Article Story

Sticky Fingers วงที่ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเองกับอัลบั้มล่าสุด Yours to Keep

  • Writer: Tas Suwanasang

ในวงการเพลงอินดี้ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวงจากออสเตรเลียหลาย ๆ วงถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วงการเพลงอินดี้แข็งแรง มีวงดี ๆ ผุดออกมาให้เราฟังเต็มไปหมด ตั้งแต่ The Temper Trap, Tame Impala, Pond มาจนถึงวง Sticky Fingers ห้าหนุ่มจากซิดนีย์ที่ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาเพลงของตัวเองให้โลกได้ฟัง จากวงเร็กเก้/อินดี้ร็อก สู่หนึ่งในวงดนตรีที่ทั่วโลกรอคอยให้พวกเขาไปประดับอยู่บนโปสเตอร์เฟสติวัล พวกเขามีอัลบั้มเต็มมาแล้ว 4 อัลบั้ม Caress Your Soul (2013), Land of Pleasure (2014), Westway (The Glitter & the Slums) (2016) และอัลบั้มล่าสุด Yours to Keep (2019)

เราก็ขอจะรีวิวอัลบั้ม Yours To Keep ที่วงเพิ่งจะปล่อยออกมาสด ๆ ร้อน ๆ ชนิดที่จับเข้าไปนี่มือพองเลย ผ่าม! ซึ่งอัลบั้มนี้ก็จะมีความแตกต่างจากชุดแรก ๆ อยู่ประมาณนึง แต่ความน่าสนใจคือพวกเขาได้เพิ่มบทบาทให้เปียโนและกีตาร์โปร่งมาเป็นส่วนประกอบเด่น ๆ ในหลาย ๆ เพลง

Sleep Alone

หลายคนอาจจะตกใจว่า เฮ่ย! Sticky Fingers เปลี่ยนไปขนาดนี้เลยหรอ เพราะด้วยการมีอินโทรกีตาร์หวานละมุน บวกกับเสียงเปียโนที่อยู่ข้างหลัง รวมถึงสไตล์การร้องในเพลงนี้แทบจะต่างไปโดยสิ้นเชิงเพราะมีการแร็ปและทอดเสียงเนิบนาบ จนกระทั่งผ่านท่อนหลังไปถึงได้เริ่มรู้สึกถึงความเป็น Sticky Fingers แบบที่คุ้นเคย จากการตะโกนโหวกเหวกแบบดิบ วน ที่ซ่อนอยู่ในซาวด์กีตาร์พริ้งพราย

Loose Ends

เป็นเพลงที่ใช้ไลน์เบสเท่ ๆ กวน ๆ ใช้ซาวด์ที่เท่ให้สำเนียงคล้ายเครื่องดนตรีจีน พ่วงด้วยฮุกพลังพุ่งพล่าน เพิ่มด้วยเอเลเมนต์เสียงเครื่องคิดเงิน หรืออะไรกุก ๆ กัก ๆ ซ่อนอยู่เต็มท่อนเวิร์สสอง เพลงนี้น่าจะถูกใจแฟนเพลงวงนี้ทั้งเก่าและใหม่ เพราะนอกจากกลิ่นอายของอัลบั้มที่แล้วที่ติดความอินดี้ร็อกมาก ๆ ก็ยังมีสไตล์ดีดดิ้นแบบในอัลบั้มแรกมาให้เราหายคิดถึง

Cool & Calm

เปลี่ยนมู้ดกันไปเลยกับอินโทรเสียงเปียโนย้วย ๆ ผ่อนคลาย เสียงซินธ์หวีดหลอน แต่พอเข้าท่อนร้องเท่านั้นแหละ นี่ต้องเป็น Sticky Fingers ไม่ผิดแน่ ความเท่คือช่วงท้ายเพลงที่เป็นแร็ป บรรยากาศ lo-fi หน่อย ๆ ถูกตบให้กลมกล่อมด้วยไลน์เบสกับกีตาร์ที่เล่นให้ยูนิซันกันไปเรื่อย ๆ

Another Episode

เพลงนี้มีส่วนผสมของของอิเล็กทรอนิกและฮิปฮอป ใช้การเกากีตาร์เดินทำนองเป็นลูปไปทั้งเพลง ท่อนหลังนี่จัดแร็ปเน้น ดิบดาร์กให้เลย มีการมิกซ์ให้ซาวด์เข้าออกช่องซ้ายขวาสลับกันได้อย่างชวนหัวในช่วงอินโทร มีเสียงเพอร์คัสชันที่น่าสนใจ แต่พระเอกของเพลงนี้ต้องยกให้เป็นท่อนริฟฟ์กีตาร์ช่วง outro แล้วจบด้วยการเบรกดาวน์และโซโล่กีตาร์เท่ ๆ พร้อมด้วยเสียงร้องที่อัดรีเวิร์บก้องกังวานตามสไตล์ Sticky Fingers

Not Done Yet

ต่อกันด้วยเพลงจังหวะกลาง ๆ เป็นโฟล์กฟังสบายๆ แต่โดดเด่นด้วยการร้องน้ำเสียงหนักแน่นที่เป็นเอกลักษณ์ของวง

Kick On

หลังจากสามเพลงก่อนหน้าที่ปล่อยให้เราอยู่กับอารมณ์นิ่งเนิบ ก็เปลี่ยนมาให้โยกกันต่อในเพลงนี้ เพลงนี้ก็ยังพาสไตล์ของอัลบั้มที่แล้วที่มีส่วนผสมของการาจร็อกมาด้วยเลยอาจเป็นสาเหตุที่ทางวงปล่อยออกมาเป็นซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้มใหม่เพื่อให้คนฟังไม่ตื่นตูมมากนัก (อัลบั้มที่แล้วหลาย ๆ คนแซวว่าริฟฟ์กีตาร์คล้าย The Strokes จัง) ส่วนตัวแล้วคิดว่าเพลงนี้น่าจะเป็นเพลงที่ติดหูที่สุด

Hyper

แม้อินโทรจะใช้ซินธ์ แต่เพลงนี้ทำให้เราคิดถึง Sticky Fingers ยุคแรกซะเหลือเกิน แต่ก็ยังมีส่วนผสมใหม่ ๆ ที่ทางวงหยิบมาลอง อย่างการใช้เสียงประสานแบบในเพลงโซล r&b แทรกมาเป็นระยะ ๆ เชื่อว่าเพลงนี้ใครหลาย ๆ คนต้องชอบ เพราะช่วงท้ายของเพลงมันเท่มากจริง ๆ ขอไม่สปอยล์ ไปฟังกันเอง

Sleep Through The Flood

อินโทรที่ชวนน่าค้นหาและฟิงเกอร์สไตล์กีตาร์แบบลาติโน่ทำให้เรารู้สึกแปลกใจในทีแรก สุดท้ายทุกอย่างก็ลงตัวกันมากจริง ๆ เท่ด้วยซาวด์แอมเบียนต์ที่เพิ่มเลเยอร์เข้ามาตอนท้าย แม้ไม่ได้มีอะไรหวือหวามาก แต่ก็ฟังเพลินตามสไตล์เขาล่ะ

Sunsick Moon

เพลงนี้แฟนยุคแรกอาจจะรู้สึกเหวอเพราะไม่ชินกับการที่พวกเขามาทางนี้ น่าจะเป็นเพลงที่ทำให้รู้สึกถึงความ Sticky Fingers น้อยที่สุดเท่าที่เคยฟังมา เพราะเพลงนี้มีความเป็นบริตป๊อปอยู่เยอะมาก ทั้งการตีคอร์ด เมโลดี้การร้อง มันทำให้นึกถึงวงรุ่นน้องอย่าง DMA’s ที่มีความเป็นวงยุค 90s อยู่สูงมาก ส่วนหนึ่งอาจเพราะการใช้ซาวด์กลองฟุ้ง ๆ ด้วยก็เป็นได้

Yours To Keep

จากที่กระแสการใช้ซินธิไซเซอร์และเอฟเฟกต์ vox (หรือที่เป็นเสียงคล้าย ๆ คนร้อง) เป็นที่นิยมในศิลปินหมู่มาก ทางวงก็เลยหยิบมาใช้บ้าง เพลงนี้เหมือนกับว่าเป็นเพลงที่โชว์พลังเสียงของ Dylan Frost เพราะใช้เครื่องดนตรีมินิมัลมาก ชอบเสียงรูมที่เข้ามาพร้อม กับตอนเล่นเปียโนช่วงต้นเพลง กับเสียงกังวานของการเปลี่ยนคอร์ดกีตาร์จัง พอเข้าพาร์ตกลางของเพลงไปแล้วคือเท่มาก จะเป็นยังไงต้องไปลองฟังกันเอง เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์

Junk

จากสองเพลงที่ผ่านมาที่ทำให้รู้สึกแปลกใจกับทิศทางของวง ก็มาถึงเพลงสุดท้ายที่ขึ้นเพลงมาอย่างหวาน แต่ก็ยังใช่อิเล็กทรอนิกแอมเบียนต์แบบในหลาย ๆ เพลงก่อนหน้ามาเป็นแบ็กกราวด์ บวกกับท่อนโซโล่สวย ๆ ย้วย ๆ ที่มีกลิ่นไซคีเดลิกเล็กน้อย

จากที่ฟังมาทั้งอัลบั้มก็ขอสรุปเลยละกัน ถ้าให้บอกถึงความรู้สึกส่วนตัวแล้วผมจะถูกจริตกับยุคแรกของวงซะมากกว่าที่มีทั้งเร็กเก้ ดั๊บ และไซคีเดลิกเป็นส่วนผสมหลัก แต่นี่เป็นอัลบั้มที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวที่วงได้พัฒนาตัวเองมาถึงขั้นนี้ จริง ๆ ก็นับตั้งแต่วงทำอัลบั้ม Westway (The Glitter & the Slums) ในปี 2016 นั้น ทางวงได้เปลี่ยนแนวทางของตัวเองไปเยอะมาก แต่ก็ให้ความรู้สึกเดียวกันหลังจากได้ฟังอัลบั้ม Yours to Keep ที่มีอะไรให้แปลกใจในทุก ๆ แทร็ค ถึงจะมีบางช่วงในอัลบั้มจะเอื่อย ๆ ไปนิดนึง แต่ยังไงก็รักอะ เพลงที่อยากจะแนะนำให้ฟังเป็นพิเศษก็ได้แก่ Another Episode, Hyper และ Kick On

เอาเป็นว่าพรุ่งนี้วงก็จะมาเล่นถึงเมืองไทยแล้ว เราก็น่าจะได้ฟังเพลงจากอัลบั้มนี้หลาย ๆ เพลงกันแบบสด ๆ จนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่ายังมีคนตามหาบัตรกันอยู่นะ ส่วนใครที่มีบัตรแล้วก็ไปเจอกันได้ที่ Moonstar Studio ตื่นเต้นจัง!

Facebook Comments

Next: