บันทึก SXSW #2 ดูวงดัง Toro Y Moi, Deerhunter แบบสด ๆ และวงไทยอย่าง My Life As Ali Thomas กับ Yellow Fang
- Story and photos by Warut Duangkaewkad
ตอนที่ 2 ของบันทึก SXSW ที่เราจะเริ่มออกเดินทางไปยังบ้านต่าง ๆ ที่มีวงดนตรีไปแสดง ซึ่งตลอดหลายวันเราก็ได้ดูวงอย่าง Toro Y Moi, Deerhunter และวงไทยอย่าง My Life As Ali Thomas กับ Yellow Fang รวมถึงได้ค้นพบวงเท่ ๆ อีกมากมาย
อ่านตอนแรกได้ ที่นี่
8 มีนาคม 2562
Light Wheel @ Dogwood Bar
จริง ๆ แล้วในวันนี้งานที่เป็นส่วน music ยังไม่เริ่ม แต่ว่าบรรยากาศรอบ ๆ เมืองเริ่มที่จะคึกคักแล้ว จึงลองมองหา showcase ที่จัดขึ้นอยู่รอบ ๆ เมืองจนมาลงตัวที่ Dogwood Bar เหมือนเป็นงานที่ทางร้านจัดเป็นประจำทุกปีในช่วงเดียวกับ SXSW แล้วบังเอิญเจอกับวงที่เป็นวงออสตินเจ้าถิ่นชื่อ Light Wheel การแต่งตัวของทั้งวงถือว่าเท่เลย มีกลิ่นอายแบบพราหมณ์ไว้หนวดผมยาว ดูแล้วรู้เลยว่าต้องมีของแน่ ๆ เพลงของวงนี้มีความผสมผสานระหว่างร็อก อิเล็กทรอนิก และ performing arts ที่นักร้องนำของวงวาดลวดลายในโชว์ให้ได้เห็น เอกลักษณ์ของนักร้องนำชัดเจนมากโดดเด่นออกมาจนคนดูสนุกตามไปด้วย ไลน์เครื่องดนตรีต่าง ๆ ดูลงตัวไปหมด มีกลิ่นอายของวง Foals จาง ๆ คิดว่าการได้ดูสดนั้นแตกต่างจาก audio มากแน่ ๆ ถือเป็นเซอไพรส์ต้อนรับแรกที่น่าประทับใจ จนรอลุ้นว่าจะเจออะไรอีกบ้างในงานนี้
เพลงที่อยากแนะนำ: The Keeper, Ein Sof
9 มีนาคม 2562
Algobabez @ British Music Embassy
ยังถือว่าเป็นวันแรก ๆ ของงานฝั่ง music จึงยังไม่มีตัวเลือกให้ดูมากนัก บ้านหลายหลังจึงถือโอกาสจัดเป็นงานปาร์ตี้เปิดตัว เราจึงเลือกมาที่บ้านอังกฤษเพราะมีคนแนะนำมาว่าวงนี้น่าสนใจ Algobabez ทำเพลงจากการ live coding ซึ่งเป็นการเขียนโปรแกรมในคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างเสียงกันสด ๆ (Fungjaizine เคยเขียนบทความถึงด้วยนะ) ‘2 babes, 2 laptops and 1 sound.’ เป็นคำนิยามที่วงบอกเอาไว้ในเว็บของ SXSW แต่วันนี้ยังมีเพิ่มมาอีกคนคือ live visual ด้วยการเขียนโค้ดเหมือนกัน จนกลายเป็น 3 คน คอม 3 เครื่อง
โชว์เริ่มขึ้นโดยมีจอฉายให้เห็นด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นบนหน้าจอคอมพวกเขาบ้าง ตัวเลข ตัวอักษรที่ดูเข้าใจยากถูกพิมพ์ขึ้นบนหน้าจอเรื่อย ๆ พร้อมกับเสียงสังเคราะห์ที่ค่อย ๆ ร้อยเรียงกันเป็นจังหวะ เสียงประหลาดที่ค่อย ๆ ไหลออกมาเรื่อย ๆ สารภาพว่าค่อนข้างรู้สึกแปลกเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ดูคอนเสิร์ตที่เป็นวง live coding แบบนี้ โดยกว่าครึ่งชั่วโมงที่เสียงดังขึ้นไม่หยุด ไม่มีการแบ่งเป็นเพลง ไม่มีเมโลดี้ติดหู แต่เสียงสังเคราะห์ทั้งหมดก็พาให้ไหลลื่น โยกตามแบบแปลก ๆ ไปด้วยได้ บวกกับวิชวลที่หมุนวนเวียนเปลี่ยนฟอร์มไปเรื่อย ๆ พอจบโชว์ก็เล่นเอาหน่วงนิด ๆ เหมือนกัน
เพลงที่อยากแนะนำ: ไม่มีเพลง แต่ลองหาดูที่เป็นการแสดงสดได้นะ
10 มีนาคม 2562
Madeline Kenney @ Facebook Arthouse opening party
วงนึงที่บังเอิญได้ดู เพราะมารอดู Toro Y Moi เธอคือนักร้องสาวที่มาพร้อมกับวงสามชิ้น เสียงร้องเพราะใช้ได้ พอบวกกับการเล่นกีตาร์ไปด้วยกันแล้วดูเท่ไปเลย เพลงของวงนี้เป็นอินดี้ร็อกที่เน้นการขับร้อง แต่ไลน์เบสที่ชัดเจน แถมยังมีมือกลองสาวที่ดูเด็กมาก ๆ อีกคน ซึ่งหากฟังเผิน ๆ อาจจะรู้สึกธรรมดา แต่ในแต่ละเพลง แต่ละท่อน จะแอบมีจังหวะเท่ ๆ แทรกอยู่ด้วย แต่ละเพลงถูกเรียบเรียงมาอย่างดีให้มีอะไรได้ลุ้นตลอด ทำให้คืนนี้รู้สึกสนุกตั้งแต่เริ่มเลย
เพลงที่อยากแนะนำ: Overhead, Cut Me Off
Toro Y Moi @ Facebook Arthouse opening party
ถือเป็นเซอร์ไพรส์โชว์อีกวงนึง ไม่คิดว่าจะได้ดูมาก่อน เนื่องจากไม่ได้อยู่ในลิสต์หลักของงานตั้งแต่แรก แต่มาเล่นในงานเปิดตัวของ Facebook Art House ที่เจ้าตัวมาร่วมแสดงงานภาพพิมพ์และจัดเวิร์กชอปด้วยตัวเอง เพราะ Chaz Bear (Toro Y Moi) นั้น นอกจากทำงานเพลงที่เราเห็นกันแล้ว ยังเป็นศิลปินและกราฟิกดีไซเนอร์ด้วย
กว่าชั่วโมงครึ่งที่เล่นเพลงแทบจะครบทุกอัลบั้ม เพลงทุกเพลงที่คุ้นหูถูกนำมาบรรเลงตรงหน้าทั้งหมด ซาวด์ดีมาก วงที่มาเล่นด้วยก็ดี ซึ่งเป็นวงเดียวกันกับที่เห็นใน mv เพลง Ordinary People ที่เพิ่งปล่อยมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน พอได้มาดูด้วยตัวเองก็สนุกแบบที่เห็นเค้าเต้นใน mv จริง ๆ โยกกันเพลินทั้งโชว์ เต้นไปยิ้มไป จนหมดเครื่องดื่มไปหลายกระป๋องเหมือนกัน แต่ไม่ต้องเสียใจไป ปลายเดือนกรกฎาคมเขาจะมาเล่นที่บ้านเราด้วยนะ
เพลงที่อยากแนะนำ: Ordinary People, Mirage, Say That, จริงๆ ได้แทบทุกเพลง
11 มีนาคม 2562
Moving Panoramas @ Empire
วงนี้ไม่ได้ดูเต็ม ๆ หรือเรียกว่าไม่ได้ดูก็ได้ เพราะกว่าจะเดินเข้าไปถึงหน้าเวทีวงก็เล่นจบซะแล้ว แต่เสียงที่ได้ยินลอยออกมาถึงถนนนั้นทำให้อดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าวงไหนเล่นอยู่ เพราะเท่าที่ได้ยินเพลงดีมาก ซาวด์ดีจนอยากเข้าไปดูกับตา เป็นเหมือนดรีมป๊อปที่ไม่ฟุ้งจนเกินไป แต่ก็นั่นแหละ ไม่ทันเวลา แต่ก็ได้วงที่น่าติดตามฟังเพิ่มมาอีกวงนึงนะ (เป็นวงเจ้าถิ่นจากออสตินเอง แอบเห็นว่าอัลบั้มติดอันดับขายดีในร้านซีดีในเมืองด้วย)
เพลงที่อยากแนะนำ: Baby Blues, ADD Heart
Deerhunter @ Mohawk
ถูกจับไปอยู่บนหัวตารางของลิสต์ ตั้งแต่เห็นชื่อในไลน์อัพของเทศกาลทีแรก วงรุ่นใหญ่ที่สะสมความเก๋ามาพอสมควร จึงพยายามจัดเวลามาดูให้ได้ ซึ่งคนก็มารอดูเยอะตามคาด ด้วยความจุของสถานที่ที่มีจำกัดทำให้เริ่มเห็นความแตกต่างของบัตรที่เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ ใครที่อยากดูแต่ไม่ใช่บัตรหลักก็ต้องรอไปก่อน ซึ่งจะได้เข้าไม่ได้เข้าก็อีกเรื่องนึง บอกเลยว่าแน่นแบบแทบไม่มีที่ยืน วงลิสต์เพลงฮิตมาแบบครบครัน จาก Helicopter, Death in Midsummer และ เพลงโปรดอย่าง Cover Me, Agoraphobia ที่ทำให้เคลิ้มจนไม่รู้ตัว ได้แต่แอบกรี๊ดอยู่ในใจ เพราะคนรอบข้างคุยกันเสียงดังมาก มีเสียงโห่ร้องไม่จำเป็น ได้แต่ทำใจเพราะด้วยความที่เป็นเทศกาลที่มีผู้คนหลากหลายทั้งคนที่สนใจดนตรีและไม่ค่อยสนใจมารวมกัน และเหมือนทุกคนทำความรู้จักกันตลอดเวลา ทำให้บรรยากาศเสียไปบ้าง เป็นปัญหาสากลจริง ๆ เฮ้อ
เพลงที่อยากแนะนำ: Helicopter, Death in Midsummer, Cover Me, Agoraphobia
Turbo Goth @ Valhalla
ความบังเอิญยามดึกเพราะแวะมาดูสถานที่ที่ Valhalla เป็นบาร์ขนาดเล็กที่ถูกดัดแปลงเป็นเวทีคอนเสิร์ตอีกที่ ดูโอ้หนุ่มสาวที่มีความปะปลาดมาก ๆ มาพร้อมซาวด์อิเล็กทรอนิกจัด ๆ มือกีตาร์ดูดีดเป็นพิเศษ หน้าตา ท่าทางออกหมด ชวนให้คึกยามดึกจริง ๆ
เพลงที่อยากแนะนำ: Short Circuit Mirage, Morning Swim
12 มีนาคม 2562
@ Valhalla
วันนี้ถือเป็นวันสำคัญเนื่องจากมี showcase จากประเทศไทยอย่าง Bangkok Music City และ Playtime Festival จากประเทศมองโกเลีย ที่มาร่วมกันแสดงใน Valhalla บาร์ขนาดย่อมแต่อบอุ่นที่ตั้งอยู่ในบ่าน Red River St. โดยนี่ถือเป็นครั้งแรกของทั้งสองประเทศที่ได้เข้าร่วมแสดงในงาน SXSW ด้วย (ขอให้มีครั้งต่อไปอีกเรื่อยๆๆๆๆ)
I Mean Us
วงดรีมป๊อป ชูเกซจากไทเป ที่ถือโอกาสมาแจมและเล่นเปิดให้กับงาน วงนี้มีส่วนผสมที่น่าสนใจดี ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย มีเพลงที่เคยได้ยินผ่าน ๆ มาบ้างอย่าง You So ที่มีเมโลดี้ให้ติดหูกันแบบง่าย ๆ แม้จะฟังครั้งแรก เสียงคอรัสก็เข้ามาช่วยเสริมความล่องลอยมากขึ้นไปอีกในเพลงช้า บวกกับซาวนด์กีตาร์ที่มีทั้งฟังง่าย มาแบบหล่อ ๆ เท่ ๆ ทำให้ตลอดโชว์ 40 นาทีนั้น แม้คนในบาร์จะยังไม่มากนัก แต่ก็โยกตามจังหวะกันได้ทุกคน ไม่รู้เหมือนกันว่าวงจากเพื่อนบ้านที่ไม่ไกลนี้ จะมีโอกาสแวะเวียนมาเล่นที่เมืองไทยบ้างรึเปล่า ถ้ามาจริง ก็แนะนำแหละ
เพลงที่อยากแนะนำ: You So, Playground Babe, Johnny the hero
Magnolian, The Lemons, The Colors
ขออนุญาตมัดรวมวงจากมองโกเลีย ที่ได้มา showcase ในงานนี้ครั้งแรกเหมือนกัน โดยมาในนาม Playtime Festival ที่เป็นเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในมองโกเลีย พาทั้งสามวงมาเล่นร่วมกันในงานนี้
Magonolian ขึ้นมาโชว์ก่อนเพื่อน ดึงบรรยากาศให้ผ่อนคลายลงหน่อย ด้วยแนวแบบอินดี้โฟล์ก เสียงกีตาร์โปร่งเป็นพระเอกของวง ทำให้มีความชิวจนชวนให้นึกถึงภูมิประเทศของบ้านเขาเลย ไม่อยากคิดว่าถ้าได้ฟังในที่ที่ถูกต้องจะเป็นแบบไหน ทุ่งกว้าง ๆ ลมเย็น ๆ นะ
เพลงที่อยากแนะนำ: Indigo, The Bride & The Bachelor, The Beach Song
The Lemons ค่อนข้างฟังง่าย ด้วยเมโลดี้ ทางคอร์ด แบบที่เดากันได้ไม่ยาก แต่ทั้งหมดถูกเรียบเรียงมาอย่างลงตัว เล่นกันแน่นมาก มีเสียงซินธ์เข้ามาช่วยให้แต่ละเพลงมีความน่าสนใจมากขึ้น ฟังแล้วนึกถึงวงอินดี้ร็อกสมัยก่อน (ซึ่งมารู้ทีหลังว่าถูกแล้ว เพราะวงก่อนตั้งกันมาตั้งแต่ 1999) มีความเก๋าและสเน่ห์แบบที่คุ้นเคยกันดี
เพลงที่อยากแนะนำ: Suuliin Uyanga, Dulguun, 1983-86
The Colors พอเริ่มดึกก็เริ่มคึก วงนี้มีความเป็นวัยรุ่นสูงมาก มีพลังงานแบบเหลือล้น ส่งมาถึงคนดูผ่านท่าทางของนักร้องนำที่โยกแทบจะทุกจังหวะ หน้าตา อารมณ์แสดงออกมาหมดในทุกคำที่ร้อง ซึ่งทำได้ดีทั้งเพลงเร็วและเพลงช้า ในพาร์ตดนตรีแอบมีลูกเล่นเล็ก ๆ ให้ฟังซ่อนอยู่เรื่อย ๆ ฟังง่าย แต่เรียบเรียงให้มีไดนามิคค่อนข้างดี หนัก เบา ช้า เร็ว เอาอยู่หมดเลย ค่อนข้างประทับใจเลยวงนี้
เพลงที่อยากแนะนำ: The Light Within, Huzuu Haashaa Tolgoi Tiishee (ชื่อเพลงจะยาวไปไหน), Mind Oddity
My Life as Ali Thomas
นอกเหนือจาก สาม วงที่ทาง NIA และ BMC ได้พามาแล้ว ใน SXSW 2019 ครั้งนี้ วงไทยอีกวงคือ My Life as Ali Thomas ก็ได้รับการคัดเลือกให้มาโชว์ในเทศกาลปีนี้ด้วย มีหลายโชว์เลย ซึ่งวันนี้ก็มีโอกาสได้มาร่วมแสดงด้วย เหมือนถูกที่ถูกเวลา เพลงของวงค่อนข้างเป็นที่ถูกใจคนดูมากเป็นพิเศษ ด้วยพาร์ทดนตรีที่มีเอกลักษณ์แล้ว เสียงร้องของ พาย ก็เหมือนสะกดคนดูภายในงานได้อยู่หมัด เรียกเสียงกรี๊ด เสียงเฮ ได้ทุกเพลง ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นศิลปินไทยมาแสดง และเปิดโอกาสที่จะก้าวต่อไปในอนาคตต่อจากนี้ด้วย
เพลงที่อยากแนะนำ: Daughter & Son, Winter’s Love, Daydreaming
Yellow Fang
มาถึงวงปิดของงาน สามสาว YF ที่วันนี้ยังมาแค่สองด้วยเหตุสุดวิสัย เลยได้พี่เท็ดดี้มาเป็นมือเบสจำเป็นไปก่อน งานนี้ค่อนข้างพิเศษเพราะได้ Jiro Endo (lighting designer ระดับตำนานวงการคอนเสิร์ตไทย) มาช่วยทำไฟ และจัดเซ็ตโชว์ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งนอกจากโชว์ของ Yellow Fang ที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว เพลงทุกเพลงถูกเล่นและชวนให้โยกตาม บวกกับแสง สี ที่เป๊ะตามจังหวะ และ อารมณ์ของแต่ละเพลง ช่วยทำให้โชว์นี้ดูเต็มตามากขึ้นไปอีก รวมถึงเพลงเอาแต่ใจ ที่แอบมีไฟสี ๆ แบบใน mv มาเปิดด้วย ที่แม้ว่าคนจะเริ่มบางตาเพราะเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบตีสอง แต่คนดูหลายคนก็ประทับใจ จนเมื่อวงเล่นเสร็จมีหลายคนที่เข้าไปทักทายพูดคุยกับวงเหมือนกัน แม่แต่ซาวด์เอนจิเนียร์ของงานยังเอ่ยปากชมเลย แม้จะหน้าเวี่ยงใส่ทีมงานมาทั้งวันก็เถอะ…
เพลงที่อยากแนะนำ: แค่เพียง, ห่มผ้า, Gang (จากโปรเจกต์ Fungjai Crossplay 3 แนะนำจริง ๆ ไม่ได้ขายของ)