลงที่ 14 แล้ว ฟังเพลินจริงอัลบั้มนี้ อยากกลับไปช่วงที่เพลงแนวนี้กำลังบูมเลย เพราะมั่นใจมากว่าบีทแบบนี้ถ้ากระโดดโลดเต้นไปรอบ ยังไงก็สนุก อย่างเพลงนี้ก็เป็นเพลงที่มีท่อนร้องจำแบบ pop punk ‘เอาเลย เอา ทำเลย ทำมีความปลุกระดมวัยมันได้ดีจริง เป็นเพลงที่เปรียบเทียบการสักกับการต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคที่ดูเข้าใจคิดแฮะ

อย่ากลัว (Dare)

มาซะละมุนเชียวล่ะ คราวนี้เป็นอินดี้ร็อกที่ติดกลิ่นวินเทจหน่อย เนื้อหาเหมือนเป็นการเน้นย้ำจากเพลงที่แล้วแบบจริงจังกว่าจากที่เมื่อกี้ติดขำ ซึ่งเพลงนี้พวกเขาก็ไม่ได้ทำให้มันฟังง่ายขึ้นแบบเพียว ทั้งเพลง แต่ยังติดไลน์กีตาร์แปร๋นกวนโอ๊ยออกมาโดด หนึ่งที

jukks-clips-2

ความผิด (Wrong)

อันนี้เกือบจะหลุดจากความเป็นวงต้น 00s ออกมาไกลเป็นอินดี้ร็อกโดยสมบูรณ์แบบ แต่ยังติดการไล่โน้ตกีตาร์ในช่วงพรีฮุกสองที่ความรุนแรงของยุคสมัยมันปรากฎชัดจริง ไม่ปฏิเสธว่าตอนฟังก็แอบนึกถึง Vampire Weekend อยู่จาง ในบางจุด แต่ไม่ใช่ทั้งหมดทั้งเพลง แล้วตอนท้ายเปลี่ยน time signature กันอีก โอ๊ย ลูกเล่นเยอะจริงฮะวงนี้

ชานชาลา (Platform)

ยินดีต้อนรับกลับสู่ยุค 90s อีกครั้ง แถมเพลงนี้มีใช้กีตาร์โปร่ง เล่นกันโล่ง ด้วยน่ะ เราอาจจะไม่ค่อยชินกับการร้องเสียงต่ำและทำนองหม่น ในเพลงนี้ แต่ใจเย็น เพราะคอร์ดเพลงนี้มีความแปลกอยู่ในหลาย จุดทีเดียว เท่ไม่หยอกเลย

ฉันอยู่ในนั้น (Leave)

เพลงจังหวะน่ารัก แต่เราไม่ค่อยแน่ใจในการตีความเพลงนี้ของตัวเองเท่าไหร่ ไม่รู้ว่ามันคือการเลิกรากันที่ฝ่ายนึงก็ไม่ได้อยู่ในระยะสายตาแล้ว แต่ที่ยังรู้สึกเศร้าเสียใจอยู่เป็นเพราะยังมีคนคนนั้นอยู่ในห้วงความคิด และยังลืมไม่ได้ เลยให้ร้องไห้ออกมาเพื่อที่จะได้ลืม หรือว่าเป็นคนที่จากไปไกลแสนไกลแล้วอีกคนเฝ้าแต่คิดถึง ก็ได้แต่ปลอบใจว่าถ้าคิดถึงก็ร้องไห้ปลดปล่อยมันออกมากันแน่ เป็นความกำกวมอันน่าสนใจและน่าหาคำตอบไม่น้อย

เพลงพิเศษ Battery (Previously Unreleased)

นอกเหนือจาก 18 เพลงด้านบน ที่มีอีก 17 มิกซ์/เดโม่ที่มีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นบีทเปล่า หรือเป็นอะคูสติก นอยซ์ ซินธ์ป๊อป หรือแบบเฟี้ยว อย่างกับเพลง 19-2000 ของ Gorillaz ก็มา คือจับทางไม่ถูกแล้ว (ยกเว้นเพลงขยะที่ไม่มี expanded version) ยังมีเพลงที่ไม่ถูกปล่อยออกมาแอบซ่อนไว้ในอัลบั้มนี้ด้วย Battery เพลงที่เหมือนเป็นเศษเสี้ยวกระจัดกระจายของความทรงจำจริง เพราะมีโครงสร้างที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แอบใส่อิเล็กทรอนิกมาเล็กน้อย แล้วดนตรีท่อนฮุกก็มาสไตล์เด็กพังก์ซาวด์ดิบเลย ยิ่งตอนท้ายเรียกว่าสาดความพร่ามาไม่ยั้ง ทำให้กลายเป็นเพลงเท่และทำให้เราขนลุกได้ไม่หยุดจนจบเพลง

jukks-clips-4

เราอาจคุ้นเคยกับความดิบ ลูกบ้าเยอะของ The Jukks เมื่อหลายปีก่อน แต่ถ้าลองได้ฟังอัลบั้มนี้แล้วจะพบว่า แม้หลายเพลงของพวกเขาจะลดดีกรีความซ่าลงไปเยอะ แต่ถ้าลองฟังดี รายละเอียดดนตรีพังก์ก็ยังมีความหลงเหลืออยู่บ้างในวิธีการร้อง แต่ที่ชัดเจนมากคือได้อิทธิพลจากซาวด์วงดนตรีช่วง 90s มาจนถึง 00s ตอนต้นมาเยอะพอสมควร มันคือความเป็นอัลเทอร์เนทีฟที่ไม่ต้องหวือหวามาก แต่เท่และกลมกล่อมสำหรับเราเสมอ และเมโลดี้ต่าง ที่ The Jukks สรรมาใส่ในแต่ละเพลงของเขาก็มักจะมีเซอร์ไพรส์ให้เราในตอนท้ายเพลงทั้งสิ้น คือฟังทีแรกอาจจะเฉย แต่มารู้ตัวอีกทีก็กดฟังซ้ำรอบที่สองที่สาม และค้นพบว่ามันเป็นเพลงที่เพราะใช่ย่อยเลย ทุกคนไม่ต้องเชื่อที่เราเขียนก็ได้ แต่อัลบั้ม CLIPS ถือเป็นอีกงานที่อยากแนะนำให้ได้ลองฟังกันจริง

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้