Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

Maho Rasop Festival 2019 ปิดท้ายความประทับใจกับ The Drums, Deafheaven ใน DAY 2

  • Writer: Montipa Virojpan, Peerpong Kaewtae, Pongsatorn Chutacheun, and Donratcharat Phromsoonthornsakul
  • Photographer: Karin Lertchaiprasert and Tas Suwanasang

มาต่อกันเลยวันที่ 2 พร้อมมากชนิดที่ว่าฤทธิ์ข้าวหอมก็ทำอะไรฉันไม่ได้ เพราะตารางวันนี้หฤโหดกว่าเมื่อวานมากไหนจะต้องวิ่งสัมภาษณ์ วิ่งดู นี่คอยังไม่หายปวดจาก King Gizzard & the Lizard Wizard เลยครับ

17 พฤศจิกายน 2562

วันนี้เราแวะไปดูกิจกรรมอื่น ๆ ในงานก่อนไปสนุกกับ ดนตรีหลากหลายแนวในวันที่ 2 เริ่มจากโซนนั่งพักผ่อนหย่อนใจพร้อมกระสอบทรายนุ่ม ๆ ให้พักผิงที่บอกเลยว่าแสนจะชิลจริง ๆ หลาย ๆ คนจับกลุ่มคุยถึงวงที่ตั้งตารอดูในวันที่สองนี้ บางคนชิลมากระหว่างนั่งรอวงโปรดขึ้นเล่นก็ควักหนังสือมาอ่านกันเลย นอกจากนี้ยังได้แวะบูธ Sivanna Colors ที่คนต่อแถวเข้าบูธเติมความสวยอยู่ตลอดเวลา เพราะมีกิจกรรม Sticker Paint แต่งแต้มสีสันให้กับร่างกาย งานนี้หลาย ๆ คนเลยอัพลุคเพิ่มความสวยเปล่งออร่ากันทั้งงาน

สำหรับวันนี้คนดูพุ่งตัวเข้ามาที่งานค่อนข้างเร็ว เพราะมีวงขวัญใจวัยรุ่นโตมาด้วยกันอีกวงเล่นเป็นวงแรก แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ทางฝั่ง Khamram Stage by LEO ก็มีวงไทยฝีมือดีที่เพิ่งแลนดิ้งเครื่องกันสด ร้อน จากทัวร์ยุโรป ก็ต้องมาเล่นต่อกันเล้ย พวกเขาคือ คณะเบียร์บูด วงเซิร์ฟร็อกจากบางแสน ที่ได้เซ็นสัญญากับค่ายดนตรี Guru Guru Brain ของวงไซคีเดลิกญี่ปุ่นในตำนาน Kikagaku Moyo กลับมาแสดงแสนยานุภาพที่บ้านเกิดเมืองนอนให้ทุกสายตาได้ประจักษ์ เปิดมาด้วยเพลง เย็นมาริน กับริฟฟ์กีตาร์เท่ ชวนนึกถึงวงร็อกเก๋า สมัยก่อน ต่อด้วยเพลงใหม่ของพวกเขาชื่อ พะแนง ที่หยิบมาเล่นนี่เป็นที่แรก ที่ท่อนเวิร์สอาจจะฟังดูหม่น แต่พอเข้าฮุกแล้วก็หวานประหนึ่ง Beach Boys, Buddy Holly ตามด้วยเพลงสุดน่ารักอีกเพลง แสงดาว ให้โยกกันลืมร้อนไปได้ไม่นานก็ตัดกลับมาที่เพลงดุ แพลงก์ตอนบลูม กับอีกเพลงสุดจะไซค์ Space Echo ในดนตรีภารตะหน่อย ไม่พอต่อด้วย ยางมะตอย ได้บรรยากาศ Western movie คาวบอยควบม้ากันไป ตามด้วย ลูกรัง และเพลงตัดพ้อชีวิตรัก นวลนางบางแสน แสร้งซื่อ ที่กีตาร์เอามาเล่นแบบเพลงหมอลำ และปิดท้ายกันไปด้วย อัตคัด ที่ฟังแล้วรู้สึกร้อนตาม แต่เผอิญว่าแดดวันนี้ไม่ค่อยมีเพราะเมฆมากเลยยังพอสู้ไหว แต่รวม คือเด็ดมากทั้งภาพและเสียง เครื่องแน่นแม้จะเป็นวงแรกที่ต้องเล่นท้าแดด สปิริตจริง อยากให้วงนี้ได้ไปเล่น Glastonbury ไปเล้ยยย

เราวิ่งไปต่อที่ Maholarn Stage หรือ main stage ไม่ไกลกันมาก คนดูเตรียมพร้อมกันอย่างแน่นขนัดเพราะมีอีกหนึ่งวงดนตรีที่โตมาพร้อม กันกำลังจะขึ้นแสดง ก่อนหน้านี้ประมาณ 5 ปีที่แล้ว ก็เคยมาเล่นที่บ้านเราแต่เป็นช่วงที่กำลังจะออกอัลบั้มสองมั้งถ้าจำไม่ผิด ตอนนี้พวกเขาคลอดอัลบั้มล่าสุด Emerald Classic มาหนนี้เลยจัดหนักให้ทั้งเพลงเก่าเพลงใหม่ไปครบ เลย ผู้จัดการวงออกมาพูดเปิดโชว์ส่งตรงจาก Birmingham เช่นกันกับ Peace และ Superfood ขอเชิญพบกับ Swim Deep!!!’ จะบอกว่าวินาทีที่พูดชื่อสองวงแรกนี่ขนลุกเลยเพราะก็ชอบเหมือนกัน แต่ Superfood ประกาศพักวงไปแล้ว แง ทันทีที่สิ้นเสียงประกาศ เราก็ได้ยินเขาพูดว่าสวัสดีแล้วเปิดมาด้วยเพลงสมัยวัยรุ่น ใน Francisco พอจะขึ้นเพลงใหม่ก็ขายยาหอมกันตอนแดดเปรี้ยงว่า ‘We love you Bangkok!’ ตามด้วย Honey จัดครบทุกเพลงหนูลูกกันตั้งแต่ต้นโชว์เลย แล้วก็ให้เราช่วยร้องกันในท่อน ‘Don’t just dream in your sleep it’s just lazy’ อีกแหนะ จบเพลงก็บอกว่าดีใจมากที่ได้มาที่นี่ แล้วจัดเพลง To My Brother ให้ต่อในจังหวะแบ็กกี้ ตามสไตล์อัลบั้มสอง Mothers กับท่อนโซโล่ที่เท่สุด ก่อนจะเป็นอีกเพลงที่เราชอบมาก จากชุดเดียวกัน One Great Song and I Could Change the World จังหวะสุดเมากับพาร์ตดนตรีที่เท่ชวนโยกลืมร้อนกันไปเลยเป็นยังไงกันบ้างครับ เพลงนี้เป็นเพลงจากอัลบั้มใหม่ของพวกเรา Sail Away, Say Goodbye และถึงแม้จะเป็นเพลงใหม่ก็มีแฟนเพลงที่ร้องตามกันได้บ้างแล้ว ซึ่งเพลงนี้กลับมามีสไตล์อินดี้ร็อกที่คุ้นเคยกันดี กับอีกเพลงจากชุดแรก Soul Trippin’ แล้วกลับไปที่ชุดสองกับเพลงสนุกสุดเหมือนวาไรตี้เกมโชว์ Namaste จบแล้วก็ชวนคุยกันอีกรอบพวกเรามาจากเบอร์มิงแฮม นี่คิดว่าเดี๋ยวเล่นเสร็จแล้วจะพุ่งตัวไปทะเลกันเลยเป็นประโยคเข้าเพลง The Sea ที่ดีมาก แล้วพอเล่นจบก็พูดว่าดีใจที่เรามาไกลขนาดนี้ก็ยังมีคนมารอดูเราเยอะแยะ พร้อมสบถห่าง ไมค์แต่เรายังพอได้ยินว่าร้อนชิบหายเลย!’ ฮ่า แล้วก็เล่น World I Share ก่อนจะบอกว่ายังเหลือเวลาพอให้เล่นอีกสี่เพลง ก็จัดเพลงสนุก Fueiho Boogie ที่ไม่คิดว่าจะได้ฟังสด กรี๊ดดดด ต่อด้วย To Feel Good ที่ก่อนเล่นชวนให้ทุกคนชูขึ้นมา พอได้ยินเสียงคอรัสแบบในเพลงแล้วลมเย็น พัดมาคือเป็นไวบ์ที่ดีงามมาก แค่คิดถึงตอนนั้นขณะที่เขียนอยู่นี้ยังขนลุกไม่หายเลย โอย พอเล่นเสร็จก็ถามว่ามีใครมาดูเราเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ขอบคุณที่ยังมา ขอบคุณคนหน้าใหม่ ด้วยก็มีคนยกมือตามเห็นแล้วใจชื้นแทนวง ซึ่งเพลงต่อไปที่พวกเขาเล่นก็เป็นหน่ึงในเพลงที่ทำให้เรารู้จักพวกเขานั่นแหละกับ She Changes the Weather ก่อนจะกล่าวขอบคุณและปิดท้ายกันไปในเพลง King City ว่ากันตามตรง performance ของวงค่อนข้างเล่นกันแห้ง แต่ความเอนเตอร์เทนเก่งนี่เต็มเปี่ยม กระโดดวิ่งออกมาบิลด์คนดูกันหน้าเวทีตลอด แล้วจัดลิสต์ให้แต่เพลงเด็ด ประทับใจมาก (ได้ข่าวว่าหลังเวทีวงนี้ถูกจัดให้เป็นวงตัวแสบอันดับหนึ่งเลย ฮ่า)

