บันทึก SXSW #3 ปิดท้ายเทศกาลกับ Puma Blue, Crumb, De la Soul, Jonathan Bree
- Story and photos by Warut Duangkaewkad
อ่านตอนก่อนหน้าได้ที่นี่ PART 1 / PART 2
13 มีนาคม 2562
วันนี้น่าจะเป็นวันที่ได้วิ่งไปมาแบบจริงจัง หลังจากที่งานส่วนที่ต้องรับผิดชอบนั้นเรียบร้อยไปแล้ว ช่วงเช้าจึงเป็นเวลาของการทำการบ้าน เรียบเรียงชีวิตว่าวันนี้เวลานี้จะต้องเอาตัวเองไปอยู่ที่ไหนบ้าง น่าจะได้วนไปรอบ ๆ เมืองแน่นอน
Puma Blue @ Swandive Patio
เป็นอีกวงที่ตั้งใจมาดู เพราะกำลังเป็นที่น่าจับตา และ หลายคนก็ให้ความสนใจอยู่ในช่วงนี้ ศิลปินจากอังกฤษที่เพิ่งปล่อย mini album ไปเมื่อปลายปีก่อน ด้วยแนวเพลงแบบที่ต้องเงี่ยหูฟังเพราะถูกออกแบบมาอย่างดีด้วยความประณีต แต่ละเพลงถูกบรรเลงตามแบบฉบับของมันที่ควรจะเป็น แต่ไม่ใช่ที่นี่ เพราะเป็นอีกครั้งที่คนคุยกันเสียงดังเหลือเกิน จนแทบจะกลบเสียงดนตรี เสียงเมโลดี้ที่เบาบางแทบไม่สามารถรับรู้ได้ จึงจับได้เพียบบรรยากาศรวม ๆ ที่แค่นั้นยังรู้สึกได้ถึงความดีงาม หวังว่าจะมีโอกาสแก้ตัวในอนาคตนะ
เพลงที่อยากแนะนำ: Moon Undah Water, Bruise Cruise, Want Me
Charlotte OC @ Empire
เดินผ่านหน้าร้านนี้ทีไรเป็นต้องได้ยินอะไรดี ๆ ทุกครั้ง รอบนี้ก็เช่นกัน เสียงนักร้องสาวดังมากจากด้านใน เสียงที่มีพลัง เต็มไปด้วยรายละเอียดและอารมณ์ น้ำเสียงของเธอควบคู่ไปกับจังหวะที่คอยประคอง แค่นี้ก็สะกดคนดูอยู่หมดแล้ว แต่พอใส่เต็มหลาย ๆ เพลงก็แอบเหนื่อยแทนเหมือนกันนะ
เพลงที่อยากแนะนำ: Satellite, Running back to you, Darkest Hour
Crumb @ Baracuda Backyard
กรี๊ดมากที่เห็นชื่อวงนี้ในไลน์อัพ เพราะตามฟังมาพักใหญ่ ตอนนี้มี ep อยู่ 2 ชุด คือ Crumb และ Locket ซึ่งชอบมาก ๆ ทุกเพลง เสียดายที่กว่าจะเดินมาถึง ทำให้ไม่ทันสองเพลงแรก แต่วงก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะเล่นได้ดี ฟังเพลินกว่า audio เสียอีก เสียงนักร้องมีเอกลักษณ์ พร้อมกับเล่นกีตาร์ไปด้วยดูเท่เลย ไลน์เบสกับไลน์ซินธ์ของวงก็ดีไซน์ได้ดี มีองค์ประกอบในแต่ละเพลงที่น่าสนใจมาก ๆ เสียดายที่มาไม่ทันเพลงโปรดอย่าง Locket ที่เดาว่าน่าจะเล่นไปตั้งแต่เพลงแรก อยากให้มีคนเอาไปเล่นที่ไทยจริง ๆ เลย
เพลงที่อยากแนะนำ: Locket, Bones, Plants
The Red Jumpsuit Apparatus @ Dirty Dog Bar
คงเคยได้ยินชื่อวงกันมาบ้างสำหรับวงอีโมรุ่นใหญ่ที่ถูกชวนมาเล่นงานนี้ เราจึงหาโอกาสมาลองดูสักหน่อยว่า วงระดับนี้เขาแสดงกันเป็นยังไง แม้จะเคยวนเวียนอยู่ในวงการอีโมมาบ้าง แต่ก็ไม่ใช่แฟนเพลงของวงนี้ วงเล่นแน่นแบบที่ควรจะเป็นเลย ดูดุดันและชวนโยก ส่วนเราก็ยืนโยกกับเขาได้อยู่ 4 เพลง ก็ต้องหนีออกมา เพราะมีวงที่อยากดูอีกทีนึง แต่แอบแปลกใจที่วงชื่อเก่าขนาดนี้กลับมีคนมาดูไม่แน่นเท่าที่คิด ไม่รู้ว่าวงเก่าเกินไปหรือเริ่มหมดยุคของเพลงแนวนี้แล้วรึเปล่านะ
เพลงที่อยากแนะนำ: Face down, Your guardian angel, False Pretense
De la Soul – Failed
De La Soul เป็นฮิปฮอปรุ่นเก๋าที่อยู่ในวงการมานาน มีความ oldschool แบบแร็ปเปอร์สมัยก่อน ฟังแล้วน่าเต้น น่าขยับร่างกายไปด้วย ด้วยเมโลดี้ติดหู จังหวะเท่ ๆ ทำให้อยากดูมาก ๆ แต่แล้ววันนี้ก็มาถึง หลังจากรีบไถสกู๊ตเตอร์มาถึงหน้าร้าน เห็นคนต่อแถวอยู่ประมาณนึงเลย แต่ยังสบายใจอยู่เพราะคิดว่ายังไงก็น่าจะได้เข้า ด้วยบัตรห้อยคอแบบ music แต่สักพักก็ได้ยินเจ้าหน้าที่ประกาศว่า พื้นที่ข้างในเต็มหมดแล้ว จะไม่มีการปล่อยคนเข้าไปอีก เท่านั้นแหละ จบเลย แม้จะได้ยินเสียงลอยข้ามกำแพงมา เสียงที่ดูน่าสนุกอยู่ข้างในนั้น แต่เข้าไปดูไม่ได้ (อย่างที่บอกว่าต้องวางแผนดี ๆ นั่นแหละ) สุดท้ายก็จบที่ไปนั่งจิบร้านข้าง ๆ แอบฟังเค้าเล่นแทน ซึมกันไป
เพลงที่อยากแนะนำ: Pain, My self and I, All Good
14 มีนาคม 2562
หลังจากเมื่อวานพลาดท่าไปรอบดึก วันนี้จึงวางแผนกันใหม่ที่อันไหนอยากดูจริง ๆ ก็ต้องเน้นหน่อย ส่วนช่วงไหนที่ไม่มีวงที่เล็งไว้ ก็ถือโอกาสลองดูวงใหม่ ๆ ไปเลย ซึ่งดูจากไลน์อัพวันนี้แล้ว ค่อนข้างเลือกง่ายกว่าเมื่อวานพอสมควรเลย
Penelope Isle @ British Music Embassy
เรากลับมาที่บ้านอังกฤษกันบ่อยหน่อย เพราะที่นี่มีวงน่าสนใจให้ดูอยู่ตลอด อย่าง Penelopre Isle วงร็อกเท่ ๆ นิ่ง ๆ ที่แม้จะดูมีอายุกันแล้ว แต่สไตล์เพลงไม่แก่ตามเลย มีความดิบแบบคนสุขุม ฟังเพลินเลยแหละ
เพลงที่อยากแนะนำ: Round, Chlorine
Oscar Jerome @ St David’s historic sanctuary
หลังจากเดินหาทางเข้าอยู่นาน ก็มาถึงด้านหน้าของโบสถ์ St. David’s Historic Sanctuary ที่มาที่นี่เพราะจากที่ลองฟังมา Oscar Jerome เป็นวงที่น่าสนใจเลย แถมโลเคชั่นที่เล่นก็เป็นโบสถ์อีก จากด้านหน้าเข้าสู่ภายใน เดินผ่านห้องสวดมนต์ขนาดเล็ก ห้องเก็บหนังสือ จนเข้าไปถึงโถงของโบสถ์ ความเท่ก็คือ เวทีอยู่ตรงกลางโถงนั่นเลย ถูกตั้งขวางอยู่หน้าไม้กางเขน บริเวณแท่นที่เขาทำพิธีกันปกตินี่แหละ (ไม่อยากคิดว่าถ้าเราเล่นดนตรีในอุโบสถวัดบ้าง จะเป็นยังไงนะ)
Oscar เล่นอยู่บนเวทีแล้ว ทุกอย่างดูถูกต้องเหมาะสมไปหมด เพลงของเขามีความหม่นแต่สำเนียงแจ๊สชัดเจน เสียงร้องที่ทุ้มต่ำ กับเมโลดี้กีตาร์ที่เวลาโซโล่เหมือนจะกลายเป็นอิมโพรไวส์ตลอดเวลา (มารู้ทีหลังว่าเขาเป็นมือกีตาร์วงแจ๊สอย่าง Kokoroko ถึงว่าสำเนียงมาเต็ม) อาจเพราะทุกอย่างถูกที่ถูกเวลา จนอยากจะถวายตัวเป็นสาวก เป็นบรรยากาศที่ดีมากจริงๆ
เพลงที่อยากแนะนำ: Do you really, 2 Sides, Give back what you stole from me
Boogarins @ Hotel Vegas
จากโบสถ์กลางเมือง เราไถสกู๊ตเตอร์ออกมาทางจะวันออกที่ Hotel Vegas ที่เปลี่ยนลานจอดรถด้านหลังโรงแรมให้กลายเป็นลานจัดงาน บรรยากาศที่ดีค่อยข้างดีเลย สังเกตได้ว่ากลุ่มคนเปลี่ยนไปด้วยในย่านนี้ ดูมีความวัยรุ่นกว่าในเมืองหน่อย ที่มาไกลขนาดนี้เพราะวงที่จะเล่นเป็นวงโปรดที่เคยดูเมื่อสองปีก่อนแล้ว พอมาเล่นในงานนี้ก็ไม่พลาดที่จะตามมาเกาะขอบเวที Boogarins เป็นวงจากบราซิล ที่มีกลิ่นอาย psychedelic ผสม experimental จนเกิดเป็นซาวด์ประหลาดๆ รวมถึงคาแร็กเตอร์ของนักร้องนำ ที่ใครเคยดูจะต้องจำได้แน่นอน แม้ว่าวงนี้จะเคยมาทัวร์อเมริกาหลายรอบแล้ว แต่ก็เหมือนจะยังไม่ดังมาก อาจเพราะด้วยภาษาที่ใช้เป็นภาษาโปรตุกีส ที่เอาจริง ๆ ทุกวันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าเพลงพูดถึงอะไร แต่ถึงไม่เข้าใจ องค์ประกอบทุกอย่างก็ยังน่าสนใจ และทำให้กลายเป็นแฟนคลับวงนี้ไปแล้ว ซึ่งรอบนี้วงมาพร้อมกับ ep ชุดใหม่ด้วย (แอบไปทักทายและชวนมาเล่นที่ไทย เป็นอีกวงที่อยากให้ได้ลองฟังกันจริง ๆ)
เพลงที่อยากแนะนำ: Tempo, Sombra ou Dúvida, Foi Mal
Ringo Deathstarr @ Hotel Vegas
วงดนตรีขวัญใจชาว shoegaze ที่หลายคนแนะนำมา จึงขอยืนดูสักหน่อย วงดนตรีสามชิ้น ที่ดูแล้วแน่นกว่าภาพที่เห็น ทำนองชวนฝัน จากที่ลองฟังมาใน audio ค่อนข้างชอบมาก แต่พอเอาจริง ๆ แล้ว อาจะเพราะด้วยซาวด์หรือเพราะอะไรก็ไม่แน่ใจ ทำให้โชว์ที่ออกมาเสียงค่อนข้างดัง กลายเป็นว่าเพลงค่อนข้างหนักเลย จากที่คิดว่าจะลอย ๆ เรื่อย ๆ กลายเป็นหนักหัว จนต้องหนีออกมาก่อน อยู่ต่อไม่ไหวจริง ๆ ไว้มีโอกาสจะขอแก้ตัวอีกรอบนะ
เพลงที่อยากแนะนำ: Kaleidoscope, Bong Load, Imagine Hearts
Combo Chimbita @ Cheer up Charlie’s
วงจากนิวยอร์กที่มีส่วนผสมของร็อกและ cumbia (เป็นแนวเพลงเต้นรำจากประเทศโคลัมเบีย) นำโดยนักร้องสาว Combo Chimbita ที่ขึ้นมาขับร้องและร่ายรำ ด้วยสำเนียงแบบผสมผสานที่แม้จะฟังไม่ออกว่าเป็นภาษาอะไร แต่รู้ได้เลยว่าต้องโยกตามไปด้วย เพราะมันสนุกมาก ๆ ลีลาการเต้นของเธอก็ชวนให้ขยับตามตลอด เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ดี ถือว่าเปิดโลกไปอีกใบเลย เพราะวงแบบนี้จะหาดูในประเทศไทยคงจะไม่มีโอกาสมากนัก
เพลงที่อยากแนะนำ: No Regreso, Esto Es Real
KOKOKO! @ Flamingo Cantina
จาก cumbia เรามาต่อที่วงจากประเทศคองโกอย่าง KOKOKO! ที่เติบโตมาจากการค่อย ๆ รวมวง ฝึกซ้อม และค้นหาเอกลักษณ์ของตัวขึ้นมาในแถบที่อยู่อาศัยของตัวเอง โดยเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นมีความน่าสนใจมาก ๆ มีการนำฝาหม้อ ขวด ปี๊ป และอีกหลายอย่างมาประยุกต์เพื่อสร้างให้เกิดเป็นเสียงดนตรี เป็นดนตรีเต้นรำแบบแอฟริกาที่ถูกนำมาปรับให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น มีความเป็นอิเล็กทรอนิกค่อนข้างชัด ผสมกับจังหวะแบบตีกะละมัง เคาะขวด แบบที่ใครฟังก็ต้องสนุกตาม จนคนดูทั้งร้านโยกตามไปด้วย ปิดท้ายคืนนี้แบบนานาชาติไปเลย
เพลงที่อยากแนะนำ: Tokoliana, Tongos’a, Azo Toke
15 มีนาคม 2562
ผ่านมาค่อนทางแล้วสำหรับเทศกาลนี้ หลังจากที่วงที่มีชื่อ แล้วเล็ง ๆ ไว้ได้ตามดูไปบ้างแล้ว จึงได้มีโอกาสตามเก็บวงที่สนใจที่เหลือ ที่เลือกๆ มาจากการลองฟังนี่แหล่ะ
Black Pumas @ Radio Day Stage
มารอดูเพราะเพลงที่แอบฟังมาก่อน ถึงหน้าเวทีวงกำลังเซตเครื่องกันอยู่ ก่อนที่จะเริ่มโชว์สักพัก ก็เห็นว่ามีผู้ชายคนนึงไล่เดินจับมือทักทายทุกคนที่มารอดู และนั่นก็ไม่ใช่ใครอื่น นักร้องนำของวงนั่นเอง ไล่เรียงจับมือทีละคน ทักทายอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส เราเองก็ได้จับมือทักทายไปกับเขาด้วย สัมผัสได้เลยว่าจะต้องเจอโชว์ที่พลังเหลือล้น ซึ่งตลอดทั้งโชว์ ก็ชวนให้คนที่นั่งข้าง ๆ ลุกขึ้นมาสนุกด้วยกัน มาเต้นด้วยกัน อีกทั้งยังประโดลงมาเต้นไปกับคนดูอีก เอ็นเตอร์เทนจนแทบไม่มีเวลาให้หยุดพักเลย เสียงนักร้องนำ Eric Burton ดีมากกกก มีความโซลอยู่ในทุกอย่าง บวกกับลีลาตลอดทั้งโชว์แล้ว ถือว่าปลุกทุกคนที่ยังคงงัวเงียในยามบ่ายได้ดีเลยทีเดียว โดย Black Pumas เป็นวงจากเมืองออสตินเอง ที่เพิ่งได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมปีที่ผ่านมาด้วย
