Honne ต่อสายตรงจากลอนดอน คุยถึงอัลบั้มใหม่สุดอบอุ่น no song without you
- Writer: Montipa Virojpan
- Photographer: Warner Music
หลังจากที่ได้ฟังอัลบั้มเต็ม no song without you จาก Honne ไปแล้ว ก็อยากพูดคุยกับเพื่อนเก่าอย่าง James Hatcher และ Andy Clutterbuck มาก ๆ ถึงแรงบันดาลใจในการทำอัลบั้มนี้ ว่าขนาดติดล็อกดาวน์แสนเหงา ยังทำเพลงอบอุ่นหัวใจขนาดนี้ออกมาได้ยังไงกัน ทาง Warner Music Thailand เลยต่อสายตรงให้เราคุยกับพวกเขา
ได้ข่าวว่าคุณเพิ่งแต่งงาน ยินดีด้วย
แอนดี้: ขอบคุณครับ
ชีวิตช่วงนี้เป็นไงบ้าง
แอนดี้: ที่ลอนดอนดีขึ้นครับ เราออกไปเจอเพื่อน ๆ กับครอบครัวได้แล้ว เหมือนมันเป็นช่วงเวลาที่ประหลาดที่จู่ ๆ ชีวิตของเราก็พลิกผันไปเลย
เจมส์: ช่วงสองสัปดาห์แรกเป็นอะไรที่ท้าทายมากสำหรับผมในการปรับตัว แบบ ชีวิตวิถีใหม่นี่มันจะเป็นยังไง แล้วเราจะต้องอยู่กับมันไปอีกนานแค่ไหน การที่ผมต้องขังตัวเองในบ้านแล้วไม่ได้ออกไปไหนเลยมันก็ค่อนข้างลำบากครับ แล้วผมก็รู้สึกประหลาดมากที่หลายคนสามารถปรับตัวได้ แบบ ทำได้ยังไงกัน!
แต่มันก็มีข้อดีเหมือนกันที่มันทำให้เราได้รู้ซึ้งถึงการมีชีวิตอยู่ว่า มันดีแค่ไหนที่เราได้มีปฏิสัมพันธ์กัน ได้พบเพื่อน ครอบครัว ได้ท่องเที่ยว ได้ไปเล่นคอนเสิร์ต มันทำให้รู้ว่าเราโหยหาชีวิตแบบนั้นขนาดไหน
ช่วงล็อกดาวน์เป็นแรงบันดาลใจให้อัลบั้ม no song without you
แอนดี้: มันแปลกดีเหมือนกันที่เราเริ่มทำ mixtape นี้กันตอนก่อนล็อกดาวน์พอดี เราเริ่มเขียนเพลงตอนมกราคม ถึงช่วงกุมภาพันธ์ แล้วเราเขียนไปแล้ว 50% จนเขาเริ่มปิดเมือง เราเลยต้องจบอัลบั้มกันในช่วงนั้น มันก็ได้แรงบันดาลใจมาจากในช่วงนั้นบ้าง ซึ่งบางเพลงในอัลบั้มอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าไม่มีเหตุการณ์พวกนี้ ผมไม่ได้กำลังขอบคุณ covid-19 อยู่นะ (หัวเราะ)
แล้วถ้าไม่มี covid-19 จะเขียนเรื่องอะไรในอัลบั้มนี้
เจมส์: เรานั่งนึกเรื่องที่จะเขียนถึงกันคร่าว ๆ ก่อนล็อกดาวน์ไม่นาน ช่วงนั้นเราอยู่ LA กันประมาณ 4 สัปดาห์ตั้งแต่สิ้นเดือนมกรา จนถึงสิ้นเดือนกุมภา แล้วผมก็รู้สึกช็อกมากเพราะไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น อยู่ดี ๆ ก็ต้องมาอยู่กันแบบซังกะตาย แต่ตอนนั้นเองที่เราคิดได้ทันทีว่า