ประเดิมเทศกาลดนตรีบาร์เซโลน่า Belle and Sebastian ที่ Primavera Sound ตอนที่ 1
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Dani Canto, Pablo Luna Chao
กลับมาแล้วววว ถึงเวลาที่จะมาเล่าประสบการณ์มิวสิกเฟสติวัลในยุโรปครั้งแรกในชีวิตให้ได้อ่านกัน ซึ่งงานที่เราได้ไปครั้งนี้ก็คือ Primavera Sound Festival จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31-2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน นั่นเองแหละจ้า
Primavera Sound เป็นเทศกาลดนตรีที่แทบจะใหญ่ที่สุดในบาร์เซโลน่าเลยก็ว่าได้ เพราะงานเขาจัดกินเนื้อที่ทั้ง Parc del Forum ประมาณเมืองทองธานี (นึกภาพอิมแพค+ชาเลนเจอร์ฮอล+ธันเดอร์โดม+ริมทะเลสาบ) คือเป็นเวนิวที่ใหญ่แบบ มาก ติดทั้งในตัวเมืองและชายหาด มีทั้งศูนย์การประชุม ลานกว้าง สนามหญ้า ชายหาด ท่าเรือ มีสะพานข้ามฟากจากสเปซนึงไปอีกเกาะนึง มีเวทีอยู่ทุกที่ที่กล่าวมาแบบเป็นทุกอย่างให้เธอแล้วที่แท้จริง นอกนี้ก็ยังมีสถานที่อื่นในตัวเมืองอย่าง Centre de Cultura Contemporània de Barcelona (CCCB) ประมาณหอศิลป์กรุงเทพ ฯ แต่สเปซของเขาเก๋มาก มีใต้ดินบนดินซึ่งปกติจะเป็นที่แสดงนิทรรศการศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่ช่วงเทศกาลเขาก็เอาไว้จัดงานเสวนา Primavera Pro ระหว่างวันที่ 30 พ.ค. – 1 มิ.ย. สำหรับคนในอุตสาหกรรมดนตรีโดยเฉพาะ แต่คนอื่น ๆ ที่สนใจก็เข้าร่วมได้เหมือนกันแค่ต้องซื้อบัตรนอกเหนือจากตั๋วเข้างานปกติเพิ่มเท่านั้นเอง
และในช่วงที่มีงานเสวนานี่แหละก็เหมือนมีโชว์อุ่นเครื่องก่อนเปิดเทศกาลตามไลฟ์เฮาส์ต่าง ๆ ในเมืองโดยจะเรียกโปรแกรมนี้ว่า ‘Primavera als Clubs’ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. แต่งานนี้จะเปิดให้เข้าแค่สำหรับ ไหน ๆ เครื่องแลนด์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้แล้ว งั้นเราขอเริ่มออกสตาร์ทกันตั้งแต่งานในคืนนี้เลยแล้วกัน
28 พฤษภาคม 2561
