Sundlaugin สตูดิโอที่อยู่เบื้องหลังซาวด์อันเยือกเย็นของ Sigur Rós
- Writer: Nattapat Suthapornpat
เชื่อไหมว่าวงดังจากไอซ์แลนด์ Sigur Rós, Of Monster and Men หรือแม้แต่ศิลปินตัวแม่อย่าง Björk ล้วนเคยมาใช้บริการ Sundlaugin Studios เพื่ออัดเพลงมาหมดแล้ว นอกจากนี้ Damien Rice หรือวงโพสต์ร็อกจีน Wang Wen ที่เพิ่งมา Maho Rasop Festival ปีที่แล้วก็เคยแวะเวียนมาที่สตูดิโอแห่งนี้เช่นกัน
Sundlaugin ตั้งอยู่ที่ Mosfellsbær ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ห่างจาก Reykjavík เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ ประมาณ 12 กิโลเมตร เมื่อปี 1930 ที่นี่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นสระว่ายน้ำ จากนั้นมันก็ถูกทิ้งร้างไว้ (ตรงจุดนี้ไม่มีข้อมูลเปิดเผยว่าที่นี้ได้ถูกทิ้งร้างไว้เมื่อปีไหน) จนเมื่อราว ๆ ปี 1999 ยอดวงโพสต์ร็อก Sigur Rós มีความตั้งใจจะไปอัดอัลบั้ม () ที่ tracking base ที่ไม่ได้ใช้แล้วของ NATO (องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ) ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาแห่งหนึ่งในทิศเหนือของไอซ์แลนด์ แต่หลังจากที่ทางวงได้ไปสำรวจพื้นที่มาจริง ๆ กลับพบว่าพื้นที่มันไม่เอื้ออำนวยในการทำเป็นสตูดิโอสักเท่าไหร่ จากนั้นทางวงก็ได้เฟ้นหาที่ไปเรื่อย ๆ จนมาพบกับ Sundlaugin (ที่แปลว่า สระว่ายน้ำ) และมีสถานที่ตั้งเหมาะเจาะแก่การทำเป็นสตูดิโอ ทางวงก็เลยซื้อที่ดินแล้วเปลี่ยนโฉมที่นี่ใหม่ทั้งหมดเพื่อใช้เป็นห้องซ้อมและห้องบันทึกเสียง หลังจากนั้นก็เปิดให้วงอื่น ๆ มาใช้บริการด้วย
ภาพภายในสตูดิโอเมื่อสมัยยังเป็นสระว่ายน้ำ
ภาพสตูดิโอในปัจจุบัน
ภายในสตูดิโอประกอบไปด้วยห้องอัดส่วนกลางขนาดใหญ่ที่มีเพดานสูง มี iso-booth 4 ห้อง และห้อง control room ขนาดใหญ่อีกหนึ่งห้อง ด้านอุปกรณ์และเครื่องดนตรีต่าง ๆ สำหรับการอัดเพลงนั้นมีครบครัน มีตั้งแต่รุ่นอุปกรณ์รุ่นวินเทจยันอุปกรณ์มาตรฐานระดับสากล และด้วยการที่สตูดิโอนี้มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้มีการใช้สถานที่จัด live session อยู่บ่อยครั้ง มีความจุประมาณ 120 คน นอกจากนี้ก็มีห้องครัว ห้องนั่งเล่น และระเบียงไว้ใช้สอยและเพื่อเป็นพื้นที่พักผ่อน
สตูดิโอนี้ถือเป็นหนึ่งในสตูดิโอที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในไอซ์แลนด์ เรียกได้ว่าวงดัง ๆ จากประเทศนี้ได้แวะเวียนมาใช้บริการที่นี่เพื่ออัดเพลงกันเยอะมาก อย่าง Sigur Rós นี่ก็ใช้อัดทุกอัลบั้มตั้งแต่เค้าซื้อที่นี่มา ส่วน Of Monster and Men ใช้อัดอัลบั้ม Beneath The Skin หรือแม้แต่ Björk เองก็เคยมาใช้ที่นี่ทำอัลบั้ม Vulnicura และยังมีวงอื่น ๆ อีกเพียบ (ดูทั้งหมดได้ ที่นี่)
จริง ๆ แล้วซีนดนตรีที่ไอซ์แลนด์ก็มีหลายแนวเหมือนประเทศอื่น แต่ถ้าหากว่าใครเคยฟังเพลงของศิลปินดังกล่าวที่เราเอ่ยขึ้นมาแล้ว น่าจะพอสัมผัสได้ถึงเอกลักษณ์ทางดนตรีบางอย่างที่มาจากประเทศอันหนาวเหน็บนี้ มันมีกลิ่นอายทางดนตรีที่สวยงาม ฟังแล้วเย็นยะเยือก เพลงส่วนใหญ่จะเน้นไปที่บรรยากาศของเพลง และมักจะมีการใช้เครื่องสายเข้ามาประกอบให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง บางเพลงก็มีความมินอลที่ฟังแล้วสงบ หรือฟังแล้วเหงาไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ
วิวจากห้องคอนโทรล
ส่วนหนึ่งที่ซาวด์ออกมาเป็นแบบนั้น ก็อาจจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อมของไอซ์แลนด์ด้วยส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อจิตใจของนักดนตรี ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น และมีความสงบมาก เนื่องจากที่นี่มีประชากรเพียงสามแสนคนเศษ ๆ นอกจากนี้ยังมีทัศนียภาพที่กว้างสุดลูกหูลูกตา พื้นที่โล่งเยอะ รายล้อมไปด้วยธารน้ำแข็ง
นอกจากสตูดิโอนี้จะดังในกลุ่มวงดนตรีไอซ์แลนด์แล้ว ที่นี่ยังมีศิลปินจากทั่วโลกแวะเวียนมาใช้งานอีกด้วย หนึ่งในนั้นก็คือศิลปินโฟล์กที่ทำเพลงเหงา ๆ อย่าง Damien Rice โดยเขาและศิลปินที่ได้ร่วมงานกันในอัลบั้ม My Favourite Faded Fantasy ได้เอ่ยถึงที่นี่และทัศนียภาพรอบ ๆ ไว้ว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่ ๆ พิเศษ มีความเงียบสงบ มีทิวทัศน์กว้างไกล เหมาะแก่การทำงาน
รวมถึง Wang Wen วงโพสต์ร็อกจากจีนแผ่นดินใหญ่เองก็เดินทางมาถึงไอซ์แลนด์เพื่อใช้สตูดิโอนี้อัดอัลบั้มล่าสุดอย่าง Invisible City โดย Wouter Vlaeminck หนึ่งในโปรดิวเซอร์ของอัลบั้มนี้ได้เอ่ยว่าการได้มาที่สตูดิโอนี้มันเหมือนกับฝันที่เป็นจริง ที่นี่เต็มเปี่ยมไปด้วยความขลัง เพราะเขาหลงใหลในซาวด์ดนตรีของ Sigur Rós ที่ฟังมาตั้งแต่เด็ก ๆ นอกจากนี้สมาชิกในวงยังอธิบายเพิ่มเติมไว้ว่า ตอนแรกพวกเขาไม่คิดว่าสภาพแวดล้อมของที่นี่จะไม่ส่งผลอะไรกับเขามากนักหรอก แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันส่งผลกระทบต่อคนที่มาอยู่ที่นี่จริง ๆ แบบไม่ทันสังเกต