Pyra ทั้งวงการต้องจับตาดูเธอคนนี้
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Chavit Mayot
เราอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตา พิมพ์-พีรลดา สุขวัฒก์ หรือ Pyra สาวเก่งลุคเท่ ที่ได้ร่วมงานกับศิลปินมานับไม่ถ้วน ตอนนี้เธอก็กำลังซุ่มทำงานเพลงของตัวเองอยู่ Fungjaizine เลยอยากแนะนำเธอให้ทุกคนได้รู้จักใน เห็ดหอมประจำเดือนนี้
Pyra คือใคร
ความจริงเราอยู่ในวงการตั้งแต่ 9 ขวบ แต่ก่อนเราเรียนร้องเพลงอยู่ที่มีฟ้า แล้วช่วงนั้นอาจารย์ให้ลองส่งเดโม่ ก็ลองส่งไปแล้วเราก็ได้ งานแรกที่ได้เป็นอัลบั้มวันแม่ของแกรมมี่ ซึ่งทุกวันแม่จะเปิดเพลงของเรา ค่าน้ำนม, ดอกไม้ในหัวใจ เสียงที่เป็นเด็กในนั้นคือเสียงเรา ก็อยู่มานานแล้วแหละ ผ่านมาสองค่าย ซึ่งค่ายแรกโดนดอง ไม่ได้ออก ส่วนค่ายที่สองจะได้ออก แต่ไม่ใช่ตัวเอง เลยออกมา เพราะเขาทำ EDM เป็น DJ ค้นพบว่าความตึ๊ดไม่ใช่แนวทางของเรา เราจะชอบ electronic แต่จะไม่ใช่ dance music อาจจะป๊อป R&B
ทำไมถึงมาเป็นแนวนี้
เราเคยเรียน SAE (School of Audio Engineering) มีเพื่อนแนะนำมาเพราะอยากเรียน program music ตอนนั้นเรียนอยู่นิเทศ จุฬา ฯ ก็ไป take course 6 โมง ถึง 3 ทุ่ม ประมาณ 3 เดือน จนได้ certificate มา ก่อนหน้าก็ไม่รู้จักเพลงแนว electronic เลย จนกระทั่งโดนบังคับให้เรียน electronic music production แล้วอาจารย์ก็แนะนำศิลปินคนนั้นคนนี้ จากนั้นเราก็ไปหาฟังเองแล้วติดตาม โอ๊ย ชอบ ก็มาเริ่มทำเพลงเอง ตอนนั้นเพิ่ง 19 เพลงของเราส่วนใหญ่จะแต่งเอง arrange เอง โปรแกรมเองด้วย บางเพลงโปรดิวซ์เอง
ตอนเริ่มแรก ๆ ยากไหม
ไม่ได้รู้สึกว่ายากหรือพิเศษอะไร แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกพิเศษนิดนึง เพราะมาดูรอบตัวแล้วไม่ค่อยมีผู้หญิงคนไหนที่ทำอย่างนี้ได้เลย แต่ตอนนั้นอินเทอร์เน็ตยังไม่ค่อยบูม YouTube ก็ยังไม่โต มันยากตรงที่เราจะทำยังไงให้เราเป็นศิลปินดีวะ ทำยังไงให้สร้างความแตกต่างระหว่างตัวเองกับศิลปินหญิงคนอื่น เราก็เลยทำเองละกัน เพราะคนอื่นก็มีคนทำเพลงให้ มีโปรดิวเซอร์
การเรียนนิเทศมาช่วยอะไรในการทำเพลงบ้างไหม
ความจริงตั้งแต่อยู่นิเทศก็จะทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับดนตรีตลอดเลย ละครเวทีคณะเราก็อยู่ฝ่ายทำเพลง จริง ๆ แอบเสียเวลาเพราะคิดว่าน่าจะไปเรียนอย่างอื่น ที่มาเรียนนี่เพราะเหมือนตอนเรียนไฮสคูล ยังเด็ก ๆ ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะมาทำอะไรแบบที่ตอนนี้ทำ แล้วพอจะเข้ามหาลัยก็คิดว่าอยากลองเรียนทำโฆษณา อีกเหตุผลที่เข้าเพราะไม่มีเลข เราเกลียดเลขมาก หนีเลขแล้วกัน (หัวเราะ) แต่เอาจริง จะบอกว่านิเทศไม่มีประโยชน์ก็ไม่ได้ เพราะมันสอนให้เราทำมาร์เกตติ้งให้ตัวเองเป็น กราฟิกดีไซน์เราก็ทำเอง ตัดต่อวิดีโอก็ทำเอง ทำเองทุกอย่าง ก็ขอบคุณวิชาที่นิเทศสอน การซื้อโฆษณาในเฟซบุ๊ก เป็นแอดมินเพจ เขียนประชาสัมพันธ์ตัวเอง ทำ press release ส่งข่าว เว็บไซต์ก็ทำเอง คือไม่รู้จะทำไปทำไม แต่มันดูน่าเชื่อถือก็เลยทำแล้วกัน ทำเองหมดเลย
เหนื่อยไหม
มันภูมิใจนะ เพราะมันเป็นงานของเราเอง
เราจะไม่เอาใครเป็นไอดอลของตัวเอง มันเหมือนการสร้างกำแพงให้ตัวเอง เพราะการที่เรามีไอดอล พอเราไปถึงจุดนึงที่ทำได้ดีมาก ๆ เราก็จะทำได้แค่เป็นแบบคนคนนั้น เราจะพอแค่นั้น แต่การไม่มีไอดอล เราอาจจะทำได้ดีเกินกว่าคนนั้นไปเลยก็ได้
ทำไมใช้ชื่อว่า Pyra
มันเป็นชื่อสองพยางค์แรกของชื่อจริงเรา ชื่อ พีรลดา แต่ก่อนเราตัดเป็น Pera แล้วก็ให้เพื่อนฝรั่งเราทุกคนเรียกเพร่า แต่พอให้เพื่อนคนไทย แม่งเรียก พีระ แมนเลย แต่ตรงนี้มันแค่ประเด็นเล็ก ๆ เพราะเรามาเห็นว่าเปลี่ยนเป็น Pyra ดีกว่า เพราะเหมือน pyro ที่แปลว่า ไฟ ถ้าเป็นศัพท์ที่มีความเป็นผู้หญิงส่วนใหญ่จะลงท้ายด้วย a เลยเป็น Pyra
จุดเด่นในเพลงของ Pyra คืออะไร
สไตล์การร้อง R&B อาจจะร้องเป็น soul แต่อยู่บนพื้นฐานดนตรี electronic เราว่าเพลงเรามันแตกต่างจนคนไม่เข้าใจแล้ว อย่างเพลง Stay ที่ร้องกับ Twopee มันต่างมาก ๆ ความจริงเรามีแพลนว่าจะปล่อย EP ช่วงสิ้นปี มี 5 เพลง ใช้ 3 เพลงโปรโมต แล้วมันจะเป็นอะไรที่เป็นตัวเรามาก คือมันเข้าใจยากมาก เพื่อน ๆ จะมาบอกไม่เก็ตว่ะ หรือหูกูไม่ถึงวะ ก็มาบอกแบบเกรงใจ ๆ ส่วนคนที่เก็ตจะเป็นคนที่อยู่ในวงการ หรือเป็นศิลปินก็จะบอก เฮ้ย โคตรดีเลยว่ะ หลังปล่อยเพลงไปมีคนที่มีชื่อเสียงมาแอดเราในเฟซบุ๊ก แต่หลายคนอาจจะยังสงสัยอยู่เพราะเราไปร่วมงานกับหลายคนแล้วสรุป Pyra คืออะไรวะ เพราะยังไม่มีออริจินอล แต่เดี๋ยวถ้าเจอ EP นี้ทุกคนจะเข้าใจ (หัวเราะ) เราจะไม่ทำลึกเท่าเพลงล่าสุดที่ปล่อยไป เป็นเพลงส่วนตัวที่ถ้าเป็นตัวเองได้สุด ๆ จะทำแบบนั้น แต่เมื่ออยู่วงการเป็นเวลายาวนานเป็นสิบปีอย่างนี้ก็จะรู้ว่า ถ้าอยากได้คนฟังที่มากขึ้นมันต้องมีความประนีประนอมกันบ้าง ให้เป็นอะไรที่ฟังง่ายขึ้นหน่อย อาจจะเป็นเมโลดี้ป๊อป แต่ก็ยังอยู่กับดนตรีอิเล็กทรอนิก ก็น่าจะได้คนละทาร์เก็ต
ใจจริงเราแคร์คนฟังหรืออยากจะทำในแบบตัวเอง
เฮ้ย เราแคร์ เราอยากทำเพลงให้ทุกคนบริโภคได้ เพราะอยู่ในโลกนี้เราต้องพึ่งคนอื่น ไม่มีใครอยู่ในโลกนี้ได้คนเดียว ถ้าเรารวย สวย ทุกอย่างเพอร์เฟกต์ เราอาจจะไม่ต้องแคร์ใครก็ได้ แต่เราไม่ใช่อย่างนั้น เลยต้องประนีประนอมบ้าง ยังต้องการความช่วยเหลือจากคนฟัง
ได้อิทธิพลในการทำเพลงจากอะไรบ้าง
เรื่องไอดอลเราเคยโดนถามหลายรอบมาก และจะตอบเหมือนกันว่า เราจะไม่เอาใครเป็นไอดอลของตัวเอง มันเหมือนการสร้างกำแพงให้ตัวเอง เพราะการที่เรามีไอดอล พอเราไปถึงจุดนึงที่ทำได้ดีมาก ๆ เราก็จะทำได้แค่เป็นแบบคนคนนั้น เราจะพอแค่นั้น แต่การไม่มีไอดอล เราอาจจะทำได้ดีเกินกว่าคนนั้นไปเลยก็ได้ ก็เลยถือคอนเซปต์นี้ แต่สไตล์เพลงเนี่ย คนที่เรานับถือก็มี Skrillex แล้วก็ชอบ Lana Del Rey, Lorde, Grimes เพราะเป็นโปรดิวเซอร์ผู้หญิงหมดเลย ความจริงเยอะมากที่เราชอบ
แอบ feminist นิดนึงหรือเปล่า
ไม่นะ เรารู้สึกว่ากระแส feminism ทุกวันนี้มาแรงมาก เราเลยรู้สึกสงสารผู้ชายด้วยซ้ำว่า ทำไมมันไม่มีแบบ patriotism เพราะตอนนี้เหมือนผู้ชายโดนว่าอย่างเดียว เราเป็นผู้หญิงที่โตมากับผู้ชาย เพื่อนสนิทเราทุกคนเป็นผู้ชายเพราะเราไม่ชอบอยู่กับผู้หญิง มันมีความดราม่าเยอะ ชอบนินทากัน เรานิสัยแมน ๆ คงไม่ feminist อะ
ไปอยู่ในแก๊งฮิปฮอปได้ยังไง
ไม่ได้ตั้งใจเลย เราไม่เคยเข้าใจเพลงฮิปฮอป ไม่เก็ตว่าแร๊พคืออะไร จนกระทั่งปีสองปีนี้ อยู่ดี ๆ เพื่อนสนิทเราก็มาทำเพลงฮิปฮอป ก็เลยได้ไป featuring เพลง Good Day เป็นเพลงแรก เผอิญว่าทุกคนที่เรารู้จักหรือสนิท อยู่ในสังคมนี้กันหมด Twopee Southside โต้งเนี่ย คอนโดเขาอยู่หน้าบ้านเรา คือเป็นเพื่อนบ้านกันเลย กับอีกที Jayrun เพลงนั้นเป็นเพลงที่ทำเสร็จก่อน Good Day อีก แต่ตัด mv ช้าเลยได้ปล่อยทีหลัง เป็น home production เหมือนกัน
พอไปอยู่ตรงนั้นแล้วคนพูดถึงเยอะไหม
พอหลังจากที่ไปแร๊พในนั้นก็ได้ fanbase ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจมาฮิปฮอปเลย แต่ก็ดีใจ แล้วก็มีคนตามดู YouTube แล้วกดไปดูเพราะมันลิงก์กัน เราเคยแสดง mv ของ N.Y.T.E (nudsko x Yaak Lab x Tatexpression x Error Monday) เพลง อาการ แล้วก็มีคนจากฮิปฮอปมาดูก็ถามว่าใช่ Pyra หรือเปล่า มันเลยทำให้เพลงที่แม้จะคนละแนวกันก็ยังลิงก์กัน
Feedback เป็นยังไงบ้าง ทั้งในแง่การปรากฎตัวและเพลงของเรา
ก็ดีนะ เราว่าปีนี้คือช่วงเวลาของเรา คือถ้าไม่ได้ทำตอนนี้เราว่าไม่ได้ทำแล้ว ตอนนี้มันยังต่อเนื่องอยู่
อยากลองทำฮิปฮอปไหม
ไม่ ในอนาคตอาจจะมีซิงเกิลนึงเพื่อสนองนี้ดคนที่อยากฟัง แต่เราอยากจะแบรนด์ตัวเองว่าเป็นอิเล็กทรอนิก ไม่อยากโดนเข้าใจว่าเป็นฮิปฮอป
บรรยากาศตอนไปเล่นที่ Rap is Now เป็นยังไงบ้าง
เราชอบนะ สังคมฮิปฮอปมันจะต่างกับอินดี้ สังคมอินดี้คือ ฉันต้องแตกต่าง เราต้องไม่เหมือนคนอื่น เป็นเด็กแนว แต่ฮิปฮอปมันคือแก๊ง สังคมที่เป็นกลุ่มก้อน มันคือการส่งเสริมกันเองได้ดีกว่า ฮิปฮอปเลยมาแรงมากในปีนี้
ไปร่วมงานกับ Comet Records ได้ยังไง
Comet Records เขาส่งข้อความมาใน SoundCloud เหมือนที่ Fungjaizineเมสเสจมาในเพจเนี่ยแหละ (หัวเราะ) คือการส่งข้อความทาง SoundCloud เหมือนเป็นช่องทางที่คนไม่ค่อยจะใช้ คนที่จะได้ follower ก็ยาก เขาก็ถามว่าสนใจไหม มีหลายเพลงมาให้เลือกทำแล้วเราก็เลยเลือกเพลงนี้ คือเราไม่ได้ติดเรื่องจะได้ร่วมงานกับใคร ถ้าเพลงเขาเราฟังแล้วชอบ เราจะทำ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ทำ พี่ตั๋ง เจ้าของ Comet เขาบอกเราว่าชอบเสียงแนวนี้มาก นักร้องที่ไป featuring กับ Comet ก็จะมีเสียงใกล้ ๆ กัน อีกคนก็น้องอาย ญาณิน น่าจะเป็นสาเหตุที่เขาชวนเรามาทำ
ก่อนหน้าได้ไปทำเพลงสงกรานต์ของ EmDistrict ด้วย
คือเรารับทำเพลงโฆษณา เพลงประกอบละคร ทำเพลงให้ศิลปินคนอื่น เคยทำให้วงเกาหลี F.T. Island มาแล้ว ชื่อ Ladaland Production แล้วทางนั้นเขาก็โอเค คือที่ทำนี่มีรุ่นพี่สองคนที่ไม่ได้เกี่ยวกันในวงจรนี้เลย แต่มาเจอกันเพราะดนตรี มารวมตัวกันสามคน มันเจอกันแบบพอดีมาก เราเป็นเหมือน frontman ที connection ร้องเพลง อีกคนเป็นโปรดิวเซอร์ที่ทำให้ โมโน แกรมมี่ อยู่แล้ว พี่อีกคนเป็นเจ้าของสตูดิโอ เจอกันแล้วมันครบฟังก์ชันมาก แล้วทีนี้มีพี่ที่รู้จักที่เคยหางานเพลงให้เรา ชื่อพี่ออฟเชอร์ เป็นดีเจ ตอนแรกโทรมาจะให้เราไปร้องให้ DJ King Kong ตอนแรกเขาหานักร้องเฉย ๆ แล้วไป ๆ มา ๆ เขาอยากได้อีกเพลงนึง แต่พี่เขาทำไม่ทัน เราเลยเสนอว่าเดี๋ยวทำให้ก็ได้ เพราะเรามีบริษัทเป็น music production team อยู่ มีเวลาทำแค่ 3 วัน โคตรรีบอะ ก็เลยได้มาเป็นแบบนั้น ถ้าไม่รีบก็อาจจะดีกว่านั้นหน่อย (หัวเราะ)
ทำไมถึงเลือกทำ tropical house
รู้สึกว่ามัน trendy ด้วยแหละ การทำอะไรให้ห้าง หรือแฟชั่นมันต้อง trendy เลยทำแนวนี้ คนเข้าใจง่ายด้วย feedback ดีด้วย ยังไม่มีใครด่าเลย (หัวเราะ)
เสน่ห์ในการเอาเพลงร่วมสมัยมาผสมผสานกับดนตรีพื้นบ้านคืออะไร
ชอบนะ คือคนจะไม่ฟังเพลงเพราะมันเชยเพราะเขาไม่รู้ว่ามันสามารถเป็นอะไรได้อีกเยอะมาก พอเราแสดงให้เขาเห็นตรงนั้นคนก็ชอบกัน
จะได้ร่วมงานกับใครอีกไหม
เดี๋ยวมีทำกับ Gramaphone Children มี 2 เพลง เพลงนึงแร๊พ เพลงนึงร้อง
เพลงมันไม่ใช่สินค้าแล้ว สำหรับเราเพลงมันคือโฆษณา สินค้าคือตัวเรา บางคนที่เขาตามไม่ทันก็จะไปโทษคนโน้นคนนี้ว่าวงการแย่ เศรษฐกิจมันแย่ แล้วสุดท้ายต้องกลับมาโทษตัวเองปะว่าเพลงเราดีหรือเปล่า
จุดยืนของดนตรีอิเล็กทรอนิกในบ้านเราเป็นยังไงบ้าง
ไม่ค่อยดีนะเราว่า (หัวเราะ) มันเงียบ เชยด้วยแหละ แต่การจะทำให้มันกลับมาต้องเปลี่ยนอะไรใหม่ ๆ ซึ่งยังไม่มีใครทำสำเร็จนะ อาจจะมีแล้ว แต่เราก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม วงการเพลงตอนนี้มันแย่ แต่มันแย่ถึงในจุดที่มันกำลังจะดีขึ้นแล้ว สองปีที่แล้วมันเงียบ เพลงอะไรมาคนก็ไม่ฟัง ผู้บริโภคก็ไม่ซื้อ แต่เราโทษไม่ได้ว่าคนไทยไม่ซื้อ ทุกคนบนโลกก็ไม่ค่อยซื้อ เพียงแต่คนไทยอาจจะเยอะหน่อย แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป เพลงมันไม่ใช่สินค้าแล้ว สำหรับเราเพลงมันคือโฆษณา สินค้าคือตัวเรา บางคนที่เขาตามไม่ทันก็จะไปโทษคนโน้นคนนี้ว่าวงการแย่ เศรษฐกิจมันแย่ แล้วสุดท้ายต้องกลับมาโทษตัวเองปะว่าเพลงเราดีหรือเปล่า รสนิยมเราดีหรือเปล่า ถ้าแฟนเพลงจริง ๆ อย่าง Cat Expo คนก็ซื้อ product นะ เอาจริงศิลปินที่ทำเงินได้ก็ขายโชว์ อีกอันก็ต้องเป็นพรีเซนเตอร์ คือพอมีคนมาชอบเรา ก็มีแบรนด์อยากโฆษณา สปอนเซอร์เรา ดีลปีนึง 2 ล้าน ขับรถยี่ห้อนี้นะ มันมีทางอื่นแหละที่ศิลปินจะหาเงินได้ เราไม่เชื่อว่าวงการจะตาย ศิลปินต้องกินแกลบ
ที่รู้ตรงนี้เพราะศึกษา marketing ด้วย
เราต้องศึกษาเยอะเพราะต้องทำเองหมดทุกอย่าง ต้องรู้ไว้
แล้วจะแก้ปัญหายังไง
อยู่ที่เพลงเราเลย ถ้าเพลงดี คนมันก็ฟัง เราว่าแค่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป คนเรามันเลือกฟังเพลงได้แล้ว ไม่ใช่ต้องฟังอะไรแบบที่วิทยุเสนอมา
นอกจากนี้แล้วยังทำอะไรที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้อีกไหม
