การออกอัลบั้มใหม่เงียบ ๆ ของ Little Fox และโชว์ที่บ้าบิ่นที่สุดของ Hariguem Zaboy
- Story and photos by Montipa Virojpan
29 ตุลาคม 2561
เป็นอีกเสาร์ที่แม้จะอยากแยกร่างขนาดไหนก็ไม่เป็นผล เพราะมีอีเวนต์ดนตรีกรรมเกิดขึ้นจำนวนมาก ทำให้เราต้องยืมมือน้องในทีมไปช่วยกันดูคอนเสิร์ตต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยเราก็เลือกที่จะไปงาน The Mad Maps with A Milk ที่มีวงดนตรีน่าสนใจและไม่ได้ดูมานานมากแล้วทั้ง ดารารัศมี, Little Fox, Hariguem Zaboy, Bobkat ซึ่งจัดขึ้นที่ De Commune ทองหล่อ ในคืนที่ฟ้าฝนไม่เห็นใจคนสัญจรอย่างเราที่เท้าแตะปากซอยทองหล่อแล้วเรียบร้อย กำลังจะโบกพี่วินไปท้ายซอย โอ้โห เทลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตาเลยค่ะ รอไปพักนึงกว่าฝนจะซาก็ทำให้ไปถึงงานเวลาประมาณทุ่มครึ่ง แต่ตอนนั้นก็ได้รับทราบจากทีมงานว่าวงคงต้องขึ้นช้ากว่าเวลาเล็กน้อยเพราะคนดูเองก็ยังมากันไม่เยอะเท่าไหร่
แต่เอาเข้าจริงเวลาก็เลตไปเพียงห้านาทีเท่านั้น และวงแรกที่เริ่มแสดงคือ ดารารัศมี แต่ถ้าดูดี ๆ ผู้ที่ประจำในตำแหน่งกีตาร์และเบสคือ โตคิณ ฑีฆานันท์ (The World May Never Know, Triggs & the Longest Day, Ronnie’s Trip) กับ ป๊อก Stylish Nonsense ร่วมด้วยมือกลองและมือเชลโล่ที่เราไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเท่าใดนัก พวกเขามาพร้อมกับเพลงอินดี้ร็อกที่ฟังไปฟังมาก็ทำให้เรานึกถึงยุคอัลเทอร์เนทิฟที่สอดแทรกความไซคีเดลิกเข้าไป มีเพลงนึงที่มี time signature สามจังหวะด้วยกันซึ่งเท่มาก ๆ มีทั้งความหน่วงดึงและสนุกในนั้น
ส่วนเพลงต่อมาก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับรถไฟแล้วมีท่อนร้องสุดติดหูที่เสียงเหมือนล้อรถจักร ‘จึดจึดจื๊อ จึดจึดจื๊อ’ และใส่การประสานเสียงเข้าไปด้วย ปิดท้ายกับเพลงที่ช้าที่สุดจากทั้งหมดมีความหม่นจากไลน์เบสที่เดินดุ่ม ๆ และเชลโล่รวดร้าวที่โดดเด่น กับการหัวเราะดุร้าย กรีดร้อง หรือว้ากที่เกรี้ยวกราด แม้จะมีแค่สามเพลงแต่ต้องบอกเลยว่าเป็นงานที่ควรค่าแก่การติดตามอย่างยิ่ง ตรงจริตมาก ๆ
จากนั้นก็ได้รอสักพักใหญ่ ๆ ก่อนที่ จีน มหาสมุทร หรือ Little Fox จะขึ้นแสดง เขามากับกีตาร์ไฟฟ้าและ looping effect กับซินธ์ตัวเล็กอีกตัว โดยโชว์นี้ของเขาผิดกับโชว์ล่าสุดที่เราได้ดูเขาเล่นเปิดให้กับ Devendra Banhart ซึ่งเรานึกว่าเขาจะเล่นเป็นโฟล์กเพียว ๆ แบบนั้น ที่ไหนได้เขาทำให้เรานึกถึงศิลปิน anti-folk อย่าง Adam Green ที่แม้ดนตรีของเขาจะเป็นการเล่าเรื่องหรือบรรเลงออกมาแบบโฟล์ก แต่ส่วนผสมที่ใช้ทั้งอุปกรณ์และการเรียบเรียงทำนอง หรือมีเพื่อนมาช่วยเล่นเบสก็พอจะเรียกเป็นแนวดนตรีที่ว่าได้ เหมือนเป็นร่างที่ซอฟต์ลงมาจากโปรเจกต์ ผีเสื้อราตรี และ Holy Mountain อีกที เริ่มที่เพลงฟังสบาย ๆ เนิบช้าแต่เท่ด้วยเมโลดี้ใน Like Nothing
จากนั้นเขาก็เรียกเพื่อนมือเบสขึ้นมาช่วยเล่นในเพลง Way Too Late ที่เริ่มใช้เครื่องลูปเข้ามาช่วย ต่อที่เพลง ชวนเธอ เพลงเบาฟังสบายสุดโรแมนติกที่ถ้าได้ฟังกับคนรักคงฟิน บรรยากาศไม่ต่างไปจากการได้วาร์ปไปนั่งรถโร้ดทริปแล้วไปโผล่อยู่ริมทะเล ต่อด้วยเพลงสุดเท่ที่จัดจ้านกับเสียงกีตาร์แตก ๆ ลูปกลองหน่วงและเบสสุดเท่ใน Sweet Loving จากนั้นมือเบสก็ลงเวทีไปทิ้งไว้ให้จีนบรรเลงต่อกับเพลง รักมาฝาก ที่เขาเคยหยิบไปร้องในงานที่ผ่านมาแล้วก่อนหน้านี้เลยพอคุ้นหูบ้าง กับอีกเพลงที่เป็นไซคีเดลิกโฟล์กชวนให้นึกถึงวง Allah Las กับเพลงที่ร้องถามหาสิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทั้ง ‘Where’s my room?’ หรือ ‘Where’s my cat?’ เป็นอีกโชว์นึงที่ทำให้เราต้องกลับมาหาเพลงเหล่านี้ฟัง จนได้พบว่าเขาแอบปล่อยอัลบั้มออกมาเงียบ ๆ ในช่อง YouTube aew sometv ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนู่นแล้ว!
