Sorry Not Sorry, I Don’t Listen to Mariah Carey on Christmas Day 1
- Story and photos by Montipa Virojpan
24 ธันวาคม 2561
คืนคริสต์มาสอีฟปีนี้เราล็อกคิวให้กับอีเวนต์นี้เลย เด็ดตั้งแต่ชื่องานแล้วว่า Sorry Not Sorry, I Don’t Listen to Mariah Carey on Christmas ยาวขนาดนี้ก็รู้เลยนะคะว่าคนจัดงานต้องเป็นแก๊ง Narwhal and Her Plankton แน่ ๆ แต่สิ่งที่เราชอบเสมอในทีมนี้คือการที่กล้าชวนวงหน้าใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีฐานแฟนเพลงมาเล่น รับหน้าที่เป็นแม่ดัน เปิดพื้นที่ให้วงน้อง ๆ ได้มาปล่อยของอย่างแท้จริง โดยงานที่ว่านี้จัดขึ้นทั้งสองวัน คือ 24 และ 25 ธันวาคม ซึ่งวันที่สองเขาก็มีแต่วงสายเดือดทั้ง Androgenius, Eleven Finger, Beam Wong and Friends, mama long lane (John Doe full band), อาจิณ – Ajin, และ Youth Cloud รับประกันความหูพร่ารับวันคริสต์มาส แต่ด้วยภารกิจแน่นหนาและสภาพร่างกายที่ควรได้รับการพักผ่อน ก็ขอไปให้กำลังใจวงในคืนแรกอันได้แก่ Camel Gel, Baba Yaga, Soft Pine และ Supergoods ก่อนโนะ
ประมาณสามทุ่มสิบห้า วงแรกของคืนนี้อย่าง Camel Gel ก็ประจำที่บนเวที สารภาพก่อนว่าไม่เคยฟังเพลงของวงนี้ ก็เลยไม่ได้มีความคาดหวังใด ๆ เป็นพิเศษ แต่พอเพลงแรกขึ้นมาเท่านั้นแหละ โยกเล้ย เป็นเพลงอัลเทอร์เนทิฟร็อกแต่มีกรูฟเท่แบบนีโอโซล เบสนี่อย่างหนึบในเพลงแรก Moriaty ส่วนเพลงที่สองก็ดรอปจังหวะลงมาเล็กน้อยที่ Molly เพลงใส ๆ dreamy คอร์ดเป็นโซลป๊อป แต่เมโลดี้แอบมีความหลอนหน่อย ๆ ส่วนเพลงต่อไปที่ชื่อ Mother ก็ตัดเข้าอารมณ์หม่น ๆ ได้กลิ่นซินธ์รุนแรงกับบีตทริปฮอป พร้อมด้วยกีตาร์โซโล่สุดโหดในตอนท้าย ในตอนนี้นักร้องนำบอกว่าได้ บิลลี่ จากวง Pooklooque มาช่วยเล่นคีย์บอร์ดให้เพราะเจ้าตัวไปเที่ยว ฮ่า แล้วพวกเขาก็เล่นเพลงใหม่ที่ชื่อ Maya เป็นสโลวร็อกชวนฝันอีกเพลง จุดเด่นของวงนี้คือการร้องประสานเสียงชายหญิง ขับให้เพลงมีมิติขึ้นมาก ๆ เห็นว่าเพลงนี้จะปล่อยให้ได้ฟังกันปีหน้า
มาจนถึงตอนนี้ก็เพิ่งสังเกตว่าชื่อเพลงของวงนี้ขึ้นต้นด้วยตัว M หมดเลย จนมาถึงเพลงสุดท้ายที่บางคนอาจจะเคยฟังกันแล้วเพราะวงได้อัพโหลดเพลงนี้ขึ้น YouTube นั่นคือ Mary วงบอกว่าเป็นเพลงที่เป็นจุดเริ่มต้นของพวกเขา แทร็คดรีมป๊อปกรูฟจังหวะกลาง ๆ เมโลดี้แอบมีความพิศวง เสียงร้องฟังสบายชวนล่องลอยไปไหนต่อไหน ตอนฟังออดิโอกับเล่นสดนี่คนละเรื่องเหลย เล่นสดมันมาก ช่วงหลังแถมท่อน jazzy drum n bass ท่อนร้องที่ร้องวน ๆ มีการประสานเสียงกันไปตลอดแบบนั้นคือดีงามมาก อยากให้ติดตามวงนี้ไว้ให้ดี ๆ
