Wonderfruit 2019

Article ระเห็ดเตร็ดเตร่

Wonderfruit 2019 ชวนศิลปินไทย จุลโหฬาร, Mattnimare, The Richman Toy, Boyjozz, Abandoned House ร่วมเฉลิมฉลองความสร้างสรรค์ และเปิดรับแรงบันดาลใจใหม่ให้ชีวิต

Wonderfruit 2019 กลับมาแล้ว สด ร้อน หลังจากไปตะลุยมาสามวัน เราก็จะมาเล่าถึงบรรยากาศความสนุก และสีสันสุดเพลินตา กับกิจกรรมที่ทางงานจัดเตรียมไว้ให้เรามากมายอีกเช่นเคย

13 ธันวาคม 2562 Wonderfruit 2019

ในปีนี้เรากะมาแบบไม่รีบร้อนนัก และหลายคนก็คิดแบบเราเลยทำให้ต้องฝ่ารถติดของ prime time จนมาถึงงานช่วงทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นเป็นเวลาที่ Vega เล่นไปแล้ว กับ Valentina Ploy กำลังเล่นอยู่พอดี กว่าเราจะเดินเหิรไปจนถึง SOT (ผังของงานถูกปรับเปลี่ยนจากปีก่อน เราเลยเสียเวลาเดินตามหาพอสมควร) ก็เป็นเพลงสุดท้ายของเธอ แต่จากที่ได้ยินอยู่ไกล ก็รู้สึกว่าเป็นโชว์ที่แข็งแรง เพลงเป็นป๊อปเข้าถึงง่ายและคาแร็กเตอร์ของเธอก็น่าดึงดูด น่าจะกวาดแฟนเพลงจากเวทีนี้ไปได้ไม่น้อยเลย

จากความเลิ่กลั่กลนลานของเราและยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เที่ยง เลยขอมุ่งหน้าไปหาข้าวกินที่เวิ้งอาหารใกล้ เจอกลิ่นกะเพราร้าน Hot Basil เข้าไปก็โดนตก รากงอกตรงนั้นทันที แต่ระหว่างที่กินเราก็ได้ยินเสียงเร็กเก้ดังมาจากเวทีไกล มองไปก็เลยพบว่านั่นคือ Creature Stage หรือเวทีหลักที่ปีก่อนชื่อว่า Living Stage ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่านั่นคือวงอะไรที่เล่นอยู่ จนเสียงร้องที่คุ้นเคยดังขึ้นเลยพบว่านี่คือ Supergoods ที่จัดแจงอะเรนจ์เพลง Intro ที่เป็น neo soul, r&b ออกมาให้มีซาวด์ดั๊บ และมิติของเสียงที่หลากหลาย ต่อด้วยความเท่ในเพลง อยู่เฉย ที่มีหลายท่อนให้เราได้ฟังไปด้วยแล้วรู้สึกสนุกกับเพลงไปด้วย พลังองค์แม่ของนักร้องนำฉายแววมากกับเวทีใหญ่นี้ แล้วก็เป็นเพลง Times Up ซึ่งเป็นอินโทรของเลง Bye Bye ที่ยังคงอะเรนจ์เป็นเร็กเก้ดั๊บ ซาวด์วิบวับยังก้องอยู่ในหู น่าตื่นตาจริง

และในเวลาเดียวกันที่เวที Rabbit Hole ซึ่งเป็นบาร์ชื่อดังย่านทองหล่อที่เขาเอาดีเจตัวจี๊ดมาลง ก็มี live act กับเขาด้วยนั่นคือ Chucheewa หรือ เมย์ Fwends ที่ได้รีอะเรนจ์เพลงตัวเองเป็นเซ็ตใหม่มาเล่นที่นี่เป็นที่แรก เราวิ่งมาทันตอนเพลง Magic Hour ที่กลายมาเป็นเพลงกรูฟสวย ต่อด้วย Do You Mind จากซินธ์ป๊อปกุ๊กกิ๊กก็ถูกเปลี่ยนเป็นดรีมป๊อปที่ผสมบีตฮิปฮอปเข้าไป เพลงอย่างเพราะ แล้วเป็นเพลงใหม่ที่ยังไม่ปล่อย Midnight Summer ให้ความรู้สึกเท่แต่ยังเซ็กซี่เล็ก และอีกเพลงใหม่ Summertime in Highland Park ที่ท่อนเริ่มเป็นการบรรเลงในจังหวะหนืด ดูลึกลับ เป็นเซ็ตที่น่าสนใจมากอยากจะให้ลองเอาไปเล่นที่อื่นด้วย

แต่ไม่ได้มีแค่สองวงที่เล่นเวลาชนกัน เพราะเราต้องวิ่งไปต่อที่ Theatre Stage ซึ่งยังเป็นเวทีเดิม อยู่จุดเดิม แต่เพิ่มการเล่นวิชวลและไลท์ติ้งหนักขึ้น ตอนนี้มี Boyjozz พี่บ่าวฟังก์คนโปรดของชาวฟังใจ กำลังเล่นกับคนดู บอกว่าให้คนไทยส่งเสียงหน่อย แล้วคนก็ตะโกน หรอย ๆๆๆ ก่อนส่งเข้าเพลง อีสาวเห้อ ให้คนดูพูดเห้อตาม รู้สึกว่าโชว์เขามีสีสันขึ้นมากกับการดีไซน์ออกมาแบบนี้ ไลน์ดนตรีเนียนกริ๊บทำให้เข้าถึงต่างชาติได้ไม่ยาก เพียงแต่ภาษาที่เขาใช้ร้องเป็นภาษาถิ่นทางใต้นี่เองที่ทำให้เพลงดูมีจุดสนใจขึ้นมาก

