Big Sur อัลบั้มล่าสุดจาก Little Fox ที่มีอะไรมากกว่าเพลงโฟล์ก
- Writer: Montipa Virojpan
น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก จีน มหาสมุทร ซึ่งก่อนหน้ามีผลงานโด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง ‘หมานคร’ และในขณะเดียวกันเขายังเป็นฟรอนต์แมนวงดนตรีร็อกสุดเท่ Saliva Bastard นอกจากนี้เขายังมีไซด์โปรเจกต์อีกมากมาย ทั้ง Ugly Mountain และ ผีเสื้อราตรี ทว่าทุกคนมักจะถามถึงโปรเจกต์เพลงโฟล์ก/อะคูสติกอีกโปรเจกต์หนึ่งของเขาในนาม Little Fox อยู่เสมอ ๆ เพราะมีช่วงนึงที่เขาห่างหายไปจากสื่อ แต่แล้วก็กลับมาเล่นสดตามอีเวนต์ต่าง ๆ แบบเงียบเชียบ ชนิดที่ว่าแฟนตัวจริงหรือผู้ติดตามอย่างเหนียวแน่นเท่านั้นที่จะรู้และพากันพูดปากต่อปาก ซึ่งก็ไม่ใช่แค่การแสดงสดเท่านั้น แต่แฟน ๆ ก็ยังถามถึงผลงานเพลงใหม่ ๆ ว่าจะมีอะไรออกมาเป็นเพลงโปรดในดวงใจอย่าง ทุกคืนวัน แก่ลงอยู่ทุกวัน หรือ ดวงจันทร์น้อยใจ อีกบ้าง
จนล่าสุด หลังจากที่เราได้ดูเขาเล่นสดเมื่อเร็ว ๆ นี้ประมาณ 2-3 งาน ก็พบว่า Little Fox มีเพลงใหม่มาเล่น และแอบซุ่มปล่อยอัลบั้มเต็มความยาว 10 แทร็คออกมาเงียบ ๆ ในชื่อ Big Sur เป็นที่เรียบร้อย เราเลยขอหยิบมาลองฟังดูว่างานนี้แตกต่างจากผลงานที่ผ่าน ๆ มาอย่างไร
Express Yo Self
เพลงโฟล์กภาษาอังกฤษที่ให้กำลังใจให้คนคนนึงลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อตัวเอง ถ่ายทอดสิ่งที่อยากจะทำ อยากจะเป็น และทำให้ดีที่สุด โดยไม่ต้องสนใจใครจะว่ายังไง แม้การร้องและการเล่นของจีนจะฟังดูสบาย เรียบง่าย แต่ยังแใงการร้องประสานเสียง และมีเมโลดี้ที่ไพเราะ กับข้อความภาษาไทยหนึ่งท่อนที่ทำให้เราฉุกคิด ‘มีอะไรอีกมากมายที่ยังไม่ได้ทำ เมื่อไหร่จะเอาจริง’ ฟังแล้วก็ต้องถามตัวเองแบบนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะบางทีสิ่งที่เราไม่กล้าลงมือทเป็นเพราะเรามักจะพูดว่า เดี๋ยวก่อน ไม่ก็ยังไม่กล้าออกจาก safe zone สักที ความเท่คือมีเสียงอนาล็อกไฟฟ้าชวนเหวอแทรกเข้ามาก่อนจะจบเพลง
Sweet Lovin’ / Love Thing
กีตาร์เสียงแตก กับลูปกลองตีคุมจังหวะนิ่ง ๆ พร้อมเสียงร้องชวนมัวเมา ทำให้เรานึกถึงเพลงการาจร็อกจังหวะกลางยุคเก่าเท่ ๆ ความร็อกแอนด์โรลในท่อนโซโล่ที่ใส่ไลน์เมโลดิกกีตาร์มาน้อยแต่มากทำให้เราหลงรักเพลงความยาวนาทีครึ่งได้อย่างง่ายดาย ต่อด้วยอีกนาทีครึ่งของเพลงเซิร์ฟร็อกสดใส รู้สึกว่าเข้ากันมากถ้าฟังต่อกัน ส่วนเพลงนี้ก็ทำให้เราโยกหัวตามได้ในทันที
Like Nothing
มีโอกาสได้ฟังเพลงนี้แบบสด ๆ ในงาน Devendra Banhart กับโชว์ที่ De Commune ก็รู้สึกประทับใจตั้งแต่ตอนนั้น เป็นเพลงจังหวะกลาง ๆ เสียงเบสเดินตุ่ม ๆ กับกีตาร์ไฟฟ้าเสียงง้องแง้วก้องกังวานที่เล่นคร่อมจังหวะ แต่เมโลดี้สดใสชวนอมยิ้ม ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเพลงรักวัยรุ่นที่ทั้งโลกนี้มีแค่เราสองคน มีความสุขในแบบที่เราเป็นและไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
Way Too Late