จะทำเป็น mixtape ที่เราสามารถส่งให้คนที่แอบชอบได้ แบบตอนที่เราเป็นเด็ก ๆ แล้วอยากส่งเพลงที่ชอบให้คนนั้นฟัง เพราะคิดว่าเขาจะชอบเหมือนกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้แทร็คแรกในอัลบั้มชื่อ dear P, เหมือนเป็นเพลงที่เรามอบให้กับคนนั้น ซึ่งจริง ๆ แล้ว P ก็คืออักษรขึ้นต้นของภรรยาของแอนดี้ครับ
ทำไมถึงอยากทำเป็น mixtape
แอนดี้: กฎของ mixtape คือเราจะทำยังไงกับมันก็ได้ สำหรับเรามันเลยค่อนข้างเป็นการทดลอง ใส่ไปเลย 14 เพลง งานที่ผ่าน ๆ มาของพวกเราค่อนข้างเป็นงานที่ไปในเชิงบวก แล้วก็มีจังหวะที่สนุกสนาน เราก็อยากจะทำเพลงประมาณนั้นต่อ เราไม่รู้ว่าจะมีโรคนี้ แต่พอมันเกิดขึ้น เราก็ยังอยากทำให้เพลงออกมาเป็นบวกอยู่ดี พวกเพลงที่มีความสุข เพลงรัก ลั้ลลา (หัวเราะ) แล้วก็มีทั้งท่อนดนตรีสั้น ๆ กับแนวที่เราไม่เคยทำมาก่อนที่เราอยากลองทำ ก็เลยทำออกมาเลย แล้วก็ค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ครับ
เพลงได้อิทธิพลมาจากงานป๊อปเก่า ๆ บ้างหรือเปล่า แนวทางมันค่อนข้างต่างไปจากงานอิเล็กทรอนิก r&b ของวง
แอนดี้: เราชอบสำรวจแนวเพลงต่าง ๆ แล้วมองเห็นการเติบโต และพัฒนาแนวทางไปเรื่อย ๆ เรารู้สึกว่า Honne เป็นการเดินทางที่ยิ่งใหญ่ แล้วเราก็เพิ่งเริ่มต้นทำมันเท่านั้น เราไม่รู้ว่ามันจะพาเราไปที่ไหน เราแค่อยากทำให้แน่ใจว่าแนวเพลงของเราจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามสมัยนิยม เพื่อให้เรายังได้ทำงานต่อ และยังมีคนรอฟังเราอยู่ ถ้าทำแต่เพลงเดิม ๆ ไปเรื่อย ๆ คงจะน่าเบื่อ
แฟน ๆ ตกใจไหมที่เพลงเปลี่ยนไป
เจมส์: คนก็ไม่ค่อยตกใจนะ มันเป็นเพลงที่ฟังแล้วอบอุ่นใจ คนเลยพร้อมจะเปิดรับมันพอสมควร แล้วก็ชอบกันซะมากกว่า มีคนเอาเพลงไปคัฟเวอร์เยอะมาก พูดถึงกันเยอะมาก ผลตอบรับหลาย ๆ อย่างไปในทางที่ดีครับ และจากที่เราไปทัวร์คอนเสิร์ตไม่ได้ ทำให้เรามีเวลาได้คุยกับแฟนเพลงมากขึ้น แล้วก็ได้อ่านข้อความเกือบทั้งหมดเลย พวกเขาก็น่ารักมาก ๆ ครับ
ยังเขียนเพลงรักกันอยู่ได้ยังไงในช่วงเวลาแบบนี้
เจมส์: การที่เราได้ตระหนักว่ามันดีแค่ไหนที่ได้อยู่กับคนที่เรารัก หรือเรากังวลว่าพวกเขาจะเป็นอะไรไป อย่างคุณปู่คุณย่าของผมพวกเขาก็ยังอยู่ด้วยกันแค่สองคน อายุจะร้อยปีแล้วครับ ผมก็รู้สึกว่าอยากดูแลพวกเขา มันทำให้เราได้คิดถึงคนในครอบครัวของเรา คนรุ่นก่อน ๆ เรา พ่อแม่ ตายาย ทวด เขาก็ไม่เคยต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ เขาก็ต้องมาปรับตัวพร้อมเรา