Boyjozz Wonderfruit 2562

ระหว่างนั้นเราก็ไปเดินสำรวจในงานเพราะยังไม่คุ้นกับแปลนใหม่ ยังเดินหลง บ้าง ไปเจอเสียงดนตรี drum n bass ที่โซน Taste of Wonder หรือโซนขายเสื้อผ้า และ Wonder Salon ที่เป็นโซนแต่งหน้าทำผม เจอ DJ Kingkong กำลังซัดบีตอย่างเมามัน จนเราหลุดไปเต้นด้วยแปปนึง จากนั้นก็เดินผ่านไปยัง Molam Bus ที่มี จุลโหฬาร มาแสดงด้วย ตอนนั้นพวกเขากำลังเล่นเพลง อีสานลำเพลิน ที่คนดูประทับใจกับดนตรีและเสียงร้องอ่อนโยนนั้นมาก เวลาไล่เลี่ยกันเราก็รีบโดดไปที่ SOT เพราะเห็นว่าถึงเวลาของแก๊ง Def Jam Thailand ขึ้นเล่นแล้ว

ต้องบอกว่าไลน์อัพเขาโหดจริง เพราะรวมแร็ปเปอร์เทพ ทั่วฟ้าเมืองไทยมาไว้ที่นี่ ยิงยาวสองชั่วโมงครึ่ง แต่เรามาทันตอนที่ Undaworld กำลังแสดงอยู่ เขาเสิร์ฟแร็ปที่ดนตรีเป็น r&b old school ตอนหลังก็เป็นบีตบ็อกซ์ แจมฟรีสไตล์แร็ปกับมือคีย์บอร์ดจาก The Lowdowns เป็นโชว์ที่กรูฟและเท่มาก จากนั้นตอนสามทุ่มสิบห้า DJTOB ก็ขึ้นมาประจำที่ พร้อมเปิดเพลงจากในอัลบั้ม ก่อนที่ Twopee Southside จะออกมากับ IG ในเพลง ชัดเจน ต่อด้วย ยังไม่พูดเลย จะบอกว่าตอนนี้สาว มารวมตัวกันหน้าเวทีให้รึ่ม แล้วก็เป็นเพลง เอาละโว้ย ที่ turnt มาก ทุกคนโดดกันอย่างคลั่ง ตามด้วย No More Parties in BKK ที่แทร็คอย่างกรูฟ โอลสคูลหนัก แล้วก็เป็นเพลง กัญชา ที่เอาแซมพ์ คาราบาว มาทำ คนก็ร้องตามในท่อนคลาสสิกจากต้นฉบับอย่างพร้อมเพรียง เพลงต่อไปเขาก็ชวนให้ทุกคนจุดจอยท์แล้วก็เล่นเพลง วนไป แล้วท่อนที่ร้องวนเดะ วนไป ๆ’ คือเอามาก คนก็รับจอยท์มาดูดแล้วส่งต่อ พอจบเพลงนี้ ก็ตามด้วย แชร์โลมา คือเรียงเพลงดีมาก แล้วก็ได้อาจารย์ JUU4E ขึ้นมาแจมด้วย 8 บาร์ เรียกเสียงฮือฮาได้ลั่น SOT แล้วก็เป็นเพลง Capture ที่ในอัลบั้มได้ แสตมป์ อภิวัชร์ มา featuring นั่นเอง

Twopee At Wonderfruit 2019

ต่อกันติด กับ DJ Buddha ที่ขึ้นมาแทน DJTOB แปลว่าต่อไปต้องเป็น DABOYWAY แน่นอน ซึ่งเขาขึ้นมากับ Big Calo และ Radio3000 เปิดมาด้วยเพลง อยู่ไม่นิ่ง และเชื่อมเข้าไป ทะลึ่ง ทำเอาสาวหลาย คนเฮแล้วก็เต้นไปกับเพลงฮิตของ Thaitanium เพลงนี้ จากนั้นก็มี Young Bong ขึ้นมาสมทบพร้อมกับลุยเพลง GANGSH!T ที่ผสมเอาเวอร์ชันไทยของ YB เข้าไปด้วย เป็นครั้งแรกที่เราได้ดูพวกเขาเล่นเพลงนี้ต้องบอกว่าโหดมาก แร็ปได้แข็งแรง เอเนอร์จี้พุ่งพล่านทรงพลัง แล้วก็เป็นแซมพ์เพลง Bam Bam ของ Sister Nancy ที่เขาเอาเพลง ควัน มาใส่ลงไป จากเพลงดาร์กเท่ เลยได้บรรยากาศเร็กเก้หนึบ โยก ไปอีกแบบ สนุกมาก ต่อด้วยเพลง Deep Down ที่เขาร้องกับ วี วิโอเลต ก่อนจะปิดท้ายกันไปในเพลง วันอะไร

น่าเสียดายที่พอ DABOYWAY จบและทุกคนลงเวทีไป คนดูก็กระจายตัวตาม ทั้ง ที่โชว์ต่อจากนี้คือ Young Bong ที่เราดูกี่ทีก็ติดใจ แม้เซ็ตลิสต์ที่เขาเล่นอาจจะซ้ำ สักหน่อยแต่พลังไม่ลดลงไปเลย แถมยังแต่งตัวเท่ขึ้น โชว์โหดขึ้นด้วย เปิดมากับ GANG ที่เราก็ขอตะโกนร้องตาม และ Yeti Gang ตามด้วย My Style (I Got) ที่ได้ใจคนดูไปเต็ม เพราะสไตล์พี่เขาเท่จริง แล้วเป็น กัญและกัญ ก่อนจะเล่นเพลงสุด turnt เต้น ที่ N-GAZ กับ Jah Man เซอร์ไพรส์ด้วยโชว์เบรกแดนซ์ให้ดู โอ้ยยยย เท่ไปแล้ววว และส่งท้ายไปด้วยเพลงชิล Morning ตามระเบียบ

แม้ตอนนี้จะเริ่มห่างหายแต่ความสนุกยังไม่หมด และหลายคนอาจจะพลาดแล้วเพราะคิวต่อไปก็เป็น ZiggaRice ขวัญใจชาวกรูฟ เราเพิ่งมาระลึกได้ว่าดูโชว์ของพวกเขาไปเมื่อวานหยก มาจัดต่อกันที่ Wonderfruit 2019 ในอีกบรรยากาศละกัน ซึ่งโชว์นี้พวกเขาก็มาครบสามคนเช่นเคย Ziggavoy, Stickyricekillah และ Jayson Creer โดยเล่นเพลงฮิต Pussy, Hi Luv และ Do It 4 Love ครบสูตร ก่อนจะส่งไม้ต่อให้ JUU4E ตำนานที่ยังมีลมหายใจที่ไม่ได้หาดูกันได้บ่อย