มีจัด music festival ชื่อ North Fest จัดที่เชียงใหม่ เดี๋ยวจะมีจัดเวียนไปที่อื่นเรื่อย ๆ เป็นทีมชื่อ Iconic ของพี่โดม-ปกรณ์ ลัม เพราะค่ายก่อนที่ทำ edm คือของพี่โดมเนี่ยแหละ คือเราออกมาปีนึงแล้วอยู่ดี ๆ พี่โดมก็โทรมาให้ช่วย เห็นเราคล่องดี เลยได้มาช่วย เราทำทุกอย่าง copywriting, creative, timeline manager ทำทั้งหมดให้มันเกิดขึ้น
แล้วเป็นคนที่ชอบแฟชั่นด้วย
ชอบเปลี่ยนสีผม ทำบ่อยมากจนมีครั้งนึงทำแล้วน้ำเหลืองไหลออกมาจากหัว แต่เราว่าเพราะทำช่างไม่ดี ถ้าช่างดีไม่เคยเป็น คราวที่แล้วแจ็กพอต น่าจะเคยทำมาทุกสีแล้วแหละ บางทีทำเป็นไฮไลท์อย่างเดียว พวกสีม่วง สีเขียว แต่ทั้งหัวก็สีทอง สีเทา สีม่วงอ่อน เราว่าสีม่วงเหมาะกับเรานะ แต่มันอยู่ยาก สระสองรอบหลุด สีเทาด้วย สองอาทิตย์หลุดเลย ทรมานผมมาก แต่เราว่าเราดูดีในผมทองมากสุด จะดูมีออร่า (หัวเราะ)
มีอะไรอีกที่เป็นซิกเนเจอร์ที่ทำให้คนจำเราได้
คงเป็นผู้หญิงคนเดียวที่สามารถ arrange เพลง program เพลง ร้องเอง แต่งเอง ทำ marketing เอง (หัวเราะ) คงไม่มีใครทำเองคนเดียวหมดนี่หรอก แต่ตอนนี้มี pr คนนึงให้มาช่วยละ เขาเป็น pr ตัวโหดอยู่ ค่อยสบายขึ้นนิดนึงว่าเราน่าจะเบาขึ้น
วางแผนจะทำอะไรในอนาคต
ความจริงความฝันเราอีกอย่างคืออยากเป็นเจ้าของธุรกิจ เป็นเจ้าของบริษัทที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ทำเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน ตอนนี้เราเลยเรียน coding เห็นลุคเราจะไม่ค่อยเนิร์ด แต่ความแล้วเราเนิร์ดมาก ตอนเราเรียนได้เกียรตินิยมอันดับ 1 จริง ๆ เราอยากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วย แต่ยังทำไม่ได้เพราะไม่มีเวลา อยากต่อโทนิวยอร์กด้าน computer science เราว่ามันคือธุรกิจที่เติบโตอย่างว่องไว และการ programming จะเป็นอาชีพที่มีคนต้องการมากที่สุดในอนาคต หรืออะไรที่เกี่ยวกับพวกนี้ ส่วนตัวเป็นคนชอบใช้คอม ใช้มือถือ ชอบเทคโนโลยีอยู่แล้ว
ฝากผลงานกันหน่อย
ตอนนี้มีเพลง Stay ที่เพิ่งปล่อยไป เดี๋ยวจะมีอีกเพลงเป็นเพลงส่วนตัว ๆ เหมือนกัน ชื่อ Levitate แต่จะฟังขึ้นมาง่ายนิดนึง เพลง Stay นี่ดาร์กจนดาร์กไม่ไหวแล้ว แต่ Levitate จะเกี่ยวกับความฝันเราอะ น่าติดตามแหละ เพราะทุกอย่างที่เราพูดคือชีวิตจริงเรา เราด่าตัวเองในเพลง ต้องลองฟังกันดู น่าจะปล่อยไม่เกิน 2 เดือน หาสปอนเซอร์ทำ mv อยู่ (ยิ้ม)
ติดตามความเคลื่อนไหวของ Pyra ได้ที่ Facebook fanpage หรือ website และฟังเพลงของเธอบน ฟังใจ ได้ ที่นี่