จากนั้นก็เป็นคิวของวง Baba Yaga ที่ขึ้นเล่นประมาณเกือบสี่ทุ่ม เป็นอีกวงที่เราไม่เคยได้ยินชื่อหรือเคยฟังเพลงมาก่อนเช่นกัน อย่างเพลงแรกที่ขึ้นมาชื่อ ทุกเวลา กับอินโทรติดหูที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกนึกไปถึง Last Dinosaurs เป็นอินดี้ร็อก ใส่ซินธ์ กลองฟุ้ง ๆ แล้วก็เนื้อหาป๊อปฟังง่าย กับเพลงต่อไปดึงจังหวะช้ากลายเป็นเพลงซึม ๆ ชื่อ หยดน้ำตา เป็นป๊อปร็อกที่ใส่เอเลเมนต์ r&b เข้าไป ช่วงท้ายของเพลงฟังแล้วได้ฟีลของการเอาลิกกีตาร์ในอินโทรของ Killing in the Name มาเล่นให้หนืด ๆ ก็ฟังดูแปลกดี ต่อด้วยพาร์ตบรรเลงก่อนเข้าเพลง เผือก โซลป๊อปเข้าใจง่าย ก่อนจะมาถึงเพลงสุดท้าย อย่าให้เป็นเธอ พวกเขาบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาแสดงสด ดูยังมีความประหม่าอยู่บ้าง ใครชอบงานโซลป๊อปก็ไปติดตามให้กำลังใจพวกเขาได้
เกือบสี่ทุ่มครึ่ง วงน้องใหม่ตัวจี๊ด Soft Pine ที่จะ make pop songs great again ก็เริ่มเล่นเพลงใหม่ของพวกเขา Keep it in Mind กับความย้วยยานขั้นสุดทั้งตัวเพลง หรือแม้แต่ซินธ์ที่เล่นออกมาด้วยโน้ตแปร่ง ๆ ทำให้เรานึกไปถึงพวก Mac DeMarco หรือ Homeshake ที่มักจะมีท่อนชวนหัวอะไรแบบนี้ ต่อด้วย Morning เพลงซาวด์สดใสที่หนนี้ก็เล่นให้เร็วขึ้นกว่าปกติ ดึงความกระฉับกระเฉงออกมาจากเหล่าคนดูให้โยกไปกับเพลงของพวกเขา แล้วช่วงท้ายเพลงเอ๊กซ์ก็โซโล่กีตาร์คร่อมจังหวะต้องจับทางกันอยู่ประมาณนึงกว่าหูจะเข้าที่ ก็เป็นการฟังเพลงนี้ในอีกเวอร์ชันที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็สนุกดี
ตามด้วยเพลง Indoor Plant เป็นเพลงช้าจังหวะ doo wop ให้เราโยกกันแบบช้า ๆ เอาสไลด์กีตาร์มารูดสายเพิ่มความหยาดเยิ้มให้กับเมโลดี้ช่วงโซโล่ เป็นเพลงหวานของวงที่ทำได้น่ารัก ฟังแล้วอมยิ้มไปด้วยไม่รู้ตัว แล้วจึงเป็นเพลงใหม่ที่อินโทรไลน์เบสน่ารักมาก ๆ เป็นบีตป๊อปที่ดี แล้วช่วงโซโล่คือเมาหนัก เล่นกันอย่างยาวนาน ใครจะไปคิดว่าเพลงป๊อปจะเล่นให้ออกมามันได้ ส่วนกีตาร์ช่วงท้ายที่เริ่มแทรกเข้ามาคือเท่มาก ก่อนที่จะตบกลับเข้าทำนองหลักของเพลง ปล่อยของกันขนาดนี้ต้องออกอัลบั้มเต็มได้แล้วแหละ (เห็นว่าจะได้ฟังกันปีหน้านะ) ตามด้วยเพลงเบสน่ารัก ๆ อีกเพลงใน Lido และได้ดิ้นกันต่อใน My Sweet Egg เพลงบรรเลงที่ปกติจะเป็นจังหวะโยกเพลิน ๆ คราวนี้ก็เร่งสปีดขึ้นมาอีกนิดให้สนุกกัน และปิดท้ายกันที่ซิงเกิ้ลแรกของวงใน เผลอนอนต่อ ที่มีแฟนเพลงร้องตามกันได้ไม่น้อย ยังรักษามาตรฐานได้ดีเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความกล้าแสดงออกของฟรอนต์แมนแหละนะ ฮา
