เล่าสู่กันฟัง : ประสบการณ์โคตรพีคของการเป็นศิลปิน
- Writer: Wathanyu Suriyawong
การที่ศิลปินต้องไปเยือนต่างที่แปลกถิ่น ได้พบผู้คนมากมาย ก็ทำให้ได้เจอเรื่องแปลก ๆ ด้วยเหมือนกัน เราเลยขอหยิบมาเล่าสู่กันฟังพอหอมบอกหอมคอ
เรื่องราวต่อไปนี้มาจากการสัมภาษณ์ทั้งทางออนไลน์ และโทรศัพท์ เป็นคำบอกเล่าจากปากของศิลปิน เรื่องของใครจะพีคแค่ไหนมาดูกัน
เฟิร์ส Slot Machine : วันนั้นวันนี้พรุ่งนี้วันที่เท่าไหร่
ย้อนกลับไปช่วงปล่อยเพลง เคลิ้ม เป็นช่วงที่วงได้ออกทัวร์หลาย ๆ ที่ หลาย ๆ วันติด ๆ กัน การเดินทางด้วยเครื่องบินในตอนนั้นยังไม่นิยมเท่าตอนนี้ด้วยราคาและปัจจัยหลาย ๆ อย่าง และการทัวร์มักจะเป็นการเล่นไล่ไปทีละจังหวัดที่ใกล้เคียงเป็นแถบเป็นโซนทำให้การเดินทางด้วยรถตู้สะดวกที่สุด ทีนี้แต่ละงานที่เล่นก็มักจะให้วง Slot Machine ขึ้นเล่นเป็นวงท้าย ๆ เร็วสุดก็ห้าทุ่มเป็นอย่างต่ำ และแม้จะได้ไปเล่นแทบทุกที่ทั่วประเทศแต่ก็เหมือนไปไม่ถึงสักจังหวัด เพราะชีวิตจะวน ๆ อยู่เพียงแค่รถตู้ เวที ห้องพัก เป็นแบบนี้ตลอดปี ด้วยความเหน็ดเหนื่อย เลยเกิดอาการเมาการเดินทาง ลืมวันลืมคืน ลืมว่าอยู่ที่ไหน เวลาเท่าไหร่แล้ว อาการนี้ไม่ได้เป็นแค่เฟิร์สเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เป็นกันหมดยันทีมงานกันเลยทีเดียว
วิน The Ginkz : ราชันย์แมงป่อง
วง The Ginkz เคยไปเล่นงานที่สุรินทร์ เป็นคอนเสิร์ตจัดกลางป่า ตอนก่อนเล่น วินได้เดินเท้าเปล่าแล้วโดนแมงป่องต่อย ก็ขึ้นไปเล่นทั้ง ๆ ที่เท้าบวมอย่างนั้น พอเล่นเสร็จโชคดีมีแฟนเพลงชาวสุรินทร์ที่รู้จักกันพาไปหาหมอที่โรงบาล ได้นอนพัก 1 คืน แต่พอกลับมากรุงเทพ ฯ เท้าก็ยังไม่หายบวมเลยต้องไปหาหมออีกที ภายหลังแฟนเพลงชาวสุรินทร์ท่านนั้นสารภาพว่าโรงบาลที่พาไปนั้นเป็นโรงบาลที่ห่วยที่สุดของสุรินทร์ ทำเอาวินถึงกับบ่นในใจว่า “อ้าวไอ้เหี้ยแล้วพากูไปทำไม ถึงว่าไม่หาย (หัวเราะ)”
เท็น Musketeers : เวทีแห่งความฝัน
เรื่องมันมีอยู่ว่า วง Musketeers ถูกจ้างไปเล่นในงานบวชลูกชายของผู้หลักผู้ใหญ่ในท้องถิ่น จัดที่ริมทะเลบรรยากาศดีงาม แถมเวทีใหญ่ในระดับเดียวกับเวทีเฟสติวัล มีศิลปินหลายวงมาเล่นในงานนี้ด้วย วง Musketeers มีคิวขึ้นเล่นตอนเที่ยงคืน แต่ทุกอย่างเลตเลยได้ขึ้นตอนตีสอง เดา ๆ ว่าเจ้าภาพน่าจะดื่มหนักเต็มข้อตั้งแต่บ่ายแล้ว ทำให้ตอนขึ้นไปเล่น เหลือคนดูหน้าเวทีเพียง 5 คน แถมกำลังนอนหลับลึกสุดใจอยู่ที่พื้น แต่วงก็ยังเล่นบรรเลงใส่เต็มเหมือนทุกงานที่ผ่านมา ยังมีการทักทายเอนเตอร์เทนผู้ชมว่า “ใครยังไม่หลับขอเสียงหน่อยเร้ว” หลังเล่นเสร็จก็กล่าวคำร่ำลาเจ้าภาพด้วย ทุกอย่างทั้งหมดที่ทำไปวันนั้นไม่มีการตอบรับจากผู้ชมใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะหลับสนิทแบบจริงจัง เป็นประสบการณ์ไปเล่นดนตรีที่พีคที่สุดของวง Musketeers
