Untitled 2 ปาร์ตี้ส่งท้ายปีที่ศิลปินสามารถมาจับจองพื้นที่แสดงผลงานของตัวเองได้อย่างอิสระ
- Story and photos by Phongpatch Thanattrai
29 ธันวาคม 2560
มาช้าหน่อยเพราะเพิ่งมีเวลาเขียนหลังจากไปปาร์ตี้ช่วงปีใหม่มา มาคุยกันถึงงานส่งท้ายปีอย่าง Untitled 2 กันเลยดีกว่า เป็นงานที่ถูกจัดขึ้นมาโดยกลุ่มคนที่มีความเชื่อว่า ศิลปะไม่สามารถตีมูลค่าเป็นเงินได้ จึงเปิดให้งานนี้เป็นงานเสรีที่ศิลปินสามารถมาจับจองพื้นที่แสดงผลงานของตัวเองได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นดนตรี ภาพวาด ภาพถ่าย ทำอาหาร จัดวาง สัก หรือตัดผม แต่วันนี้จะขอพูดถึงในส่วนดนตรีละกันนะ
สำหรับสถานที่บอกเลยว่าค่อนข้างออกไปทาง underground มาก ๆ กำแพงสีขาวตัดกับสีแดงที่ถูกสาดเป็นชื่อไลน์อัพ วงที่มาเล่น สร้างบรรยากาศความเดือดดาลได้พอสมควร เวทีดนตรีถูกจัดขึ้นที่ชั้นแรกของตึก เรียกได้ว่าเดินเข้ามาก็ต้องได้ยินเสียงเพลงเป็นด่านแรกก่อนจะไปชมงานในชั้นอื่น ๆ
เวลา 6 นาฬิกา คนเริ่มมางานกันแบบบางตา ตอนนั้นเรากำลังสักอยู่ที่ชั้น 4 ก็ได้ยินเสียงกีตาร์และเสียงร้องอันอ่อนละมุนของเพลง High Lukpeach ได้เริ่มแสดงแล้ว เราลงไปทันเพลงที่สองคือเพลง Too Far เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นลูกพีชเล่นกีตาร์ร้องเองคนเดียว เป็นโซโล่อะคูสติกที่จัดว่ากินใจมาก ตามกันมาด้วยเพลงคัฟเวอร์สองเพลงอย่าง Say a Little Prayer และ Green & Gold คนดูในช่วงนี้ยังยืนกอดอกดูอย่างตั้งใจอยู่ แต่ก็ถือว่าปิดการแสดงไปอย่างน่าประทับใจด้วยเพลง Everyday
มาถึงวงที่สองซึ่งเราก็เป็นมือเบสของวงด้วย นั่นคือ Tilly Birds คนดูเริ่มมายืนกันหน้าเวทีกันแบบบางตา เปิดโชว์มาด้วยซิงเกิ้ลแรกที่ปล่อยจาก EP ล่าสุดอย่าง เพื่อ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเริ่มหยุดดูบ้าง เท่าที่เห็นจากมุมที่เรายืนเล่นอยู่นะ ฮ่า ๆ ตามมาด้วยเพลงชวนโยกจาก EP ล่าสุดอีกสองเพลงอย่าง เขาเป็นใคร และ ฉันไม่ใช่(คนที่ใช่) ชาวโยกข้างหน้าเริ่มมีการขยับแข้งขยับขากันบ้าง ไอ้เราเห็นอย่างงั้นก็เริ่มใจชื้นละ ต่อกันด้วยเพลง คนที่มีความหมาย และ Like a Dead Man บรรยากาศเดือดปุด ๆ เริ่มเพิ่มขึ้นพร้อมกับคนที่เข้ามาดูกันมากขึ้น เราเริ่มรู้สึกว่า คืนนี้มันต้องเป็นคืนที่สนุกมากแน่ ๆ ปิดช่วงท้ายของโชว์ไปด้วยเพลงใหม่ที่ไม่ได้อยู่ใน EP อย่าง ฉันมันเป็นใคร ที่เล่นสดเป็นครั้งที่สองหลังจาก CAT Expo 4 ที่ผ่านมา จบโชว์ของ Tilly Birds ไปด้วยเพลงช้าเพลงเดียวอย่าง เรื่องดี ๆ ก็ฟินน้ำตาแตกกันไปฮะ
วงต่อไปนี่สิ S.O.L.E เป็นหนึ่งในไฮไลต์ของงานเลยก็ว่าได้ แต่ก่อนหน้านั้น เราขอเบรกตัวเองระหว่างวงเซ็ตเครื่อง เราดิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อดูบรรยากาศงานโดยรวม เริ่มต้นด้วยการดวดเบียร์ขนุนซักแก้วก่อนลงไปเดือดกับวง ตอนที่กำลังวิ่งลงไปนั้นก็พบว่ายังคงอยู่ในช่วงอินโทร แต่เติ้ล ฟรอนต์แมนของเราก็ยังคงยืนสูบยาอยู่หน้าตึกอยู่เลย (ซึ่งอินโทรกินเวลาไปเกือบ 15 นาทีได้) มา!!! ถึงเวลาละ สมาชิกวงขึ้นเวทีเรียบร้อย เปิดมาเพลงแรกด้วย Bangkok Teenage Renaissance ทางทีมงานเริ่มเอาเบียร์ลงมาแจกจ่ายให้กับคนดู ชาวอิเล็กทรอนิกก็ต้องดิ้นตีนแตกตาม ๆ กันไป ต่อกันด้วยเพลงในอัลบั้มล่าสุดที่พึ่งปล่อยมาอย่าง Cyber Punk, Psycho Killer, Call Me ต้องบอกเลยว่าปกติเราไม่ใช่สายอิเล็กทรอนิกขนาดนั้น แต่พอได้มาดู S.O.L.E. เล่นสด เรารู้สึกจอยไปกับมันได้อย่างน่าประทับใจ มันเหมือนเปิดโลกแห่งเสียงและการเล่นสดของเราไปอีกขั้นนึงเลย ว่าขอบเขตดนตรีที่เรารู้จัก มันยังไปได้มากกว่านั้นอีก แล้วก็มาถึงเพลงที่เราทำการบ้านมาซะที เพลง RICH เริ่มบรรเลงขึ้น ทุกคนในงานเริ่มขยับเนื้อขยับตัวไปตามจังหวะในทางเดียวกัน ต่อกันด้วยเพลง Like a Magic และปิดท้ายด้วยเพลงที่เดือดที่สุดและเราชอบที่สุดนั่นก็คือ If You Want to Run, Run Faster เพลงนี้เราเต้นแรงและมันมาก ปิดโชว์ไปได้อย่างเดือดดาลและเปิดโลกใบใหม่ให้กับเราอย่างมากเลยทีเดียว
พักกับความเดือดกันสักครู่ ก่อนที่จะเจอกับอีกสามวงที่ขึ้นชื่อเรื่องความดิบเถื่อนเวลาเล่นสด และจะเปลี่ยนคอนเสิร์ตให้กลายเป็นสงคราม ขอขึ้นไปจัดคราฟต์เบียร์อีกซักแก้วก่อน แต่ก็ต้องเจอกับปัญหาที่น่ากลัวที่สุดของงานเลยนั่นคือ…. เบียร์หมด!!!!!!! เราแบบ ชิบหายละ แล้วเราจะสามารถมีชีวิตรอดถึงงานจบได้ยังไงหากไม่มีเบียร์ แต่ยังโชคดี ทางทีมงานเริ่มระดมทุนโครงการแก้วคนละแก้ว เก็บตังคนร่วมงานไปซื้อเบียร์เพิ่ม (อย่างงี้ก็ได้หรอ ฮ่า ๆ) อ่ะ ไม่รอมันละบงเบียร์ ความเดือดถูกประเดิมต่อด้วย The Young Wolf เปิดตัวมาเพลงแรกด้วยเพลง Pigeon เราเคยดูวงนี้เล่นสดมาแล้วรอบนึง เรารู้สึกว่าพี่โจนักร้อง เป็นคนที่สามารถดึงอารมณ์ออกมาใช้กับการเล่นสดได้อย่างน่าประทับใจมาก เนื้อหาเพลงส่วนใหญ่เกี่ยวกับความ ‘เสี้ยน’ ล้วน ๆ พี่โจได้เกริ่นเข้าเพลงที่สองว่า “เพลงนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายที่พยายามจะเลียน้องหนูผู้หญิงนะครับ” (แต่ใช้คำพูดว่ายังงั้นแหละ) ทำนองเพลง Slow Tongue Man Blues เริ่มบรรเลงขึ้น ทำนองเพลงถูกใจชาวบลูส์ ร็อกแอนด์โรลน่าดู แล้วมหกรรมสงกรานต์หน้าหนาวก็เริ่มขึ้น พี่โจฟรอนต์แมนเริ่มสาดน้ำแจกคนดูอย่างต่อเนื่อง เล่นซะเต้นกันเกือบลื่นหัวแตกจนเราต้องเอาไม้ม๊อบมาถูไปตามจังหวะเพลงของพี่แก มาถึงเพลงช้าสองเพลงอย่าง She’s Heatstroke กับ Alice in the Morning