จากนั้นเราก็ขึ้นมาหลบร้อนกันที่ Yoklor Stage by Vespa ที่มีดีเจเจ้าบ้าน Martian Child กำลังเปิดอยู่ โอ้โห ต้องบอกว่าทันทีที่เข้าไปก็เจอเพลงโดนเส้นเลยจ้า เปิดกันตั้งแต่ break beat เท่ ๆ โหดมาก เลี้ยงไปจนขึ้นพาร์ตกรูฟ ๆ ได้ฟีลพวกวง Saint Etienne แล้วไหนจะมีเพลง electroclash หรือพวก tech house กับดนตรีหลอน หนัก ประหนึ่งงานของ Underworld ชุดใหม่ แล้วเขาก็ไม่ลืมที่จะเล่นกับชื่อดีเจของตัวเองด้วยการเปิดเพลงอวกาศทริลเลอร์ เหมือนมนุษย์ต่างดาวจากดาวอังคารบุกโลก รวมไปถึงเทคโนเน้นซาวด์เบสสุดเกรี้ยวกราด พาเราชวนหัวไปพร้อมกับเสียงวื้ด ๆ แล้วตัดเข้าดนตรีคลับเทคโนยุค 80s เรียกว่าครบรสชาติจริง เต้นสนุกกะเอาตายตั้งแต่หัววันไปเลย แต่เราก็อยู่ได้ไม่ถึงตอนจบเพราะต้องสลับไปสัมภาษณ์ศิลปินสองรายระหว่างนั้นพอดี ฮือ

ตอนห้าโมงตรง Say Sue Me วงจากเกาหลีก็กำลังเล่นอยู่ที่ Khamram Stage by LEO เปิดโชว์ด้วย But I Like You เพลงเบา แต่ดนตรีก็มีความเท่อยู่ในทุกเมโลดี้ด้วย ตามด้วย What I Have To Do เซิร์ฟหวาน พาเราท่องไปในเสียงกีตาร์อันดีดดิ้น เผลอขยี้เท้าตาม แล้วก็จัดเพลงฮิตติดใจคนไทยทันที Old Town เซิร์ฟหัวใจให้สดชื่นกันไปเลย ดิ้นลืมร้อนไปเลยค่า ท่อนโซโล่ที่แรงไม่สนุกก็ทำให้เต้นไปได้ทั้งเพลงเลย และในเพลง Your Book ก็สับจังหวะได้เพลิดเพลิน กีตาร์ก็ดีดดิ้งของตัวเองไป ก่อนจะเหยีบรีเวิร์สแล้วโชว์โซโล่ที่ม้วนวนสวยงามอย่างกับเกลียวคลื่น แล้วมาเซิร์ฟกันอีกรอบด้วยจังหวะเท่ Good People ใส่น้ำเสียงหวาน ของนักร้องนำลงไปก็ยิ่งรื่นหูน่าฟัง ชวนเต้นอีกสิบเท่า ต่อด้วย One Week กลองแน่น เข้ามาสร้างจังหวะรื่นเริง กีตาร์ก็ระบายซะหวานเจี๊ยบ แต่ฟาดด้วยรีเวิร์บเข้าไปทำให้มันมีความเข้มแบบช็อกโกแลตเลย ท่อนซ้ำช่วงท้ายเพลงคือครื้นเครงสุดด้วยกีตาร์ที่แผดเสียงอย่างสุดพลัง ก่อนจะเติมความร็อกเข้าไปหน่อยด้วย B Lover กีตาร์คือสะกดทุกคนอยู่ทันที มีรีเวิร์บเข้ม ฉาบอยู่ข้างหลังให้ได้อารมณ์ขึ้น ท่อนโซโล่คือสาดคอร์ดทุกอันเข้าใส่คนดูอย่างดุเดือดมาก หน้าเวทีคือเต้นเป็นกุ้งเลย ไม่หนักหน่วง แต่ชวนโยกอวัยวะเบา แล้วปรับอารมณ์ลงมาดิ่ง หน่อยด้วยเสียงเบสกระหึ่มใน Just Joking Around เป็นจังหวะช้า ให้กีตาร์ได้แผงฤทธิ์ ท่อนฮุกที่ทุบจังหวะมัน ขึ้นมาให้คนโยกหัวตาม แล้วลูบไล้เราด้วยกีตาร์หวาน เซ็กซี่ แต่ท้ายเพลงก็สาดซาวด์อันเดือดดาลใส่เราไม่ยั้ง กีตาร์คำรามสมชื่อเวทีมาก แต่ยังไล่คีย์ได้หวานจ๋อย ก่อนจะซัดความสดชื่นเข้าใส่ทุกคนด้วยดนตรี เท่ ในตอนท้าย และปิดด้วย Let’s Don’t Say Anything กีตาร์ลูปนุ่ม ชวนโยกตัว แล้วผลักขึ้นไปเป็นเซิร์ฟที่เท่มาก ขยี้กีตาร์จนเกิดเป็นซาวด์ดุ ที่อบอุ่นชวนยิ้มมาก