เริ่มกันที่เพลงแรกแบบเร้า มี G.Jee กับแร็ปเปอร์อีกคนขึ้นมาด้วย ต่อด้วยเพลงจากอัลบั้มใหม่ที่พวกเขาไปทำกันถึงญี่ปุ่น ร่วมกับแร็ปเปอร์ชาวญี่ปุ่นอีกหลายคนใน Time 2 Yam เพลงเท่ ที่รวมเอาเพลงลูกทุ่งสมัยก่อนใส่เข้าไปด้วย แล้วก็เพลง ส้มตำซามูไร ที่มีการใส่ท่อนร้องเพลงพื้นบ้านของญี่ปุ่นจนรู้สึกว่าแปลกใหม่มาก และเป็น Slow No Enemy กับอีกเพลงเด็ดที่แร็ปไปฮาไปใน Hello และเพลง อารมณ์ต่ำ เป็นเพลงสุดท้าย ซึ่งเมื่อจบโชว์ของเขา ทุกคนก็กลับขึ้นมาบนเวทีส่งเมดเลย์ของแต่ละคนมารัว เป็นภาพที่เห็นได้ยากมากกับการรวมเอาตำนานอันเดอร์กราวด์ฮิปฮอปเมืองไทยมารวมกันไว้ที่ SOT ได้เยอะขนาดนี้

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงห้าทุ่มครึ่ง เราตั้งใจมาดู Beardyman ที่ Creature Stage เขาคือโปรดิวเซอร์ ศิลปินอิเล็กทรอนิกที่ลูกบ้าเหลือล้น กับการรวมเอา bass music เทคโน บีตบ็อกซ์ psychedelic และ world music  มารวมไว้ด้วยกัน แล้วตอนที่เราเดินอยู่ไกล จนมาเห็นเวทีที่เล่นกับวิชวลไลท์ติ้งลงไปบนโครงสร้างข้างบนคือสวยละลานตามาก พวกผ้าสีสันต่าง ที่หอยระโยงระยางลงมาก็ดูสนุกสนานเหมาะกับเพลงของเขามาก ยิ่งช่วงไหนไฟวิ่ง นี่ตาลายไปเลย บางช่วงเพลงก็ถูกปรับอารมณ์มาเป็น ambient ไหนจะมี breakbeat ที่เล่นกับเสียงพูดของตัวเอง อย่างเช่นคำว่า Wonderfruit ก็อัดเอาไปเปิดลูป ไฟยิ่งเมาขึ้นเรื่อย จนตอนหลังเบสยิ่งหนักขึ้น ชวนเลื้อย ย่อ เหมือนอุ่นเครื่องรอที่จะเปิด drum n bass อัดใส่คนดู ระหว่างโดดโลดเต้นก็มีเพลงนึงที่บ้ามาก บีตอย่างเร็ว เบสอย่างนัว จนเขาหยุดเล่นและถามว่า ‘Is this mental?’ คลั่งเกินไปไหม คนก็พร้อมใจกันตะโกนกลับว่า ‘Nooooo’ ฮามาก แล้วเขาก็เปิดอัดต่อหนัก ตอนท้ายของเซ็ตก็กลายมาเป็นเพลงอาหรับ มีช่วงที่เป็น psych trance ละเชื่อมเข้า dnb อีกที คือบ้าไปแล้วพี่เอ๊ย คุ้มค่าลูกหูลูกตามาก

แล้วเราก็รอเวลาที่จะดูอีกวงไฮไลต์ของคืนนี้ กับ Floating Points ศิลปินอิเล็กทรอนิกที่เราติดตามผลงานล่าสุดของเขาคือชุด Crush ดีใจมากที่มาเล่นงานนี้ แต่ตารางของเขาคือตีห้าที่ Solar Stage กะเอาให้สว่างคาตา เราเลยแอบไปงีบแปปนึง พร้อมตื่นมากินราเม็งเพิ่มพลัง แล้วไปนอนที่เนินรอพี่เขาเปิด ซึ่งช่วงก่อนหน้าที่เขาเซ็ตก็มี Four Tet มายืนอยู่ข้างหลังด้วย เม้าท์มอยกันอย่างสนุกสนาน พอใกล้เวลา เขาก็มาประจำที่และเริ่มเปิดเสียงกลิตช์ มินิมัลขึ้นมา ต่อด้วยเพลงละติน และ rocksteady ที่เล่นกับบีตหยุมหยิม ไหนจะมีการมิกซ์กับแทร็คดั๊บจากไวนิล ซึ่งลำโพงดีมากขนาดเราได้ยินเสียงเข็มขูดกับร่องแผ่น มิติเสียงจากไวนิลฉ่ำ ฟีลดีมาก แล้วเพลงต่อไปก็เป็น r&b บีตฮิปฮอป 90s ไปจนถึงเพลงแดนซ์ 80s

ว่ากันตามตรงช่วงนั้นเริ่มหมดพลัง ยอมแพ้ขอกลับไปนอนตอนเวลาหกโมงครึ่ง และทันทีที่เดินห่างออกมาจากเวทีจนใกล้จะถึงปากทางออก เขาก็เริ่มเปิดมินิมัลเทคโนแบบที่เราอยากฟังในอัลบั้ม โมโหตัวเองมาก มารู้ทีหลังว่าเขาชอบเปิดเลี้ยง วัดใจคนดูแบบนี้อยู่แล้ว เก็บของดีไว้ซัดทีหลัง หลายคนที่อยู่ต่อก็บอกว่าดีงามมาก อิฉันถึงกับเสียดายเลย แต่สังขารก็ไม่ไหวจริง ไว้มีโอกาสหน้าจะไปตามดูเอง แง