Primavera als Clubs จัดขึ้นในสองที่หลัก ๆ นั่นคือ Sala Apolo กับ Barts ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันพอดี สองที่นี้ตั้งอยู่ Metro สถานี Paral-lel ตอนเรามาถึงก็เอ๋อเลยเพราะสถานที่เขามีความเหมือนโรงหนัง ทางเข้าออกหลายประตู แล้วห้องที่จัดก็เรียกว่า La [2] de Apolo ต้องเข้าฝั่งขวาของโรง มึนงงกันไป พอมาถึงก็ถูกใจบรรยากาศประมาณนึง มีความคล้ายไลฟ์เฮาส์ที่ไทเปตอนไปดู Mild High Club เป็นโถงเตี้ย มีสเต็ปยกขึ้นไป แต่อันนี้เขามีบาร์ตรงกลางและมีหลอดไฟ LED ยิงเป็นตารางเขียว ๆ เท่มาก โดยวงแรกที่ดูชื่อ The Men เป็นวงจากอเมริกาที่เราไม่เคยตามงานมาก่อน แต่ตอนระหว่างทำการบ้านว่าจะไปดูวงไหนที่ไม่รู้จักดีก็มาติดใจเพลงของวงนี้เขาล่ะ ซึ่งตอนเริ่มงาน สมาชิกวงขึ้นเวทีครบละ แต่คนดูเงียบมาก ไม่มีตบมือโห่ร้องใด ๆ ผิดกับที่เราคิดไว้ว่าซีนคาตาลันจะต้องสนุกบ้าคลั่งแน่ ๆ ปรากฏ นิ่งเช้ย
พอวงเริ่มเล่น คนดูก็ไม่เต้นไม่โยกอะไรทั้งสิ้น มีเราเต้นเป็นบ้าคนเดียวเพราะเพลงดีมาก เข้มข้นสุด ๆ แบบอุทานในใจว่า ‘วงเหี้ยไรเนี่ย!’ มีความ Japandroids ผสมวงลุง ๆ แล้วก็เล่นเป็น punk, rock and roll, stoner rock, psych rock เท่ ๆ หนัก ๆ เงี้ย บางเพลงเป็นโฟล์กหม่น ๆ หรือบางเพลงใช้แซ็กโซโฟนเล่นเมโลดี้ หรือใส่เป็นองค์ประกอบมาน้อยแต่ถูกจังหวะ ไล่โน้ตเพี้ยน off tune แต่ลงตัวไปหมด ยิ่งเพลงสุดท้ายนึกถึง I’m The Resurrection ของ The Stone Roses นี่ฟังแล้วใจชื้น จริง ๆ โชว์ของวงแอบสั้นนะ ไม่ถึง 40 นาทีก็จบแล้ว ลงเวทีไปแบบงง ๆ คนก็แค่ตบมือ แล้วตอนเราเดินออกมาก็ได้ยินเพลงเล่นอีกครั้ง อ้าว สรุปไม่จบแต่มีอังกอร์ แบบที่คนดูก็ไม่ได้ตะโกนอังกอร์ เศร้าใจแทนวง แต่พวกคุณเล่นดีมากจริง ๆ อยากให้ไปลองหาฟังเพลงชื่อ Killed Someone, Patterns, Hit the Ground ดู คือเป็นวงที่เล่นมันทุกแนว เก่งที่เล่นออกมายังไงก็รู้สึกว่าเป็นวงเขาอะ ดีงามมากกกก
29 พฤษภาคม 2561
เย็นวันที่สองหลังจากเราเดินเล่นดูย่านต่าง ๆ ในเมืองแล้วก็พุ่งไปที่ Sala Apolo แต่ดันลงสถานีผิด เลยต้องเดินต่ออีก 15 นาที และตอนนี้ก็เลทแล้ว! มีฝรั่งรีบก้าวขาจ้ำอ้าวตามเรามา เราก็รีบก้าวฉับ ๆ เพราะจะไปดูไม่ทัน และกลัวมันจะเป็นโรคจิต สุดท้ายเขาก็ทักถามว่า ‘Excuse me, are you going to see the gig?’ อะ โล่งละ คนมาสายเหมือนกันนี่เอง ก็เลยรีบพากันไปที่เวนิว แต่เขาไม่ได้จะดูวงนี้กับเราเลยแยกกัน อดได้เพื่อนเลย งือ พอมาถึงเราก็ดันเข้าผิดห้อง ไปเข้า La [2] de Apolo ที่มีวง Coals เล่นอยู่ แต่ก็ดี เป็นแอมเบียนต์อิเล็กทรอนิกดาร์กหน่วง