หรืออย่างคู่รักของเรา มันทำให้เราได้อยู่ใกล้กันมากขึ้น ให้กำลังใจกันและกันในช่วงเวลาแบบนี้ แล้วเราได้เห็นว่าเขารับมือกับสถานการณ์แบบนี้ยังไง โดยที่เราไม่เคยได้เห็นเขาในมุมมองแบบนี้มาก่อน
ได้ Holly Warburton มาทำแอนิเมชันให้ได้ยังไง
แอนดี้: ตอนเราทำเพลงกัน เรารู้สึกว่าวิดิโอเนี่ยต้องเป็นการ์ตูนแล้วแหละ แล้วเราก็ถามเพื่อน ๆ ว่าจะเอาใครมาทำให้ดี แล้วเพื่อนเรา Joel Atkinson ถ้าอ่านอยู่นะ (หัวเราะ) เขาก็แนะนำฮอลลี่ พอเราได้เห็นงานของเธอก็ตกหลุมรักเลยครับ เลยถามเธอว่าสนใจจะมาร่วมงานกับเราไหมในโปรเจกต์นี้ เธอก็ตกลง แล้วทำวิดิโอเพลง no song without you ออกมา ซึ่งมันก็ต่อยอดมาเป็น artwork อื่น ๆ อย่างปกอัลบั้ม แล้วเธอก็รับผิดชอบ lyric video ตัวอื่น ๆ ด้วย เธอทำงานเก่งมากครับ ทุกอันออกมาดีหมดเลย
ที่มาของตัวประหลาดสีเขียว
แอนดี้: ใน no song without you เราได้ไอเดียตั้งต้นว่าจะทำวิดิโอเกี่ยวกับเพื่อนในจินตนาการ หรือสัตว์ประหลาดที่ไม่น่ากลัว หรือดูน่าแหยง แล้วเราก็พัฒนาเรื่องต่อให้เจ้าตัวเขียวตัวนี้ เหมือนว่ามันหลุดมาจากโลกของมัน มาอยู่ในโลกมนุษย์ แล้วก็ได้เจอกับสิ่งมีชีวิตประหลาดอีกตัวนึง จนเกิดเป็นเรื่องราวแบบในเพลง แล้วฮอลลี่ก็ใส่หมาเพิ่มเข้ามาด้วย เราซื้อเลยครับ อะไรก็ตามที่มีหมาอยู่ด้วยมันดีทั้งนั้นแหละ
ชุดนี้จะทำซีดี เทป หรือไวนิลขายไหม
เจมส์: เรากำลังทำไวนิล แต่มันใช้เวลานานมากเลย (หัวเราะ) แต่เราจะเปิด pre-order เร็ว ๆ นี้ หวังว่าทุกคนจะได้จับจองกัน ส่วน live session เราทำไปเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว เดี๋ยวจะทำเพิ่มอีก แต่อยากให้คนรู้สึกคิดถึงมากกว่านี้ก่อน จะไม่สปอยล์เขามากจนเกินไป (หัวเราะ)
อ่านต่อ
คุยกับ Honne ก่อนที่จะไปเจอตัวจริงเสียงจริงของพวกเขา คืนนี้!
การกลับมาเยือนไทยอีกครั้งของ HONNE พร้อมอัลบั้มใหม่ Love Me / Love Me Not
คุยกับ James Hatcher จาก Honne ก่อนไปประทับใจในโชว์ครั้งที่สามของพวกเขา
‘no song without you’ อัลบั้มเต็มจาก HONNE กับ Mixtape เพลงรักที่ฟังได้ไม่มีเบื่อ