Summer Sonic Tokyo 2016
- Writer and photographer : Letty and her mountain
21 สิงหาคม 2559 Summer Sonic Tokyo 2016
เป็นปกติที่ทุกคนจะตื่นตาตื่นใจกับไลน์อัพของเทศกาลดนตรี Summer Sonic ที่ญี่ปุ่น เพราะเขามักจะขนตัวท็อประดับโลกมาเล่นในงานนี้ อีกทั้งสถานที่จัดอย่างโตเกียวหรือโอซาก้าก็เป็นโลเคชันที่จะบินไปดูได้แบบไม่ลำบากจนเกินไป แต่สำหรับปีนี้ ทันทีที่ full line up ออกมาพร้อม head line เป็นชื่อ Radiohead ตัวโตนี่แหละ ที่ทำให้ตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องไปดูให้ได้ชีวิตนี้ หลังจากนั้นก็ฝากเพื่อนที่อยู่ญี่ปุ่นซื้อตั๋วให้ทันทีในเซเว่นที่นู่นแบบ one day pass คือวันอาทิตย์วันเดียวเพื่อไปดูโชว์ของ Radiohead โดยเฉพาะ ซึ่งการซื้อแบบ local จะถูกกว่า ซื้อแบบ oversea ที่ต้องกดในเว็บอยู่นิดหน่อย
โดยงานจะถูกแบ่งเป็นทั้งหมด 6 เวที 2 โซนใหญ่ ๆ ด้วยกัน คือ Marine stage, Beach stage และ Island stage ซึ่งจะอยู่ outdoor ตากแดดตากลมกันไป ส่วน Rainbow stage, Sonic stage และ Mountain stage ที่จะเป็น indoor แอร์เย็นช่ำ การวางแผนว่าจะมาดูวงไหนและเวทีไหนก่อนหลังจึงสำคัญมากเพราะเวที indoor กับ outdoor ค่อนข้างไกลจากกัน ระยะเดินก็ประมาณ 15 – 20 นาทีเลย แถมแดดที่นี่ร้อนเหมือนบ้านเราตอนกลางวันเป๊ะ ๆ ถ้าไม่แพลนเลย วิ่งไปวิ่งมา อาจจะพลาดวงโปรดไม่ก็โดนแดดเผาละลายไปซะก่อน
งานนี้ประตูเปิดตอน 9 โมงเช้า ส่วนเรามาถึงตอน 9.30 น. แค่ครึ่งชั่วโมงบรรยากาศก็ครึกครื้นแล้ว เรียกว่าคนเต็มคันรถไฟเลยจ้า แถมหน้างานเต็มไปด้วยคนต่อคิวซื้อ merchandise ของงาน ทั้งพวกเสื้อหรือผ้าขนหนู เอาจริง ๆ ว่า กว่าเราจะเดินแลก wristband เสร็จ หรือเดินงงไปงงมาภายในงานเพื่อหาเวที Marine stage ที่วง Nothing But Thieves จะขึ้นเล่นตอน 11 โมง พอหาเจอก็พอดีเวลาที่วงจะขึ้น ซึ่งวงขึ้นตรงเวลามาก ตามปกติวงนี้ก็ดูเป็นวงที่มีพลังงานเยอะอยู่แล้ว ตอนเล่นสดก็เต็มที่มาก ๆ เพลงที่เราประทับใจที่สุดก็คือ If I Get High เสียงนักร้องนำคือคนฟังนี่จะตายไปเลย emotional มาก อินเนอร์มาเต็ม แต่ส่วนตัวเลยสิ่งที่น่าเสียดายก็คือ เราอยากเห็น full set ของวง ด้วยความที่เล่นตอนกลางวันและแดดเปรี้ยง ทำให้เราแทบไม่เห็น lighting หรือ visual ของโชว์เลย แต่โดยรวมก็ยังถือว่าดูแล้วฟินอยู่ดี
หลังจากชุ่มเหงื่อไปกับ Marine stage เราเลยหอบตัวเอง วิ่งกลับมาที่เวทีฝั่ง indoor อีกครั้งเพื่อความตั้งใจแรกที่จะดู Sunflower Bean กับ Blossoms ให้ทันที่ Sonic stage แต่กว่าจะมาถึง Sunflower Bean ก็จบไปแล้ว แต่ระหว่างนั้นเห็น MØ กำลังเล่นอยู่อีกเวทีนึงคือ Mountain stage เราเลยไปยืนดูเพื่อรอเวลาดู Blossoms เอาจริง ๆ ว่าไม่ได้ตั้งใจไปดูวงนี้เลย แต่ดูไปดูมานักร้องนำคือเอาอยู่ ดีดมาก พลังงานเค้าถึงมากแบบดูแล้วสนุกสุด ๆ เรายืนดูจนวง perform จนพวกเขาลา ไปด้วยเพลง Lean On ที่เป็นเพลงฮิตของเขา พอเพลงขึ้นปุ๊ป ทุกคนคือกระโดดไปพร้อมๆ กัน ภาพที่เห็นคือสุดมาก พลังงานตรงนั้นทั้งตัววงและคนดูเสริมให้ทุกอย่างดูสนุกไปหมด
ศิลปินที่จะขึ้นต่อจาก MØ คือ Mayer Hawthorne ด้วยความติ่ง เราเลยยืนเกาะขอบรั้วไว้และตัดสินใจไม่ไป Blossoms ไปซะอย่างงั้น แต่ไม่เป็นไร เราอยากดู Mayer แบบใกล้ ๆ มากกว่า Mayer ทำโชว์มาดีมาก เล่นเพลงครบทั้งอัลบั้มเก่าอัลบั้มใหม่ The Walk, Breakfast In Bed, I Wish It Would Rain, Back Seat Lover เก๋ตั้งแต่เปิดตัวคือตั้งบาร์ไว้ที่เวที มีการจิบ Whisky ระหว่างเปลี่ยนเพลง แต่ที่แพ้ไปเลยคือตอนเล่น Do It ของ Tuxedo คนดูคือฮือฮา และกระโดดโลดเต้นมาก ๆ โดยรวม ๆ แล้วไม่ได้เป็นคอนเสิร์ตที่หวือหวาแต่มีความละมุนมาก ๆ sound ดี band perform ดี สรุปทุกอย่าง ดี!
หลังจาก Mayer ก็มาต่อที่พี่น้องตระกูล Jackson กับ The Jacksons (The Jackson 5) เปิดตัวมากับเพลง Can You Feel It แบบป๋ามาก ๆ โดยใช้ footage ของ MV เก่า ๆ ดูมีความ oldie เพลงที่เล่นก็เช่น ABC, I Want You Back, I’ll Be There คนญี่ปุ่นดูชื่นชอบวงนี้เป็นพิเศษ คนดูดูเยอะกว่าที่คิดไว้มาก ล้นมาจนจะสุดฮอลเลย โชว์รวม ๆ ดูเป็น western สุด ๆ ทั้ง costume และ visual รวมถึงการ perform ของวง เต้นกันลืมแก่เลย เป็นอีกวงที่ถือว่าโชว์สนุก เป็นอีกวงในตำนานที่ควรค่าแก่การดูมาก
ต่อจาก The Jacksons วงที่เราแพลนว่าจะดูต่อก็คือ James bay แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดู เพราะเราติ่ง Thom York มาก จนเราไปรอจองคิวเข้าไปใน Marine stage ซึ่งถือเป็นเวทีที่ใหญ่ที่สุดของงาน จัดอยู่ใน Marine stadium การแบ่งโซนในสนามจะแบ่งเป็น 2 โซน นั่งบนอัฒจรรย์ กับยืนด้านล่างบนสนาม เราตัดสินใจว่าถึงแม้คนจะเยอะแค่ไหนก็จะเบียดไปให้เห็นหน้าลุงธอมแบบใกล้ที่สุดที่จะเป็นไปได้ แต่เอาจริง ๆ คือข้างบนที่นั่งก็ค่อนข้างเต็มเกือบหมดแล้ว เดินเข้าไปคือตกใจอะ คนเยอะมาก แบบเราไม่เคยเห็นคนมาดูคอนเสิร์ตเยอะขนาดนี้มาก่อน วงก่อนหน้าที่ Radiohead จะขึ้นคือวงญี่ปุ่น แต่เราอ่านชื่อวงไม่ออก โดยรวมแล้วก็สนุกดี คนญี่ปุ่นดู enjoy และร้องตามได้กันเกือบทุกคน