14 ธันวาคม 2562 @ Wonderfruit 2019

หลังจากสลบเหมือดไปตอนเช้า และฟื้นคืนชีพมาในช่วงบ่ายของวันเสาร์นี้ พวกเราก็มาถึง The Fields ตอนประมาณห้าโมง เพราะรถติดมาก อีกเช่นกัน ตอนนี้เราไปเดินเล่นแถว Camp Wonder ก็เจอคนกำลังโยคะรับแสงแดดอ่อน

และก็มีเด็ก กำลังแสดงความสามารถกันที่โซนน้องน้อย ส่วนแถว Tiki Bar ที่เป็นบาร์ริมน้ำ มีดีเจ กิจกรรมทางน้ำให้เล่นกันอย่างพวกบอร์ด หรือใครจะว่ายน้ำก็ตามสบาย แล้วเราก็ได้เดินผ่านโซนพิธี Kava Ceremony ที่เป็นของชาวฟิจิ เป็นการดื่มน้ำที่ต้มจากรากของต้นคาวาที่เชื่อว่ารักษาอาการต่าง ได้ และเป็นเหมือนการมานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนกันถึงเรื่องราวต่าง ในชีวิต ดูชิล ดี

Wonderfruit 2019

จากนั้นตอนประมาณหกโมง เราก็ไปเจอกับวง Rosalyn ที่ Creature Stage พวกเขาคือวง r&b groove pop ที่กำลังเป็นที่จับตามองอยู่ เราไปทันตอนเขาเล่นเพลงช้าชื่อ Solitude is Love อยู่พอดี น้ำเสียงของนักร้องนำนุ่มเข้ากับดนตรีมาก จากนั้นก็เป็นเพลงสุดท้ายที่เป็นป๊อปร็อกจังหวะกลาง ชวนโยก แล้วเราก็แว้บไปดู Midori Hirano ที่ Theatre Stage เป็น experimental ambient ที่คนนั่งดูเงียบ มีฉายวิชวลที่ได้ฟีลเหมือนฉายหนังประกอบเพลงยังไงยังงั้น

ตอนทุ่มตรงเราก็พุ่งตรงไปที่ Creature Stage เพราะ The Richman Toy กำลังเล่นอยู่พอดี จำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ดูพวกเขาเล่นสดคือเมื่อไหร่ แต่การได้กลับมาดูอีกครั้ง (หรือนี่เป็นครั้งแรกกันนะ) มีความสดใหม่มาก อยู่ แม้ว่าสมาชิกวงจะไม่ได้มีพลังดีดดิ้นอะไรแบบสมัยที่เป็นวัยรุ่นแล้ว แถมโชว์ยังดูเก๋าและเวิร์ลขึ้น แต่เรายังคงจำเพลงฮิตสุดสะเดิดของพวกเขาให้ร้องตามและกระโดดโลดเต้นตามได้

เปิดมาที่ ลำนำสะดิ้งเลิฟยู ดีใจมากที่เล่นเพลงนี้ แม้จะถูกนำมารีอะเรนจ์ใหม่ให้ได้ส่วนผสมของลูกทุ่งเถิดเทิงก็ตาม มีความวงกลองยาวมงเท่งมงแบบพื้นบ้าน แต่ยังคงท่อนเท่ ของต้นฉบับเอาไว้ แล้วก็เป็น มนต์รักยาเสน่ห์ ที่ก็ผ่านการอะเรนจ์ใหม่เลยทำให้ไม่ค่อยพุ่ง แต่เราก็ยังตะโกนตามอยู่ดี ตามด้วย ราชานักรัก ที่เป็นคันทรีร็อกสะดิ้ง และ รอน้องจอดหัวใจ มาสไตล์ลูกทุ่งฮิก กันเลย ต่อกันกับ สาวรำวง และดรอปลงมาในเพลงคันทรี สตรอเบอร์รี่เกิร์ล และอีกเพลงที่ทำให้เราต้องว้าวเลยจริง แบบที่ไม่สังเกตมาก่อนคือ ธิดาประจำอำเภอ โห เรียบเรียงเพลงได้เวิร์ลคลาสมาก โซโล่อย่างเท่ อยากใส่อะไรเอายัดลงมาให้หมดในเพลงนี้จนเราขนลุกกับความโหดของโครงสร้างเพลง

ตามด้วย ฟลอร์ทองหล่อ ให้ได้เต้นกับเพลงฟังก์ แล้วไปซิ่งต่อใน แต่งงานกันเด้อ และ อ๊อดอ๊อด ตอนนี้คนรีบกรูกันมาเซิ้งหน้าเวทีอย่างมัน แล้วขอพักหายใจกันนิดใน ม้าป่า พอจบเพลงก็เหมือนจะมีคนขอเพลง สาวรำวง อีกรอบ วงก็จัดให้ แถมรอบนี้ แจ๊บ ฟรอนต์แมน ลงมาเล่นกีตาร์ท่ามกลางคนดูบนพื้นหญ้า สุดจะร็อกแอนด์โรล แล้วก็เล่น ทุ่งดอกไม้บาน รวมถึงเพลงฮิต กระเป๋าแบนแฟนยิ้ม ที่นี่ร้องตามมาหลายเพลงจนมาเจ็บคอเอาเพลงนี้จนได้ ปิดท้ายด้วยท่อนอิเล็กทรอนิกมัน หนึบ คนละฟีลกับทั้งหมดที่เล่นมา และลาไปในสไตล์ฟังก์ ร็อกแอนด์โรล ใน ซ่า ได้ อาย อด เปิดโลกมากพี่จ๋า หายคิดถึงกันไปเลย