ส่วนเวทีหลักต่อจากนี้ก็เป็น Never Young Beach จากญี่ปุ่นอินโทรด้วยเพลงฝรั่งน่ารัก どうでもいいけど มาถึงก็วอร์มคนดูด้วยเพลงฮิตของตัวเองเลย สร้างบรรยากาศสนุก ได้ทันที เสียงกีตาร์ทะเล้น ส่งพลังชวนเต้นมาก โซโล่คือบันเทิง เพิ่งเห็นว่าวงมีกีตาร์สามตัวเลย ท้าย ก็ยกคอร์ดให้แหลมหวานจั๊กกะจี้ใจสุด  夏のドキドキ หลังจากสวัสดีคนดูเป็นภาษไทยแล้ว ก็ควบกีตาร์ซิ่ง ขึ้นมาทันที เซิร์ฟชวนอารมณ์ดีสุดๆ สไตล์การร้องนุ่ม ก็พาให้คนฟังเบิกบานโยกย้ายไปด้วย กีตาร์คือน่ารักน่าหยิกมากเลย 気持ちいい風が吹いたんです ไม่พูดพร่ำให้เสียเวลา ส่งเสียงกีตาร์น่ารัก มาให้เราโยกกันต่อทันที กีตาร์อีกตัวก็ค่อยใส่เสียงหวาน อยู่ข้างหลังได้สนุกมาก ฟังแล้วใจจะละลาย แง้ どんな感じ? จังหวะกลองเท่ ลงตัวกับกีตาร์ทั้งสามตังมาก ฟังแล้วนึกถึงชายทะเลตลอดเวลา ไม่รู้ทำไม ยิ่งมีเสียงนุ่ม ของนักร้องนำขับกล่อมแล้วยิ่งต้องโยกตัวตาม ท่อนฮุกก็น่าเอ็นดูสุด กีตาร์สามไลน์ที่รวมตัวกันได้ละมุนมาก ท้ายเพลงก็มีลูกเล่นนิดหน่อย Let’s Do Fun อินโทรมาก็นุ่มมาก กีตาร์ตัวนึงค่อยเติมความวิ้งวั้บให้กับดนตรีได้เพลินหูมาก ちょっと待ってよ ขยับจัวหวะขึ้นมาให้สนุกอีกหน่อย กลางเพลงสลับจังหวะให้กรู๊ฟขึ้นได้อีก แล้วรัวกลองฟาดกลับจังหวะเดิมได้เท่ ตะโกนเข้าท่อนโซโล่ได้มีพลังมาก กับกีตาร์สามตัวที่สะดิ้งสุด あまり行かない喫茶店で ต่อเลย ที่จังหวะก็สนุกสนานขึ้นมาอีกสเต็ป ทั้งจังหวะการร้องเท่ และดนตรีที่ล้อไปกับคำร้องได้มันมาก Motel พาเราไต่ระดับความมันไม่หยุดเลย อินโทรมาคือเต้นทันที กีตาร์โคตรซิ่ง กีตาร์หวานเยิ้ม ไลน์ยังทะเล้นขี้เล่นสุด いつも雨 เพลงจากอัลบั้มล่าสุดที่เนี้ยบขึ้น แต่ยังระบายความน่ารักแบบวงลงไปได้น่าฟัง เข้าใกล้ดรีมป๊อปลอย ไปเลย 夏がそうさせた เติมความนุ่มเข้าไปในโชว์อีกหน่อย กีตาร์เบาๆ ชวนโยกเอวไปมา แล้วขยับจังหวะลงมาเป็นบันลาดอันอ่อนโยนแล้วพุ่งกับเข้ามานุ่มนวลเหมือนเดิม なんかさ ร้อนเรียงเมโลดี้หวาน ออกมาเป็นจังหวะสนุก ได้เพลินมาก ท่อนดรอปแล้วโชว์พลังเสียงหวาน แล้วฟาดกลองเข้าฮุกสนุก คือเพลินมาก โซโล่ก็โจ๊ะเอาเรื่อง Pink Jungle House กีตาร์ขยี้มาขนาดนี้ พร้อมด้วยนักร้องที่ส่ายเอวได้น่าตีมาก แล้วกรี๊ดกระชากเข้าเซิร์ฟมัน อีกยก เป่าเมโลดี้น่ารักๆ ให้ฟุ้งใส่คนดูทั้งเวที STORY กีตาร์หวาน ขึ้นมาละลายใจคนดู แล้วฟาดจังหวะสนุก เข้าใส่จนเราเผลอยิ้มเลย แผดเสียงขึ้นมากระตุ้นอะดรีนาลีนทุกคนจนต้องโยกตัวตามดนตรีน่ารัก ของพวกเขา 明るい未来 ซัดเซิร์ฟน่าเอ็นดูมาให้เราต่อทันทีหลังคำว่าขอบคุณค้าบส่งคลื่นความชิลออกมาไม่หยุดหย่อน โยกไปกับเขาได้ทุกห้องดนตรีระหว่างกีตาร์สามตัวที่โน้ตน่ารักโดดเด้งมาก お別れの歌 โอ้ย เซิร์ฟไม่หยุดเลย คนดูก็เต้นเข้าไปสิ ไลน์กีตาร์มันชวนยุกยิกหัวใจเจง พลังเสียงของนักร้องนำก็ไม่ตกเลย

กลับไปที่เวทียกล้อ ก็มีโชว์ของ DCNXTR ต่อ พวกเขาคืออิเล็กทรอนิกดูโอ้ที่อยู่คู่งานฟังใจมาตั้งแต่เห็ดสดแรก ตอนนี้ก็ถึงเวลาของพวกเขาใน Maho Rasop กันสักที พอกลับเข้ามาในฮอลก็ได้ยินเสียงเพลง Summer Rain เวอร์ชั่นรีมิกซ์เป็นเพลงแรก ต่อด้วยเพลงที่สอง P./Again ที่ให้อารมณ์ต่อจากเพลงที่แล้วได้ดีมาก ต้องขอชมเสียงของลูกน้ำ (ร้องนำหญิง/ ซินธิไซเซอร์) ว่าวันนี้เสียงหวานมาก เข้าคู่กับดนตรีได้ลงตัว ฟังแล้วเคลิ้มโดยเฉพาะท่อนที่ร้องว่า ‘Do you remember’ ก็คือเป็นขนลุกเลยจ้า ต่อด้วยเพลง Y ที่ทำให้ทุกคนเริ่มโยกตัว ส่ายหัวกันได้แล้ว พอจบเพลง ลูกน้ำก็เริ่มคลออีกเพลงอย่างช้า แล้วชาลี (ร้องนำชาย/ เบสซินธิไซเซอร์) ก็เริ่มวาดลวดลายการเล่นเบสอย่างเมามัน และนี่คือเพลง drum n bass ที่พวกเขาได้นำเสนอด้านใหม่ ให้เราได้รู้จักและต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในเพลงที่เราชอบมาก นั่นคือ Ham เพลงต่อมา Copy/Run เหมือนเป็นการอุ่นเครื่องว่าต่อไปนี้ stage นี้จะลุกเป็นไฟแล้วนะ แล้วก็จริงอย่างที่ว่าเพราะหลังจากนี้ก็เล่นต่อกันติดเหมือนเมดเลย์ยาวไปจนถึง Cont. รีมิกซ์ที่เป็นเพลงใหม่ของพวกเขา ซึ่งเวอร์ชันนี้เล่นสดเพราะมากเลย ตอนเล่นโชว์มีตอนที่ทั้งสองคนเล่นเครื่องซินธิไซเซอร์แล้วปล่อยมือพร้อมกันเป็นท่ายกมือขึ้นประมาณ 3-4 รอบแล้วเพลงจะหยุดแปบนึงก่อนกลับมาเล่นต่อ คือเท่สุด พวกเขาคิดโชว์มาดีมาก ก่อนที่เข้าสู้ช่วงสุดท้ายด้วยเพลง Beautiful Moments ซึ่งมีความเป็นเพลงสำหรับ end credit สำหรับโชว์เลย แล้วปิดด้วย Summer Rain reprise บอกได้เลยว่าทั้งอิ่มทั้งมัน ซาวด์ก็ดีมากถึงมากที่สุด เรื่องวิชวลและไลท์ติ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ในเวลาเดียวกันที่ Khamram Stage by LEO ก็เป็น Summer Salt วงอินดี้ป๊อปน้องแน้วจากเท็กซัส ฟังแล้วนึกถึงเพลงป๊อปยุค 60s หลังจากซาวด์เช็กกุ่งแก๊วกันไป ก็ขึ้นมาพร้อมเพลงแรกพร้อมกับคนดูที่พรั่งพรูเข้ามาเรื่อย จนแน่น แล้วก็เล่นเพลง Heart and My Car และตามมาด้วยจังหวะที่เบาลงหน่อยกับ Speaking Sonar มาถึงเพลงจาก EP ล่าสุด Little Chimmy แมทธิว นักร้องนำ พูดซ้ำ ว่า วันนี้เป็นวันที่ดีมาก สำหรับเขา แล้วต่อด้วยเพลงที่มีชื่อเพลงเป็นชื่อวงตัวเองอย่าง Summer Salt จีบคนดูต่อด้วยการบอกว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้งดงามสำหรับผมเพื่อเข้าเพลง Sweet to me ซาวด์ย้วย ทำเอาเขินไปตามกัน รู้สึกโรแมนติก แต่จริง ๆ เป็นเพลงของคน insecure สุด ๆ ต่อด้วย Rockaway และเพลงหวานเจี๊ยบอย่าง Honeyweed และบิลด์คนดูต่ออีกด้วย Life Ain’t The Same เพราะเพลงนี้โซโล่เพราะจริง นะ เรียกเสียงกรี๊ดได้รัว เลย ใช่จ้ะ ถึงเวลาเพลงดังสุด ของวงแล้ว อย่าง Revvin’ my Cj7 และ Candy Wrappers แมทธิวน่ารักมาก ขอเสียงคนดูเรื่อย พอคนดูกรี๊ด ก็กรี๊ดคนดูกลับด้วย เราเผลอหัวเราะออกมาเลยตอนนั้น ฮ่า ตามมาด้วยเพลงเร้าจังหวะหน่อยอย่าง Time Away From Home ต่อด้วย Favorite Holiday และหลังจากฟังไปกว่า 14 เพลงแล้วก็มาถึงเพลงสุดท้ายอย่าง Driving to Hawaii แมทธิวก็ยังเซอร์ไพรส์เราไม่หยุดด้วยการกระโดดลงจากเวทีซึ่งสูงมากมาหาคนดูแถวหน้า พร้อมกับไล่จับมือ น่ารักจริง เป็นอีกวงที่ร้องดี ดนตรีแน่น และหวานเจี๊ยบจนมดจะขึ้นเวที 

