ชำแหละ Anatomy อัลบั้มใหม่ลำดับที่ 4 จาก OverMe
- Writer: Chawanwit Imchai
เป็นอีกวงที่โลดแล่นอยู่ในวงการเพลงไทยมาหลายปี หลายอัลบั้ม จนล่าสุดวง OverMe ก็ขอพักความซับซ้อนที่เคยฝากไว้ในงานก่อนหน้า กลับมาสำรวจร่างกายจิตใจด้วยภาษาและดนตรีที่เรียบง่ายมากขึ้นในอัลบั้มลำดับที่ 4 Anatomy มีเนื้อหาและวิธีเล่าเรื่องเหมือนคนที่กำลังรีวิวตัวเองในแต่ละเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในชีวิตอย่างตรงไปตรงมา จำแนกแยกแยะความรู้สึกได้อย่างเป็นสัดเป็นส่วนตามชื่ออัลบั้ม
บนปกอัลบั้มใช้ภาพดอกไม้ ผีเสื้อ และสิ่งของต่าง ๆ อัดแน่นอยู่ในโครงกระดูกมนุษย์ ลายเส้นและการลงสีจัดจ้านสมจริง แต่แฝงไว้ด้วยความไม่สมบูณ์แบบ เป็นการบอกสิ่งที่ OverMe เห็นหลังจากผ่าชันสูตรพลิกศพตัวเองได้อย่างชาญฉลาด แม้แต่การเปิดแพ็กเกจเพื่อหยิบซีดี ก็ถูกทำให้เหมือนการชำแหละร่างกายเพื่อหยิบหัวใจออกมาฟัง และยังมีวิธีการเรียงเพลงให้สามารถเล่นวนซ้ำ ๆ เป็นลูปได้ด้วยการเชื่อมเพลงแรกและเพลงสุดท้ายเข้าด้วยกัน คล้ายเป็นการบอกกับคนฟังว่า ในช่วงหนึ่งของชีวิตจะมีช่วงเวลาที่เราต้องเดินทางกลับมาสำรวจ Anatomy ของตัวเองอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าจะได้คำตอบใหม่ที่จะทำให้หลุดพ้นจากวงกลมนี้ไป
คำร้องที่จริงใจ การเรียบเรียงดนตรีที่ได้รับอิทธิพลจากเพลงเจร็อกและป๊อปร็อก ยุค 2000s ต้น ๆ ดุดันด้วยโครงสร้าง เรียบง่ายในการจัดวางเมโลดี้ จึงเป็นดั่งบทสรุปของการหันกลับมามองตัวเองหลังผ่านชีวิตที่วุ่นวายพุ่งพล่านแบบที่ปรากฏในอัลบั้มก่อน ๆ โดยมีนักดนตรีร้อยโปรเจกต์ แม็กซ์ (กีตาร์) แห่ง The Darkest Romance มาเป็นผู้ร่วมทางคนใหม่ และเป็นผู้ที่พา OverMe ไปสู่ดินแดนใหม่ภายใต้ร่างกายเดิม เส้นเสียงเดิม เครื่องดนตรีเดิม แต่แข็งแรงและ ชัดเจนขึ้น ของ พีท ปิติพงษ์ (ร้องนำ), ฝ้าย นริศรินทร์ (เบส), นนท์ หาญสุวณิช (กลอง) และทุกคนในที่นี้ก็ทำให้บทเพลงที่ ลิป ฐิติ (กีตาร์) สมาชิกดั้งเดิมแต่งไว้ก่อนจะออกจากวง ได้ทำงานของมันอย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากใส่ซีดีเข้าเครื่องเล่น ก็หยิบสมุดที่บันทึกคำร้องและเครดิตขึ้นมาเปิดดูตาม นอกจากจะมีเนื้อเพลงและคำขอบคุณจากสมาชิกวง ยังมีภาพอวัยวะมนุษย์อันเป็นเหตุและผลของเพลงแต่ละเพลงอยู่ด้วย เป็นการคุมคอนเซปต์ของอัลบั้มได้ครบทั้ง Anatomy อย่างแท้จริง
Overture Me