และอีกวงไฮไลต์ของค่ำคืนนี้ Supergoods นีโอโซล r&b แท้ ๆ ที่มีผลงานเป็นที่น่าจับตามอง และมาแรงจริง ๆ เพราะเพลงใหม่เพิ่งปล่อยไปได้ไม่นานก็ขึ้นชาร์ต Cat Radio เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครที่เคยไป Soulbar น่าจะรู้จักวงนี้เป็นอย่างดี และคงดีใจไม่ต่างจากเราที่รู้ว่าพวกเขามีเพลงเป็นของตัวเองในที่สุด เปิดโชว์มาด้วยอินโทรสะกดอารมณ์ของเพลง Come Rain or Come Shine เวอร์ชันช้า ๆ ที่ได้มะปรางวง Pooklooque และ เบล วง Game of Sounds มาเป็นคอรัสให้ในโชว์นี้ รวมถึงมีเต๊นท์ Summer Dress หรือหัวเรือหลักของค่าย Tomato Love Records ที่พวกเขาสังกัดอยู่มาจิ้มดรัมแพดให้ด้วย
ระหว่างที่คอรัสยังร้องประสานกันต่อไป ทันทีที่ มาย นักร้องนำขึ้นโน้ตตัวแรกมาเท่านั้นแหละะะ ขนลุกเกรียวเด้อ แล้ววงก็ส่งคนฟังเข้าเพลง Come Rain or Come Shine แบบอัพบีตตามปกติ โยกกันมันตั้งแต่เพลงแรก ตามด้วย Bye Bye เพลงใหม่ที่เพิ่งปล่อยซึ่งมีความเท่และดูโนสนโนแคร์ขึ้นกว่าสองเพลงแรกที่เคยฟัง เสียงกรุ๊งกริ๊งในเวิร์สสองของเพลงคือเท่มาก แล้วก็เป็นเพลงของ Funkadelic ที่พวกเขาเล่าว่าเป็นแรงบันดาลใจให้เขียนเพลง Bye Bye เลยหยิบมาเล่นต่อกัน แล้วคนดูก็ได้ช่วยกันร้องในท่อนที่ร้องว่า ‘slow down’ อย่างเมามัน ตอนนี้ De Commune ได้กลายเป็น Soulbar ไปเป็นที่เรียบร้อย แล้ววงก็เล่นเพลง Prototype ของ Outkast ที่น่าจะคุ้นหูกัน ก่อนจะเล่นเพลงสุดท้าย Blue Dream ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลแรกที่วงปล่อยออกมา ได้ฟังรอบนี้ก็รู้สึกว่าโชว์ลงตัวขึ้นมาก ๆ เพลงก็ลงตัวขึ้นมากเช่นเดียวกัน ท่อน drum n bass คือตายไปเลย ยิ่งช่วง reprise ที่คิดว่าจะจบไปแบบนุ่ม ๆ ให้คนดูช่วยร้องก็ทิ้งท้ายกันไปแบบเดือดดาล มายยังคงถ่ายทอดเพลงได้ถึงอารมณ์และใช้เสียงทรงพลังดึงคนดูได้อยู่หมัด เช่นกันกับสน็อปที่โซโล่กีตาร์ร้ายกาจในช่วงท้ายเพลง เท่มาก
สิ่งที่สนุกอีกอย่างของงานนี้คือตอนฟรอนต์แมนแต่ละวงพูดชื่องาน จะมีอาการหยุดนึกแปปนึงเพราะชื่อยาวมาก เรียกรอยยิ้มจากคนดูได้ทุกรอบ แล้วก็เป็นบุญหูของนี่ที่ได้มารู้จักกับวงน้องใหม่ฝีมือไม่ธรรมดา แล้วก็ได้เห็นพัฒนาการในโชว์ของหลาย ๆ วงที่ต้องบอกว่าดีขึ้นเรื่อย ๆ อยากให้ลองติดตามวงเหล่านี้ดู คือพอไปฟังแล้วรู้สึกว่าเพลงของพวกเขากับความเต็มที่ให้โชว์ทำให้เราได้ชาร์จพลังขึ้นมาจริง ๆ