จนเวลา 18.15 ที่ Maholarn Stage ก็เป็นอีหนึ่งวงพระกาฬที่หลายคนอยากดูมานาน Badbadnotgood วงแจ๊สร่วมสมัยที่ฝีไม้ลายมือหาตัวจับยาก และด้วยเพลงรวมถึงโชว์ของพวกเขาได้เปลี่ยนให้งาน Maho Rasop Festival กลายเป็น jazz festival ไปชั่วขณะ ไม่เพียงแต่เพลงของพวกเขา แต่บรรยากาศโดยรวมของงานคือเหมือนมางานแจ๊สจริง คนดูตั้งใจดูกันมากถึงมากที่สุด ใครคุยกันดังคือจะดูเสียมารยาทไปเลย แล้วจะมีเสียงตบมือและเสียงร้องในทุก ท่อนอิมโพรไวส์ของเครื่องดนตรีเครื่องใดเครื่องนึง เปิดมาอย่างยิ่งใหญ่ด้วยดนตรีแจ๊สร็อกโคตรชวนหัว ต่อด้วย And That, Too แทร็คแรกจากอัลบั้ม IV ที่กล่อมเราด้วยบีตนุ่ม ของคีย์บอร์ดซาวด์แปร่ง แล้วพาเดินเรื่องต่อด้วยซินธิไซเซอร์สุดปวดตับ มีเสียงเบสคอยคุมอยู่ห่าง และมีเสียงเทเนอร์แซ็กโซโฟนตามเข้ามาแบบละมุนละม่อม ตอนนี้จำได้แม่นว่าไฟบนเวทีผสมกับสโมคสร้างบรรยากาศลึกลับแต่ชวนฝันอยู่ไม่น้อย เสียงเครื่องเป่าเข้าขยี้เราอย่างไม่เว้นวาง ช่วงพักพวกเขาก็ทักทายคนดูเล็กน้อย แล้วกลับไปตะบี้ตะบัน แทรกท่อนร็อกเข้ามาในช่วงท้ายของเพลง ทำเอาเราเหวอไปเลย ก่อนจะดรอปลงและกลายมาเป็นอินโทรเข้าเพลง Kaleidoscope  แล้วเพลงต่อไปก็ขึ้นมาด้วยซินธิไซเซอร์หลอนป่วง ซาวด์วืดแทรกเข้ามาเป็นระยะ ที่พอเริ่มมีบีตกลองเบา เข้ามา พวกเขาก็เปลี่ยนบีตและช่วยให้คนดูตบมือ เรานี่ดิ้นกันไม่หยุด ต่อด้วย Speaking Gently กับท่อนโซโล่เบสที่เท่สุดตัว มีเสียงร้องวู้ด สุดเพี้ยนอีกต่างหาก หรืออีกเพลงที่กล่อมเราด้วยเทเนอร์แซ็กเพราะมาก แล้วไปต่อกันในเพลงเท่ ที่พวกเขาร่วมงานกับ Kaytranada ใน Lavender กับเบสโคตรเท่ก่อนจะจากกันไปใน CS60 เป็นเพลงสุดท้าย ได้ข่าวว่าตราตรึงจนหลายคนน้ำตาซึมกันเลยทีเดียว

ที่เวทียกล้อ มีอีกคนที่น่าดูมาก คือ Maft Sai เวทีอื่นเป็นยังไงไม่รู้เพราะพออยู่เวทีนี้ก็เหมือนอยู่คนละโลกไปเลย Maft Sai หรือนัท แห่ง The Paradise Bangkok Molam International Band ชุบชีวิตเพลงไทยเก่า ให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ขนมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเพลงไทย เพลงพื้นบ้าน ไปยันเพลงอินเดีย พอรวมกับวิชวลที่ชวนพิศวงยิ่งทำให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เป็นที่ถูกใจของทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ฟังเพลินจนไม่อยากออกเลยจริง