เพลงที่อยากแนะนำ: Black moon rising, Fire
Husky Loops @ British Music Embassy
กลับมาที่บ้านอังกฤษรอบนี้ มาตามวงวัยรุ่นที่น่าสนใจอย่าง Husky Loops ที่หลายคนอาจจะคุ้นหูเพลง Everytime I Run เพราะเป็นเพลงประกอบเกมฟุตบอลอย่าง FIFA จึงถือโอกาสมาดูด้วยเลย วงสามชิ้นจากลอนดอนวงนี้ไม่ธรรมดาเลย เสียงกีตาร์กวน ๆ แปลก ๆ มาพร้อมพลังงานแบบวัยรุ่น ทำให้รู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา ไลน์เบสหนักแน่น แถมยังมี visual ที่เอามาเปิดที่ดีไซน์มาพร้อมกับโชว์ด้วยเลย ทำให้ทุกอย่างดูซิงค์ไปด้วยกันทั้งหมด เป็นอีกวงที่ติดใจจนต้องกลับไปตามฟังหลังจากงานนี้เลย (ลองไปไล่ดูเอ็มวีแต่ละตัวของวงนี้ดู, เท่เลยล่ะ)
เพลงที่อยากแนะนำ: Tempo, Everytime I run, Love you wrong
Big Phony @ Central Presbyterian Church
Bobby Choy หนุ่มเกาหลีอารมณ์ดี ผู้เติบโตมาในนิวยอร์ก ที่ชอบเขียนเพลงจากชีวิตจริงของเขาที่เจอมา เพลงของเขาคือการเล่าเรื่อง สื่อสารข้อความทั้งหมดออกมาให้มากที่สุด คู่ไปกับเสียงกีตาร์โปร่ง ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งฟังเพื่อนเล่าเรื่องชีวิตในห้องนั่งเล่น เพียงแต่ที่นี่เป็นโบสถ์อีกที่หนึ่ง ที่เปิดให้มีการแสดงดนตรีในโถงได้ บรรยากาศสวยแบบสามารถนั่งอยู่ได้ทั้งวัน (แต่ต้องมีเพลงให้ฟังแบบนี้นะ) แต่ละเพลงก่อนที่จะเล่น Big Phony ก็จะมีเรื่องเล่าต่าง ๆ ทั้งเรื่องในครอบครัว พ่อ แม่ พี่น้อง ภรรยา มีทั้งเศร้า มีทั้งเรียกเสียงหัวเราะ ก่อนที่เสียงของเขาจะขับกล่อมผ่านบทเพลงอีกที
เพลงที่อยากแนะนำ: But I Will Everyday, I Love Lucy
Yahyel @ Cheer up Charlie’s
วงอิเล็กทรอนิกจากญี่ปุ่น ที่มาพร้อมกับความเท่ในชุดสีดำสนิททั้งวง สำเนียงของ Yahyel ตั้งใจผสมผสานทำนองและเมโลดี้แบบดนตรีดั้งเดิมของญี่ปุ่นได้ด้วย และ เพิ่มความหนักแน่นเข้าไป ด้วยซินธิไซเซอร์ที่ทำให้เพลงโดดเด่นเอามาก ๆ บวกกับมือกลองมากพลัง ที่ตีได้สะใจมาก ที่ทำให้พาร์ทดนตรีนั้นเต็มความรู้สึก แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือการแสดงของนักร้องนำ ที่มีพลังเหลือล้น โยก เต้น เลื้อยไปกับพื้น กระโดดลงมาเต้นกับคนดูไปรอบ ๆ ราวกับว่าแรงไม่มีวันหมด เป็นโชว์เต็มอิ่มมาก ๆ ดีเลย
เพลงที่อยากแนะนำ: Tao, Pale, Once
Les Louanges @ Swandive
เล็งวงนี้ไว้ตั้งแต่ที่ลองฟังครั้งแรก หนุ่มฝรั่งเศสมาดกวน เพลงของเขามีความ r&b และแจ๊สนิด ๆ บวกกับภาษาฝรั่งเศสที่ฟังแล้วมีความเซ็กซี่อยู่ในตัว พร้อมกับท่าทางในการโชว์ บอกเลยว่าถ้าใครได้ดูก็น่าจะชอบเหมือนกัน โปรเจกต์นี้คือผลงานของ Vincent Roberge ที่เป็น multi-instrumentalist ในการทำเพลงของเขาเอง แต่วงที่มาเล่นด้วยก็ฝีมือดีเช่นกัน (มาดกวนเหมือนกันด้วย) นอกจากเพลงที่ชอบเพราะว่ามันชวนโยกตามแบบเบา ๆ แล้ว ลีลา ท่าทางในการเล่นกีตาร์กวน ๆ นี่แหละ ที่ถูกใจเหลือเกิน จนติดใจต้องกลับไปตามฟังที่บ้านอีกหนึ่งวง
เพลงที่อยากแนะนำ: La nuit est une panthère, Westcott, Pitou
16 มีนาคม 2562
เข้าสู่ช่วงวันท้าย ๆ ของงานแล้ว โชว์เริ่มบางตา แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ ที่ที่น่าสนใจตามบ้านต่าง ๆ อย่างคืนนี้ที่มีงานของบ้านบราซิล และบ้านอังกฤษเจ้าประจำของเราเช่นเคย
Xenia Franca @ Lucille
นักร้องสาวชาวบราซิลมาพร้อมกับดนตรีเกือบพื้นถิ่น ให้กลิ่นอายแบบแซมบ้า ทั้งเครื่องเป่า เพอคัสชั่น การร้อง ทำให้บรรยากาศของบราซิลเหมือนถูกสร้างขึ้นมาย่อม ๆ ภายในงานเลี้ยงปิดบ้านพวกเขาเองวันนี้ ผู้คนก็พาเต้นไปตามเสียงเพลงกันทั้งนั้น
Boogarins @ Lucille
มาซ้ำอีกรอบกับ Boogarins ที่มาเล่นในงานของ Brazil Music Club ด้วยในวันนี้ โชว์ของพวกเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากจากวันก่อน แต่มีการเปลี่ยนเซตลิสต์อยู่บ้างเหมือนกัน บวกกับโชว์ที่ไม่ได้มี visual และ lighting น้อยกว่างานวันก่อน ก็เหมือนจะทำให้เพลงที่เล่นดูเข้มข้นกว่าบรรยากาศไปหน่อย แต่ยังไงก็ยังถูกจริตอยู่ดี ยังคงความประหลาด ซาวด์แปลกหู สร้างความตื่นตัวให้เหมือนเดิม
Celeste @ British Music Embassy
กลับมาที่บ้านอังกฤษกันอีกครั้ง ที่วันนี้เป็นวันปิดบ้านแล้วหลังจากที่แวะเวียนกันมาหลายวัน เรามาถึงก็พบกับ สาวผมฟูเสียงดี Celeste มีความ r&b พาให้ทุกคนเพลินพร้อมโยกตามเบา ๆ เสียงเธอเพราะมากก ดูรวม ๆ แล้วมีสเน่ห์เหลือเกินครับ
เพลงที่อยากแนะนำ: Lately, Father’s Son, Both Sides of the Moon
Easy Life @ British Music Embassy
ปิดท้ายกับวง Easy Life วงป๊อป ฮิปฮอป ที่มีความเท่พอตัวเลย ด้วยสไตล์การแร็ป ผสมการเล่าเรื่องผ่านเนื้อเพลง การแต่งตัวเท่ ๆ เพลงของ Easy Life มีความเป็น multi instrument อยู่ ด้วยเครื่องดนตรีที่หลากหลาย สลับสับเปลี่ยนกันเล่นไปมา จากนักร้องที่กลางเพลงก็ยกทรัมเป็ตมาเป่า บางเพลงก็เล่นคีย์บอร์ด มือคีย์บอร์ดก็เล่นเพอร์คัสชั่นไปด้วย ทำให้โชว์ดูมีสีสันมาก ๆ เป็นวงปิดบ้านที่ดีเลย ประทับใจจนต้องกลับไปตามฟังอีกหนึ่งวง
เพลงที่อยากแนะนำ: Pockets, Nightmares, Frank
17 มีนาคม 2562
วันสุดท้ายของเทศกาล SXSW 2019 งานส่วนใหญ่เริ่มปิดไปหมดแล้ว แต่เรายังมีโอกาสได้ไปดูงานสุดท้าย ที่เป็นเหมือน closing party ของงานทิ้งท้ายกันอีกสักที
Jonathan Bree @ Palm Door
วงดนตรีภายใต้หน้ากากผ้า ที่น่าจะเห็นผ่านตากันมาบ้างใน YouTube ซึ่งพวกเขาก็ใส่หน้ากากนั้นในโชว์จริง ๆ ด้วย ใส่กันทั้งวงเลย เหมือนได้ดูละครเวทีเพราะท่าทางของนักร้องทั้งสองก็หยอกล้อกันไปด้วยตลอดทั้งโชว์ แนวเพลงฟังสบาย ๆ ชอบไลน์เบสในหลาย ๆ เพลงมาก พาให้เพลินไปด้วยตลอด แม้ว่าเสียงเพลงจะคลอบทสนาของผู้คนที่ต่างทักทาย และพูดถึงสิ่งที่พบมาภายในงานปีนี้ แต่ภาพที่ออกมาก็ดูอบอุ่น เหมือนเพื่อนหลาย ๆ คนมาพบเจอ และร่ำลากัน ช่างเป็นบรรยากาศที่ดีเหลือเกิน
เพลงที่อยากแนะนำ: You’re so cool, Say You Love Me Too, Fuck it
From SXSW to Bangkok ?
จากที่ได้ดูมาทั้งหมดทำให้เราเข้าใจ และเห็นภาพงานเทศกาลดนตรีที่ต่างออกไป อีกทั้งยังเห็นว่าสิ่งเหล่านี้สามารถเติบโตไปเป็นอะไรได้บ้าง มีผลกระทบกับสิ่งไหนได้บ้าง ทั้งในสเกลของผู้คน ไปจนถึงสเกลเมือง เกิดเป็นความร่วมมือของชุมชนขึ้นมาได้ แถมยังไม่ใช่งานที่มีเพียงดนตรี เครื่องดื่ม แต่เต็มไปด้วยความรู้ต่าง ๆ งานสัมมนา เวิร์กช็อป งานศิลปะ ภาพยนตร์ และความหลากหลายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ซึ่งแอบหวังว่างานรูปแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นในประเทศไทยสักวัน เพราะเราเองก็เริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ จากอุตสาหกรรมคอนเสิร์ต ทั้งเฟสติวัลหลาย ๆ งานที่เริ่มนำศิลปินต่างประเทศดี ๆ เข้ามา อย่าง Maho Rasop, BAMM รวมถึงเทศกาลของวงดนตรีไทยเองที่กระจายตัวอยู่รอบ ๆ เมือง อย่าง Cat Expo, Siam Music Fest, Art Ground และยังมีอีกมากมาย ซึ่งจริง ๆ แล้ว Bangkok Music City ที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้ ก็พยายามที่จะสร้างเทศกาลแบบ music + conference ให้เกิดขึ้นใจกลางกรุงเทพ ฯ เหมือนกัน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าจะมีความสนุกแบบไหนรออยู่ เราน่าจะได้เห็นอะไรดี ๆ กันอีกเยอะเลยในอนาคตที่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้