ชวนมาฟัง ‘Z’ อัลบั้มร็อกสายโหดผสมลูกเล่นอิเล็กทรอนิกจาก ‘Last Man Laugh’
- Writer: Kunchanit Liengudom
Last Man Laugh – ชาวร็อกสายเฮฟวีทั้งหลายโปรดฟัง! หากคุณชื่นชอบแนวเพลงจากศิลปินอย่าง Crossfaith หรือ Korn แล้วละก็ เรามีอีกหนึ่งวงมาแนะนำให้รู้จัก ไม่ต้องไปไหนไกลเลยเพราะ LastManLaugh เป็นวงดนตรีร็อกทางเลือกในบ้านเราเอง พวกเขาสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่มีกลิ่นอายความเป็นเจร็อก ว้ากมันสะใจ ผสมผสานกับบีตและดนตรีอิเล็กทรอนิกชวนแดนซ์ จนกลายมาเป็นทั้ง 8 แทร็คในอัลบั้ม Z อัลบั้มแรกของพวกเขา ซึ่งอัลบั้มนี้ก็เป็นการบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับ LastManLaugh โดยมีทั้งแทร็คภาษาไทยและอังกฤษ
Last Man Laugh
“Everyone has their own story, and words can’t bring me down” แค่อินโทรขึ้นก็รับรู้ได้ถึงเนื้อหาของเพลงที่ LastManLaugh ต้องการจะสื่อแล้ว ยิ่งรู้สึกฮึกเหิมขึ้นไปอีกเมื่อดนตรีร็อกบรรเลงแบบจัดเต็มต่อจากนั้น และเมโลดี้จากซินธิไซเซอร์ที่เหมือนจะชวนให้เราวิ่งไล่ล่าตามความฝัน ได้กลิ่นความเป็นเจร็อกมาพร้อม ๆ กัน จากเสียงร้องคลีนของ แมดซ์ ที่กำลังร้องถ้อยคำปลุกใจเราอยู่เขาก็เปลี่ยนมาร้องสครีมโชว์พลังและความสามารถในการร้องทั้งสองแบบ เรื่อยมาถึงท่อนบริดจ์ของเพลงที่ดนตรีอิเล็กโทรนิกได้ออกมาวาดลวดลายในบีตที่เร่งเร้า น่าออกสเต็ปสะเปะสะปะ ปลดปล่อยความรู้สึกลบ ๆ ให้ออกไปจากใจซะจริง ๆ
LastManLaugh เพลงที่มีชื่อเดียวกับชื่อของวงนี้เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกและเรื่องราวของวงในการต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาเพื่อทำความฝันของพวกเข้าให้เป็นจริง
‘Z’ Anthem
แทร็ค instrumental กับดนตรีอิเล็กทรอนิกล้วน เริ่มจากเสียงซินธิไซเซอร์สร้างบรรยากาศอยู่บาง ๆ เป็นแบ็คกราวด์ ก่อนที่เมโลดี้และบีตจะประสานขึ้นมาอย่างทรงพลังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เราภาพการเปิดตัวเท่ ๆ ของตัวเอกในหนังหรือการ์ตูนสักเรื่อง ซึ่งตัวเอกทั้งหมดก็คือสมาชิกในวง LastManLaugh ที่เตรียมพร้อมบอกเล่าเรื่องราวต่อจากนี้ผ่านบทเพลงทั้งหมดในอัลบั้ม Z
Short Skirt Satan [Z Mix]
ปูเพลงด้วยกีตาร์ริฟเพียว ๆ ก่อนจะสตาร์ทความมันส์ให้เราโยกคอตามเมื่อจังหวะกลองหนัก ๆ ดังขึ้น เนื้อเพลงบอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้กับด้านมืดภายในจิตใจและการยับยั้งชั่งความรู้สึกที่ชายหนุ่มมีต่อหญิงสาวในกระโปรงสั้น ซึ่งเธอก็เป็นจะปลุกเหมือนปิศาจภายในของเขาออกมา เพลงนี้โดดเด่นด้วยพาร์ทดนตรีช่วงกลางพลาง นำโดยโซโล่กีตาร์ที่ค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นก่อนที่โน้ตเสียงสูงจะกรีดร้องออกมา โหยหวนผสานไปกับส่วนประกอบจากซาวด์อื่น ๆ และช่วงท้ายที่ขยี้อารมณ์ ทั้งเสียงสครีมลากยาวและซาวด์ดนตรีพุ่งพล่านจนหยดสุดท้ายของเพลง
Plastic Trick
เป็นเพลงที่ Last Man Laugh ตั้งใจจะทำขึ้นมาเพื่อถีบแสกหน้าคนจำพวกหน้าไหว้หลังหลอก เป็นการส่งสารให้กับคนที่ชอบหวังดีแต่ประสงค์ร้าย ต่อหน้าทำอย่าง ลับหลังทำอีกอย่าง ประมาณว่า “อย่าคิดจะเอากลกิ๊กก๊อกมาหลอกลวงกัน ใคร ๆ เขาก็มองออกกันหมดนั่นแหละ !” พร้อมออกหมัดซัดด้วยดนตรีที่มีบีตอิเล็กทรอนิกซ่า ๆ ผสมดนตรีร็อกมัน ๆ
Mine