แล้วก็เป็นเวลาของ Hariguem Zaboy ที่เราแอบเห็นสเตตัสของรุ่นพี่บนนิวสฟี้ดผ่าน ๆ ว่าวันนี้พวกเขาจะเล่นเพลงใหม่จากอัลบั้ม 3 ที่ยังไม่ถูกปล่อยออกมา แต่เราก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะเล่นเพลงใหม่หมดเลยทั้งโชว์! ถือว่าเป็นการกระทำที่กล้ามาก ๆ ที่ไม่ค่อยมีวงไหนทำด้วยการเอาตัวเพลงมาพิสูจน์ฝีมือกันไปเลย ต้องบอกว่าตกแฟนเพลงใหม่ ๆ ไปได้เยอะมากในคืนนี้ จากที่เราเคยฟังงานชุดแรกอย่าง Thick Mink ที่มีความเป็น shoegazer, dreampop อันแตกพร่าแต่งดงาม หรือ Kart ที่มีจังหวะเร้า ความบ้าคลั่ง และเต็มไปด้วยนอยซ์มากกว่าชุดก่อน
ชุดนี้คือต้องบอกว่า ลืมฮาริกึ่มซาโบ้ยงานก่อน ๆ ไปได้เลย คือซาวด์ดนตรีอะไรต่าง ๆ เนี่ยเรียกเป็น art rock ได้แล้ว มีความพังก์เกรี้ยวกราดและมัวเมาสูงมาก แม้แต่การร้องก็ไม่ได้ฮึมฮัมอีกต่อไป จ้าตะโกนออกมาสุดเสียงและมีหลายเพลงที่เหมือนเป็นการร่ายบทกวีมืดหม่น บางเพลงใช้เทคนิกการเล่นที่ทำให้ซาวด์ออกมาเหมือนการทำ backmasking หรือการเล่นเทปย้อนกลับ การเล่นโน้ตแปร่ง ๆ ออกมา หรือบางช่วงบางตอนมีลิกกีตาร์ที่ทำให้นึกถึงยุคกีตาร์ฮีโร่แต่พอมาประกอบกับเบสและกลองเลยทำให้เพลงดูหม่นดำลึกลับ ส่วนใครที่เป็นแฟนเพลงยุคที่พวกเขาเรียบเรียงเมโลดี้ไพเราะงดงามก็ไม่ต้องเสียใจไป ยังมีส่วนนี้แฝงอยู่ในเพลงของพวกเขาอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจและไม่เหมือนใครในบ้านเรามาก่อนอย่างแน่นอน ไม่รู้จะปล่อยออกมาให้ได้ฟังกันเมื่อไหร่ต้องติดตามพวกเขาไว้ให้ดี ๆ ที่แน่ ๆ สองเพลงสุดท้ายนี่โดดกันยับเลยจ้า
และมาถึงช่วงสุดท้ายกับดูโอ้แธรชพังก์จากเชียงใหม่อย่าง Bobkat ที่เราเคยได้ดูการแสดงของพวกเธอเมื่อนานมากแล้ว ก็ได้กลับมารำลึกความหลังกันอีกครั้งที่งานนี้ โดยแอบได้ดูช่วงที่พวกเธอซาวด์เช็กก็จัดว่า ‘เผ็ด’ สุด ๆ น่าเสียดายที่เราไม่สามารถอยู่ได้ถึงช่วงนี้ แต่สายของเราก็ได้แอบบันทึกภาพมาให้เราได้ดูย้อนหลัง โอ้โห๊ ความกล้าบ้าบิ่นที่จะเล่นเมโลดี้กีตาร์ไล่โน้ตให้สุดทางแบบนั้น หรือการตีกลองสปีดรัวแรงพร้อมโหวกเหวกโวยวายไปกับเพลงนี่มันสุดมากจริง ๆ ถ้าอยู่ต่อมีโยกคอหลุด ดูคลิปแล้วอยากจะมอชไปกับเขาเลยจริง ๆ แค่สองชิ้นก็เอาอยู่
สำหรับใครที่เป็นแฟนดนตรีแปลกประหลาดจากที่ได้ฟังกันตามสื่อทั่วไป อยากจะให้ลองติดตามผู้จัด The 75th Curveball หรือ จ้า Hariguem Zaboy ไว้ให้ดี ๆ เพราะก็เป็นอีกโปรโมเตอร์ที่คัดวงดนตรีที่มีส่วนผสมใหม่ ๆ ไม่คุ้นเคยมาเสิร์ฟให้เราได้รู้จักและดูสด ๆ กันอยู่บ่อย ๆ ถ้าใครพลาดครั้งนี้คงต้องรอดูอีกทีปีหน้ากันเลยเพราะงาน The Mad Maps with A Milk ในรอบนี้เป็นงานสุดท้ายของปีจากพวกเขาแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าไม่ผิดหวังแน่นอน