ดุเดือดกับวงร็อกไฟแรงสูงแห่งปี Wolf Alice ใน Mangosteen Music Festival
- Story and photo by Montipa Virojpan
15 กันยายน 2561
นี่เป็นอีกคอนเสิร์ตที่เรารอคอย ด้วยส่วนหนึ่งก็ไม่คิดว่าจะได้ดู Wolf Alice วงร็อกมาแรงจากอังกฤษ ที่กรุงเทพ ฯ เลยบุกไปหาพวกเขาตอนแว้บมาเล่นที่ Laneway สิงคโปร์เมื่อปีที่แล้วและพบว่า โอ๊ย มันดีงามสมคำร่ำลือจริง ๆ เด้อ ไม่เสียแรงที่ฟังและเอาเพลงของวงนี้ไปคัฟเวอร์เล่นกับเพื่อนอยู่บ่อย ๆ
และในที่สุด วันที่พวกเขามาเยือนประเทศไทยก็มาถึงไวกว่าที่คิด เราก็ไม่พลาดที่จะเป็นส่วนหนึ่งของ Mangosteen Music Festival 2 ที่มีอีกสองวงไทยได้แก่ วงอินดี้การาจร็อกแถวหน้าของบ้านเรา Yellow Fang และศิลปินสาวเสียงดี Violette Wautier มาเสริมไลน์อัพคอนเซ็ปต์เพื่อนหญิงพลังหญิงของงานนี้
เรามาถึงที่ Voice Space ก่อนงานเริ่มอยู่นานเพื่อที่จะสัมภาษณ์ Wolf Alice (รออ่านด้วยนะ) แล้วนั่งรออยู่นานพลางฟังเพลงของวงที่เปิดคลอจากทั้งสองอัลบั้มเป็นการบิ๊วตัวเองอยู่เนือง ๆ และได้เห็นปริมาณผู้คนที่เริ่มแน่นหนาขึ้นเรื่อย ๆ บริเวณด้านหน้าฮอลคอนเสิร์ต แต่จู่ ๆ ฝนก็เทลงมาอย่างหนักแบบไม่ลืมหูลืมตาจากที่ร้อนอบอ้าวมาตลอดทั้งวัน แต่ผู้ชมก็ยังทยอยมาคอนเสิร์ตอยู่เรื่อย ๆ และพากันย้ายเข้าไปในฮอลตอนเวลาหกโมงครึ่ง
เพลงในฮอลถูกเปลี่ยนเป็นเพลงแดนซ์หลังจากปล่อยให้ทุกคนเข้ามาในฮอล เราเข้ามาจับจองพื้นที่ก่อนเวลาเพราะคิดว่าจะต้องแน่นแน่ ๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเพราะเราสามารถไปอยู่แถวหน้าได้สบาย ๆ และเมื่อนาฬิกาบอกเวลา 19.35 เพลงสรรเสริญพระบารมีก็ดังขึ้น ผู้ชมที่นั่งอยู่ก็พากันลุกยืนจนเพลงจบ Yellow Fang ก็ปรากฏตัวบนเวทีพร้อมกับเสียงของแฟนเพลงที่ร้องเฮมาจากแต่ละจุดของฮอล เหมือนเครื่องยังไม่ค่อยติดกัน จน พิม มือเบสต้องถามว่า ‘พร้อมมั้ย… พร้อมยัง… พร้อมก็บอก’ เราก็เลยตะโกนโหวกเหวกเพราะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ดูพวกเขาบรรเลงเพลงที่แสนคิดถึง เปิดมาเลยกับอินโทรไซคีเดลิกเมามาย เป็นนัย ๆ ว่าพวกเธอจะต้องเล่นเพลงเท่ ๆ ที่ชื่อ Morning ที่ทำให้เราว้าวกันมาแล้วตอนที่ปล่อยออกมาแรก ๆ เพราะแนวค่อนข้างต่างไปจากเพลงเก่า ๆ พอสมควร ไลท์ติ้งในช่วงนี้บอกเลยว่าพุ่งพล่านสมกับความหนักหน่วงของเพลง จากนั้นก็มีเสียงใส ๆ ถามขึ้นมาว่า ‘เอาแต่ใจไหมคะ’ ของแพรวา มือกลอง ที่ดังมาจากจุดไหนของเวทีไม่ทราบได้ เพราะกลองที่เซ็ตอยู่กลางเวทีไม่มีใครอยู่! แต่ไม่เป็นไร ขอกรี๊ดไว้ก่อนเพราะเพลงที่พวกเธอจะเล่นต่อไปก็คือประโยคที่แพรวาถามนั่นแหละ
จนเมื่อจบเพลงพิมก็ถามว่ามีใครเห็นแพรวาไหม สปอตไลต์เลยส่องไปที่ฟากขวาของเวทีที่มีกลองอีกชุดตั้งอยู่พร้อมกับแพรวาพูดว่า ‘อยู่นี่!’ โบกมือทักทายแฟนเพลง และจัดเพลงเดือด ๆ อย่าง เลี้ยง ให้ได้ฟังกัน ตามด้วยเพลงซึม ๆ I Don’t Know แล้วเราก็ได้ยินซาวด์ซินธิไซเซอร์ดังขึ้นมาพร้อมกับไฟที่ฉาบเวทีเป็นสีชมพู ม่วง น้ำเงิน กับเพลงช้า ๆ ที่ชื่อ แค่เพียง แม้จะเป็นอิเล็กทรอนิกแต่ก็เดือดไม่แพ้เพลงร็อก ๆ ของวง ต่อกันที่ พลั้ง ในเวอร์ชันอิเล็กทรอนิก ที่ครึ่งเพลงหลังวงก็กลับมาสับกีตาร์ เบส หวดกลองเดือด ๆ แบบเวอร์ชันปกติทำเอาเรากระโดดโลดเต้นไม่หยุด ความสนุกไม่หยุดแค่นี้วงส่ง Valentinos มาให้ได้มันกันต่อ ก่อนจะให้พักหายใจในเพลงฮิตอีกเพลง เก็บผ้า ตอนนี้ก็มีแฟนเพลงแถวหน้าที่น่าจะส่งเสียงกรี๊ดและตะโกนร้องเพลงอย่างขันแข็งจนแป๋ง มือกีตาร์ แซวว่า ‘ทำดีมาก ๆ คนกรี๊ดเมื่อกี้นี้ผู้ชายใช่ไหม’ เรียกเสียงฮาจากผู้ชมด้วยกันครื้นเครงทีเดียว เมื่อวงแนะนำตัวสมาชิกแต่ละคนเรียบร้อยก็ขึ้นเสียงประสานชวนเคลิ้มพาเข้าเพลง ดูซิลอง ตามด้วย ห่มผ้า ที่แป๋งบอกว่าเพลงนี้ช่วยกันร้องตามได้เพราะร้องง่าย เราก็ร้องท่อน ‘ฮู้ฮู’ ตามพวกเธอไป ต้นเพลงเริ่มมาแบบสบาย ๆ แต่ตอนท้ายเพลงเดือดมากเด้อ ก็เลยเดือดต่อให้สุดที่ Unreal และ หมึก ใหม่ ปิ๊กโก้ ที่ตอนหลังก็มีท่อนดรอปย้วย ๆ ไซค์ ๆ ชวนโยก ที่เท่เอามาก ๆ เรียกว่าครบถ้วนทุกเพลงเก่าเพลงใหม่เพลงดัง full set 45 นาทีอิ่ม ๆ ไปเลย ฟังมาตั้งแต่เป็นเด็กเด๋อ ๆ จนเป็นผู้ใหญ่เด๋อ ๆ ก็ยังรักเพลงของวงนี้ด้วยความที่มีการทดลองนั่นนี่อยู่ตลอด และส่งพลังจากที่เล่นมาถึงคนดูได้เสมอ
จากนั้นเวลาประมาณ 20.50 ก็เป็นคิวของวิโอเลต วอเทียร์ ป๊อปสตาร์ดาวรุ่งมากความสามารถที่มีผลงานทั้งเพลงและการแสดงออกมาให้แฟน ๆ ได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง เธอเปิดโชว์ด้วยเพลง ฝากไว้… เพลงประกอบภาพยนตร์สยองขวัญ ‘ฝากไว้.. ในกายเธอ’ กับซาวด์ดนตรีบัลลาดอิเล็กทรอนิกยิ่งใหญ่ ต่อด้วยเพลงดังอีกเพลงของเธอที่เป็นงานคัฟเวอร์วง 60 Miles ที่ชื่อ หากฉันตาย ซึ่งมีแฟนเพลงหลายคนร้องตามอย่างเนืองแน่น ตามด้วยเพลงที่เธอบอกว่าดังที่สุดในชีวิตที่เคยทำมาแล้ว นั่นคือเพลง อยากรู้หัวใจตัวเอง ประกอบละคร ‘แอบรักออนไลน์’ ซึ่งเราเองก็ชอบเพลงนี้ เอ้า ก็ร้องตามกันไปสิครับ และเป็นอีกเพลงช้าที่วีบอกว่า เพลงนี้เธอเคยแต่งจากมุมมองของคนอื่นที่พยายามจะรั้งเธอไว้แต่ก็รั้งไว้ไม่ได้ โดยที่เธอไม่คิดว่าวันนึงมันจะย้อนกลับมาเป็นความรู้สึกของเธอเองใน ไม่เป็นไร.. เข้าใจ ที่เราก็ชอบมาก ๆ แล้วจึงเป็นเพลง ก็แค่ไม่มีฉัน เพลงจังหวะสนุกที่ได้เสียงเอกลักษณ์ของแฮนด์แพนมาเป็นเครื่องประกอบจังหวะ โดยเพลงนี้เธอได้แบ่งฟากให้คนดูช่วยกันร้องสลับสองท่อน ฟากขวาให้ร้องว่า ‘หยุดคำถาม’ ฟากซ้าย ‘ฉันขอไม่ตอบ’ เลยกลายเป็นท่อนประสานสนุก ๆ ที่คนดูได้ interact กับโชว์โดยตรง ทำให้นึกถึงโชว์ของ Damien Rice เมื่อนานมาแล้วที่แบ่งฟากให้คนร้องแบบนี้ในเพลง Volcano ประทับใจมาก
จบเพลงนี้เธอแซวคนดูว่าร้องเพลงเพราะ ต่อไปเลยจะชวนเต้นในเพลง Vacation Time ที่เธอและแสตมป์ อภิวัชร์ หยิบงานของ Part Time Musicians มาคัฟเวอร์เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ ฟรีแลนซ์ ที่เธอร่วมแสดงด้วย จากนั้นวีก็บอกว่ารู้ตัวว่าตัวเองมีเพลงเร็วน้อย เลยขอร้องเพลงคัฟเวอร์ให้ช่วยกันเต้น ในอีกงานโด่งดังของเธอกับ YouTuber ดัง BILLbilly01 ที่ร้านกาแฟต่าง ๆ เลิกจะเปิดเวอร์ชันออริจินัลแล้วมาเปิดเวอร์ชันของเธอแทนใน Habits (Stay High) ของ Tove Lo ชอบที่พาร์ตร้องออโต้จูนคือเป๊ะมาก คมมาก และเบสหนักหน่วงมากในเพลงนี้ แล้วเธอก็บอกว่าเดือนหน้าจะปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ แต่ตอนนี้ขอเล่นเพลงที่ปล่อยมาเมื่อเดือนที่แล้วซึ่งจะอยู่ในอัลบั้มภาษาอังกฤษกับเพลง Drive ที่เธอเล่าที่มาของเพลงว่าเกิดจากการที่เธอชอบคนคนนึงแต่ความสัมพันธ์นั้นจำเป็นต้องจบ โดยเขาขับรถไปส่งเธอที่บ้าน และเธอก็ร้องไห้จนหลับไป แต่วันรุ่งขึ้นเธอก็ตื่นมาเขียนเพลงเกี่ยวกับเรื่องนั้นทันที และปิดท้ายด้วยเพลง Heartbeat.. จังหวะจะรัก ที่แฟนเพลงยังคงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แม้แนวดนตรีจะแตกต่างจากอีกสองวงที่เล่นในงานนี้แต่เธอก็ไม่ปล่อยให้เพอร์ฟอร์แมนซ์ของตัวเองพลังตกไปแม้แต่น้อย แถมยังโปรยเสน่ห์สร้างความสนุกตลอดโชว์ให้แฟน ๆ ได้ประทับใจกับเสียงเพราะ ๆ และความสดใสของเธอ