เดินลงมาที่เวทีคำรามจ้า ได้เวลาของอีกไฮไลต์จากญี่ปุ่น CHAI กับ 4 สาวmujจะเปลี่ยนคำจำกัดความของคำว่าคาวาอี้ไปตลอดกาล แบ็กกิ้งแทร็กก็ตะโกนว่า C! H! A! I! ไปเรื่อย น้อง ก็กรูกันออกมาในชุดสีชมพูพร้อมประจำตำแหน่งตัว น้องส่ายตูดโชว์ด้วย น่าร้ากกกก CHOOSE GO! เบสฟาดมาขนาดนี้ ทุกคนกรี๊ดลั่น แล้วเต้นตามทันที น้องเต้นตามทุกจังหวะในท่อนเชื่อมด้วย คุมจังหวะเท่ ด้วยกลองกับซินธ์แล้วสาดความน่ารักมาตามแสงสีแดงชมพูทั่วเวที แล้วเร่งจังหวะให้พีคแล้วตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน วู้วววว ボーイズ・セコ・メン กีตาร์เค้นจังหวะเท่ มาแบบนี้ กลองกับเบสก็ตบเข้ามาได้อารมณ์สุด คนดูก็เลื่อยตามจังหวะอย่างพร้อมเพียงกันท่อนฮุกน่ารัก ที่ปาดด้วยซินธ์แหลม เพลินหู ท่อนแร็ปคือเอาเรื่องมากกกก แล้วเข้าท่อนฮุกด้วย ฮา ฮะ ฮา ที่ชวนอมยิ้ม ก่อนจะโซโล่ด้วยซินธ์ในตอนจบ あのコはキティ กลองฟาดปุ๊บ กีตาร์ก็ช่วยประคองต่อ แล้วช่วยกันบรรเลงให้มันเท่มากเร่งจังหวะให้เดือดประหลอดแตก เรียกเสียงเฮคนดูได้กระหึ่ม ファッショニスタ เบสนุ่ม เข้ากับกลองแน่น มาก แล้วน้องแฝดก็ถือป้ายมาโบก คนดูก็โบกมือตาม ทั้งสองก็เต้นไปมาก่อนมือเบสกับกลองจะลงมาเต้นด้วยกันพร้อมจบด้วย We Are Chai ส่งคลื่นสีชมพูจนคนดูหัวใจวายกันหมด แนะนำตัวกันได้น่ารักมาก พร้อมบอกว่าเธอรูปร่างเป็นยังไงบก็ตาม มันคือความน่ารักในยุคนี้ นี่แหละคือ Neo Kawai  ยังกะสัมมนาเฟมินิสต์ ก่อนจะถามทุกคนว่าสนุกใช่มั้ย เมื่อทุกคนตอบว่า yes ก็ฟาดกล้องตาม แล้วลากเข้าจังหวะมัน ของ N.E.O. ต่อทันที ทุกคนร็อกกันสุดตัว ท่อนฮุกที่ทุกคนตะโกนร้องตามได้ทุกท่อน ฟาดมากทุกท่อนจริง ก่อนจะดรอปแล้วซัดขึ้นมาอีกรอบจนเราเผลอกรี๊ดออกมา クールクールビジョン น้องนักร้องนำก็ให้มือเบสมาเล่นซินธ์แทน แล้วเพลงก็เวิร์ลไปเลยด้วยเสียงสังเคราะห์พุ่ง โฉบเฉี่ยวสุด นักร้องก็ปล่อยพลังสุด พาคนดูไฮป์สุด ไปเลย ร้องด้วยเต้นด้วย เร่งให้เพลงยิ่งเกือดไปด้วย ดรอปไปแป๊ปนึงแล้วกลองกับซินธ์คือเบียดเสียดกันไปมาจนเวทีจะลุกเป็นไฟ แล้วสลับจังหวะทันทีให้ร็อกขึ้น GREAT JOB ไม่ปล่อยให้พักเลย ซินธ์สามตัวคือดุเดือดบ้าบอ มีช็อตหัวเราะชูมือแล้วฟาดดนตรีเข้ามาต่อทันที เป็นซีนที่บ้ามาก ก่อนจะปลุกปล้ำกับบีตได้สนุกสนานไปทั้งเพลงเลย ท่อนโซโล่ก็เฟี้ยวฟ้าวไปเลย カーリー・アドベンチャー ลดจังหวะลงหน่อย แล้วปล่อยให้ซินธ์แผดเสียงขึ้นมา เรียกเสียงกรี๊ดทุกคน กลายเป็นจังหวะเบา ชวนโยกมาก ท่อนฮุกคืออัดดนตรีเข้าไปได้รุนแรงมาก THIS IS CHAI น้องมาในชุดมาสคอตสีเขียวน่ารักน่าหยิก พร้อมแบ็คกิ้งแทร็คที่เท่มาก แล้วไลน์เต้นน้องน่ารักมาก แบ่งไลน์กันเต้นได้น่าเอ็นดู มีท่าสโล ท่าซ้อนตัว ทุกคนก็ตะโกนตามเพลง C! H! A! I! ชัยยยยยย ชอบท่าเต้นที่เต้นตามกัน มาก ก่อนจะรูดซิบออกมาเป็นน้องแฝดที่เต้นได้มันมากก่อนจะจบด้วยโพสสวย รอบนี้น้องมือเบสกับมือกลองก็เอาของเล่นมากดบีทเองเลย พร้อมเสียงออกมาได้เทิ้นอยู่เหมือนกัน ซักพักคนนึงเต้น อีกคนเลยเต้นตามในความเงียบ เรียกเสียงกรี๊ดได้ทันที ก่อนจะเร่งจังหวะความมันได้เท่มาก I’M ME ทุกคนก็กลับมาประจำที่กันต่อ แล้วสาดซินธ์หวาน ใส่คนดูให้เต้นตาม ก่อนจะตะโกนแล้วกระชากทุกคนเข้าจังหวะหนึบ ต่อ เสียงร้องสดใสของน้อง ก็เติมความสดชื่นให้เพลงได้อย่าน่าประหลาด ตอนท้ายเพลงก็ขยี้กลองได้เท่สุด แถมโชว์โซโล่กลองไปอีกหนึ่งชุดได้น่ารักมาก FUTURE แบ็คกิ้งแทร็คเสียงเด็กน่ารัก ถูกอาบไปด้วยซินธ์นุ่ม เบสและกลองเข้ม โคตรเท่ ยิ่งท่อนฮุกคือแสบทรวงมาก ก่อนฮุกสองน้องมือกีตาร์กับเบสก็มีท่าเต้นนิด ด้วย ฮุกสองก็ใส่ความน่ารักเข้ามาได้ปลื้มมาก หลังฮุกที่สาดซาวด์หวาน เข้ามาใส่เราไม่หยุด จนเราต้องเต้นตามเลย

จากนั้น วงดนตรีอินดี้ร็อกที่ทุกคนรอคอยให้กลับมากระชากความเป็นวัยรุ่นที่เวทีหลักก็พร้อมแล้ว The Drums ที่เคยมาเล่นที่บ้านเราเมื่อปี 2011 นู่น ตอนนี้วงกลับมาเหลือแค่สมาชิกเพียงคนดียวคือจอนนี่ แต่ดีกรีความมันไม่ลดละเพราะมีอัลบั้มใหม่ Brutalism มาให้ได้ดีดดิ้นกันด้วย เขาขึ้นเวทีมาแบบมืด พร้อมแบ็คกราวด์สีม่วงสะใจพร้อมคำว่า The Drums สีเขียวนีออนกระแทกเบ้า เปิดด้วย Days เพลงโปรดของหลาย คนในจังหวะชวนโยก เมื่อจบเพลงเขาขอบคุณและแนะนำตัว พร้อมต่อด้วย Best Friend ที่จังหวะหนึบขึ้นจากใน audio ลีลาการเต้นสุดสะแด่วของจอนนี่มันน่าตีจริง มีการยื่นไมค์ให้ช่วยร้องด้วย จากนั้นก็เป็น Heart Basel และ Book Of Stories ก่อนจะเป็นเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้มล่าสุดที่ท่าเต้นยั่ว มากจ้ะแม่ ตามด้วย Body Chemistry ที่ชอบม้ากจากชุดนี้ ที่พี่แกเต้นไปวาดมือในอากาศไปแบบเฟียซ ก่อนจะขอบคุณและส่งเพลงสุดน่ารักจากชุดก่อน Let’s Go Surfing มาให้ได้ฟังกัน พร้อมมีเซอร์ไพรส์จากสี่สาว Chai มาเต้นท่า The Beach Boys ในเพลงนี้ สาว มารุมเต้นตรงกลางตอนท่อนฮุคแล้วก็กลับไปเต้นข้าง ริมเวที เป็นสีสันสดใสของเฟสติวัลเราจริง

จบจากนี้ก็เป็นเพลง Money โอ้โห ตำนานวัยรุ่นมาก แล้วเร่งบีตซะเร็วแบบโยนตัว ช่วงก่อนเข้าฮุกก็พูดกับเราว่า ‘Let’s have some fun okay?’ แล้วให้พวกเราช่วยร้องพร้อมทำท่าฟังแบบเล่นใหญ่ ท่อนบริดจ์เปลี่ยน กลองเป็นจังหวะเร้า ๆ มัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นบีตหนึบหนับ สนุกมาก แล้วถึงกลับมาที่เพลงชุดใหม่กับ 626 Bedford Avenue ที่ร้อง เฮ้ พร้อมกับ เปิด md เท่ ก่อนเข้าเพลง โดยช่วงท้ายก็ดึงจังหวะยืด พร้อมบอกว่า ‘I love you guys so much, so much, so much’ แล้วก็เป็นเพลง Rich Kids ที่เดินย่อขากวน ตามด้วยอีกเพลงฮิต How It Ended และ Blood Under My Belt ซึ่งก่อนจะจากกันไป จอนนี่ก็บอกว่า “Bangkok, Thailand, thank you so much. We’re the Drums. Goodnight!” และจบไปกับเพลงช้า Down by the Water ที่แสงไฟบนเวทีมืดลงจนสปอตไลต์ส่องไปที่จอนนี่ให้เราร่วมร้องเพลงไปกับเขา ฮือ