อินโทรขึ้นมาเท่ ๆ กับการเล่นเบสเป็นซิงเกิ้ลโน้ตซ้ำ ๆ โทนการใช้เสียงสุดผ่อนคลาย รวมถึงกลองกับกีตาร์ที่ทำให้เราต้องหลับตาพริ้ม จินตนาการว่ากำลังออกโร้ดทริปยามเช้า ขับรถเปิดประทุนไปบน highway กว้างใหญ่ แดดอ่อน ๆ กำลังส่องมาในอุณหภูมิและความจ้าที่พอเหมาะ ค่อนท้ายเพลงมีเสียงเปียโนกดเป็นคีย์ตัวเดียวและโซโล่กีตาร์ชวนหัว เหมือนว่าในความเบาสบายก็มีความหนักหน่วงแฝงอยู่
Can’t Help
บรรยากาศแบบ guitar music บ้านทุ่ง ฟังแล้วได้กลิ่นอายของความร้อนจาง ๆ ใช้เสียงรีเวิร์บก้องกังวานและบีตการเล่นย้วยยาน เป็นไซคีเดลิกโฟล์กช้า ๆ ล่องลอย ผิดกับเวอร์ชันที่เล่นสดจะมีความกระชับขึ้นมาอีกเล็กน้อย
Sad n’ Tired
ชื่อเพลงช่างขัดกับท่วงทำนองที่บรรเลงออกมา หรือแม้แต่สไตล์การร้องเองก็ตาม มีเสียงเคาะแทมบูรินคลอไปกับกีตาร์โปร่งที่เล่นติดสำเนียงบลูส์ที่เล่นแบบบันเทิงเริงใจ ชอบในความคอนทราสต์แต่ก็ถูกที่ถูกทาง เพราะเอาจริง ๆ เพลงบลูส์เขาก็มักจะพูดถึงช่วงเวลายากลำบากในชีวิตเนี่ยแหละ เพลงนี้ก็ร้องวน ๆ ว่าฉันกำลังเศร้า ฉันเหนื่อย ฉันกำลังนั่งร้องไห้อยู่ ก็ไม่แน่นะ นี่อาจจะเป็นเพลงของคนเหนื่อย ๆ ที่เหนื่อยจนชิน เหนื่อยจนปลง เพลงที่ร้องออกมาเลยมีความค่อนข้าง ‘แค่อยากจะบ่น’ และปล่อยวางเป็นที่เรียบร้อย
On a Bus
ถ้าเราเปิดเพลงนี้ฟังระหว่างกำลังเดินทางไปที่ไกล ๆ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างคงรู้สึกดีมาก ๆ กับคอร์ดกีตาร์เพราะ ๆ และแทบจะมีเสียงเครื่องเป่าแทรกขึ้นมาเดินเรื่องหลัก สะกดจิตใจให้ล่องลอยไปกับทำนองหวาน ๆ ส่วนเสียงร้องก็ลดบทบาทเป็นรอง กับเนื้อเพลงปลดปล่อยจิตใจให้ไม่ต้องคิดอะไรระหว่างที่ฟังเพลงนี้
Two Side Story
จะว่าไปเพลงของจีนก็ทำให้นึกถึง Anton Newcombe หรือ The Brian Jonestown Massacre อยู่เหมือนกัน ความพิเศษในเพลงนี้คือเป็นไซคีเดลิกโฟล์กเท่ ๆ มีความหนักขึ้นกว่าหลายเพลงก่อนหน้า แล้วถ้าฟังดี ๆ ก็แอบมีท่อนเมเจอร์สดใสแทรกเข้ามาทำให้เพลงไม่ได้หม่นขนาดนั้น ส่วนท้ายเพลงกับโซโล่ยาวนาน กีตาร์เสียงแหลมเคว้งคว้างที่ประสานเข้ามาระหว่างคอร์ดชวนหัว เบสดรัม และเบสหนักหน่วง ก็สั่นประสาทเราอยู่ไม่น้อย
Monster
เรียกว่าเหวอทันทีกับอินโทรที่เป็นซาวด์อิเล็กทรอนิก ซินธ์สุดหลอน ฉีกไปจากทุกเพลงที่ผ่านมา แต่ยังเกาะกันอยู่ได้ด้วยความที่เป็น downtempo ลอยละล่อง และเสียงของจีนขับกล่อมคลอไปกับเนื้อหาพิศวงไม่แพ้ตัวดนตรีที่เลือกใช้เสียงคล้ายออแกนอิมโพรไวส์ไปเรื่อย ๆ เข้ามาเป็นส่วนประกอบหลัก มีบีตซอฟต์ ๆ บรรเลงเป็นลูปคล้ายกำลังสะกดจิตคนฟัง
สำหรับใครที่ชอบงานโฟล์ก อะคูสติก เพียว ๆ ของ Little Fox อาจจะขัดใจกับ Big Sur สำหรับเราแล้ว เราขอเรียก Big Sur ว่าเป็นงาน anti-folk ที่ยากเกินการคาดเดาและยากที่จะจำกัดความ เหมือนเป็นการบาลานซ์ระหว่างงานสุดโต่งอย่างผีเสื้อราตรี และ Ugly Mountain ให้ย่อยง่ายลงในฉบับของ Little Fox แต่ยังมีความน่าสนใจและพาหลุดลอยเข้าไปในโลกแห่งมิติเสียงที่ไม่ธรรมดาของ จีน มหาสมุทร ด้วยส่วนผสมหลากรสชาติเข้ามามีส่วนเติมเต็มให้กับงานยุคปัจจุบัน และทำให้เราได้เห็นตัวตนของเขา ณ ตอนนี้แจ่มชัดยิ่งขึ้น เชื่อเหลือเกินว่าผู้ชายคนนี้ยังมีอะไรให้เราไปค้นหาอีกมากมายทั้งในเพลงและการแสดงสดของเขาที่เราไม่อยากให้พลาดเลยจริง ๆ ไปเปิดใจลองฟังกันดู