Angelwave : เปลี่ยนความสิ้นหวังของยุคสมัยให้เป็นยูโทเปียในรูปแบบของ Rave Party
- Writer: Montipa Virojpan
- Photos: Furfur, Arnold Veber from i-D
Angelwave – a unique event with some distinctive features of gesamtkunstwerk
ตอนนี้ซีนดนตรีอิเล็กทรอนิกในบ้านเรากำลังคึกคักน่าดู หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีปาร์ตี้ EDM trap hiphop เกิดขึ้นทั่วบ้านทั่วเมือง หรือดนตรีแนว electro pop, tropical house ที่เขยิบกลายมาเป็นดนตรีกระแสหลักในหลาย ๆ ที่ ขณะเดียวกับดนตรีแนวย่อยจำพวกที่เรียกว่า techno deep house หรือ trance ก็กำลังเริ่มเป็นที่นิยมในซีน underground
แต่ในต่างประเทศ ปาร์ตี้ดนตรีอิเล็กทรอนิกเรียกว่าแทบจะวิ่งเร็วนำหน้าเราไปหลายสิบปี หนึ่งก็ด้วยวัฒนธรรมของบ้านเขาที่เอื้อกับการ socialize ไปจนถึงสังสรรค์เป็นหมู่คณะ และดนตรีจำพวกนี้ก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของการพบปะ รวมถึงเป็นสิ่งที่ทำให้ยามราตรีของหลาย ๆ เมืองไม่เคยหลับใหลจนกลายมาเป็นภาพจำของเมืองนั้น ๆ ทั้ง เบอร์ลิน อัมสเตอร์ดัม ลอนดอน คีฟ (ยูเครน) และอีกเมืองนึงที่ไม่อยู่ในลิสต์ก็เห็นจะไม่ได้อย่าง มอสโคว ที่กำลังมีเทรนด์ปาร์ตี้ดนตรีอิเล็กทรอนิกล่าสุดเกิดขึ้นมา ซึ่งเรามองว่ามันน่าสนใจมากด้วยคอนเซ็ปต์และสิ่งที่พวกเขาต้องการนำเสนอ ทำให้เห็นว่านี่เป็นผลผลิตของยุค post Soviet ที่ชัดเจนที่สุดอย่างนึง—ความพยายามเปลี่ยนโลกอันดำมืด โสมม และวุ่นวาย ให้กลายเป็นยูโทเปีย โลกที่น่าอยู่ที่ทุกสิ่งอย่างเป็นตัวแทนของพลังด้านบวกภายในโกดังเก่าที่ถูกเนรมิตขึ้นใหม่ไว้เป็นที่รวมตัวของวัยรุ่นมอสโคว
เรากำลังพูดถึง Angelwave rave party รูปแบบใหม่ที่จัดในช่วงกลางวัน คือตามปกติแล้วเนี่ยเราจะชินกับการที่ปาร์ตี้เทคโนหรือคอนเสิร์ตต้องจัดกันดึก ๆ แต่พวกเขาเหล่านี้มองว่า ทำไมเราไม่ลองทำให้มันตรงข้ามกันดู อย่างการนำเสนอดนตรีอิเล็กทรอนิกให้ดูเป็นมิตร เข้าถึงง่าย เต็มไปด้วยความปรารถนาดี และตีความให้ trance music เสียใหม่ จากที่เคยเป็นอะไรที่มืดมัว อโคจร เป็นแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่น ก็ทำให้มันเป็นเหมือน ‘สรวงสวรรค์’ ของคนรุ่นใหม่เสียดีกว่าไหม