และช่วงที่เรารอคอยก็มาถึง เวลา 22.05 ไฟในฮอลก็เริ่มดิมลงและมีอินโทรซาวด์แอมเบียนต์ดังขึ้น พร้อมเสียงกรีดร้องบ้าคลั่งของแฟนเพลง Wolf Alice (ฉัน และเพื่อน และอีกหลาย ๆ คนขยันขันแข็งมาก) ผู้ชมพากันเขยิบมาหน้าเวทีเรื่อย ๆ จนแน่นขนัด และเมื่อวงปรากฏตัวครบบนเวที เอลลี่ ธีโอ จอฟ โจเอล เข้าประจำที่เครื่องดนตรีของตัวเอง เปิดมาด้วยอินโทรสุดคุ้นเคยในเพลงเดือดจังหวะกลาง ๆ อย่าง Your Love’s Whore ที่ผู้ชมช่วยกันร้องท่อนแรก ‘อาาาาา’ อย่างพร้อมเพรียง ตามด้วยเพลงเดือด ๆ ที่ปล่อยออกมาเป็นเพลงเปิดตัวของอัลบั้มชุดที่สอง Visions of a Life ที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้เรามาก ๆ กับเพลง Yuk Foo แค่เพลงนี้ผู้ชมคุณภาพก็ช่วยกันร้องแบบคอแตกกว่าเพลงที่แล้วอีก สะใจจังว้อยยย ต่อด้วย You’re A Germ จากชุด My Love is Cool ที่ทุกคนก็ยังร้องได้ โอ๊ย รักมากคอนเสิร์ตที่แฟนเพลงเหนียวแน่นแบบนี้ ยิ่งส่งให้โชว์สนุกยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก
ต่อด้วยเพลงที่จังหวะกลองเร้า ๆ แต่ยังงดงามในขนบชูเกซอย่าง Heavenward และเพลงฮิตสุด ๆ ในยุคนี้ที่ทุกคนในฮอลร้องได้ Don’t Delete A Kiss ที่เอลลี่วางกีตาร์แล้วมาร้องและเดินกรีดกรายไปรอบ ๆ เวทีในชุด sundress ของเธอ ตอนท้ายของเพลงที่ดนตรี fade out ทุกคนพร้อมใจกันร้องคอรัสไปกับเธอเป็นบรรยากาศที่ประทับใจมาก นึกถึงยังขนลุกเลยเนี่ย แล้วจึงเป็นเพลงร็อก ๆ แต่ได้โชว์เนื้อเสียงเพราะ ๆ ของเอลลี่ใน St. Purple & Green ตามด้วยอีกเพลงฮิตจากชุดใหม่ Beautifully Unconventional กับอีกเพลงสโตนเนอร์ร็อกสุดเดือด Formidable Cool ว้ากกันกระจายยยย และเพลง Sad Boy กับเมโลดี้ติดหูแอบมีความน่ารักในไลน์กีตาร์นั้น ต่อกันเลยที่ Lisbon ที่ท่อน จือดึ๊ด คนร้องกันลั่นพลางกระโดดโลดเต้นแบบไม่เหนียมอายกันอีกต่อไป
