ออกจาก ‘Comfort Zone’ มาฟังอิเล็กโทรป๊อปสดใหม่จาก ‘PARIM’
- Writer: Montipa Virojpan
ช่วงหลังมานี้เราจะเห็น Comet Records ค่ายดนตรีอิเล็กทรอนิกสัญชาติไทยขยันปล่อยซิงเกิ้ลออกมามากมายแทบทุกเดือน รวมถึงนำเสนอศิลปินหน้าใหม่ที่บางคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้างในอินสตาแกรม หรือบางคนเป็นนักดนตรีฝีมือดีหาตัวจับยากที่พอเราได้ลองฟังเพลงของหลาย ๆ คนแล้วก็กลายเป็นแฟนคลับในทันที
จนเวลาผ่านไปสักระยะนึง PARIM หรือ พริม หนึ่งในศิลปินของค่ายที่ปล่อยซิงเกิ้ลมาให้ได้ฟังกันก่อนหน้านี้แล้ว 4 เพลง ก็มีเพลงครบจำนวนที่จะรวมเป็นอัลบั้มเต็มส่งมาให้เราฟังกันทันช่วง Cat Expo เธอคือสาวเสียงดีลุคสดใสที่ถ้าใครไปดู temp. บ่อย ๆ ก็จะเห็นเธอมาช่วยคอรัส หรือล่าสุดเธอได้ไปแจมกับ Perfectly Casual ศิลปินร่วมค่ายที่ Wonderfruit มาด้วย
ตอนนี้ก็ขอลองไล่ฟังทั้ง 10 เพลงจากอัลบั้มของเธอเลยแล้วกัน
11.15 AM
ดรีมป๊อปที่มีซาวด์กีตาร์และซินธิไซเซอร์สุดล่องลอย พ่วงด้วยลูปกลองฟุ้งชวนโยก ถ่ายทอดบรรยากาศยามสายแสนสบายไม่อยากลุกจากที่นอน เป็นการเล่าเรื่องอินเลิฟแบบ inception คือเหมือนว่าก็กำลังกิ๊กกั๊กกับคนคนนึงอยู่ แล้วก็มักจะฝันถึงเขาบ่อย ๆ ว่าได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็มักจะถูกคนคนนั้นโทรปลุก คือก็รู้นะว่าเดี๋ยวอีกแปปก็ได้เจอกัน แต่ขอนอนต่อดีกว่า ได้อยู่ด้วยกันในฝันดีกว่าอีกแยะ ซึ่งความกำกวมนี้ก็อาจจะตีความว่าเป็นการแอบรักเพื่อนสนิทได้เหมือนกัน แบบที่ก็เจอกันทุกวันแหละแต่ไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่ได้ยินเสียงมันตอนโทรมาปลุกก็ดีใจแล้ว อิจฉาจริง ๆ ไม่รู้ต้องแฮปปี้กับความรักขนาดไหนถึงเขียนเพลงกุ๊กกิ๊กแบบนี้ได้ โอ๊ย
La La La
ซิงเกิ้ลแรกที่เธอปล่อยออกมา ลดความกระฉับกระเฉงลงมานิดนึงจากเพลงก่อนหน้าให้ได้ฟังเนื้อเสียงของ PARIM กันชัด ๆ เป็นเพลงบอกเลิกในสไตล์ป๊อป r&b ที่เพิ่มความเป็นอิเล็กทรอนิกมากขึ้น โดดเด่นกับเสียงคีย์บอร์ดที่มักจะได้ยินใน French disco มันก็เลยจะไม่ได้มีความเศร้าน้ำตาพราก แต่เป็นการยอมลาจากเพื่อที่ตัวเองจะไม่ต้องทนกับอะไรแย่ ๆ อีกต่อไป
Say Hey