เพลงรักในแบบฉบับของ LastManLaugh ที่เริ่มเพลงมาก็ได้ฟีลหม่น ๆ จากการกดคอร์ดในช่วงอินโทร เพลงนี้ก็เป็นอีกเพลงที่ พวกเขาเลือกใช้ดนตรีอิเล็กทรอนิกมาถ่ายทอดเรื่องราวในช่วงต้นเพลง เมโลดี้ที่ดูลึกลับน่าค้นหา บวกกับการร้องที่ทำให้เพลงค่อนข้างแปลกใหม่และน่าสนใจ ก่อนจะกลับมาโชว์ลีลาร็อกในสไตล์ของ LastManLaugh Mine เป็นเพลงที่มีเนื้อร้องภาษาไทยพูดถึงความรักที่เป็นปักเจก นิยามความรักที่แต่ละคนก็มีในแบบที่แตกต่างกันไป เช่นนั้นแล้วเราจึงควรเรียนรู้ความรักด้วยตัวเองไม่ว่าจะในด้านที่ดีหรือด้านที่ร้ายของมันก็ตาม
Glitch
แทร็คที่เริ่มมาด้วยซาวด์แอมเบียนต์หลอน ๆ ให้ความรู้สึกวังเวง ยิ่งเสียงบรรเลงจากเปียโนที่ทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวอะไรบางอย่างยิ่งทำให้เราสัมผัสได้ถึงวังวนของความเศร้า เสียดายที่ช่วงท้ายเพลงจังหวะและน้ำหนักเสียงคีย์บอร์ดอาจจะยังฟังดูไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางเท่าไหร่
Circle
เพลงที่แต่งจากความรู้สึกที่ ‘จริงที่สุด’ และ ‘เจ็บที่สุด’ Circle เป็นวงจรแห่งความเจ็บปวดอันเกิดจากเรื่องราวในช่วงเวลาหนึ่งของคน ๆ หนึ่งที่วนเวียนกลับเข้ามาทำร้ายเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เรื่องราวนี้ถูกบอกเล่าผ่านดนตรีที่มีอารมณ์แตกต่างกันในแต่ละช่วง ทั้งความเครียดที่ถูกกดเอาไว้ภายในตอนช่วงอินโทร และการระเบิดอารมณ์ออกมาผ่านดนตรีร็อกดุเดือดต่อจากนั้น เสียงร้องระบายความโศกเศร้าสลับกับการปลดปล่อยความเจ็บปวดผ่านเสียงสครีม ซึ่งอาจแสดงถึงความรู้สึกโกรธแค้นที่ไม่สามารถหลุดออกจากวังวนอันโหดร้ายนี้ไปได้ ช่วงกลางเพลงมีซาวด์อิเล็กทรอนิกเข้ามาเบรคอารมณ์ต่าง ๆ เอาไว้ เป็นซาวด์ที่ให้ความรู้สึกด้านบวก ทำให้เรารับรู้ได้ถึงความหวังขึ้นมาทันที แต่นั่นแหละ รู้อยู่แล้วว่าจะโดนหลอก เพราะสุดท้ายเพลงก็ดึงเรากลับไปสู่จุดเดิมอยู่ดี จุดที่ต้องต่อสู้กับความรู้สึกด้านลบต่าง ๆ ที่กระหน่ำถาโถมเข้ามา เพลงจบด้วยเนื้อร้อง “ความรักที่เคยได้มียังคงงดงาม” เป็นการสื่อว่าต่อให้จะเจ็บปวดจากเรื่องราวในอดีตมากแค่ไหน อย่างไรเสียมันก็ยังเป็นความทรงจำที่ดีจนเรานึกอยากที่จะย้อนกลับไปซ้ำ ๆ และยอมปล่อยให้มันทำร้ายเราในที่สุดอยู่ดี
MKKSP
หากใครดูหรืออ่านการ์ตูน ‘ดราก้อนบอล’ ก็คงจะรู้จักกับตัวละคร พิคโกโร่ แน่ ๆ เพลง MKKSP (มาคังโคซัพโพ) ก็ได้มาจากชื่อท่าไม้ตายลำแสงปิศาจของตัวละครชาวนาเม็กตัวนี้เนี่ยแหละ แต่สำหรับเราแล้วตัวเพลงกลับไม่ได้ทำให้นึกถึงภาพอนิเมะแต่อย่างใด ออกจะอยากแดนซ์ให้หลุดโลกไปกับบีทอิเล็กโทรนิกในช่วงอินโทรเสียมากกว่า ยิ่งพอเสียงสครีมขึ้นเท่านั้นแหละก็โยกคอตามแบบไม่คิดชีวิตไปแล้ว ถือว่าเป็นการเล่าเรื่องตัวการ์ตูนในแบบที่ฮาร์ดคอสุด ๆ ในเพลงยังมีการใส่เสียงคล้ายบทพูดของพิคโกโร่ในระหว่างที่ใช้ท่าไม้ตายมาเป็นกิมมิคในเพลงด้วย “มาคังโคซัพโพ!!!!” ก่อนจะต่อด้วยลูกเล่นดนตรีและลีลาร็อกอันดุเดือดที่ใส่มาแบบจัดเต็ม “มาคังโค ! ซัพโพ!! มาคังโค ! ซัพโพ!! มาคังโคซัพโพ!!”
ใครสนใจอยากสนับสนุนวงไทยกับผลงานที่น่าสนใจแบบนี้ก็สามารถสั่งซื้ออัลบั้ม Z ไปไว้ในครอบครองกันทางเฟซบุ๊ก LastManLaugh ที่แฟนเพจ ได้เลย !
เมื่อคุณยายอยากตั้งวง Grindcore ตอนอายุ 67 ในชื่อ Grindmother
Gerard Way ฟรอนต์แมนแห่งวงอีโม My Chemical Romance กับบทบาทนักเขียนการ์ตูนอัจฉริยะที่หลายคนไม่เคยรู้