พอวง local ของญี่ปุ่นเล่นจบยังไม่ทันจะเก็บของดี ก็เกิดการเบียดระหว่างคนดูเพื่อเข้าหน้าเวทีกันแบบโหดร้ายมาก คือตัวเราโดนเบียดจนได้เข้าไปใกล้ขึ้นมาก ๆ โดยไม่ต้องพยายามอะไรเลย หน้าเวทีคือไหล่ชนไหล่ พื้นที่คือพอดีตัวเป๊ะแบบไม่ต้องขยับไปไหน แน่นจนหายใจแทบไม่ออก แต่เราก็ทนเพื่อลุง และเวลาที่รอคอยก็มาถึง แค่วงขึ้น set up ทั้งสนามก็เงียบจนขนลุก คนดูดูใจจดใจจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามาก ๆ มีแต่เสียง ambient บัลลาดเปิดคลอมาเรื่อย ๆ ยิ่งทำให้บรรยากาศตรงนั้นดูขลังขึ้นไปอีก หลังจากเลยเวลาเล่นมาแปปนึง วงก็เปิดตัวด้วย Burn The Witch คนดูเฮกันลั่นสนาม ตามมาติด ๆ ด้วย Daydreaming ระหว่างเปลี่ยนเพลง ลุงทอมพูดภาษาแปลก ๆ คือตั้งแต่พูดมายังฟังไม่ออกเลยสักคำว่าลุงแกพูดอะไร เหมือนจะเลียนเสียงคนดูที่ตะโกนขึ้นไปบนเวที บางทีก็หัวเราะในลำคอออกไมค์ หรือไม่ก็งึมงำอะไรสักอย่าง เพลงใน set list ส่วนมากก็จะเป็นเพลงในอัลบั้มใหม่ที่มีความล้ำแบบ ล้ำาาาาา จนพอถึง No Surprises ทุกคนก็ร้องตามกันกระหึ่ม แบบ ดีมากกกก เราดูจนเกือบจบถึง Let Downแล้วเราก็ออกมาเพราะไม่ไหวแล้ว คนแออัดและเบียดมาก ๆ
แต่เดี่ยวก่อนมันยังไม่จบ.. ความพีคคือลุงแกเล่น Creep! แต่ตอนนั้นไม่รู้เพราะที่โอซาก้าไม่เล่น! มีความ fail นิดหน่อยเพราะในใจก็แอบอยากดู แต่ก็รู้สึกคุ้มค่ามาก ๆ แล้ว ได้เห็นวงเล่นใกล้มากและได้ดูเพลงอื่น ๆ พร้อม sound กับ visual ทุกอย่างคือสุด คือพีค คือดี ส่งให้ Radiohead ดูเท่กว่าเดิมมาก ๆ เอาคะแนนไป 100/10 พอออกมาหน้าประตูที่ตกใจคือมีคนจำนวนหนึ่งเลยที่ไม่มีบัตรแต่มายืนรอฟังวงเล่นจากข้างนอก และทุกคนดูตั้งใจฟังกันจริง ๆ
สิ่งที่เราประทับใจนอกเหนือจากการได้มาดูวงที่เราอยากดูแล้ว คือ culture การฟังเพลง ดูคอนเสิร์ตของคนที่นี่ ในงานคือมีคนหลากหลายอายุมาก ๆ มีตั้งแต่เด็กเล็ก วัยรุ่น วัยทำงาน และวัยผู้ใหญ่ ที่สำคัญคือทุกคนดูสนุกกับดนตรีมาก ๆ และดูตั้งใจมาฟังเพลงจริง ๆ ประทับใจ ถ้าโอกาสหน้าไม่ติดอะไรก็จะขอกลับไปสัมผัสบรรยากาศแบบนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน