Article Story

เจาะลึก How To Disappoint Your Parents อัลบั้มล่าสุดจาก Electric Neon Lamp

  • Writer: Montipa Virojpan
  • Photographer: Chavit Mayot

พร้อมหรือยังสำหรับคอนเสิร์ตใหญ่ต้อนรับอัลบั้มใหม่ของ Electric Neon Lamp ใน คอนเสิร์ต พ่อซึม แม่เซ็ง ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม ที่กำลังจะถึงนี้ ที่ The Circus Studio ลาดพร้าว 18 แยก 3 แต่ก่อนที่จะไปฟังทุกบทเพลงจากอัลบั้ม How To Disappoint Your Parents เราจะขอเป็นตัวช่วยให้ผู้อ่านทุกท่านได้รู้ถึงที่มาของอัลบั้ม และทำความคุ้นเคยกับแต่ละเพลงแบบ track by track กันก่อนเลยที่นี่

How To Disappoint Your Parents ถือว่าเป็น official album แรกหลังจากที่พวกเขาได้ร่วมงานกับทาง BEC Tero Music หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยปล่อยอัลบั้มเต็มในชื่อ Bright Side มาแล้วในช่วงที่ยังไม่มีสังกัด โดยอัลบั้มล่าสุดนี้ก็ใช้เวลาบ่มเพราะกันมาถึง 7 ปี ตั้งแต่ช่วงที่มีเพลงอย่าง ภาวินี โทรจิต หรือนางรองปล่อยออกมาจนพวกเขาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ ปัจจุบัน ทิศทางของดนตรีที่พวกเขาสร้างสรรค์ก็มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมพอสมควร เพราะงั้นแล้วอัลบั้มนี้ก็ถือเป็นการรีสตาร์ทการทำงานใหม่ทั้งหมดด้วยการเสิร์ฟ 8 เพลงใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเพลงเก่าที่แฟนเพลง ENL ที่ถ้าตามดูโชว์ของพวกเขาอยู่บ่อย จะต้องเคยได้ยินเพลงนี้และร้องตามได้อย่างแน่นอน แต่ก็ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่และอัดเป็นครั้งแรกเพื่อให้รวมอยู่ในอัลบั้มนี้ได้ด้วย

เมื่อก่อนเพลง ENL มันจะโจ๊ะ จังหวะเร็วกว่านี้ แต่ทุกวันนี้มันลดความโป๊งชึ่งลง พาร์ตที่เป็นร็อกน้อยลง ความเป็นกรูฟจะเยอะขึ้น เพราะ ENL เป็นวงที่ทำเพลงไม่ค่อยจะเหมือนเดิมอยู่แล้ว ถ้าสังเกตดี ตอนเริ่มทำวงเพลงมันก็ป๊อปมาก สัดส่วนดนตรีไม่ได้ซับซ้อนอะไร พอเริ่มมาอยู่ BEC มีเธอที่ร้าย โทรจิต สัดส่วนเพลงก็ซับซ้อนมากขึ้น มีความเป็นแดนซ์ร็อก ดิสโก้ แต่พอมาชุดนี้เราอยากลองทำเพลงที่มันมีความ r&b จัด กลายเป็นสมูธ แต่ก็ยังสนุกอีกแบบเจน ฟรอนต์แมนพูดถึงภาพรวมของแนวดนตรีในอัลบั้มนี้ โดย เต้ มือเบส ก็ได้เสริมว่าจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงอยู่ที่เพลง นางรอง รวมถึงการเข้ามาเป็นสมาชิกเต็มตัวของ อุณ มือกีตาร์ ที่ทำให้ส่วนผสมและธรรมชาติของวัตถุดิบในเพลงไม่เหมือนแต่ก่อน ซึ่งพวกเขาก็ใช้เวลาในการจับทิศทางของผลงานใหม่ นายพอสมควร จนมารู้สึกว่าทุกอย่างลงตัวแล้วในเพลง เสียเวลาว่ะ ซิงเกิ้ลแรกซึ่งเป็นการกลับมาของวงหลังจากห่างหายไประยะหนึ่ง

เนื้อหาของเพลงในอัลบั้มนี้ก็ค่อนข้างแตกต่างจากงานก่อน เพราะแต่เดิมคนที่เขียนเพลงคือ เจน กับ ต้น อดีตมือกีตาร์ แต่ตอนนี้จะเป็นการระดมสมองเวลาใครมีไอเดียก็จะมานำเสนอแล้วเล่าเรื่องของแต่ละคนเสียมากกว่า แต่ส่วนมากจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์จริง รู้สึกว่าวงอยากเขยิบไปเขียนเรื่องอื่นเหมือนกัน อันนี้เป็นสิ่งที่คิดอยู่นานมาก แต่พอมาดูภาพรวมของวงและของอัลบั้ม รู้สึกว่าเราดูวัยรุ่นว่ะ คนคงไม่เชื่อหรอกถ้าเราเขียนเรื่องซีเรียส เราไม่เหมือนพี่เล็ก Greasy Cafe ที่เขียนเรื่องอะไรก็ดูเท่ได้ ตอนนี้ก็ทำสิ่งที่ตัวเองถนัดไปก่อน วันนึงมันคงจะได้เขียนเรื่องแบบนั้นแหละ แต่มันก็ struggle เหมือนกันนะว่าจะเขียนเรื่องความรักยังไงให้มันเป็นมุมใหม่ เล่าเรื่องเดิม ที่อยู่ในชีวิตประจำให้มันไม่ซ้ำใคร หรือทำยังไงให้มันแปลก เพราะมันถูกเล่าออกมาหมดแล้ว ยากสัส จริง แล้ว ก็ได้พี่โปช่วยไกด์เยอะเหมือนกันเจนเล่า

จนเมื่อเวลาผ่านไป ENL ก็มีเพลงจำนวนนึงจนสามารถรวมเป็นอัลบั้มได้แล้วก็เกิดการประชุมชื่ออัลบั้มขึ้นมา โดยแรกเริ่มอัลบั้มจะไม่ได้ชื่อนี้ เพราะเจนได้นำเสนอชื่อที่เป็นตัวเลขระบุระยะเวลาทั้งหมดนับตั้งแต่ที่พวกเขาทำเพลง เธอที่ร้าย มาจนถึงวันที่จะปล่อยอัลบั้ม ซึ่งคำนวณออกมาได้เป็นประมาณสองร้อยล้านวินาที หลังจากที่คุยกันเองแล้ว แม้จะชอบและอยากใช้แค่ไหน แต่ด้วยความที่ลุคของสมาชิกแต่ละคนไม่ได้เหมาะจะใช้ชื่อที่ดูเท่และจับต้องไม่ได้ แทนจึงเสนอชื่อใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากชื่อที่ตั้งใจจะใช้กับโปรดักชันเกมที่เขาทำอยู่ คือ Disappoint Your Mom “เรารู้สึกว่า ถ้าสุดท้ายแล้ว ครอบครัวที่เมื่อมีลูก แต่ก็ไม่ได้รวย ครอบครัวนั้นก็คงไม่อยากให้ลูกเล่นดนตรีหรอก นี่ก็มาจากชีวิตจริงเลยที่แม้ว่าพ่อแม่เราเป็นคนหัวสมัยใหม่ แต่ลึก เขาก็ถามเราตลอดว่าจะเล่นดนตรีอีกนานไหม หางานอะไรที่มั่นคงกว่านี้ไหม เราก็เลยตั้งประชดตัวเองว่า How to Disappoint Your Parentsแต่ชื่อนี้ก็สามารถนำมาเชื่อมโยงกับเพลงในอัลบั้มได้เหมือนกันที่ว่า เพลงของพวกเขาน่าจะเป็นเพลงประเภทที่ถ้าเป็นตอนเด็ก เราจะชอบเปิดเพลงอะไรไม่รู้ฟัง แล้วพ่อแม่มักจะถามว่าฟังเพลงอะไรเนี่ยพอคิดต่อจากเวย์นี้ก็มาสะท้อน art direction ทำงานต่อได้ แล้วดูมีความเป็นวงเราด้วย อย่างที่พี่แทนบอกว่าชื่ออัลบั้มที่เราคิดมันดูเท่มาก แต่มันใช่หรอวะ เลยเอาชื่อนี้ กวนตีนดี แสบกว่าเจนเสริม

ส่วน art direction ที่เจนเกริ่นไปก่อนหน้านี้ พวกเขาก็เป็นคนเลือกทีมงานเองโดยได้ พิชญา โชนะโต กราฟฟิกดีไซเนอร์ มาช่วยตีความจากเพลงและคอนเซปต์ของอัลบั้ม ที่ต้องมีทั้งปกซีดี thumbnail ของแต่ละเพลงที่จะไปอยู่บนสตรีมมิง อาจจะต้องมี merchandise ของที่ระลึกไว้ขายในคอนเสิร์ต ซึ่งเกิดการคิดให้ครอบคลุมเป็นกลุ่มก้อนกันทั้งหมด ออกมาเป็นภาพนิ่งรวมพฤติกรรมเสี่ยงอันตรายที่เด็ก ชอบเล่นกัน แล้วถ้าพ่อแม่มาเห็นคงจะหัวใจวาย เช่นการเอาส้อมไปแหย่ปลั๊กไฟ เล่นสวิตชไฟ ทำอะไรแผลง ต่าง ก็เข้ากับชื่ออัลบั้ม และใช้สีสันสดใสให้ดูยียวนขึ้นกว่าเดิม

Track by track

เสียเวลาว่ะ

เจน: ถือเป็นการเข้ามารับหน้าที่มือกีตาร์เต็มตัวของอุณ จริง อุณก็ค่อนข้างกดดันแหละ อุณร้อยวงก็เงี้ย แต่อุณก็คืออุณ

อุณ: เหมือนต้องมาแทนพี่ต้น เพราะแต่ก่อนพี่ต้นเป็นหัวเรือ แต่พอพี่ต้นทำอะไรไว้เราก็ใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปแหละ

แทน: คิดกีตาร์จนหัวล้านละ ผมร่วง เอาจริง สองคนนี้ไม่ต่างนะ เราเล่นริธึ่มเงี้ย น่าจะเป็นตัวบุคคล มากกว่า เหมือน Red Hot Chili Peppers ที่เปลี่ยนจาก John Frusciante เป็นคนใหม่ เราก็รู้สึกว่าไม่ต่าง

เจน: ประจวบกับวงที่มีไดเร็กชันที่เปลี่ยนไปด้วย ก็เข้าทางพอดี จริง ทุกคนเหมือนรีเฟรชใหม่หมดเลย วิธีเขียนเนื้อเองด้วย การทำงานทั้งหมด เซ็นเตอร์ก็กลายเป็นแป๊ก ได้ลองอะไรใหม่

เจ็บแล้วไง

เจน: เพลงนี้เป็นเพลงที่เราทำต่อมาจาก เสียเวลาว่ะ ซึ่งเพลงนั้นมัน 90s จัดมาก ๆ แต่อันนี้เราอยากให้คนที่เป็นแฟนเพลงยุคแรก หรือแฟนเพลงยุคใหม่มันไปด้วยกันได้ เพลงนี้เริ่มเขียนเนื้อขึ้นมา แล้วเพลงนี้จริง ๆ เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของเราด้วย คือเหมือนเพิ่งอกหัก แล้วพอเริ่ม ๆ จะคุยกับใครใหม่ก็เริ่มรู้สึกว่า จะดีหรอวะ พอมี source นี้ขึ้นมาก็คุยกับพี่แทน ก็เป็นแบบ ‘เอ้า แล้วไงอะ’ ตรงตามเนื้อเพลงเลย เจ็บแล้วไงวะ? แต่ยังไม่รู้ว่าทิศทางของเพลงมันจะเป็นยังไง

แทน: คือเพลงนี้แต่ฮุคก่อน ภาพในหัวคือจินตนาการไว้เป็นผู้หญิงไม่สวยมาก แต่เคยมีแฟนแล้ว เหมือนละครไทยที่พอมีผู้ชายมาจีบก็กลัว อารมณ์เหมือนแบบ วิ่งไปล้างหน้าแล้วพูด ‘เอาวะ! ไม่มีอะไรจะเสียละมึง ช่างแม่ง!’ ภาพในหัวตอนที่แต่งมันก็จะออก comedy นิดนึง

เจน: แล้วก็ไปทำคอร์ดกับพี่แทน พอไปแจมกันมันก็ได้ออกมาเป็นประมาณนี้ แต่ด้วยความที่มันป๊อปมากก็คิดว่าจะทำยังไงให้เป็น ENL ดี ตอนท่อนโซโล่ก็เลยซัดเป็นนูเมทัลยุค 2000 ไปเลย ซึ่งแต่ละคนชอบเพลงร็อกอยู่แล้ว พวก Korn อะไรแบบนี้ ก็คิดว่าน่าจะมีสักท่อนนึงที่ให้โยกกันหัวหลุดเลย พี่แทนจะพูดบ่อย ๆ ว่า ‘เราไม่ค่อยประนีประนอมกันเรื่องดนตรีเท่าไหร่’

แป๊ก: ตอนซ้อมดนตรี นูเมทัลพวก Limp Bizkit เป็นอะไรที่เราหยิบมาเล่นกันตอนพักจากเพลงตัวเองเป็นปกติอยู่แล้ว

เจน: พอได้ท่อนนั้นเป็นท่อนโซโล่มาแล้ว เหมือนแป๊กออกไอเดียว่าท่อนนี้ยังดูโล่ง ๆ แปลก ๆ อยู่ เราลองหาใครสักคนมาแร็ปไหม ส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบการ featuring เพราะจะมาคิดถึงตอนเล่นสดว่า ‘เราจะชวนเขามาร้องด้วยยังไงดีวะ’ แต่มันก็น่าสนใจจริง ๆ แหละเพราะวงไม่เคยทำมาก่อน จะกลายเป็นโลกใหม่ที่เข้าไปเหยียบจริง ๆ ที่เราก็อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง ก็คุยกันเยอะมากว่าจะเอาใครมา feat. ดีแร็ปเปอร์ดัง ๆ ก็ไป feat. คนนั้นคนนี้จนช้ำแล้ว พอดีบังเอิญเจอไมยราพที่ฟังใจ ตอนที่มาให้สัมภาษณ์ River Rhyme ประมาณสองปีที่แล้ว ก็เลยไปจีบ ๆ น้องดู แชมป์ก็บอกโอเคครับพี่ เคยฟังวงพี่ ชอบเพลงพี่เหมือนกัน โน่นนี่นั่น ก็เหมือนคุยกันถูกคอเลยชวน ๆ กันมา

เต้: ด้วยความที่เพลงมันดูซ่า ๆ ดื้อรั้น ๆ แล้วเราไปเห็นคาแร็กเตอร์ของไมยราพมันมีความเกเรของมันอยู่ ก็ตรงกับเพลง

เจน: ชอบภาษาด้วยแหละ ภาษาของไมยราพเป็นแร็ปที่ไม่ได้หยาบคายเกินไป แต่ก็ไม่ได้เรียบร้อย ซึ่งรู้สึกว่ามันกำลังดีมาก ๆ ถ้ามาอยู่ในเพลง ก็ลองให้น้องอัดเดโม่มาดูรอบนึง ก็เฮ้ย โอเคว่ะ ใช่เลย แชมป์เป็นคนเขียนเองเลย แล้วก็ปรับเนื้อกันอยู่ 2-3 รอบจนออกมาเป็นอย่างที่เห็น แต่พออัดมาทีแรกก็ตัดสินใจกันอยู่นานเหมือนกันว่าจะใส่แร็ปเข้าไปหรือไม่ใส่ดี สุดท้ายก็คือใส่เพราะเคมีมันเข้ากันได้กับเพลงพอดี

ตบปาก

แป๊ก: ตอนนั้นเราทำเพลง เจ็บแล้วไง แล้วก็อยากได้เพลงใหม่เพลงนึง เลยชวนเต้ เฮ้ย เดี๋ยวกูทำกลองไว้นะ มึงลองมาแจมกันที่คอนโด ก็ได้กรูฟแรกเป็นกลองกับเบสประมาณนั้น เราก็เริ่มวางโครงเพลงไปเรื่อย มีคีย์บอร์ดที่อุณมาหัดเล่นเป็นเดโม่รอไว้ก่อน จากนั้นก็เขียนเนื้อ

เต้: เหมือนพอจบเพลงนึงมาแล้วมันยังตันอยู่ เนื้อเพลงเพลงใหม่ก็คงยังไม่ได้ในทันที แต่เราก็ไม่อยากรอเวลา ทำอะไรได้ก่อนก็ทำ ใส่อะไรได้ใส่ ลองสร้างสารตั้งต้นมาแล้วค่อยหาเรื่องราวใส่เข้าไป

เจน: ตบปากมันเป็นความตั้งใจที่ไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แค่รู้สึกว่าอยากจะมีเพลงที่มันทื่อ ๆ ไปทั้งเพลง กลองไปเรื่อย ๆ ทั้งเพลง แต่จะค่อย ๆ มีพาร์ตอื่นเข้ามาเสริมให้มันมีไดนามิกขึ้น ถ้าสังเกตดูดี ๆ ริธึมแทบจะเป็นเส้นตรง เนื้อเพลงจริง ๆ เหมือนแป๊กเป็นคนพูดคำว่า ‘ตบปาก’ ขึ้นมา อยากได้คำแรง ๆ

แป๊ก: คือวงรู้สึกว่ามันหน่อมแน้ม เจ็บแล้วไง พูดเรื่องความรักก็จริง เจอเธอ รักเธอ อกหัก แล้วรู้สึกว่าอยากเล่นเนื้อแรง ๆ aggressive เลยเริ่มจากคำว่า ‘ตบปาก’ ดู แล้วมาขยายว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง คือทำผิดมาแล้วโดนตบปากหรือเปล่า

เจน: ก็เป็นประสบการณ์ตรงของทั้งคู่อีกว่าเวลาทำอะไรผิด พูดจาอะไรไม่ดีกับแฟน มีอาการปากลั่น มันจะตามมาด้วยความรู้สึกแบบ ‘ฉันเป็นคนปากคอเราะร้าย พูดจาอะไรไม่เคยจะคิด มันจะทำให้เธอต้องเสียใจ’ แล้วสักวันนึงก็กลัวว่าเขาคงจะทนไม่ไหวแล้ว ซึ่งเราก็ไม่อยากเสียเขาไป ไม่อยากเป็นคนแบบนั้น ถ้าอย่างนั้นแล้วเวลาพูดไม่ดีก็ตบปากกูเลย ลงโทษได้เลย จริง ๆ ต้นแบบตอนที่เขียนมันคิดมาจากเพลง ทำร้าย ของพี่โป้ Yokee Playboy อารมณ์นั้น

ถึง mv จะเป็นเรื่องที่ต่อกัน แต่ตัวเพลงเป็นคนละแนวเลย จริง ๆ เกิดจากการเลือกไม่ถูกว่าจะปล่อยเพลงไหนก่อน ก็เลยปล่อยมันสองเพลงติด ๆ กันแม่งเลย ตบปากเนี่ยมันจะมีความเท้เท่ มีความ ENL แบบคูล ๆ เจ็บแล้วไง มันมีความป๊อป ความติดหู ร้องตามได้ จังหวะมันสนุกกว่า คือคนชอบคิดว่า ENL เป็นวงป๊อป ทำเพลงป๊อป จริง ๆ เราก็มีเพลงประหลาด ๆ อยู่หลายเพลงมากที่เราไม่เคยปล่อย

แป๊ก: เหมือนตอนที่เราตัดสินใจทำดนตรีแบบนี้ เวลาเราเล่นสดคนจะถามว่าแบบ เฮ้ย ทำไมดนตรี ENL มันย่อยง่ายจัง จะบอกว่าจริง ๆ ก็ยังเฟี้ยวอยู่นะ เดี๋ยวทำให้ดู แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเราเฟี้ยวจัด แต่ถ้าอยากให้มาโหมดนี้เราก็ทำได้

แทน: จริง ๆ เพลง เจ็บแล้วไง เหมือนเป็นทดลองด้วย ตอนแต่งกับเจนอยากลองสูตรใช้คำฮิตดู สูตรเดียวกับ นางรอง เพราะไม่ค่อยได้แต่งอะไรแบบนี้ รู้สึกว่าคำสามพยางค์ ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง มันน่าจะจำง่าย ไม่รู้ว่าในมุมคนฟังเป็นไง แต่เรากับเจนคิดว่าถ้าเป็น ‘เจ็บ อีก ครั้ง’ เหมือน ‘รู้ ว่า เธอหลอก’ เหมือนเว้นให้มันตีหัวนิดนึง กะให้คนร้องตามง่าย

แป๊ก: เพลงอื่นก็ป๊อปละ แต่จะมี รถไฟแห่งความฝัน จริง วงเหมือนจะไม่เอา แต่พอทำไปทำมา น้องที่ฟังเพลงของวงหลายคนก็อยากให้อัดซักที (แทน: มันมีคนชอบเยอะมาก) เห็นคนถามถึง มาอยู่ในอัลบั้มได้ไหม

เต้: อัดใหม่หมดเลย เพลงนี้มันเป็นผีมานานมาก ไม่มี record ไว้เลย ไม่ได้ปล่อยอะไร แต่เป็นเพลงที่คนร้องได้ เพราะฉะนั้นเราเลยรู้สึกว่าต้องทำให้มันมีชีวิตจริง เลยเอามันมาชุบชีวิตให้อยู่ในอัลบั้มนี้

บางครั้ง แค่บางครั้ง

แทน: สมัยนั้นแต่งเพลงกันที่ห้องต้น แป๊กอยู่ออสเตรเลีย เป็นเพลงที่เราขึ้นคอร์ดจากกีตาร์โปร่ง ถ้าไปเสิร์ชวิดิโอมันจะอยู่ในแชนแนลของต้น ชื่อ Room103 อะไรก็ไม่รู้ เราตั้งเล่น แซว Room39 เป็นเพลงที่เจนฮัมเมโลดี้ไว้เฉย แล้วอัดวิดิโอกัน ตอนแต่งเพลงช้าตอนนั้นจำไม่ได้ว่าที่มามันมายังไง แต่คิดว่าเราเอาดนตรีเพลงนี้มาทำมั้ย เหมือนสตอรี่มาจากเราไกด์เจน เราชอบเนื้อเพลงที่มัน bitter sweet เป็นคนชอบฟีลที่คนเลิกกันไปนานแล้ว เลิกกันด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่มันยังมีความที่พอเวลาผ่านไปนาน มันก็ไม่มีอะไรที่โกรธเกลียดแล้ว เหลือแต่อะไรดี เราเป็นคนชอบเพลงแบบนั้น เพลงนี้มันก็เป็นมู้ดเลิกกันไป 5-6 ปี แล้วอยู่ดี ก็แวบขึ้นมาว่า ถ้ายังอยู่ด้วยกันก็น่าจะดี อยากให้อยู่จังเลย อะไรประมาณนั้น ไม่ได้เศร้าถึงขั้นน้ำตาไหล นึกถึงแล้วมัน flashback มาเลย เป็นเพลงช้าที่ตอนแรกรายละเอียดดนตรีมันจะเยอะกว่านี้ แต่พออัดไปอัดมาก็เลยรู้สึกว่า เรียบ ดีกว่า ให้เพลงมันเล่าเรื่องดีกว่า

แป๊ก: ไม่ควรมาเยอะมากมาย

เสมอ

แทน: เป็นเพลงเก่าสมัยที่เคยอยู่กับต้น มาจากกีตาร์ของเราก่อน มันจะเหมือน Toro Y Moi กลอง lo-fi เราแต่งมาด้วยริฟฟ์แบบนั้น จริง ไม่ได้คิดถึงอันนั้นหรอกแต่พอลองมาเปิดฟังแล้วต้นกับเจนก็บอกว่าเหมือนอะไรอย่างนั้น เสร็จแล้วต้นกับเจนเอาไปใส่เนื้อ

เจน: เพลงนี้ถูกทำมาเป็นเวอร์ชันนึงก่อน แล้วรู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่ธรรมดา ด้วยพาร์ตดนตรีทั้งหมด ก็เลย โอเค กลับมาที่เนื้อ ตอนนั้นคุยกับต้น เพลงนี้ตั้งใจเขียนไว้ มีเพื่อนเพิ่งเสียพอดี แต่งให้เพื่อนที่เสียไป

เต้: สารตั้งต้นคืออยากพูดถึงคนที่จากไปแล้ว

เจน: มันตีความได้หลายอย่างมาก ตอนแต่งก็ยังคิดถึงเพื่อนที่เสียไปคนนี้แหละ แต่ว่าอยากให้มันมีความรู้สึกเหมือนเพลงหนังสือรุ่นของ พี่ป้าง นครินทร์ มีความ nostalgia คิดถึงวันวานเก่า ก็เขียนกับต้นแหละ มันพูดถึงความสัมพันธ์ที่ผ่านไปเท่าไหร่มันก็ยังเหมือนเดิม เหมือนคนที่จากไปแต่เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาหายไปไหน แบบนั้น อย่างทุกวันนี้พอเขียนถึงเพื่อนคนนั้น ก่อนหน้าที่มันจะเสียก็ไม่ได้เจอกันนานมาก เหมือนไม่ได้อยู่ในชีวิตของกันและกันแล้ว ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ได้ตายไปไหน ก็ยังอยู่

เต้: พาร์ตดนตรีคิดออกมาเป็นเนื้อกีตาร์โปร่ง แล้วไป มา จะทำให้มันเป็น full band มันยาก คิดไม่ออก เพราะมันเหมาะจะมีแค่นั้นจริง แล้วก็เลยปรึกษากันว่าจะให้ใครมาช่วยโปรดิวซ์ดี

แป๊ก: เคยทำมา แล้วก็เคยแก้ แต่ไม่รอด ถามว่ามันก็ปล่อยได้แหละ แต่เราไม่ได้แฮปปี้ที่จะปล่อยขนาดนั้น คือไม่รู้จะเอายังไงกับเพลงนี้จริง เพลงนี้เขียนไว้เป็น 5 เพลงแรกด้วยซ้ำ ก่อนนางรอง ก่อนโทรจิต นานมาก เลยทิ้งไว้อย่างนั้น พอกลับมาคุยกันก็เห็นว่าเพลงนี้มันเพราะว่ะ อยากจะปล่อย ก็เลยให้ นะ Polycat ทำดีกว่า มีเพลงให้ arrange ว่ะ ก็บอก เอามาดิ อยากทำ ก็เอาไฟล์ที่มีแต่ร้องกับทำนองเข้าไปบ้านนะ นั่งทำด้วยกันอยู่สองสามครั้ง ก็ออกมาเป็นเวอร์ชันปัจจุบัน

มีแค่เธอ

แทน: อยากได้เกาหลี ตอนแต่งมีคอร์ดมาแล้ว แล้วฮัมเมโลดี้เป็นเนื้อเกาหลีเลย แต่อุณไม่ค่อยอยากได้เท่าไหร่

เต้: จริง วงเราอินเกาหลีมาตั้งแต่นางรองแล้วอะ

เจน: อยากได้แบบ Jay Park เลย คือรู้สึกว่าเกาหลีเขาทำ r&b ดีมาก สู้ยุโรป อเมริกาได้เลย เพลงนี้ยังไงก็ต้องเกาหลีให้ได้ แต่ทำไปทำมา ก็เกาหลีนะ

แทน: แต่เป็นเกาหลีเหนือ (หัวเราะ) ก็ยังเป็นป๊อปร็อกอยู่ เพราะพอใส่ดนตรีมันก็กลายร่างนิดนึง

เจน: จริง เพลงนี้ค่อนข้างใกล้เคียงกับ เจ็บแล้วไง ด้วยจังหวะดนตรีที่เป็นกรูฟ ก็เป็นไดเร็กชันเดียวกัน แต่จะป๊อปกว่า ตอนเขียนเนื้อเริ่มมาจากฮุค อยากให้พูดอยู่ประโยคเดียว คือ ‘มีแค่เธอ ยังไงก็จะมีแค่เธอเท่านั้น’ แค่นั้นเลย อยากลองเขียนเนื้อแบบนี้ดูบ้าง ไม่เคยทำ ปกติเนื้อจะเป็นเล่าเรื่อง 1 2 3 4 5 ตลอด แต่อันนี้ขอมีแค่นี้ แล้วไปเล่าใน verse เอา (เต้: ใช้ร้องจีบหญิงได้) เพลงนี้จริง ไอเดียมาจากพี่แทน ก็คือแรกสุดเลย คนที่มันสวย ชอบตั้งสเตตัสว่าไม่มีคนคุยเลย แต่จริง ก็ไม่ได้โสดจริงหรอก อย่ามา ไป มา ก็ดูขี้แซะจัง เลยบิดมันกลับมาว่า ไม่ได้มีใครนะ อย่าไปเชื่อคนอื่นมาก ฉันมีแค่เธอ

แทน: ไอเดียเพลงนี้พอแต่งกันไปแต่งกันมาแล้ววงเราถามว่าหล่อไหม ก็ไม่หล่อ ถ้าไปเทียบกับวงอื่นคือมึงอยู่อันดับรั้งท้ายเลย อย่างบางวงเขาหล่อมาก แต่เขาจะมีเพลงแบบ ฉันจะรอเธอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ฉันก็ยังไปไม่ถึงเธอ จริงหรอวะ (หัวเราะ) เราสังเกตหลายวงละ ไม่ได้ไม่ดี เราเข้าใจคนแต่งเพลงมันต้องมีฟีลว่าตัวเองต้อยต่ำไม่ว่าหน้าตาดีหรือไม่ดี แต่อันนี้ในมุมมองของคนไม่หล่อ เราตั้งคำถามว่าจริงหรอวะ ไปไม่ถึงจริง หรอ เขาสูงกว่ามึงจริงหรอ ในเนื้อเพลงเราก็จินตนาการตัวละครขึ้นมา ไม่ได้เอาสมาชิกวงเป็นที่ตั้ง ผู้ชายในเพลงเข้าไปจีบผู้หญิง ใน verse มีร้องว่า ‘ที่เธอได้ยิน ไปฟังจากใครเขามา’ ภาพที่คิดไว้คือไม่ใช่คนที่หล่อมาก แต่ข่าวลือเยอะ ฮอต อยากแต่งแบบ วงมึงหล่อเนาะ กล้าเล่าเรื่องแบบนี้ เหมือนกันครับ มีความ parody แซะตัวเองนิดนึง