เปิดผิวหนังชั้นแรกด้วยเพลงโหมโรงเพื่อเซ็ตอารมณ์ก่อนจะกรีดมีดลึกลงไปสู่เพลงอื่น ๆ ถ้าเล่าให้เห็นภาพเป็นหนัง เพลงนี้ก็เหมือนเพลงสกอร์ของความรู้สึกตื่นเต้นเวลาตัวละครกำลังจะได้พบความลับของตัวเองที่ซ่อนอยู่ข้างใน การสับคอร์ดลงซ้ำ ๆ ของกีตาร์โปร่งในช่วงต้นทำให้เห็นภาพจิตใต้สำนึกของตัวเองวิ่งไปหาแสงสว่างเล็ก ๆ ที่ลอดออกมาจากรอยมีดผ่าบนร่างกาย เมื่อวิ่งมาถึงแสงนั้นก็พบกับเนื้อเยื่อบาง ๆ มองเห็นความสวยงามรออยู่ราง ๆ เหมือนกับเปียโนที่ขึ้นมาในจังหวะนี้ ก่อนที่จะเดินถอยหลังสองสามเก้า แล้วแหวกเนื้อเยื่อนั้นไปสู่อากาศและแสงแดดที่สดชื่นพร้อม ๆ กับกลองที่หวดรุนแรงและริฟฟ์กีตาร์ที่เล่นเมโลดี้ชุดเดียวกันกับเปียโน ให้คนฟังได้รู้สึกทะยานไปสู่เพลงต่อไป
ยืนยัน
ภาพสองนิ้วไขว้กันดุจคำสาบานถูกวาดลงบนสมุดเนื้อเพลง เพื่อบอกว่าเพลงนี้พูดถึงการยืนยันความหนักแน่นของตัวเองท่ามกลางกฏเกณฑ์ที่ไม่เป็นใจ กลองที่ดุดันตะลุยไปข้างหน้า กีตาร์เสียงแตกพร่าที่เล่นอุดสายแน่น ๆ ตามโครงสร้างของเพลงเจร็อกเท่ ๆ ทำให้เหมาะกับการเอาไปวางในเพลงเปิดของอนิเมะญี่ปุ่นที่มีเรื่องราวของการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ
ข้ออ้าง
หู เป็นอีกอวัยวะที่ถูกสำรวจว่าที่ผ่านมาได้ยินได้ฟังอะไรมาบ้าง ก็พบว่าในนั้นมีเสียงที่ไร้ความหมายไม่เป็นภาษากระจัดกระจายอยู่ และเสียงนั้นคือเสียงของ ข้ออ้าง ต่าง ๆในชีวิต ในท่อนฮุคจึงมีการฮัมเมโลดี้ที่ไม่เป็นภาษาออกมาในตอนต้นเพื่อเป็นเสียงแทนของข้ออ้างเหล่านั้น ริฟฟ์กีตาร์ที่เล่นเป็นโน้ตสั้น ๆ เร็ว ๆ ก็เล่าความหงุดหงิดใจจากข้ออ้างได้เป็นอย่างดี
สิ่งเดียว
ความเนิบช้าแบบเพลงบัลลาดร็อกยุค 2000s ต้น ๆ มักถูกใช้เล่าความรู้สึกอึดอัดในสถานการณ์ที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องเป็นเพลงออกมา เป็นการจับคู่โครงสร้างดนตรีกับเนื้อเพลงที่ถูกต้องมาก ๆ และถ้าหากถึงเวลาที่ต้องกัดฟันพูดสิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในใจต่อคนรักเก่าก็คงให้ความรู้สึกเจ็บปวดพอ ๆ กับความการย้ำของท่อนฮุคและโซโลกีตาร์ที่โหยหวนในช่วงท้ายเพลง
ให้เกียรติ
เปิดมาด้วยท่อนฮุกกับกีตาร์โปร่งใส ๆให้ความรู้สึกเหมือนคนกำลังพูดเรื่องซีเรียส แต่พอสิ่งที่พูดถูกเมินเฉยทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องของการให้เกียรติคนรักโดยการเลือกใครสักคน คน ๆ นั้นก็ระเบิดออกมาเป็น การสาดเสียง distortion ในชุดคอร์ดที่ทรงพลังตามสไตล์เพลงอเมริกันร็อกออกมา หากเพลงนี้ถูกนำไปแสดงสด ก็น่าจะเป็นเพลงที่ชวนให้คนกระโดดมากที่สุดในคอนเสิร์ตเลยทีเดียว
Interlude