พี่โจได้ถ่ายทอดอารมณ์ความเศร้าผ่านทางบทเพลงได้อย่างเหลือเชื่อ เล่นซะเราแทบจะร้องไห้ตามอารมณ์ของพี่แกไปเลย หลังจาก emotional กันไปแล้วก็มาถึงช่วงท้าย ๆ ประโยคเด็ดในการเข้าเพลงต่อไปอย่าง Five Long Years คือ “เพลงนี้เกี่ยวกับผู้ชายที่กำลังรีบขับรถกลับไปเx็ดเมียที่บ้านนะครับ” ปิดท้ายไปด้วยเพลงเดียวที่มีเนื้อร้องภาษาไทยอยู่หนึ่งท่อนอย่าง Bitch (ซึ่งท่อนนั้นร้องแค่ อีสั๊ดดดด) เพลงนี้พี่โจได้ออกมาร่วมด้วยช่วยกันเดือดกับคนดูโดยการเปิดวงมอชพิตเองซะเลยปิดโชว์ของ The Young Wolf ไปได้อย่างสวยงาม
แต่ไอ้วงต่อไปนี่สิ…. เป็นวงที่คงไม่ค่อยคุ้นชื่อใครหลาย ๆ คน เพราะคือวงที่ไม่ได้แสดงสดมาเป็นเวลานานกว่า 4 ปี วงนี้มีชื่อว่า ชายกระหัง และที่สำคัญเลยคือเป็นวงของเราเอง…. เออ ก็เพราะเป็นคนจัดงานเลยเอาวงตัวเองมาใส่ในไลน์อัพหน้าด้าน ๆ แบบนี้เลย ผู้คนต่างฮือฮากันเริ่มจากการที่มือเบสใส่ผ้าขาวม้าขึ้นมาบนเวที มือกีตาร์(กูเอง)ใส่กางเกงในตัวเดียวขึ้นมาเล่น และนักร้องแต่งหน้างิ้วขึ้นมาเตรียมตะคอก แหกปาก บนเวที เริ่มกันที่ผลงานเพลงแปลงจากพี่วิน The Ginkz อย่างเพลง เสมล ไล้ ไอ้ ขี้เมา (ซึ่งตอนนั้นพวกกูก็เมากันทั้งวงจริง ๆ) ระหว่างเพลง กี้ ฟรอนต์แมน ก็ได้อ้วก ENO โชว์กลางเพลงซะงั้น เป็นภาพที่จัดได้ว่าค่อนข้างทุเรศเลยล่ะ เพลงนี้ยังดีมีพี่โจจาก The Young Wolf มาช่วยแจมท่อนหลังด้วย ต่อกันด้วยผลงานจาก Paradox อย่างเพลงน้องเปิ้ล เพลงนี้มีฉั่ง นักร้องนำจาก Nobuna มาช่วยเป็นกระบอกเสียงอีกแรง แต่น้องเปิ้ลเวอร์ชั่นนี้ไม่ได้น่ารักอย่างที่ใคร ๆ เขาคิดกัน…. ท่อนฮุกเสือกโดนเปลี่ยนเป็น น้องเปิ้ลน่ายัด กับ น้องเปิ้ลน่าเx็ดซะงั้น เล่นซะคนเข้ามามุงดูกันจนเริ่มล้นไปถึงประตูทางเข้า เพลงที่สามเป็นเพลงที่เราเล่นกันมาตั้งแต่ ม.4 ตอนเริ่มตั้งวงและเป็นเพลงแรกที่ได้เล่นด้วยกันคือเพลง โจ๊กอาม่า ผลงานจาก Magenta ซึ่งความเหี้ยคือ ท่อนที่ร้องว่า โจ๊กอาม่ามีขาแมลงสาบ ทางวงได้ปาแมลงสาบปลอมนับร้อยตัวใส่คนดูจริง ๆ!! จนคนดูเริ่มเฮแล้วตะโกนว่า วงเหี้ยไรเนี่ย!!!! มาถึงเพลงสุดท้าย เป็นเพลงตัวเองเพียงเพลงเดียว (เพราะแม่งมีอยู่เพลงเดียวมา 7 ปีละ) ที่ได้หยิบขึ้นมาเล่น คือเพลงที่ชื่อว่า… ขี้ วงมอชพิตเริ่มขยายกว้างใหญ่และทวีความรุนแรง วงแม่งก็เมากันเหี้ย ๆ จนไม่รู้เล่นอะไร จนฮุกสุดท้าย ตุ๋ย มือกีตาร์ของวง(ก็คือกูเองอีกนั่นแหละ) ได้หยิบค้อนปอนด์ขนาดใหญ่ออกมาและทุบกำแพงจนผนังถล่มไปประมาณสองสามเมตรได้ คนดูเริ่มพากันปกป้องตัวเองแล้วก็เหมือนจะกลัวเราไปเลย ฮือ จบโชว์ของชายกระหังได้อย่างบ้าคลั่ง สถุล และป่าเถื่อนจริง ๆ
ถึงจะเมาจนไม่รู้จะเมายังไง แต่สงครามคืนนี้ยังไม่จบ!!!! มาถึงวงปิดงานวงสุดท้ายที่ทุกคนรอคอยอย่าง Nobuna!!!!! วันนี้พิเศษตรงที่ศิลปินชาวร็อกอย่าง PAP YEAH มาเล่นเบสแทนให้ด้วย เปิดโชว์มาอย่างดุเดือดด้วยเพลง Crown of Blood วงมอชพิตเริ่มก่อตัวกลางชั้นอย่างดุเดือด เราเองก็ไม่ร่วมก่อด้วยช่วยสร้างความวินาศสันตะโรด้วย ตามมาติด ๆ ด้วยซิงเกิ้ลสุดติดหูอย่าง Your Masquerade ซึ่งเพลงนี้ เราได้รับ ‘เกลียด’ ขึ้นไปแจมร้องในท่อน bridge ด้วยหน่ะสิ (นี่กูทำอะไรลงไปบ้างวะเนี่ย) ต่อกันด้วยซิงเกิ้ลแรกอย่าง The Rise กันเลย คนในงานเริ่มเมากันเละ โดดกันไม่เป็นที่เป็นทางละทีนี้ ตามมาติด ๆ ด้วยเพลงที่มี breakdown สุดโหดอย่าง Gravity ตอนนั้นทุกคนในสถานที่รู้สึกได้ว่า มันไม่ไหวแล้ว มันต้องเดือดกว่านี้!!!! (หรืออาจจะเป็นที่กูคนเดียวก็ได้) เพลงต่อไปคือเพลงช้าเพลงเดียว ที่มีจังหวะหนักหน่วงอย่าง End of the Line ด้วยความที่เราเป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ เราเริ่มทำลายผนังที่เราทุบลงไปเมื่อวงที่แล้วเพิ่มด้วยมือเปล่า ฝุ่นจากผนังที่ถล่มลงมาถูกดันให้คละคลุ้งด้วยจังหวะกระเดื่องที่หนักแน่นของเพลง เรียกได้ว่า แทบจะไม่ต้องใช้ smoke ในการสร้างควันกันเลยแหละ หลังจากนั้นเราก็หยุดไม่อยู่ละ มาถึงสองเพลงสุดท้ายอย่าง Koisuru Fortune Cookies คนดูทุกคนช่วยกันโดด ร้องแหกปากตะโกนอย่างสุดเสี่ยง แล้วฉั่งก็เริ่มซนปีนลำโพงจนเกือบเตะขวดเบียร์แตกไปหลายขวดละ มาถึงเพลงสุดท้ายอย่าง My Battle Cry เรารู้สึกว่า ไหน ๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้วก็ไปให้มันสุดทางไปเลยละกันนะ ภาพที่เกิดขึ้นในเพลงนี้คือ คนทุกคนวิ่งกระโดดมอชพิชกันมั่วแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เราทำลายกำแพงที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมดให้ถล่มลงมาด้วยมือเปล่า พี่แป๊ปมือเบสกับพี่ฮาร์ตมือกีตาร์ไม่ได้อยู่บนเวทีแล้ว แต่มาร่วมด้วยช่วยกันสร้างความพังพินาศให้เกิดขึ้นกับสถานที่แห่งนี้ หลังจบโชว์ คำนิยามเดียวที่พูดได้คือ เละ!!!! เละแบบ ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ กำแพงที่กั้นบันไดทั้งหมดถล่ม แยกไม่ออกว่าอันไหนฝุ่นอันไหน smoke ตอนนั้นในใจคือ นี่กูไม่โดนตำรวจรวบก็ดีแค่ไหนแล้ว….. แต่ก็…. นะ….. ถือเป็นงานที่เดือดที่สุดของปี 2017 เลยล่ะ
สำหรับเรา นี่คือบทสรุปทุกอย่างของปี 2017 ซึ่งมันก็จบได้อย่างดิบเถื่อนและสวยงามจริง ๆ สำหรับงานนี้จะจัดช่วงปลายปี ปีละครั้ง ใครที่อยากรู้ว่าปีหน้าไลน์อัพจะป่าเถื่อนและบ้าขนาดไหน ก็รอติดตามได้จากเพจ Untitled นะฮะะ แล้วสำหรับคนที่อ่านแล้วสนใจอยากรู้ว่าวงเหล่านี้เล่นสดได้เดือดขนาดไหนหรืออยากสัมผัสประสบการณ์จริง ๆ สามารถจองวงดนตรีเหล่านี้ผ่านเว็บไซต์ www.lensod.com ได้เลย ทางเรายินดีให้บริการเสมอ