ที่เวทีคลับมีดีเจ gane changer อีกคนที่ชาวอิเล็กทรอนิกต่างรอคอยกับ YOUSUKE YUKIMATSU ชาวญี่ปุ่น ที่เปิดเซ็ตมาก็เป็น Born Slippy ของ Underworld เลย ซาวด์ซิ่งมาก คนอะไรเอาเสียงซูเปอร์คาร์เร่งเครื่องมาผสมกับดนตรีอิเล็กทรอนิกได้เท่สุด เร่งเร้าให้โดปามีนทุกคนกระฉูดด้วยเบสและกลองเข้ม กดสุดบีตมาก ไปถึงเรฟเดือดๆ ยิ่งผสมกับไฟที่เฮี้ยนมาก เหมือนอยู่คนละโลกกับเมื่อกี้ไปเลย ไดนามิกแต่ละเพลงของเขาคือไม่ปล่อยคนดูพักเลยพ่อ สาดบีตมาไม่ยั้ง หัวเหลืองหัวดำก็เต้นยับหมด ตัวศิลปินก็หมุนฟิลเตอร์ทุกอย่างที่จะหมุนได้เพื่อสะกดทุกคนเอาไว้ในห้องนี้ แถมเขายังถอดเสื้อเล่นอีก รูปกล้ามที่งดงามปลุกปล้ำกับเทิร์นเทเบิ้ลก็เป็นเหมือนเพอร์ฟอร์แมนซ์อย่างนึงด้วย บอกเลยว่าเซ็ตนี้ถูกใจเด็กเรฟ 90s สุด

ส่วนที่เวทีคำราม ก็ต้องเป็นวงที่แนวเพลงสมกับชื่อเวที Deafheaven วง black metal ที่ผสมเอา shoegazer, post rock เข้าไว้ด้วยกัน จนกลายมาเป็นส่วนผสมของดนตรีหนักหน่วง เสียงร้องเกรี้ยวกราด แต่งดงามด้วยเมโลดี้สุดไพเราะ เรารู้จักพวกเขาจากปกอัลบั้มสีพาสเทลไล่เกรเดียนต์กับดีไซน์มินิมัลสุดหวานแหวว แต่ใครจะไปรู้ว่าดนตรีของพวกเขาจะดุหูแตกขนาดนี้ ก็กลายเป็นตราตรึงใจตลอดมาและได้มีโอกาสได้ดูก็จะไม่พลาด คือถ้าจำกันได้ตอนเราประกาศชื่อพวกเขาเพิ่มเข้ามาในไลน์อัพนี่ก็ถือเป็น game changer เหมือนกันนะ ทุกคู่สายตาเบนมาจับจ้อง Maho Rasop Festival กันหมดเลยจ้า เอาวงเมทัลมาเล่นหูแตก บ้ารึเปล่าาาาา อ้ะ มาลองดูกันว่าจะสมคำร่ำลือไหม เปิดประเดิมกันด้วยซิงเกิ้ลล่าสุดที่เพิ่งปล่อยมา Black Brick กับกีตาร์เสียงแตกไม่เกรงใจใคร ทีมงานชาวร็อกเสื้อดำมารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียง และตบเท้าเพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ ขณะที่เราเองก็เห็นว่ามีคนจำนวนนึงเหมือนกันที่เดินออกไปจากเวทีนี้ เพื่อนรั้งไว้ก็ตอบกลับมาว่า ‘ไม่ไหวมึง ไม่เก็ต’ คือพอดีเพลงนี้มันก็หนักหน่วงกว่างานก่อนหน้าพอสมควร แถมยาวไปเจ็ดนาทีครึ่ง ก็เข้าใจได้ เอ้า ใครไหวอยู่ต่อกับเพลง Brought to the Water เพลงสุดเคว้งที่ไม่ปล่อยให้เราคว้างนานเพราะกลองสปีดกระเดื่องเร้า ๆ และกีตาร์ที่เล่นโน้ตหน่วงประหนึ่งระฆังในวิหารกำลังเหง่งหง่างกังวานในช่วงต้น แล้วก็ฟาด ๆๆๆๆ ต่อเนื่อง คนดูก็คลั่งไม่แพ้กัน เริ่มมอชอย่างบ้าคลั่ง (แผลจาก King Gizzard & the Lizard Wizard ทำอะไรพี่ ๆ ไม่ได้ใช่ไหมคะ) พอพ้นช่วงเดือดดาลกันไปแล้วก็เป็นเมโลดิกกีตาร์สุดงดงามให้ได้พักหายใจหายคอ อีท่อนแตแน้แนว นี่น้ำตาจะซึมเอาให้ได้ ไล่สเกลกีตาร์กันสดสวยเหลือเกิน มันมีความทำให้นึกถึงเพลง ก่อน ของ Moderndog แล้วก็เป็นเพลง Honeycomb ชื่อเพลงหวานปานรังผึ้งแต่มาโหดอีกแล้วโว้ย กีตาร์เพราะมาก ๆๆๆๆ แต่สะท้านกันไปเลยกว่าสิบเอ็ดนาที โยกกันให้ตายไปข้าง ความพลังของเพลงนี้ซัดสาดเอาเราตกอยู่ในภวังค์ความหม่นแบบไม่ต้องฟังรู้เรื่องก็ได้ว่าเขาร้องว่าอะไรบ้าง มีท่อนที่เร่งจังหวะให้ได้โดดอัด ๆ กัน ก่อนจะผ่อนเบาในตอนท้าย แต่เพลงที่เราขอยกให้เป็นพระเอกในเซ็ตนี้เลยคือ Canary Yellow ฟังตั้งแต่ปล่อยมาแรก ๆ นั่นก็ว่าประทับใจมากแล้วนะ จนได้มาดูสด ๆ ก็วันนี้ กับเมโลดี้อ่อนโยนสุดล่องลอยต้นเพลงให้ได้พักเหนื่อย เสียงซินธ์สว่าง ๆ ราวกับเป็นทางเปิดไปสู่สวรรค์ทำให้น้ำตามันซึมออกมา คือในเพลงเนี่ย มันมีประมาณ 7-8 พาร์ต ที่เปลี่ยนจังหวะการเล่นอะไรต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ทุกสองนาทีช่วงแรกจากยืนกันนิ่ง ๆ ก็มีคนเริ่มพาวิ่งเป็นเซอร์เคิลพิตละ พอเข้าท่อนว้ากเท่านั้นแหละ พุ่งชนเข้าหากันแบบไม่ลืมหูลืมตา แล้วท่อนต่อมาก็เป็นฟีลแบบอัลเทอร์เนทิฟร็อกกับไลน์กีตาร์ที่โคตรสวย ก่อนตัดไปเป็นโพสต์ร็อกหน่วง ๆ แล้วโยนเข้าเมโลดี้กีตาร์ลีด ตื๊อดือ ดื่อดือดื๊อดือ ที่ฟังแล้วต้องร้องไห้ตามและโยกหัวเฮดแบงไปกับกลองกระเดื่องคู่ จนมาคลี่คลายในท่อนที่ซาวด์กรันจ์ ๆ สุดเท่ พอเข้าท่อน ‘On and on and on we choke on’ แล้วทุกคนร้องตามพร้อม ๆ กันคือน้ำตาไหลไปเลย เสียงคนดูโห่ร้องให้กับความงดงามอันเดือดดาลนี้ ยัง ยังไม่หมด ต่อกันทีอินโทรของเพลง Sunbather ที่ขึ้นมาให้ตบมือกันก่อน แล้วพอเข้าพาร์ตกีตาร์ มือทุกคู่ก็หุบลงแล้วพุ่งกันไปมอชต่อเลยโว้ยยยย และปิดท้ายกันไปด้วย Dreamhouse ที่ก่อนจะจากกันไป จอร์จก็บอกว่า ‘This is our first time in Bangkok. You guys are amazing, thank you. We’ll be back.’ โห คือ กลับมาจริง ก็ไปดูอีกอะ แล้วมีช่วงที่เขาโดดลงมาบอดี้เซิร์ฟ จากพิตฝั่งซ้ายเวที ลอยมาฝั่งขวา โอยยย ประทับใจมาก หลายคนยกให้เป็นหนึ่งในโชว์ที่ดีที่สุดของเฟสติวัลเลย