แล้วอินโทรสุดเพราะก็บรรเลงขึ้นมา เป็นอันรู้กันว่าเรากำลังจะได้ฟังเพลงสุดเพราะอย่าง Silk ซึ่งทุกคนก็ร้องได้อย่างพร้อมเพรียง จบเพลงนี้เอลลี่ก็พูด ขอบคุณค่ะ แบบเขิน ๆ แล้วเหมือนพูดประมาณว่าที่นี่สุดยอดมาก อยากจะย้ายมาเลย ส่วนธีโอมือเบสก็เหมือนจะบอกประมาณว่ารู้สึกดีใจมากที่มีเพื่อน ๆ จากทั่วโลกมาดูพวกเขาเล่นกันในงานนี้ ก็เหมือนเป็นการบอกใบ้นิด ๆ ว่าเพลงต่อไปที่จะเล่นต้องเกี่ยวกับมิตรภาพแน่ ๆ นั่นคือ Bros ที่คนช่วยกันตบมือและร้องดังมาก อีกเพลงที่น่ากอดคอเต้นกันกับเพื่อนไม่แพ้กันใน Space & Time เอลลี่ถึงกับขำไปร้องเพลงไปตอนที่เห็นคนดูโบกมือเข้าจังหวะ ก่อนจะส่งเพลงร็อกหนักหน่วงชวนหัวโยกอย่าง Visions of a Life มาเสิร์ฟขาร็อกกันต่อ จอฟชูมือขึ้นตบให้คนดูตบตาม ทุกคนก็ตบมืออย่างพร้อมเพรียง โคตรเดือด โคตรเต้น โคตรมา ตอนท้ายเพลงเอลลี่กับธีโอไปยืนโยกเข้าจังหวะกันหน้ากลองของโจล แล้วพอเป็นเพลง Fluffy คนดูก็ร้องเฮ้ยเข้าจังหวะกันตั้งแต่เพลงขึ้น สนุกมากกก จบเพลงนี้เอลลี่ก็พูดขอบคุณค่ะผิด ๆ ถูก ๆ แก้อยู่สามรอบจนพูดถูกแล้วยิ้มเขิน คนดูแถวหน้าตายเรียบ ก่อนจะบอกว่า ขอบคุณ Yellow Fang กับ วี ที่มาเล่นด้วยกันในคืนนี้ ส่วนเพลงนี้ชื่อ Moaning Lisa Smile ค่ะ ฉันอยากให้ทุกคนมีความสุข โอ้โห ปั่นยับ เดือดดาล มีความสุขมาก ๆ ครับ ยิ่งท่อนที่ร้อง อ๊า ๆๆๆ อา อ๊า อา นี่คือ คอแตกได้ก็ยอม
โชว์จบอารมณ์ไม่จบ คนดูร้องขออังกอร์ตั้งแต่วงยังลงไปไม่ครบ ยืนร้องกันอยู่พักใหญ่ ๆ พวกเขาก็กลับขึ้นมาพร้อมกับบอกว่าเป็นที่ที่เยี่ยมที่สุดที่ได้มา แล้วจัดเพลงช้า ๆ อย่าง Blush ให้เราได้ร้องตาม ท่อน ‘Punch drunk, dumb struck, pot luck happy, happy’ ทำไมมันมีความ emotional ขนาดนั้นไม่รู้ แต่ฟินมากเลย แล้วกีตาร์เสียงแตกในเพลงสุดท้ายก็ดังขึ้น เราห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่แล้วจริง ๆ กับการกระโดดเป็นบ้าในเพลง Giant Peach ที่สุดของเพลงวงนี้ที่ระบายความอัดอั้นในชีวิตได้ดีที่สุดแล้วเพลงนึงที่เคยฟังมา
จบไปแล้วกับโชว์สุดมันที่ดุเดือดซึ่งพวกเขาก็ไม่ทำให้เราผิดหวังแม้แต่น้อยสมการรอคอย โชว์ทรงพลังจากสี่คนวัยเลือดร้อนที่เหมือนเป็นผู้กอบกู้วงการร็อกอังกฤษให้กลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง คือพอดูจบก็อยากฟังอัลบั้มสามเลย แต่ได้ยินว่าพวกเขาจะพักกันแปปนึงก่อนจะลุยงานใหม่ต่อ แฟน ๆ ก็อดใจรอกันนิดนึงนะ แต่ที่แน่ ๆ คอนเสิร์ตเมื่อคืนต้องกลายเป็นโชว์ที่ดีที่สุดในชีวิตของใครไปแล้วแน่ ๆ