จะเรียกว่าเป็นลายเซ็นของเธอก็ได้กับการทำเพลงเนื้อหาหม่น ๆ แต่เล่าออกมาผ่านดนตรีเคลือบลูกกวาด และเพลงนี้ก็เป็นเพลงที่ทำให้เราหันมาให้ความสนใจเธอทันทีหลังจากเพลงถูกปล่อยออกมา รู้สึกว่าทำนองถูกต้อง แม้ว่าการใช้คำในบางท่อนจะเป็นการโกงคำหรือทอดเสียงให้ลงท่อนนั้นให้ได้ แต่อารมณ์โดยรวมของเพลงคือได้ใจเราไปเต็ม ๆ มีความเป็น bitter sweet song ของคนที่เลิกรากันไปแล้วแต่ยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้กันอยู่ ทว่ามันจะมีสถานการณ์บางอย่างที่น่าลำบากใจถ้าต้องมาเจอกัน ก็เหมือนเป็นการบอกเพื่อให้ลดทิษฐิหรือ harsh feelings ต่าง ๆ ลง อย่างน้อยถ้ายังอยากเป็นเพื่อนกันอยู่ มาเจอกันอีกทีก็คงยิ้มหรือพูดคุยกันได้ แม้จะไม่ได้กลับมาเหมือนเดิมแบบตอนนั้นอีกแล้ว
Summer or Raining
ลูปซินธ์และเมโลดี้ในช่วงอินโทรทำให้เพลงนี้เป็นซินธ์ป๊อปที่ทั้งเท่และเพราะ ฟังแล้วเหมือนเป็นส่วนผสมของเพลงป๊อปอเมริกันยุค 2000s ต้น ๆ ที่ทำนองจะออกมาเป็นทรง ๆ นี้ แต่ฉาบไว้ด้วยซาวด์อิเล็กทรอนิกที่โมเดิร์น มีท่อนที่รัวดรัมแพดตามขนบที่เรามักจะได้ยินใน trap หรือ EDM ก่อนเข้าท่อนดรอปโผล่เข้ามาก็เซอร์ไพรส์เราไม่น้อย เป็นอีกเพลงหวาน ๆ ที่บอกว่าไม่ว่าจะร้อนหนาวยังไง แค่มีเธอใกล้ ๆ ก็เพียงพอแล้ว
กาลครั้งหนึ่ง
บิดซินธ์ให้ทำนองมีความหน่วงคลอไปกับไลน์สอดประสานที่ทำให้ดูเป็นดรีมป๊อปบรรยากาศตื่นเต้นแกมพิศวงที่พาเราไปผจญภัยในเรื่องเล่าของเธอและเขา เกี่ยวกับความทรงจำในวันวานที่ทั้งคู่มีต่อกัน และยังรักกันอยู่แม้วันนี้จะไม่ได้ไปต่อด้วยกันด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทีแรกนึกว่าจะเป็นเพลงใส ๆ ชวนฝัน แต่ท้ายของเพลงถูกเชื่อมเข้าด้วย tropical house กับซาวด์กลองที่ชวนย้อนไปเป็นอิเล็กทรอนิกช่วง 90s ผมนี่งงเลยครับ แล้วเสียงของ PARIM ก็ถูกทำเป็นเลเยอร์ซ้อน ๆ กันชวนงงงวยทำให้เพลงยิ่งดูมีความ epic ขึ้น เป็นเพลงที่งดงามมาก
ดาวโลกกับดวงจันทร์
กลายเป็นว่าเพลงนี้ให้ความรู้สึกเป็นนิทานมากกว่าเพลงก่อนหน้า เหมือนเป็นลัลลาบายให้ฟังก่อนนอนกับเสียงจิ้มซินธ์คีย์บอร์ดเป็นจังหวะวอล์ตซ์นุ่มละมุนขับกล่อมกันสองนาทีกว่า ๆ ชอบมากที่ขึ้นต้นมาเป็นเสียงที่พูดขึ้นมาแบบเสียงพากษ์ในรายการสำหรับเด็กว่า ‘จะไปละน้า’ หรือท่อนก่อนขึ้นเวิร์สสองที่เป็นเสียงพูดตัดพ้อของดวงจันทร์ที่โคจรรอบโลกแต่โลกไม่สนใจดวงจันทร์เลย ก่อนจะตัดเข้าสู่ท่อนร้องที่ทอดน้ำเสียงได้อย่างไพเราะจับใจ แล้วตอนท้ายก็ตัดจบได้น่ารักมาก
ทางลัด