เรากำลังจะมุ่งหน้าไปที่ Solar Stage เพื่อดูศิลปินรายต่อไป แต่เดินผ่าน SOT ซะก่อน แล้วก็ได้ยินว่าเขาเปิด oldschool hiphop ที่ดีมาก บางช่วงบางตอนเป็นฟังก์ แจ๊สฮอป โยกเพลิน จนได้เวลาที่เราจะเดินไปเจอ Daddy G จาก Massive Attack มาแบบ open-format ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะเปิดเพลงอะไรบ้าง จากเดิมที่คาดหวังแนว Bristol sound หรืออะไรหม่น แบบที่วงเขาชอบทำ กลายมาเจอเฮาส์จังหวะกลาง เบสหนืด เคลิ้ม สุดท้ายก็เห็นว่าเหมือนจะเอาเพลงเทคโนมาดึงให้หน่วง อัดเบสหนัก ใส่บีต tribal เข้าไป ช่วงหลัง เริ่มเร็วขึ้น slow trance บีตอย่างบิ๊ว มีเสียง airhorn แป๊ด ๆๆๆ แป่ดดดด เข้ามาอย่างปั่น ช่วงหลัง เป็นเพลงย่ำ หนึบ กับซาวด์อาราเบียน ดีมาก ซึ่งเขาก็เลี้ยงมาซะดาร์ก ทั้งเซ็ต ตอนสุดท้ายจัดให้เป็นเพลงเมโลดี้สว่าง เหมือนปลุกเราว่าเช้าแล้วจ้า ก่อนจะส่งไม้ต่อให้ Howie B เปิด drum n bass ให้กลัวไม่หนำใจ ก่อนจะกดรีเวิร์สจบโชว์อย่างสวยงาม คือเป็นสเตจที่เต้นได้ยาว เพลิน มาก ไม่ต้องให้เอเนอร์จี้พุ่งแต่ความหนึบอย่างนั้นทำให้เรายังติดใจอยู่เลย

ตอนแรกว่าจะไปต่อที่ Forbidden Fruit ที่มี Chromeo มาเปิด แต่สังเกตจากจำนวนคนที่ล้นมานอกเต๊นท์และเพลงเฮาส์ที่ฟังจนหูช้ำแล้วก็ขอบายดีกว่า ทางด้าน Polygon เวทีหลากเหลี่ยมกับเสียงเซอร์ราวด์และไฟสุดเมาวันนี้กำลังมี Martha van Straaten เล่นอยู่ เธอดูอินกับเวิร์ลบีตอยู่ไม่น้อย เพลงก็เป็นอาราเบียนชิลยวบยาบชวนโยก เราก็เลยฮอปไปต่อที่ Rabbit Hole เจอกับ Marmosets เมื่อวานเปิด dnb วันนี้เปิดเทคโน ซึ่งก็มี ตุล ไวฑูรเกียรติ จาก Quay Records หรือ ตุล อพาร์ตเมนต์คุณป้า รับช่วงต่อ บอกเลยว่าเดือดมาก ไม่ต้องเมาเหล้าก็เมาไฟกับเบสนี่แหละฮะ

พออัดฉีดความมันเข้าเส้นเรียบร้อยแล้วเราก็กลับมาที่ Creature Stage เจอกับของแข็งเข้าไป กับดนตรีทดลองของ Maarja Nuut & Ruum ที่เป็นดาร์กแอมเบียนต์ล่องลอย เสียงหวาน เล่นลูปไปเรื่อย มีการเอาไวโอลินมาผสม แต่อยู่ดี แม่ก็กรีดร้องออกมาแบบทำเอาเหวอไปเหมือนกัน เราเลยขอโดดไปที่ The Querry ดูว่าตอนนี้ใครเล่นอยู่ ปรากฏว่าเป็น DOTT ดีเจสายมินิมัลเทคโนชาวไทยที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เปิดเอามันสุด จนเราต้องหยุดอยู่พักใหญ่ แต่ก็เต้นจนจบเซ็ตไม่ได้เพราะว่ามีอีกวงรออยู่ที่เวทีเดิมตอนห้าทุ่มครึ่ง

เรากลับมาประจำที่ Creature Stage เพื่อรอดูวงแจ๊สร็อกสุดเท่ GoGo Penguin จากแมนเชสเตอร์ เรายังไม่เคยฟังเพลงของเขาจริง จัง แต่หลายคนแนะนำว่าให้มารอดูวงนี้ ซึ่งเหวอไปเลยตั้งแต่เพลงแรก (ในทางที่ดี) กับการเรียบเรียงแจ๊สให้ออกมาเป็นแมธร็อก พวกเขาคือวงสามชิ้น มีแค่แกรนด์เปียโน ดับเบิ้ลเบส และกลองชุด แต่เอาคนดูอยู่หมัดมาก ยิ่งเพลงต่อไปเป็น drum and bass แบบ โอ้โหหหห ตายไปเล้ย จบเพลงนี้พี่มือเบสก็ทักว่าสวัสดีครับ เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหมคือพูดไทยตามสูตรก็จริง แต่ชัดมากจนตกใจ เพลงต่อไปที่เล่นคือ Bardo และ Hopopono เพราะมากกกก กลองเลี้ยงมาเบา แต่เปียโนเมโลดี้คือสวยสด เอาใจไปเลย ต่อด้วย Window เป็นเบสวิ่ง ไปกับกลอง เปียโนคุมอยู่ข้างหลัง ได้บรรยากาศแมธร็อกลึกลับ ช่วงท้ายมีจังหวะให้เราได้โยกง่ายหน่อย ก็จะเป็นเพลงเปียโนอินโทร  mysterious mathrock เท่ ข่วงท้าย เริ่มจังหวะโยกง่าย

เปียโนอินโทรเข้า Reactor และ Transient State เพลงนี้เท่มาก มีความสวย feminine แต่ได้การเรียบเรียงแบบ masculine อธิบายไม่ถูกจริง ท่อนที่โชว์เปียโนมีกลองสาดเข้ามาประสานกัน กลายเป็นเมโลดิกเมทัลเฉย บ้าไปแล้ว ใครจะไปคิดว่าเราจะได้เฮดแบงกับเพลงแจ๊ส ถ้าธรรมชาติของเสียงเปียโนหนักกว่านี้น่าจะมีวงมอชเกิดขึ้นใน Wonderfruit 2019 เลยแหละ พวกเขาลากันไปในเพลง Protest กับเบสที่ขึ้นมารัว ๆๆๆ จนเราตาค้าง มีความอิเล็กทรอนิกนิดหน่อยแต่เท่มาก อะเรนจ์ผสมกับเมทัล โยกจนลืมตัว ยิ่งกลองช่วงท้ายคือทำให้เราโดดได้เลย ส่วนเพลง Garden Dog Barbecue เป็นอิเล็กทรอนิก้าที่ช่วงหลังเป็น dnb คือบ้าไปแล้ว เล่นจบคือต้องตะโกนว่าเอาอีกจริง แง

หลังจากอิ่มจากเวทีใหญ่เราก็เดินมาต่อที่ Polygon ช่วงเที่ยงคืน Xique Xique นี่เพลงเท่นะ มีความ tribal เดินยา ย่ำ ๆๆๆ ข้าง มีคนดูแบบเรา นั่งเคาะกลองสังกะสีเข้าจังหวะ ฟีลดีมาก แต่อยู่ไปแปปนึงก็รีบพุ่งไปที่ Forbidden Fruit เพราะมี Breakbot กับ Irfane มาเล่นจ้า และนี่เป็นครั้งแรกของเราที่ได้ดูพวกเขาเลยก็ว่าได้ ซึ่งเราก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ฟังเพลง original เพราะทรงนี้ต้องมาดีเจเซ็ตแน่ แต่ถ้าเล่นก็ถือว่าเป็นของแถมไป ปรากฏว่าเขาเปิดดีมากเกินคาด กรูฟมาแรก ไล่ฟีลให้เราค่อย บิลด์ตัวเอง ไลท์ติ้งก็ส่งอารมณ์ คนดูก็ดูเอากันทุกคน สนุกมาก ช่วงหลังซัดเทคโนเข้ามา โอ้โห เมาไฟ

แต่เมื่อความเมายังไม่สิ้นสุดแค่นี้ เราไปต่อกันที่ The Querry กับน้า Chris Richards ที่ปีนี้เปิดดีกว่าปีที่แล้วไปอีก โห พอเข้ามาในหลุม สิ่งแรกที่โดนตกเลยคือไฟจาก Don Boy ที่กะเอาให้มีคนนอนตายคาเวที เมามาก สวยมาก ทรงพลัง แล้วซิงก์เข้ากับบีตเพลงทุกดอก เพลงที่เขาเลือกมาเปิดเป็นการเดินบีตสไตล์เก่า รู้สึกแบบอนาล็อก 90s มาก แล้วยิ่งโหดขึ้นเรื่อย ไฟยิงระเบิดระเบ้อ เพื่อน เราที่กำลังเมาอยู่มีอยู่พาร์ตนึงที่ไฟกับเบสพุ่งเข้ามาพร้อมกัน แล้วมันวิ่งเข้าหาไฟกัน สุดมาก โยกกันหัวเหวี่ยง ตัวโยนไปเลย

Wonderfruit 2019

พอเริ่มดึกเข้าหน่อยก็หมดแรง เรากับเพื่อนตั้งใจจะกลับแล้ว จังหวะที่ขึ้นมาจากรูก็พบกับอาศรมสีทองอร่าม ตอนนี้เราเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เห็นคือภาพจริงหรือภาพหลอน เพราะเพลงที่บรรเลงอยู่เป็นฟีลแบบไซเคเดลิก แอมเบียนต์ เหมือนลัทธิอะไรบางอย่าง แกต้องนึกสภาพมีคนนอนบนหมอนฟูกใหญ่ เวทีแต่งด้วยพวงมาลัยดอกดาวเรือง เหมือนศาลฮินดูเด๊ะ คือมันชวนเหวอมาก อ่านชื่อเวทีก็พบว่ามันคือ The Golden Tribe เรากับเพื่อนยังคุยกันเลยว่า ทำไมวันก่อน ไม่เห็นวะ จนต้อนหลังพยายามเรียกสติ และสรุปว่าก็ไม่ได้หลอนไปเอง เราก็มานอนเอนหลังกันแปปนึง เห็นว่าบนท้องฟ้าตอนนี้มีดาวเยอะมาก เพลงก็ค่อย กล่อมเราพร้อมกับลมพัดเอื่อย เป็นการส่งท้ายค่ำคืนที่สองที่เยี่ยมจริง

15 ธันวาคม 2562 วันสุดท้ายของงาน Wonderfruit 2019

Wonderfruit 2019

ได้เวลาของวันสุดท้ายที่ The Fields ของพวกเรากันแล้ว มีคนเล่าว่าคืนก่อนหน้า Acid Pauli เล่นที่ Solar Stage เป็นไฮไลต์ ซึ่งเราก็พลาดไปอีกอย่างน่าเสียดาย เพราะเล่นดีมาก ทำการบ้านดีมาก วันนี้เลยทำให้เราเข้างานกันไวขึ้นมานิดนึงเพื่อเก็บภาพบรรยากาศรอบ

Wonderfruit 2019

เราน่าจะยังไม่ได้เล่าว่าปีนี้เขามีการจัดการแยกขยะที่จริงจังขึ้น การตกแต่งของหลาย ๆ เวทีใช้โครงแบบเดิมแต่ปรับไปใช้การเล่นกับวิชวลไลท์ติ้งมากขึ้น เพราะน่าจะอยากเน้นยำ้ ethos เรื่อง sustainability การใช้ซ้ำ และรักษาสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญคือขยะน้อยมาก และคนก็พร้อมใจกันเอาแก้วหรือขวดน้ำ refill มาใช้กันทั้งงาน ได้ส่วนลดเครื่องดื่ม 10% ด้วย 

Wonderfruit 2019

สำหรับโชว์แรกของวัน เราเลือกมุ่งหน้าไปยัง Solar Stage ที่มี Trojan Soundsystem พวกเขาคือกลุ่มศิลปิน สตูดิโอ และค่ายเพลงดั๊บ เร็กเก้ จากจาไมก้า ที่เป็นตำนานมาหลายสิบปี เดินทางเอาคอลเล็กชันแผ่นเสียงแรร์ มาเปิดให้ได้โยกย้ายกันตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินในบรรยากาศสบาย แต่พอตะวันเริ่มคล้อยปุ๊บ เพลงแดนซ์ฮอล เบสหนัก อะไรมาหมด ทเวิร์ก บด กันกระจาย ไวบ์ดีงามมาก ถึงกับเราต้องวิ่งไป มา ระหว่างเวทีอื่นกับเวทีนี้เวลาไม่รู้จะดูอะไรกันเลยทีเดียว

Trojan Soundsystem

ตอนห้าโมงครึ่ง เราก็มาที่ Theatre Stage เพื่อพบกับโชว์ท้าย ของ Mattnimare กันแล้ว พวกเขากำลังร่ายมนต์ใส่คนดูในเพลง ความทรงจำถาวร แบบเนิบ ต่อด้วยความเกรี้ยวกราดใน ตัวประหลาด ก่อนจะเล่นอิเล็กโทรแอมเบียนต์ในเพลง คืนวันที่ 22 ของทุกเดือน ซึ่งคนดูดูตั้งใจฟังกันมาก

Mattnimare  งาน วันเดอร์ฟรุต

ระหว่างนั้นเราเดินสลับกลับมาและพบกับ closing ceremony ที่ปกติจะมีกลองชุดและขบวนพาเหรด กายกรรมต่าง มาเดินไปรอบ งาน มีคนมุงดูคนควงกระบองไฟอย่างน่าตื่นเต้นตรงแถว Molam Bus ส่วนทางด้าน Polygon ก็มี Movement Medicine กำลังเล่นอยู่ เป็นเพลงเทคโนที่แทรกเสียงแซ็กโซโฟนสุดเย้ายวน ก่อนจะส่งเข้าเฮาส์ เทคฟังก์ กรูฟสวย ได้ฟีลยิปซีแจ๊ส แบบที่เปิดในคาบาเร่ต์ยังไงยังงั้น ซึ่งเราไม่ค่อยอินเลยเดินกลับไปต่อที่ Solar Stage แล้วค่อยกลับมาช่วงเกือบ ทุ่มเพื่อดู Be Svendsen โห ต้องบอกว่าบ้าบอมาก เพราะจากจุดที่ยืนอยู่ข้างหน้า Polygon แสงไฟสีน้ำเงินยิงลงมาจากโดม และเอมเบียนต์อนาล็อกให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังเชื่อมต่อสัญญาณกับมนุษย์ต่างดาว พอเข้าไปยืนข้างในเขาก็ค่อย บิลด์จนเกิดเป็นบีต ที่วิ่งเป็นวงกลมเซอร์ราวด์รอบ คือมันหลอนมาก ยิ่งเล่นเป็นเพลงมินิมัลแอมเบียนต์ แต่เบสหนัก เพิ่มดั๊บฉ่ำ เคว้งคว้างเข้าไป เหมือนจะหลุดลอยไปในอวกาศ

Wonderfruit 2019

พอหนำใจแล้วเราก็เดินออกมาเจอกับบูธของ IV Live เห็นคนนอนให้น้ำเกลืออยู่คืองงมาก ก็ได้ความว่าเป็นการเติมวิตามินธรรมชาติเข้าเส้นเลือดโดยตรง ใช้น้ำแตงโมปั่น น้ำมะพร้าว อะไรเทือกนั้น ตกโดสละ 1,500 บาท ก็เป็นนวัตกรรมที่แปลกดี จากตรงนั้นเราก็เดินผ่าน Molam Bus เจอคณะแม่ขวัญจิตร ศรีประจันต์ กำลังร้องฉ่อย เนื้อหาทะลึ่งตึงตังตามต้นตำรับ จนเรียกเสียงวี้ดว้ายจากคนดูได้ ขณะเดียวกันที่ Theatre Stage ก็มี Alfa Mist มือคีย์บอร์ดอิเล็กทรอนิกแจ๊ส ที่ทำให้เพลงได้บรรยากาศแบบกำลังเล่นเกม The Sims เด๊ะ มีเพลงนึงเป็นแจ๊สฮอปที่ละมุนหูชวนโยกมาก

Wonderfruit 2019 คณะแม่ขวัญจิตร ศรีประจันต์

จนถึงเวลาสองทุ่มที่ Creature Stage เป็นเวลาของศิลปินดาวรุ่งที่กำลังถูกพูดถึงมาก คนนึง Kelsey Lu สาวสวยที่ทำเพลงและโชว์ออกมาเหมือนมีส่วนผสมระหว่าง Björk, FKA Twig และ Solange โดยเปิดเพลงมาเป็นซาวด์แอมเบียนต์จากนอกโลก ที่เธอออกมาร่ายรำไปกับเชลโล่พร้อมกับบรรเลงมันในบทเพลงเหงา แล้วเล่นเพลง Dreams เสียงของเธอ angelic มาก จากนั้นก็เริ่มมีซาวด์อะคูสติกเข้ามาในเพลง บนเวทีตอนนั้นมีแค่เธอคนเดียวไม่มีวงแบ็คอัพ และต้องยอมรับเลยว่าเอาคนดูได้อยู่หมัด เท่จริง

Kelsey Lu aT Wonderfruit 2019

เพลงต่อไปก็มีความเป็นงิ้วเบา แต่อัดคนดูให้ตื่นจากภวังค์ด้วยเบสที่หนักมาก แล้วก็ดึงเข้าพาร์ตดนตรีเฮาส์ ก่อนที่หล่อนจะลงไปกลิ้งกับพื้นพร้อมกับเพลงที่เริ่มเล่นเป็นลูป แล้วก็เป็นเพลง Blood ซาวด์เย็น ที่มีเสียงบีตผสมเสียงดีดนิ้วและตบมือ เมโลดี้มีความเป็นเพลงเจ้าหญิงดิสนีย์ กำลังฟังเพลินอยู่ดี ก็เอาเบสกระแทกหน้าเราอีกครั้ง พาหลอนกันไปเรียบร้อยก็ดึงเข้าบีตย่อง และพอจบเพลง เธอก็ทักทายคนดูด้วยเสียงหวาน “Thailand, hello. Good to be here. Let’s have a wonderful time at Wonderfruit” จากนั้นเธอก็แปลงร่างจากชุดมิโกะมาเป็นเงือกน้อยเอเรียล กับผมแดงและเกาะอกม่วง กระโปรงเขียวกรุยกราย พร้อมเอากีตาร์โปร่งมาเล่นในเพลงใส ๆ Shades of Blue เอาจริงว่าตอนนี้เริ่มงงมากว่าเพลงของเธอเป็นแนวไหนกันแน่ วาไรตี้เหลือเกิน ก่อนจะจัดเข้าบีตเทคโน กับแสงสีม่วงสุดลึกลับ ที่เธอลงไปโยกพร้อมกับเล่นเพลง I’m Not in Love งานคัฟเวอร์ของวง 10cc ที่ช่วงกลางเพลงเธอลงมาอิมโพรไวส์กลางคนดูล่างเวที สุดพลังมาก จนได้รับเสียงตบมือไปอย่างล้นหลามในความ spiritual ของโชว์นี้ ก่อนจะกลับไปเล่นเชลโล่เหงา ๆ อีกครั้ง พร้อมด้วยเสียงจั๊กจั่นเรไรคลอ และหายจากเวทีไปเงียบ ๆ ขนลุกเกรียวเลย