สารภาพก่อนว่าไม่เคยรู้จัก bbno$ มาก่อน แต่พอเข้าไปใน Yoklor Stage by Vespa ก็รู้ได้ทันทีว่าวงนี้มีชื่อเสียงแน่นอน เพราะทุกคนดูตั้งใจมาดูเยอะมาก มากันเต็มฮอล แล้วไม่ต้องบิลด์อะไรมากมาย เพราะ bbno$ ดูจะเชี่ยวชาญการขึ้นเวที เล่นกับคนดู ชวนคนดูให้จอยกับโชว์ตั้งแต่แรกเลย พอดนตรีขึ้นมาทำนองน่ารักกุ๊งกิ๊ง นึกว่าเป็นเพลงใส โอแม่เจ้า แร็ปมันหยดย้อย ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย เดือดตั้งแต่เริ่มเลยพ่อคุณ เล่นไปสักพักก็ชวนคุยต่อ อารมณ์เหมือน talk show แล้วมีเพลงประกอบ จังหวะแร็ปของ bbno$ โฟลวมาก เว้นช่วงจังหวะต่าง เข้ากับดีเจได้เป็นอย่างดี ส่วนคนดูก็ turnt กันยับ เพลงของ bbno$ จะมีความกวน ไร้เดียงสา แต่โชว์ได้อย่างร้ายกาจมาก ส่วนการเอนเตอร์เทนของพ่อคุณ เอาไปเลย 10/10 มีการให้คนดูพูดตามว่า ชะชะช่า ชวนคนดูขึ้นมาสนุกบนเวที บอกให้คนนั้งแล้วกระโดด หรือแม้แต่การแบ่ง When I say ‘Bang’, you say ‘Kok’ รวมเป็น ‘Bangkok’ เอาใจแม่ยกคนไทยซะด้วย เล่นไปสักพัก bbno$ เริ่มร้อน ถอดทั้งหมวกทั้งเสื้อ เดือดมากพ่อ ก่อนที่จะเล่นเพลงฮิตเพลงสุดท้ายนั้นก็คือ la la la อยู่ดี ก็เปิดเพลง Never Gonna Give You Up ของ Rick Astley เฉย ซึ่งทุกคนก็ไม่สนใจยังเต้นต่อไป (กวนมาก) จนสุดท้ายก็ยอมเล่นเพลง la la la สักที ซึ่งทุกคนก็คือร้องได้หมด มาเพื่อเพลงนี้เลย ก่อนที่จะจบมีเพลงแถม เหมือนนักร้องอยากเล่นต่อ คนดูทุกคนเอาโทรศัพท์มาส่องไฟให้ น่ารักมาก ศิลปินดูแฮปปี้มาก คนดูทุกคนทำให้ศิลปินมีกำลังใจอยากมาเล่นอีก สุดยอดมาก ตบมือให้เลย

ที่ main stage คนก็รีบกรูไปเพื่อดูอีก headliner ที่เพิ่งกลับมารวมตัวกันหมาด หลังจากพักวงไปเมื่อปี 2014 Bombay Bicycle Club กลับมาแล้ว พร้อมซิงเกิ้ลล่าสุดที่หลายคนก็ตั้งใจจะมารอฟังที่งานนี้แหละ จัดไปยาว เลย เปิดมาที่ Emergency Contraception Blues และ Shuffle เมื่อจบเพลงเขาก็พูดกับคนดูว่า ‘Hope you have a great time’ พร้อมกับเล่น It’s Alright Now, Dust on the Ground แล้วต่อกันที่เพลงฮิตที่หลายคนรอคอย Lights Out, Words Gone โห พอได้ฟังสด แล้วก็ซึมไปเลย ได้ฟังแล้วเว้ยยยย รอกันมานานจบเพลง เขาก็พูดว่าเมื่อหลายปีก่อนพวกเราได้พักวงไป มันเป็นความคิดที่แย่มาก เรากลับมาเราก็เลยมีเพลงใหม่จากอัลบั้มใหม่ที่เราจะเล่นกันในงานนี้ด้วย มันคือ Eat, Sleep, Wake (Nothing but You)” แต่เพลงที่ดันเล่นต่อคือ Everything Else Has Gone Wrong แล้วพอจบเพลงเขาเลยบอกว่า อันนั้นไม่ใช่ กำลังจะเล่นอันนี้แหละ แล้วเสียงซินธ์ปั่น อันคุ้นเคยกับจังหวะสุดเท่ของเพลง Eat, Sleep, Wake (Nothing but You) ก็ดังขึ้น อาห์ นิพพานแล้วจ้ะแม่ Your Eyes ทุกคนปรบมือตามจังหวะอย่างพร้อมเพียง น่าจะบอกได้ว่าทุกคนรักเพลงนี้มากแค่ไหน กีตาร์ก็ย้วยเว่อ แต่กลองรัวเข้ามาเพื่อลากเข้าฮุกที่สะดีดสะดิ้งสุด ไปเลย พอถึงท่อนเชื่อมก็ชวนทุกคนปรบมืออีกครั้งแล้วลากเข้าท่อนสองได้ไฮป์มาก กีตาร์ตุ้งแหน่ว นี่มันสะกิดใจเราจริง แต่จัดโซโล่เท่ ก่อนฮุกให้ดอกนึงแล้วบรรเลงฮุกได้จัดเต็ม แถมจัดร็อกให้อีกช็อตหลังฮุก ทุกคนก็ปรบมือตามท่อนเชื่อมอีกอย่างพร้อมเพียง เลยจัดไลน์กีตาร์หวาน ให้อีกดอกแล้วลากเข้าโซโล่มัน ทำทุกคนคลั่งไปเลย แต่ยังไปได้สุดกว่าที่เราจินตนาการมาก ไม่รู้จะอธิบายให้คนไม่รู้ตรงนี้เข้าถึงยังไงจริง How Can You Swallow So Much Sleep จากกีตาร์รีเวิร์บเพลงที่แล้วก็เชื่อมเข้าเพลงนี้ได้งดงามหมดจดจริง ร้องนำกับกีตาร์ก็เดินมาปะทะคอร์ดกันหน่อย พอถึงท่อนร้องทุกคนก็ร้องตามกระหึ่มเวที พอท่อนซ้ำคำก็ลากเข้าจังหวะเท่ ไปเลย แต่ฮุกก็เท่กว่าพันเท่าด้วยกีตาร์สามตัวและกลองที่มันสุด ช่วงท้ายเพลงที่ดรอปดนตรีลง ทุกคนก็ตะโกนพร้อมกันว่า ‘Can I wake you up’ ต่อกับไลน์กีตาร์หวานเยิ้ม Overdone โซโล่หลังฮุกคือเค้นเสียงกีตาร์ออกมาเท่บ้าบอมาก ฮุกสองคือโดนสะกดมาก แล้วหลังฮุกคือเติมความร็อกลงไปได้เดือดมากกดก ซัดพายุเมโลดี้ใส่คนดูจนต้องโยกหัวตาม 11 ในวาระครบสิบปีวงจะเล่นเพลงนี้ พออินโทรขึ้นทุกคนก็กรี๊ดตาม กีตาร์ยังคงบาดใจเราได้ทุกเพลงจริง ท่อนเชื่อมที่กีตาร์สะดิ้งมาก ฮุกสองเลยซัดเข้ามาด้วยเนตรีที่มันกว่าเดิม จังหวะฟาดกลองคือโยกตามหัวจะหลุด กีตาร์ก็ค่อย ประดิษฐ์ประดอยซาวด์ขึ้นมาเพื่อทุบตีมันอย่างบ้าคลั่งด้วยร็อกเท่ Lamplight กลองรัวมากะเอาตาย กีตาร์ค่อย ประกอบตัวเองขึ้นมาช้า ฟาดด้วยเบสอีกหน่อย แล้วพุ่งเข้ามาพร้อมดันเป็นดนตรีที่อยากเต้นตามทันที เบสคือเท่วัวตายควายล้ม แย่งซีนได้ทุกดรอป ท้ายเพลงที่ร้องแบบไม่มีดนตรีคือใจละลายเลย แล้วซัดโซโล่อีกดอกให้รู้ว่ารุ่นใหญ่เขาเจ๋งแค่ไหน Evening/Morning เสียงร้องหวาน ของเขาเรียกเสียงกรี๊ดได้ถล่มทลาย ก่อนจะใช้กลองไฟฟ้าเข้ามาระบายให้ดนตรีหวานนุ่มมาก ฮุกที่ใส่ความกรู๊ฟลงไปด้วยคอรัสกับกลองจริงก็อิ่มใจเลย Home by Now อินโทรมาก็เฮี้ยนเลยจ้า โชว์ริฟกีตาร์เองเลย จังหวะกลองแบบนี้ไม่โยกตัวได้ไงวะ แถมป้ายด้วยกีตาร์หวานแบบนี้คือละลายไปเลยจ้า คอรัสฟาดมาที แล้วสาดซาวด์ระยิบระยับมาเต็มหูไปหมด กีตาร์หวาน ฟาดตอนท้ายคือย้วยเลย Feel ซาวด์หนึบ แบบนี้มาพร้อมจังหวะที่ชวนเต้นขนาดนี้ คงอยู่เฉยไม่ไหวแล้วเว้ย ท่อนฮุกโดนเส้นมาก หลังฮุกสองทุกคนก็ ฮู้ว ฮ่า ตามอย่างสวยงาม ฮุกสามคือเอาเรื่องเว่อออออออ Luna เสียงซินธ์หวาน ทุกคนก็ช่วยนักร้องร้องทั้งท่อนไปเลย ดังกระหึ่ม แล้วซัดเข้าจังหวะโจ๊ะ มีดรอปทีนึงที่ทุกคนก็ตะโกนกระหึ่มเหมือนเดิม ฮุกคือละมุนแล้ว เจอหลังฮุกที่สะดิ้งมาก เต้นกันพื้นสะเทือน ครึ่งหลังทุกคนก็ปรบมือตามแบบครื้นเครงสุด แล้วร้องตามไปทั้งท่อน นักร้องขออีกรอบนึงที่ฟาดด้วย outro ที่ดีดมาก พร้อมยิ่งกระดาษแก้วจนทุกคนโฮ่ร้องอย่างไฮป์มาก ครบชั่วโมง ศิลปินก็หายไปจากเวที แต่ทุกคนคือยืนรอปรบมือกันตลอดเวลา ใครจะอดทนได้ล่ะ มาทำให้มันแล้วจากไป พอพวกเขาขึ้นมาคือโห่ร้องกระหึ่มเลย Always Like This จังหวะพุ่ง แบบนี้มาก็สานต่อความไฮป์จากเพลงที่แล้วได้ทันที ไลน์กีตาร์คือนุ่มมาก แล้วลากเข้าความร็อกเต็มพิกัดในท่อนฮุก พร้อมจังหวะพุ่ง ตอนแรกที่สุดพลังกว่าเดิม ฮุกสุดท้ายคือเดือดมากพ่อ เจอจังหวะตอนท้ายเขาไปคือยอมแล้วววว เต้นเหนื่อยแล้ว จนเพลงสุดท้าย Carry Me จังหวะเท่ มาเหนือเว่อ แล้วลากเข้าสวนของเมโลดี้ที่รื่นเริงมากกกก ซีนดรอปแล้วยิงสโมกขึ้นมาคลุมทั้งเวทีไว้คือเท่ชิปหาย ท่อนร้องซ้ำ ‘carry me’ คือไฮป์ไม่ไหวแล้ว ยิ่งเจอสรรพัดเมโลดี้ที่ตั้งขบวนมาอัดเราอย่างบ้าคลั่งเลย คนดูก็ฉีกแข้งฉีกขาไปมา ท่อนจบที่สาดทุกอย่างมาจะติดอยู่ในใจเราไปอีกนาน

และอีกเวทีนึงก็มีแร็ปเปอร์เจ้าบ้านรอสร้างความไฮป์อยู่นั่นคือ Young Bong กับ Youngohm จากการเซ็ตล่วงเลยไปยี่สิบนาทีตอนนี้พวกเขาพร้อมแล้ว ดีเจขึ้นมาเปิดเพลงของตะพ่อ Drake อุ่นเครื่องให้เราได้เต้นกันก่อน แล้ว YB ก็ขึ้นมาพร้อมกับเพลง Gang ที่หลาย คนก็ร้องตามได้อย่างพร้อมเพรียง ส่วนนึงที่เคยไปงาน Crossplay มาแล้วอาจจะสงสัยยังอารมณ์ค้างอยู่กับพวกเขา จบเพลง YB ก็บอกว่าขอเสียงคนที่มากับแก๊งหนึ่งทีแล้วก็เล่น Yeti Gang พร้อมกับให้คนช่วยร้อง อู้ หลังตอนพวกเขาร้องว่า yeti yeti gang แล้วจบเพลงก็ถามอีกว่าใครชอบดนตรีขอเสียงหน่อยแล้วก็เป็นเพลง กัญและกัญ แล้วก่อนขึ้นเพลง AEY OUU ก็ถามว่าไหนใครเมาแล้วเอ๊อูบ้างจนเราก็ยังไม่รู้นะว่าเอ๊อูมันแปลว่าอะไร จากนั้นพวกเขาก็ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ชวนวงพวกเขามาเล่น ด้วยเพลง ให้โอกาส ที่มีคนร้องตามในท่อนพวกมึงใช้ช้อน พวกกูใช้ตะเกียบกันได้เสียงดัง แล้วก็มีเพลง เต้น ที่เท่มากกกก turnt มาก มีท่อนดั๊บสเต็ปด้วย แม่จ๋า ต่อด้วย My Style และ Morning ก่อนจะแนะนำดีเจที่มาเปิดด้วยกันคือ BONGPTON แล้วส่งไม้ต่อให้ Youngohm

เปิดมาด้วยเพลง มีตังค์ สังเกตว่าวันนี้พวกเขามากันเป็น live band เลยจ้า แล้วก็เล่น ไม่ต้องมารักกู ก่อนจะประกาศศักดากับท่อนประจำตัว ‘YOUNGOHM Motherfucker’ แล้วก็เป็นเพลงฮิต เฉยเมย ที่ทุกคนร้องยังไม่ได้นอนกันลั่น จากนั้นก็เป็นเพลง คึกคะนอง ให้ได้คึกกันต่อจากฤทธิ์ข้าวหอม ยัง ยังไม่จบ เอาใจสาวขี้เมากันด้วย ธารารัตน์ และจบกันไปที่ ดูไว้ โอ้ย เต้นกันจนปวดตัวปวดขาไปเลยแม่

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา แต่ชาว Maho Rasop ยังไม่ยอมจบง่าย เพราะยังมี Cosmo’s Midnight วงปิดวงสุดท้ายของเฟสติวัลปีนี้ คนดูทุกคนดูพร้อมมากสำหรับโชว์เพราะเข้ามาแน่นฮอลจนเต็มก่อนที่วงจะเริ่มเล่นซะอีก พอวงเริ่มเล่นบรรยากาศทุกอย่างในนั้นก็คือสนุกมากกกกก เวทีแทบแตก วงเล่นเต็มมาก ถึงแม้หลายเพลงจะใช้ backing track เพราะหลาย เพลงเป็นเพลง featuring แต่นักร้องผู้หญิงที่มาร้องในวันนี้ให้วงเสียงเพราะมาก ฟังแล้วขนลุก อยากให้ทุกคนได้ดูวงนี้ อยากเห็นตอนเล่นข้างนอกน่าจะเอาคนดูได้อยู่มัดแน่นอน ตอนจบงาน แต่คนไม่จบ ฮอลเปิดเพลง September ของ Earth, Wind & Fire คนก็ยังเต้นต่อไม่อยากกลับบ้าน ดูทุกคนยังอยากสนุกต่อ สงสัยต้องเจอกันใหม่ปีหน้าแล้วละ Maho Rasop Festival #TeamMHRS

Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้