เมโลดี้เพราะมากกกกกก เพลงสำหรับคนอยากพักเรื่องหัวใจแล้วโลดแล่นไปกับชีวิต ขึ้นมาเป็นเสียงร้องกับไลน์ประสานในท่อนคอรัสและคีย์บอร์ดฟุ้ง ๆ แล้วเพิ่มบีตเข้ามาทีละนิดละหน่อย ก่อนจะแซมเสียงกีตาร์ใส ๆ ตามทีหลัง ส่วนเวิร์สก็ตัดอารมณ์ได้เท่จากการเพิ่มซินธ์เบส คือฟัง ๆ ไปทำนองมีความเป็นเพลงญี่ปุ่นยุค 80s แต่ไม่ได้ทำซาวด์ออกมาเป็นเรโทรซินธ์ป๊อป หรือซิตี้ป๊อปที่เรียกกันน่ะ ชอบสุด ๆ คือท่อนโซโล่ที่เลือกใช้เสียงซินธ์ที่ฟังแล้วรู้สึกเพี้ยน ๆ พิลึกพิลั่น ยิ่งบริดจ์ที่เป็นร้องกึ่งแร็ป ใช้น้ำเสียงแบบเกเร ๆ หน่อย แล้วยังมีเสียงซินธ์ตัวเดียวกันบรรเลงคลอไปด้วยก็ทำให้เพลงนี้ได้ใจเราไปเต็ม ๆ
ไม่ต้อง
อิเล็กโทรป๊อปดนตรีใส ๆ ที่ฟังไปได้แปปนึงก็ต้องผงกหัวตามแบบห้ามไม่ได้ แอบกวนกับการใส่เอเลเมนต์ฮิปฮอปหน่อย ๆ ทั้งเสียงแร็ปเปอร์ หรือการสแครชแผ่น มีท่อนดรอปให้โยกเบา ๆ กันกลางเพลงก่อนจะกลับมาเต้นกันต่อ จริง ๆ ก็เป็นเพลงที่เหน็บแบบเบา ๆ กับคนรักที่มีคนอื่นแล้วบอกว่า ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ แต่ก็ยังจะทำอะเด้อ โบกมือบ๊ายบายแบบเข้าใจและไม่แคร์ ไม่ต้องอธิบายให้มาก ดี๊ดี สวยเชิดไปอีก
สัญญาณ
มาดิ้นกันต่อเลยในเพลงนี้ ดนตรีนูดิสโก้ให้ความรู้สึกที่โตและเซ็กซี่กว่าเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้ม เกี่ยวกับการแอบชอบคนคนนึงและพยายามจะส่งสัญญาณให้เขารู้
สายไหม
เปลี่ยนอารมณ์บ่ทันเด้อ แต่รู้สึกว่าเนื้อเพลง ดนตรี และบรรยากาศโดยรวมของเพลงมีความเข้ากับคาแร็กเตอร์ของ PARIM ที่เราเห็น ๆ กัน ดูเป็นการมองโลกที่ดูไม่สวยเท่าไหร่ในแง่บวก เทียบของรอบตัวกับอะไรน่ารัก ๆ อย่างสายไฟก็เทียบเข้ากับสายไหมแต่เป็นสีดำ หรือได้กลิ่นควันพิษก็บอกว่ากลิ่นคล้ายหมูรมควัน ผู้คนในสังคมก้มหน้า ทำอะไรตาม ๆ กันเหมือนกันหมด แต่ฟัง ๆ ไปก็ไม่รู้ว่าเป็น positive thinking หรือปลงกับชีวิตเมือง ๆ และยอมรับความเป็นไปของเรากันแน่ ‘ชีวิตก็แบบนี้ เธอคงเจอแบบนี้ ยังไงเราก็ไม่ต่างกัน’ ช่วงท้ายมีซาวด์ซินธ์แตก ๆ แหลม ๆ แบบที่เราชอบมากโผล่มาและ fade out จนจบเพลง
ถือว่าเป็นอัลบั้มที่ให้ความรู้สึกเหมือนตอนเราฟังอัลบั้ม School ของญารินดา นั่นคือความหลากหลายในแง่มุมของ ‘ป๊อป’ ที่ฟังแล้วไม่เบื่อ อย่างชุดนั้นจะมีซาวด์อะไรกรุ๊งกริ๊งของเครื่องดนตรีที่ใช้ในวงโยธวาทิตเต็มไปหมด หรือแม้แต่การใช้คำมาเขียนเพลงที่มีเซอร์ไพรส์ให้เราเสมอ ๆ เช่นกันกับ PARIM ที่เราคงไม่ได้เทียบกันในเรื่อง identity หรือสีสันของงาน เพราะนี่เป็นซินธ์ป๊อป ดรีมป๊อป ดูซุกซน แล้วได้พบกับอะไรที่มีมากกว่าความฟังง่ายติดหูแบบป๊อปที่เรามักจะจำกัดความกัน เมื่อลองสำรวจดี ๆ แล้วยังมีอีกหลายผลงานของศิลปินหลาย ๆ คนที่เป็นตัวเน้นย้ำว่าเพลงป๊อปไม่ใช่เพลงที่น่ายี้ ป๊อปดี ๆ ก็มีถมไป