เสียงซินธิไซเซอร์คลอเย็น ๆ กับ กีตาร์ล่องลอยค่อย ๆ ปูบรรยากาศแห่งการนั่งพักริมทาง ช่วยให้คนฟังได้พักหูหลังจากจบเซ็ตเพลงเดือด ๆ ในครึ่งแรก และนำไปสู่ครึ่งหลังที่เพลงจะสำรวจความรู้สึกในใจที่ลึกขึ้น
นักเดินทาง
จังหวะเนิบช้าโดยมีแค่เสียงเครื่องเคาะและกีตาร์คลาสสิกให้รู้สึกเหมือนเวลาที่ต้องแยกจากใครซักคนโดยตั้งใจว่าจะไม่หันหลังกลับไป แต่ทันทีที่เริ่มท่อนโซโล โน้ตและวิธีเล่นของคุณแม็กซ์เลือกใช้ทำให้อยากหันหลังกลับไปมองอดีตที่สวยงามเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเดินไปข้างหน้าต่อจนจบเพลง
คำโหล ๆ
เป็นอีกเพลงที่ชวนกระโดดในอัลบั้มนี้ เปิดมาด้วยการสับคอร์ดเป็นจังหวะเดินของคนที่กำลังเซ็งเต็มที่กับคำหวานที่ไม่จริง เป็นการสร้างคอนทราสต์เพื่อนำไปสู่ท่อนฮุกที่เรียบง่ายแต่ชวนกระโดด จนมาถึงท่อนโซโลปั่นสายกีตาร์ก็ทำให้รู้สึกหลุดพ้นจากคำโหล ๆ ที่รั้งไว้ได้จริง ๆ
หายกัน
ภาพคนรักนั่งจ้องหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลายเป็นคนแปลกหน้า คงบอกความรู้สึกของการฟังเพลงนี้ได้ดีที่สุด
สายลม
กีตาร์เล่นโน้ต triads และเสียงกลองจากดรัมแมชชีนในท่อนอินโทรส่งกลิ่นจาง ๆ ของเพลง You Stole the Sun from My Heart โดยวง Manic Street Preachers ออกมา และเนื้อหาที่เปี่ยมความหวังคงไปไม่ถึงคนฟังหากไม่ใช่เสียงของพีท ผู้ผ่านเวที The Voice มาแล้ว
Neverland
เป็นเพลงที่เล่าเรื่องเป็นภาพมากที่สุดในอัลบั้ม มีการแบ่งท่อนขึ้นลงที่ชัดเจน เนื้อหาที่เปรียบเทียบว่า ‘เธอ’ คือปราฏการณ์ทางธรรมชาติอันแสนธรรมดาที่มนุษย์ขาดมันไม่ได้ และเครื่องสายที่โหมขึ้นมาในท่อนฮุกที่ไม่มีคอร์ดจบ ทั้งหมดทั้งมวลช่างให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูละครมิวสิคัลดี ๆ เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
Outro
ใช้เมโลดี้เดียวกันกับ Overture Me แต่ทว่าเล่นออกมาได้เศร้า เนิบช้า เหนื่อยล้า ผิดกับตอนแรก เหมือนให้เราได้หยุดสรุปความรู้สึกตัวเองทั้งหมดหลังฟังทั้งอัลบั้ม ก่อนจะมีกีตาร์โปร่ง strum ซ้ำ ๆ ฉุดขึ้นมาจากห้วงความคิด แล้วส่งไปสู่ Overture Me อีกครั้ง (แนะนำให้ตั้งค่าเครื่องเล่นซีดีให้เล่นวนซ้ำ)
การเล่าเรื่องอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเป็นสิ่งที่โดดเด่นมาก ๆ ซึ่งน้อยวงในไทยที่จะทำออกมาได้อย่างเข้าใจง่ายและให้คนฟังรู้สึกไปทางเดียวกันกับวงตลอดอัลบั้มได้ขนาดนี้ เรื่องราวที่คลีเช่อย่างความสัมพันธ์และความฝันก็ยังรอดได้ด้วยวิธีการนำเสนอที่เหมาะสม เป็นอัลบั้มเพลงร็อกเนื้อหาโดน ๆ ดนตรีมัน ๆ ที่แก้เลี่ยนความเป็นเด็กแนวในตัวคุณได้เป็นอย่างดี และรับฟังได้ที่ Fungjai