แต่ดูไปแปปนึงก็ขอวิ่งขึ้นไปชั้นสองที่โถง Apolo ได้ดูวงเจ้าบ้านชื่อ Za! ที่ตั้งใจจะมาดูทีแรกซึ่งเล่นไปพักใหญ่ ๆ แล้ว เป็นวงสองชิ้นที่บ้าคลั่งมาก แค่ซินธ์กับกลอง ฟังไปได้สองเพลงก็โยกหัวหลุดแล้ว มีช่วงนึงที่วงให้คนร้องลาลาตาม ก็เป็นแบบเดิมที่คนไม่ค่อยร้องตามกัน วงก็เลยแหกปากบ้ากันเองซะเลย กลองโซโล่โหดมาก เป็นแบบวง Battles เวอร์ชันคาตาลัน ที่หนักและหลุดกว่า ที่สุดของมินิมัลครอทร็อก มีการใช้ทรัมเปตเล่นด้วย ครบเครื่องครบรสอีกแล้ว เพลงสุดท้ายดีมาก มาหมดทั้งดรัมเอนเบส เมทัล ชวนเฮดแบงรัว ๆ
จากนั้นเราก็เดินลงมาห้อง [2] เพื่อดูวงจากโปแลนด์ชื่อ Kurws วงสามชิ้นที่ทำให้เรานึกถึง Plot บ้านเราเลย แต่เขาเล่นแบบ avant-garde อาศัยการอิมโพรไวส์ส่งพลังกันไปมาแบบจับทางไม่ถูก เพลงหนักมาก ฟัง ๆ อยู่มีความเหวอ ยิ่งกว่าฟรีแจ๊ส แต่ต้องกราบมือกลองคือโซโล่โหดมาก ตีไวมากและนิ่งมาก มีเพลงนึงเล่นเป็นสัดส่วนสามแบบ สามสไตล์ ทั้งพังก์ ร็อกแอนด์โรล อาร์ตร็อก อยากถามว่าเมื่อยไหม
แล้วเราก็กลับขึ้นไปดูวงที่หลายคนอยากดูในวันนี้ ชื่อ The Sea and Cake ก็เป็นวงอัลเทอร์เนทิฟ อินดี้ร็อกรุ่นใหญ่ เพลงฟังง่ายกว่าสองวงแรกมาก แต่ดูแล้วไม่มีไดนามิก ไม่น่าติดตามเท่าไหร่ เลยขอกลับบ้านไปนอนพักขารอเทศกาลที่กำลังจะเริ่มขึ้นในวันต่อไปดีกว่า
30 พฤษภาคม 2561
ก่อนหน้านั้นเราแวบไปเที่ยวที่เมืองใกล้ ๆ กับบาร์เซโลน่าที่ชื่อ Girona แล้วค่อยรีบกลับมาที่ Parc del Forum วันนี้เป็น Open Day ที่ชาวเมืองบาร์เซโลน่าไม่ต้องจ่ายเงินเข้ามาดูในเทศกาล นั่นแปลว่าคนจะต้องเยอะมาก ๆ รวมถึงมีวงที่น่าดูเล่นในวันนี้อยู่หลายวงเหมือนกัน และด้วยความน่าตีของเราคือ มาไม่ทันดู Spiritualized! หนึ่งวงในตำนานที่อยากดูสักครั้งก่อนตาย ยิ่งครั้งนี้เขาเล่นกับวงออเคสตร้าในหอประชุมด้วย โดยก่อนเริ่มงานเขาให้ไปซื้อตั๋วราคา 2 ยูโร ที่มีจำนวนจำกัดมาก ๆ และความชะล่าใจของเราทำให้ซื้อไม่ทันนั่นเองล่ะจ้ะ
ก็เลยเข้างานมาแบบเศร้า ๆ ไปยืนดูวงชื่อ Starcrawler เป็นวงแกลมร็อกเก๋ ๆ ที่นักร้องนำเป็นผู้หญิงดูหลุด ๆ แต่อยากบอกว่าทั้งวงเล่นดีมาก แต่ตัวเธอร้องห่วยมากแบบ หนูไหวไหมหนูลูก สภาพคือใส่คอร์เซ็ต ถุงน่องยาว ปากเลือดอาบ เขียนไม้กางเขนกลับหัวสีแดงบนหน้าผาก สุดอยู่ แล้วจู่ ๆ นางก็กระโดดลงมาหาคนดูหน้าเวที คนก็เฮก็คลั่งกับนางด้วย ตอนเราไปถึงก็เป็นเพลงสุดท้ายแล้วแหละนางเลยใส่สุดขนาดนั้น