เจน: เพลงนี้พยายามจะบอกว่ากูหล่อ

ไอ้หวัง

เจน: อัลบั้มนี้จะมีแต่เพลงโทนสนุก หวาน นุ่ม r&b มาตลอด มันไม่มีเพลงที่บ้าคลั่ง มัน เลย ไม่มีเพลงที่เล่นแล้วโยกหัวแบบเพลง อวกาศ

แทน: ก่อนหน้านี้มีเพลงชื่อ พิน พูดถึง PIN Blackberry อะ เกิดทันไหม ซึ่งมันจะ relate มาเพลงไอ้หวัง เพราะมันเป็นริฟฟ์ของเพลงที่ชื่อ พิน 2010 ไม่น่าจะคิดริฟฟ์แบบนั้นได้อีกแล้ว เป็น masterpiece ของเรา แล้ววันนั้นพี่โปเขาอยากให้ลองขึ้นเพลง ปกติขึ้นแยกกันทีละชิ้น แต่วันนั้นด้วยความที่พี่โปเห็นว่าช้าแล้ว เขาเลยไปจองสตูอัดให้ แล้วก็ อะ พวกมึงลองขึ้นเพลงกันดูสิ เกร็งกันชิบหายเลย เราก็คิดไม่ออก อยู่ดี ก็ให้คิด บ้าหรอไปเอามาจากไหน ไม่ได้เก่งขนาดนั้น (หัวเราะ) แล้วทีนี้เราก็เลยเล่นเป็นคอร์ดของเพลงพินก่อน ยังไม่เล่นริฟฟ์นั้น แล้วพอขึ้นโครงทุกคนแล้วเราก็เลยรู้สึกว่ามันเสียดายนะ ไอ้นี่กว่าเราจะคิดได้มันค่อนข้างเป็นมาสเตอร์พีซของเราเหมือนกันก็เลยเอามาใส่ในเพลงนี้ แล้วทีนี้ วันเดียวเองเนาะ จบ ได้เป็นดนตรีทั้งหมด เสร็จเจนมาร้องเมโลดี้ต่อ

เต้: ด้วยเหตุผลที่พี่โปเขานึกถึงเพลงแบบ อวกาศ เขาอยากได้แบบนั้น เรามีอะไรตรงนั้นอยู่ในอัลบั้มด้วย มีความดิบ ความปั่นบางอย่าง

เจน: คืออัลบั้มมันคงไม่สมบูรณ์ถ้าขาดเพลงแบบนี้ไป มันจะเลี่ยนมาก พอได้ดนตรีเสร็จก็เขียนเนื้ออยู่ประมาณสองสามเดือน เขียนไปสามแบบเต็ม เลย (แป๊ก: ตอนนั้นชีวิตเจนค่อนข้างยุ่งด้วย) ก็พยายามเขียนไปแล้วสามแบบที่คิดว่าชอบ แต่สุดท้ายมันก็น่าจะยังดีไม่พอ พี่โปเลยนั่งเขียนให้ชั่วโมงเดียว (กราบ) ก็จะเป็นเวอร์ชันปัจจุบันที่ได้ฟัง แต่ตอนทำดนตรีมันมาพร้อมเมโลดี้เลย จบ ไอ้หวัง เนื้อเพลงมันเป็นเรื่องในผับ เกี่ยวกับเจอผู้หญิงคนนึง แล้วเราชอบ อยากจะไปสี แต่เขาก็มากับผู้ชาย เราก็เลยฟาวล์

เอ้า ได้รู้กันละเอียดยิบขนาดนี้แล้ว พร้อมหรือยังที่จะไปสนุกกับพวกเขาแบบเต็มเหนี่ยวกับเพลงจากอัลบั้มใหม่ รวมถึงเพลงฮิตจากวันวานที่ผ่านมาพวกเขาก็เตรียมมาเล่นให้พวกเราได้ฟินอีกเหมือนกัน แล้วเจอกันนะ เสาร์ที่ 18 สิงหาคม ที่กำลังจะถึงนี้ ที่ The Circus Studio ลาดพร้าว 18 แยก 3

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้