ฟุ้ง Better Weather : วงป็อปก็เดือดได้
เรื่องนี้เกิดเมื่อครั้งที่วงได้ไปเล่นที่ต่างจังหวัด เป็นร้านที่มีการเปิดจองโต๊ะ ตัววงเองก็ได้เห็นป้ายจองโต๊ะจากตอนซาวด์เช็ก พบว่าโต๊ะหน้าเวทีถูกจองด้วยชื่อประมาณ แองจี้ โรส น้ำส้ม (นามสมมุติ) ทั้งวงเห็นแล้วก็ใจชื้น คืนนี้เพลินตาแน่ ๆ พอเอาเข้าจริง ๆ กลับเป็นแก๊งสาวเทยล้วน ๆ ถึงกับเงิบทั้งวง แต่ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ตัวเองต่อไป ทุกอย่างดำเนินไปอย่างสนุกสนานราบรื่น จนกระทั้ง ดิว นักร้องนำร่างเล็กไปจับไม้จับมือกับบรรดาโต๊ะหน้าเวที ด้วยพละกำลังที่ด้อยกว่า ก็เกือบจะโดนลากตกเวที ดีที่เทคนิเชียน เข้าชาร์จรั้งไว้ทัน แต่เรื่องพีคไม่จบแค่นั้น เพราะไม่มีใครคิดว่าวงป็อปเพลงหวาน จะมีเพลงที่ปลุกอารมณ์เดือดชวนให้มีเรื่องเหมือนเพลงร็อก แต่ครั้งนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น ไม่ใช่กับใคร ก็เป็นสาวหน้าเวทีไปมีเรื่องกับสาวแท้ในร้าน ถึงกับเห็นขวดแก้วบินว่อนทั่วร้านกันเลย
เจน electric.neon.lamp : มิติใหม่แห่งการชมคอนเสิร์ต
“เป็นเรื่องราวจากการไปเล่นที่จังหวัดหนึ่ง เป็นลานกิจกรรมขึ้นชื่อของจังหวัด พอได้ยินแบบนี้วงก็ตื่นเต้น คิดว่าคนต้องเยอะและงานใหญ่แน่ ๆ แถมกังวลว่าจะเล่นดีรึเปล่า คนไม่น่าจะรู้จักวงเยอะแน่ๆ แต่ความจริงปรากฏเมื่อตอนซาวด์เช็ก พบว่าเป็นเวทีเล็ก ๆ กับลานกว้าง ๆ วงก็ค่อยโล่งใจหน่อยเพราะเวทีเล็ก ๆ เนี่ยทางถนัดอยู่แล้ว แต่อาจจะมีเรื่องผิดคาดก็เลยรอลุ้นตอนเล่นแล้วกันว่าจะเป็นยังไง พอถึงเวลาขึ้นเล่น มีคนดูที่น่าจะมารอดูพวกเราอยู่ประมาณ 20 คน (รวมทีมงานผู้จัดแล้ว) ที่เหลือก็เป็นเด็กน้อยที่กำลังร่วมกิจกรรมวาดสีบนพื้นลาน แต่ที่พีคคือมีคนดูจำนวนหนึ่งเป็นวัยรุ่นที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาตั้งขาตั้งจอดหน้าเวที เหมือนอารมณ์ drive-in theatre แต่นี่คือเป็นคอนเสิร์ตไง แล้วนั่งดูคอนเสิร์ตรูดลูกชิ้นเข้าปากอยู่บนเบาะมอเตอร์ไซค์อย่างสบายใจ มีประมาณเกือบ ๆ 20-30 คันได้นะ คือมอง ๆ ไปแล้วมันดูเต็มลานไปหมด อารมณ์เหมือนแค่ออกไปซื้อกับข้าวผ่านมาเลยแวะดูเฉย ๆ ประมาณนั้น เป็นประสบการณ์ดี ๆ ที่แปลกที่สุดของวง”
บอส SOMKIAT : กลิ่นอะไรไหม้ ๆ วะ?
มีอยู่ครั้งนึงที่ SOMKIAT ได้ไปเล่นที่ร้านหนึ่งในจังหวัดหนึ่ง ก็เป็นการไปเล่นแบบปกติ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี พอเล่นเสร็จก็กินดื่มกับเจ้าของร้านตามธรรมเนียม ซึ่งเหมือนจะไม่มีอะไร พอได้เวลากลับ ทั้งวงจึงเดินมาขึ้นรถตู้ โดยมีพี่เจ้าของร้านมาส่งด้วย สักพักบอสและวงก็ได้กลิ่นอะไรไหม้ ๆ แปลก ๆ หันไปหันมากลับพบว่า เป็นพี่เจ้าของร้านยืนขวางอยู่หน้ารถพร้อมถกกางเกงจุดไฟเผากอหญ้า ไม่ใช่หญ้าข้างทาง แต่เป็นกอหญ้าส่วนตัวใต้สะดือของพี่เขาเอง พร้อมประโยคเด็ดที่ว่า ‘เป็นไฟนำทาง’