พอจบเราก็เดินสำรวจทั่วงาน พบว่า แฟชันเฟสติวัลของคนที่นี่คือเสื้อวง มาตั้งแต่รุ่นเก่ารุ่นใหม่ The Velvet Undeground, Daniel Johnston, Nick Cave and the Bad Seed, Car Seat Headrest, Arctic Monkeys เพลินตามาก มีทุกแบบทุกรุ่น และสิ่งที่ชิลที่สุดก็คือเนินใกล้ ๆ กับเวทีของ Apple Music ที่คนพากันนอนอาบแดด เราก็ไปร่วมวงกับเขาด้วย มีโมฮิโต้จิบไปพลางโดนแดดเลียไป ได้กลิ่นปุ๊นเขียวสดเป็นระยะ ๆ มีคนใส่ชุดเขียวเรืองแสง เดินขายเบียร์เคลื่อนที่ โคตรดีเลยสิ่งนี้ และข้างหน้ามีวงชื่อ Javiera Mena เล่นให้ดู เป็นวงเจ้าบ้านที่เป็นแบบซินธ์ป๊อปกึ่ง ๆ ดนตรีละติน มีสาวหุ่นดีใส่แว่นเคลือบปรอทมาเต้นและร้องเป็นจินตลีลาเพลินดี
จากนั้นเราก็เดินไปที่ Heineken Hidden Stage ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนัก มีโชว์ฮิปฮอปชื่อ Yung Beef ที่พวกนางใส่กางเกงใน Supreme ถึงซะแทบจะหลุดตูดขึ้นไปแร็ปบนกรง แต่อย่าเรียกว่าแร็ปเลย เหมือนร้องเพลงประกอบแทร็คที่ดีเจเปิดข้างในกรง ทนดูได้แปปเดียวก็เดินออกเพราะเขาไม่ได้แร็ปสด ๆ แบบที่คาดหวังไว้
ก่อนจะออกมาดู Wolf Parade วงอัลเทอร์เนทิฟร็อกสุดเท่ยุควัยรุ่นที่โชว์เขาวันนี้ก็สนุกเอาเรื่องอยู่ วันนี้ขนเพลงอย่าง You Are a Runner and I Am My Father’s Son, Fancy Claps, Soldier’s Grin, Valley Boy แล้วเล่นเพลง You’re Dreaming กับ Grounds for Divorce ด้วย กรี๊ดแตกเลยเพราะนี่ชอบมาก ต่อด้วย Weaponized, What Did My Lover Say? (It Always Had to Go This Way), Shine a Light, Baby Blue, This Heart’s on Fire และ I’ll Believe in Anything
จนถึงเวลาที่หลายคนรอคอยกับวง Belle and Sebastian ที่เรียกว่าเป็นเฮดไลเนอร์ของเฟสติวัลนี้เลย เจ้าของเพลงป๊อปสุดน่ารักมากมายหลายเพลง ซึ่งโชว์ครั้งนี้เขาก็ไม่ทำให้แฟนเพลงผิดหวัง ทุกคนโยกและเต้นไปกับพวกเขาผิดกับโชว์ก่อนหน้า ดีใจมากที่เล่น I’m a Cuckoo และ We Were Beautiful ด้วย แต่น่าเสียดายที่เราอยู่ดูไม่ทันจบโชว์เพราะกลัวรถไฟฟ้าหมดกลับบ้านไม่ได้ บวกกับเดินจนขาลากมาทั้งวัน ก็เห็นสมควรว่ากลับไปนอนเถอะลูก
เดี๋ยวมาต่อตอนสองที่เราจะพาเข้าเฟสติวัลจริงจังกันแล้ว มีวงแบบ Warpaint, The National, Arctic Monkeys รอให้อ่านอยู่ เร็ว ๆ นี้เด้อ