นี่เป็น subculture ที่เกิดจาก Gleb Sereda ผู้ก่อตั้งเว็บคอมมิวนิตี้ชื่อเดียวกันนี้เมื่อประมาณปี 2015 และเลือกจะอัพโหลดเพลย์ลิสต์ลงใน Soundcloud จนเกิดเป็นกลุ่มชุมชนดนตรีเล็ก ๆ เคลื่อนไหวอยู่เนือง ๆ ภายหลังเขาก็ตัดสินใจจัดปาร์ตี้ร่วมกับ Andrei Smiryonnov โดยใช้ชื่อโปรโมเตอร์ว่า ໂ ? ? ? ? ? ? ? โดยจุดเด่นของงานนี้คือทุกคนจะแต่งตัวขาวล้วน การตกแต่งภายในงานก็เน้นเป็นสีขาวโพลนและใช้แสงนีออนสีขาว ราวกับว่าทุกคนกำลังอยู่ในโลกอนาคตล้ำ ๆ และเต้นรำกันตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นยันพระอาทิตย์ตก แม้แต่เครื่องดื่มในงาน แทนที่จะเป็นเบียร์หรือวอดก้าแบบที่ดื่มกันในปาร์ตี้ปกติทั่วไป พวกเขาเลือกที่จะดื่ม energy drink ที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ก็งานเต้นรำจัดตอนกลางวันอะเนาะ และที่ขาดไม่ได้เลยในงานนี้คคือสัญลักษณ์ของปีกนางฟ้าที่ประดับเป็นแบ็กดร็อปด้านหลังของบูธดีเจ เพื่อเป็นสิ่งแทนความมุ่งหวังของคนรุ่นใหม่ที่จะโผบินไปยังโลกที่ดีกว่า
แล้วต้องบอกก่อนว่านี่ไม่ใช่งาน local ไก่กา เพราะไลน์อัพที่พวกเขาคัดสรรมาก็ล้วนแต่เป็นดีเจฝีมือจัดจากมอสโคว หรือบ้านข้าง ๆ อย่างคีฟ (ซึ่งทั้งสองที่ก็เทพ ๆ กันอยู่แล้ว) ยังมีดีเจและโปรดิวเซอร์ระดับโลกทั้ง Air Max ’97, oklou, Sega Bodega, Lorenzo Senni, Malibu และ coucou chloé ที่ก็เคยมาเปิดการแสดงที่บ้านเรามาแล้ว แนวดนตรีส่วนใหญ่ก็จะเป็นการได้อิทธิพลมาจาก rave scene ยุค 90s ที่มักจะเปิดเพลงอิเล็กทรอนิกหนัก ๆ อย่างเทคโน ทรานซ์ และ EBM (electronic body music) ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง industrial music และ synth punk เพื่อเป็นการตอบโต้ในเชิงสัญญะกับความเสื่อมโทรมของสังคมที่พวกเขาเผชิญอยู่
Gleb เล่าว่าการจัดงานนี้แตกต่างจากปาร์ตี้โดยผู้จัดอื่น ๆ ในมอสโคว เขาไม่ได้มองว่านี่เป็นแค่วัฒนธรรมย่อยที่เกิดใหม่ที่เน้นแฟชันฉาบฉวย แต่เขาและเพื่อน ๆ มองว่านี่คือ ‘งานศิลปะ’ ที่เกิดจากการรวมกันของดนตรี ศิลปะ โซเชียลมีเดีย และเปิดให้เป็นพื้นที่กลางเพื่อกลุ่มคนในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ได้มาแลกเปลี่ยนกัน แค่นี้ไม่พอ พวกเขายังสร้างภาษา/รูปแบบการสื่อสารเฉพาะตัวของพวกเขาเอง (คำต่าง ๆ ที่ถูกโพสต์ลงในเพจมักจะผ่านการ stylize ตัวอักษรให้ดูวิจิตร เช่น ????????e) นี่เป็นเพราะเขามองว่าสภาพสังคมของมอสโคว ณ ตอนนี้มีปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่ยากแก่การเยียวยา วัยรุ่นส่วนใหญ่มักถูกชักนำโดยวัฒนธรรมตะวันตกได้ง่ายขึ้นเพราะพวกเขาคงไม่พอใจในสภาพที่เป็นอยู่นี้เท่าไหร่ และนี่อาจจะเป็นการพยายามสร้างแหล่งหลบหนีใหม่ของใครหลายคนที่มุ่งหวังจะให้โลกจริงของพวกเขาดีขึ้น