Wonderfruit 2019

ตอนสามทุ่ม เราไปที่เวทีเนรมิต ที่วันก่อนมี The Paradise Molam International Band เล่น ซึ่งเรียกคนดูมาที่เต๊นท์ได้แบบแน่นขนัด คนขึ้นไปยืนเต้นตรงที่ยกระดับ ทั้งไทยทั้งเทศ เซิ้งกันยับ แต่วันนี้คนบางตากว่าหน่อย ทว่าฝีไม้ลายมือของ ตุ้มเติ่นหมอลำกรุ๊ป เรียกว่าหาตัวจับยากจริง ๆ พวกเขาเป็นวงหมอลำร่วมสมัยรุ่นใหม่ ที่ผสานดนตรีไว้หลากแนวมาก ๆ ทั้ง rockabilly บลูส์ร็อก ลูกทุ่ง มีเพลงนึงที่ท่อนแจ๊สโผล่มา ฟังก์ร็อกแบบ Red Hot Chili Peppers ก็มี มาได้ไงงงง เอาขลุ่ยมาเล่นคลอกับเบสฟังก์ดีด ๆ เพลงช้าก็เอาโครงแบบกรันจ์มาเลย งงงงงง บางเพลงก็จัดให้แบบแตรวงแว้น ๆ รถแห่ ย่อยง่าย สนุก แต่สกิลทุกคนเทพมาก ว่าพาราไดซ์บางกอกโหดแล้ว อันนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน แอบเห็น แดน วง จินดาจอห์น มาเป่าทรัมเปตกับวงนี้ด้วย เราเคยดูวงนี้ตอน Sofar Sound ที่ Barbon ถนนทรงวาด คิดว่าดีแล้ว แต่เหมือนรอบนี้เขาพัฒนาสกิลขึ้น ดีไซน์โชว์ได้เท่มาก เอาอยู่เลย น่าติดตาม ๆๆๆๆ ส่วนทางเวทีเคลื่อนที่อย่าง Baan Sabai ก็มีวง Abandoned House บรรเลงโฟล์กกล่อมคนดูในบรรยากาศสุดกันเอง

Wonderfruit 2019

จบจากตรงนี้เราก็เตรียมไปประจำที่ Solar Stage อีกครั้งเพื่อพระบิดา Four Tet ติดใจจากตอนที่มาเล่น Siwilai กับตอน NOS Primavera ที่พลาดไป หนนี้จะไม่พลาดอีก แต่สุดท้ายก็อยู่ไหวถึงเที่ยงคืนเพราะล้า แต่ก็ได้เสียงลือเสียงเล่าอ้างหลังจากที่เขาเปิดเทคเฮาส์เลี้ยง ๆ มา พบกับความมินิมัล นุ่ม ๆ อินดัสเทรียลหน่อย ๆ ก็มา และเห็นว่าปีนี้มีเพลงเด็ดเป็น Bromley ของ Joy Orbison x Overmono, KH (อีกชื่อของ Four Tet) – Only Human และ Floating PointsCoorabell ที่หลายเวทีหยิบไปเปิด คิดว่ามี Skrillex, Boys Noize, Ty Dolla $ignMidnight Hour ที่เขาเอาไปรีมิกซ์มาเปิดด้วย โอ้ย เลอค่า ใครอยู่จนจบเซ็ตถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ แล้วกับเสด็จพ่อคนนี้

เป็นสามวันสามคืนที่เต็มอิ่มแล้วกับไลน์อัพระดับพระกาฬที่ Wonderfruit จัดให้เราเสมอมา ยิ่งกับปีนี้สายอิเล็กทรอนิกคงยิ้มแฉ่งกับศิลปินและโปรดิวเซอร์ที่คัดสรรมาอย่างดี ใครที่พลาดไปไม่ต้องเสียใจ เพราะปีหน้าเขาจะกลับมาสร้างความประทับใจให้เราอีกครั้งอย่างแน่นอน และไม่ต้องกังวลเลยว่าจะไม่รู้จักใครสักคนที่มาเล่น แค่เดินเล่นทำกิจกรรมทั่วงานก็สุขกายสบายใจแล้ว แต่ถ้าเปิดใจลองฟังเพลงที่ไม่เคยฟังดู อาจจะได้วงโปรดเพิ่มมาในเพลย์ลิสต์อีกก็ได้นะ

Wonderfruit 2019

อ่านต่อ
Wonderfruit 2018 ‘Thai Band Edition’ เก็บตกวงไทยที่เรารักในงานนี้
แปลงร่างเป็น Wonderers แล้ว Live . Love . Wonder ตลอด 3 วันในงาน Wonderfruit 2017
When I was a Wonderer ภารกิจหนีแม่มาปั้นหม้อ ดองผัก หมักสาโท กลางเกาะนีโอฮิปปี้
Facebook Comments

Next:


Montipa Virojpan

อิ๊ก เนิร์ดดนตรีที่เพิ่งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักเขียนตอนอายุ 25 ชอบเดินเร็ว นอกจากขนมปังกับกาแฟดำแล้วก็สามารถกินไอศกรีมกับคราฟต์เบียร์แทนมื้อเช้าได้